ตอนที่ 485 คลื่นพลังเย็น
“ถ้าอย่างนั้นข้าจะนำทัพใหญ่บุกตะลุยกลุ่มดาวเซกซ์แทนส์!”
ปิงย้อนคำพูดของถังเทียน “หึหึ อำนาจล้นฟ้าจริงๆ นะ พวกที่ไม่รู้อาจจะคิดว่าเรามาจากสิบสองตำหนักระนาบสุริยุปราคาได้ ฟังนะ นี่คือการกวาดล้างโลก ใครคล้อยตามข้า.รอด ใครขวางข้า..ตาย!”
ถังเทียนเอียงหัวฟังลุงปิงเทศนา เขาสงบใจได้แล้ว จากนั้นก็ตระหนักถึงความหุนหันพลันแล่นของตนเอง
“ตอนนี้มีแผนอะไร? อา.. เราสิ้นเปลืองความพยายามไปมากมายสำหรับแผนและตอนนี้มันพังปี้ป่นไปแล้ว สิ้นเปลืองพลังงานมากมาย แต่เจ้าทำงามหน้าจริงๆ ถึงกับกำจัดลูกชาวบ้านตรงๆ! ถ้าเรารู้เร็วกว่านี้ เราคงนำกองทัพมาแล้วอย่างไรก็ตามเจ้ามันมือพิฆาตมนุษย์อยู่แล้ว ไม่ได้มีชื่อเสียงที่ดีเลย...”
ปิงพล่ามน้ำลายแตกฟองไปทั่ว เขาโกรธและผิดหวัง
“พอทำอย่างนี้เรา แล้วเจ้าจะให้เราทำยังไง? อา..ก็แค่เรื่องเล็กและเจ้าต้องฆ่าให้เลือดนองเป็นลำธารใช่ไหม? ถ้าเจ้าไม่พอใจ อย่างนั้นก็แค่พาคนกลับมาฆ่าพวกเขาสินะอา.. ทำไมเจ้าจะต้องสำนึกด้วยในเมื่อเจ้ารู้สึกชอบเหยียบย่ำทำลายทุกอย่าง เขาเป็นลูกของเซียนนักสู้ เจ้าคือเจ้ากลุ่มดาว เป็นพญาหมี เฮ้ได้โปรดเถอะ ช่วยระมัดระวังสถานะของเจ้าบ้างได้ไหม? เขาเป็นแค่มดตัวเล็กจะเหยียบเมื่อไหร่ก็ตายทุกเมื่อ ทำไมเจ้าต้องเผยทุกอย่างของเจ้าให้พวกเขาเห็นด้วย? แค่เสนอรางวัลใครก็ลอบฆ่าเขาได้ ใครจะรู้ว่าเจ้าเป็นคนฆ่าเขา?”
หน้าของถังเทียนเต็มไปด้วยความรู้สึกไร้เดียงสา “ข้าไม่คิดจนไกลเกินไป”
หยาหยานั่งอยู่บนไหล่ซ้ายของถังเทียนมันนั่งท่าเดียวกับถังเทียน หน้าอวบใหญ่เต็มไปด้วยท่าทางไร้เดียงสา
พอเห็นทั้งตัวใหญ่ตัวเล็กทำหน้าไร้เดียงสากันหมดปิงไม่รู้จะพูดยังไง
เสี่ยวเอ้อถือร่มของมันและหมุนร่มอย่างแข็งขันทุกการหมุนจะเพิ่มรังสีของสัญญาจิตวิญญาณยุทธ ในอดีตเมื่อถังเทียนใช้การลงชื่อในสัญญาจิตวิญญาณยุทธ จำเป็นต้องใช้พลังงานบางส่วน แต่ตอนนี้แค่ส่งเรื่องให้เสี่ยวเอ้อจัดการ มันไม่จำเป็นต้องเพ่งอะไรแม้แต่น้อย
ปิงร้ายกาจและเจ้าเล่ห์ เขาคิดหาแนวคิดที่เจ้าเล่ห์ขอให้ทุกคนลงชื่อในสัญญาจิตวิญญาณยุทธ จากตรงนั้นจะไม่มีใครกล้าเปิดเผยข่าวใดๆ ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ผู้คนที่เห็นทุกอย่างและตกใจกับพลังที่น่ากลัวของถังเทียนยอมเชื่อฟังลงนามในสัญญาจิตวิญญาณยุทธ
ปิงคิดว่าคนโง่อยู่ต่อหน้าเขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “อย่าทำตัวแบบบนั้น ผู้นำต้องมีความยืดหยุ่น ไม่ว่ายังไงก็ตามตอนนี้เจ้าเป็นเจ้าคนนายคนแล้ว ต้องรักษาภาพพจน์เอาไว้ ถ้าเจ้าไม่มีความอดทนบ้าง ต่อไปเจ้าจะทำให้โลกสงบได้ยังไง?”
“ทำไมข้าต้องทำให้โลกสงบด้วย?” ถังเทียนถามด้วยสีหน้าสงสัย
ปิงทำหน้าเบื่อหน่ายคิดเรื่องแนวความคิดของคนโง่ที่ไม่เกี่ยวกับการได้เป็นผู้มีอำนาจ เขาคงทำได้แต่เพียงเปลี่ยนหัวข้อคุย “ก็ได้ แล้วเจ้าจะไปหาเชียนฮุ่ยได้ยังไง?”
“ลุงกำลังบอกว่าข้าไม่สามารถหาเชียนฮุ่ยได้หรือ?” ถังเทียนโกรธลุกขึ้นยืนทันที “ลุง ต้องการทะเลาะด้วยใช่ไหม?”
เขาพูดผิดเรื่อง! ปิงเห็นว่าดูท่าไม่ดีดังนั้นเขายกมือทั้งสองและพูดด้วยความมั่นใจและเด็ดขาด “เชียนฮุ่ยเป็นของเจ้าอยู่แล้ว!”
ถังเทียนผ่อนคลายทันที “ฮ่าฮ่า ลุงลุงก็บอกได้ใช่ไหม? ถังโฉ่วบอกว่าลุงเป็นผู้บัญชาการที่มีชื่อเสียง เขาพูดถูกจริงๆด้วย”
ปิงคิดว่าแผนแรกแย่เกินไปพาเจ้าโง่นี่มาปลอมตัว เขาควรจะรู้เร็วกว่านี้ แม้แต่ศิษย์ของเฉินหวี่เองก็อาจเชื่อถือได้บ้างเล็กน้อย เมื่อเห็นหลายอย่างที่เกิดขึ้นเขาประเมินเจ้าโง่นี่ไว้สูงเกินไป และนั่นทำให้แผนยิ่งใหญ่ล้มเหลวไม่เป็นท่า
ปิงลอบตำหนิตัวเอง ในฐานะผู้บัญชาการเขาไม่ควรทำข้อผิดพลาดเช่นนั้น
“ตอนนี้ เอาไงดี?” ปิงตัดสินใจโยนคำถามให้ถังเทียนปล่อยให้เจ้าโง่นี่ค้นหาด้วยตัวเองว่าจะได้ดวงตาเซกซ์แทนส์มาได้ยังไงนั่นคืองานค่อนข้างยาก
ถังเทียนเอียงศีรษะครุ่นคิดอยู่ครึ่งค่อนวันก่อนจะพูด “ยกทัพมากวาดล้างกลุ่มดาวเซกซ์แทนส์ให้ราบ”
ปิง “...........”
“ลุง, ลุงไม่รู้สึกว่าวิธีนี้ดีบ้างหรือ?” ถังเทียนถามอย่างกระตือรือร้น “พวกเขามีเซียนนักสู้เพียงสามคน เรามีคนตั้งมากมาย ต่อให้จับชางหยางหวี่ได้เราจะไม่ได้ดวงตาแห่งเซกซ์แทนส์หรือ?”
“เจ็ดดาวเหนือยังมีการต่อสู้ติดพันอยู่ กองทัพอยู่ที่ไหน,หลิงซิ่วอยู่ที่ไหนและจิ่งหาวเล่า? เราจะไปเอาทหารมาจากไหน?” ปิงย้อนถาม
“นั่นก็จริง” ถังเทียนชำเลืองมองด้วยความเป็นห่วง
ปิงแนะนำอย่างอดทน “คิดอย่างระมัดระวัง ยังมีวิธีอื่นอีกไหม?”
ถังเทียนคิดอยู่ชั่วขณะ ตาของเขาเป็นประกายทันที “ใช่แล้ว ข้ามีวิธีหนึ่ง!”
ปิงมีความกระตือรือร้นเพิ่ม เขาพูดกับตัวเองในใจ ในที่สุดเจ้าก็เข้าใจแผนการที่ข้าเตรียมเป็นทางเดียวที่เป็นไปได้ เขายังรักษาหน้าไพ่ไว้ได้ “เจ้าคิดคิดออกแล้วหรือ?”
ความตั้งใจสู้ของถังเทียนพุ่งขึ้นสูง ดวงตาทั้งสองเป็นประกาย “เราจะนำกองทัพน้อยย่ำยีกลุ่มดาวเซกซ์แทนส์”
ปิง “............”
“ข้า, ลุง, หยาหยา, เสี่ยวเอ้อเราสามารถพาลุงขลุ่ยวิเศษ, ลากเหลียงฟงมาด้วย เราก็มีกองทัพน้อยแล้วและบุกกันซึ่งหน้าที่หน้าประตู เซียนบรอนซ์สามคนไม่มีอะไรมาก” ถังเทียนชี้หัวแม่มือมาที่คอของเขาและทำท่าเชือด เขาไม่สามารถรีรอสำหรับการสังหารหมู่ได้
“อย่างนั้นเรื่องคนอื่นเล่ามีคนมากมายคอยสังเกตดูเสือกัดกันในความมืด” ปิงกล่าวเบาๆ
“นั่นก็ใช่เลย!” ถังเทียนเกาศีรษะ หลังจากนั้นชั่วขณะนัยน์ตาของเขาเป็นประกายแรงกล้าอีกครั้ง “โอวใช่แล้ว เราก็แค่ทำเหมือนเมื่อก่อน นั่นก็ดีเอง”
ปิงมองดูถังเทียนและพูดไม่ออก เจ้าโง่นี่แสบคนจริงๆ
ของอยู่ในมือของคนอื่นๆ จะให้ทำยังไง? ชิง?
แล้วจะเป็นยังไงถ้าฝ่ายตรงข้ามแข็งแกร่งมาก? พาคนไปปล้นด้วยกันน่ะหรือ
จะเป็นยังไงหากมีคนอื่นจับตามองของอย่างเดียวกัน? พาคนไปมากๆ เพื่อชิงทรัพย์ให้ได้ก่อนคนอื่น?
มันเป็นวิธีทื่อง่ายเกินไป ไม่มีการสู้กันเชิงกลยุทธ ไม่มีคำถามต้องมานั่งพิจารณากันเลย
จริงๆ เลยการไปไหนกับเจ้าเด็กนี่ทำให้ข้าลำบากขึ้นจริงๆ
“ข้าช่างโง่จริงๆ” ปิงส่ายศีรษะ
ปรึกษาสนทนาเรื่องประเทืองปัญญากับคนโง่ทำให้ข้ารู้สึกอดสูจริงๆ
ปิงคิดมากยิ่งกว่าถังเทียนการฝืนเลือกใช้แนวคิดที่โง่ควรเป็นทางเลือกสุดท้ายกลุ่มดาวหมีใหญ่ในตอนนี้ต้องการเวลาคลี่คายปัญหาภายในกลุ่มเจ็ดดาวเหนือและต้องการเวลากลืนดวงดาวนี้ขอเพียงแต่กลุ่มดาวหมีใหญ่ยกระดับพลังได้ไปอีกระดับและไม่ใช่เวลาที่ดีที่จะแสดงความก้าวร้าวส่วนตัว เนื่องจากจะเป็นเหตุให้กลุ่มดาวอื่นรู้สึกลำบากใจและทำให้กลุ่มดาวหมีใหญ่ถูกแยกออกจากทุกคนอย่างรวดเร็ว
เราจะต้องลงมือทำด้วยตัวเราเอง..
ปิงส่ายหัว และจ้องมองอย่างลึกซึ้ง
มีคนทั้งหมด 79 คนสัญญาจิตวิญญาณยุทธสำเร็จ ทุกคนมีสีหน้าแตกต่าง บางคนตกใจ บางคนอึดอัด บางคนคาดหวัง
นักสู้ระดับทองถูกถังเทียนตัดขาดออกไป พลังของถังเทียนอยู่ในระดับเซียนแน่นอน การยอมแพ้เซียนนักสู้ไม่ใช่เรื่องน่าอาย แต่สำหรับหลายคนไม่มีความสงสัยเรื่องโอกาส
พวกเขาทุกคนเป็นศิษย์ชั้นนอกไม่ว่าเรื่องพรสวรรค์หรือภูมิหลัง พวกเขาไม่มีทางเทียบกับศิษย์ชั้นในได้และอนาคตของพวกเขายังคงมีจำกัด อย่างไรก็ตามหลังจากสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้พวกเขาเห็นความหวังใหม่
“นายท่านทั้งสอง จะทำยังไงกับศพ?”หน้าของติงเฉินซีดด้วยความกลัว ขณะที่เขาถามด้วยความกังวล เขาเข้าใจชัดแล้วเขาตกกระไดพลอยโจนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แท้จริง
เขาไม่เข้าใจภูมิหลังของเจ้านายทั้งสองชัดนัก แต่เข้าใจชัดว่าทั้งสองนี้มีอิทธิพลใหญ่มากเขาเชื่อเพียงเรื่องเดียวว่าหัวใจอาโฉ่วอ่อนโยนมากกว่าหลี่เหลียงชิวมากหลังจากเห็นพฤติกรรมของอาโฉ่วกับตาตนเองระหว่างเดินทาง ในสายตาของเขาความแข็งแกร่งและสถานะของอาโฉ่วที่เขาต้องการไม่ใช่สินบนหรือความจงรักภักดี ทุกอย่างที่เขาทำล้วนออกมาจากใจ
ปิงมองดูศพที่พื้นทั้งหมด สมองของเขาคิดอย่างรวดเร็ว แม้ว่าจะมีเหตุให้เปลี่ยนแผนใหญ่แต่ด้วยสัญญาจิตวิญญาณยุทธและการรวมคนก็จะไม่มีข้อมูลเรื่องที่เกิดขึ้นรั่วออกไปแต่อย่างใด
ปัญหาใหญ่ตอนนี้คือศพ
การกำจัดหลักฐานเป็นเรื่องจำเป็น แต่แม้ว่าหลักฐานถูกกำจัดออกไปก็ยังนำไปสู่ข้อสงสัย ภายใต้ภารกิจเช่นนี้ เมื่ออีกฝ่ายหนึ่งสงสัย ก็หมายความว่าอีกฝ่ายหนึ่งจะเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้นและจะทำให้พวกเขาเสียเปรียบ
พวกเขาจะกำจัดข้อสงสัยได้อย่างไร?
นี่เราต้องฟังเจ้างี่เง่าและใช้กองทัพบุกกลุ่มดาวเซกซ์แทนส์จริงๆหรือนี่
ถังเทียนไม่คิดอะไรมากมาย เขาเห็นว่าปิงไม่เห็นด้วยกับความคิดของเขา เรื่องหักเหลี่ยมชิงไหวพริบถังเทียนรู้ว่าเขามิอาจเทียบกับลุงปิง สมองของลุงปิงฉลาดกว่าเขามาก
เขารู้แต่เพียงว่าเขารับผิดชอบเรื่องสู้และทันใดนั้น เขายืนขึ้นและมองไปยังตำแหน่งยอดเขา
ปิงสังเกตว่าถังเทียนมีท่าทางแปลก “เกิดอะไรขึ้น?”
“มีเสียงแปลกๆ” ถังเทียนพึมพำ เขาทะยานขึ้นไปในท้องฟ้าและโดดขึ้นไปบนยอดเขา
ปิงตามและโดดขึ้นไปโดยไม่พูดอะไร
ติงเฉินสีหน้าเปลี่ยนหรือว่าจะเป็นกำลังหนุน? เขาลังเลกัดฟันและโดดขึ้นไปบนยอดเขา
“นั่นอะไรเหรอ?” ถังเทียนชี้ไปที่เส้นสีน้ำเงินระยะไกลและถามด้วยความสงสัย
ติงเฉินเพิ่งจะลงกับพื้นได้ มองดูจุดที่ถังเทียนมอง..สีหน้าของเขาซีดขาวทันที เขาพูดเสียงสั่น “คะ..คลื่น... คลื่นพลังเย็น....”
ถังเทียนและปิงก็ตะลึงเช่นกัน คลื่นพลังเย็น? นี่คือคลื่นความเย็นที่ทำให้ผู้คนสีหน้าเปลี่ยนเมื่อใดก็ตามที่พวกเขาได้ยิน?
ต้องเป็นเรื่องบังเอิญมาก....
เส้นสีฟ้าบินเข้ามาอย่างรวดเร็วในพริบตาจากเส้นบางๆ ก็เปลี่ยนเป็นเกลียวคลื่นที่กราดเกรี้ยว สนามฝึกฝนและเมืองในพื้นที่สามสิบลี้ตกอยู่ในความวุ่นวาย
ถังเทียนและปิงตกตะลึง ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจสาเหตุที่ติงเฉินและพวกที่เหลือถึงกลัวคลื่นความเย็นนัก
คลื่นความเย็นสีน้ำเงินเหมือนกับคลื่นทะเลที่เกรี้ยวกราดโถมใส่ไปตามพื้นลานหิมะทำลายทุกอย่าที่ขวาง ในคลื่นที่เกรี้ยวกราดสีน้ำเงินคลื่นความเย็นที่หนาแน่นจะมีแท่งผลึกน้ำแข็งหมุนปั่นอยู่ภายในคลื่นด้วยความเร็วที่น่าทึ่ง
ต้นไม้และหินที่ถูกคลื่นที่บ้าคลั่งกลืนจะแข็งกลายเป็นน้ำแข็งและจากนั้นก็แตกเป็นเสี่ยงๆถูกบดปั่นกลายเป็นผงสีน้ำเงินอยู่ในคลื่นที่เกรี้ยวกราดนี้
ทุกคนมองดูคลื่นกราดเกรี้ยวน่ากลัวอย่างว่างเปล่า คลื่นประหลาดสามารถทำลายสรรพสิ่งในทางที่มันผ่านไป
“หนี!”
ถังเทียนเป็นคนแรกที่ตั้งสติได้ สัญชาตญาณเหมือนสัตว์ป่าของเขาแสดงความได้เปรียบสุดยอดออกมา เขาหันหลังและวิ่งลงไปข้างล่างทันที
ปิงก็ตื่นจากภวังค์ด้วยเช่นกัน
ติงเฉินที่กลัวจนหน้าซีดอยู่แล้วตะลึงอยู่กับที่เป็นเวลานาน ก่อนที่เขาจะกลิ้งตัวและคลานมาสมทบ เขารีบบอก “นายท่าน มีถ้ำน้ำแข็งอยู่ที่นั่น
“นำทาง!”ในอากาศ ถังเทียนยังลงมาไม่ถึงพื้น แต่ออกคำสั่งโดยไม่ลังเล
ทันทีที่เขาสัมผัสพื้นถังเทียนจับเชือกที่พื้นที่ไว้แน่น “ทางไหน?”
ติงเฉินมองดูถังเทียน เขากล้ำกลืนสิ่งที่เขาต้องการพูดและชี้ไปข้างหน้า “ที่นั่น!”
“ทุกคน, วิ่งไปที่นั่น! เร็วเข้า!” ถังเทียนตะโกน ตาของเขาแดงเต็มไปด้วยความโกรธ กล้ามเนื้อเขาเกร็งหายใจแรง จับเชือกแน่น เขาลากคนทั้งเจ็ดวิ่งอย่างบ้าคลั่ง
คนทั้งเจ็ดตาแดงขณะที่พวกเขาจับเชือกอย่างแน่นหนา
คลื่นความเย็นส่งเสียงหวีดหวิวโหยหวนดังใกล้เข้ามาทุกที เสียงนั้นทำให้ทุกคนชาจนถึงหนังศีรษะเสียงที่เหมือนเสียงแห่งความตาย
ทุกคนรู้ว่าพวกเขาต้องฝืนตนเอง รวบรวมพลังทั้งหมดวิ่งไปข้างหน้าอย่างบ้าคลั่ง
คลื่นความเย็นใกล้เข้ามาทุกคน เงาใหญ่ทมึนค่อยๆ ล้อมคลุมพวกเขาช้าๆ