ตอนที่ 483 เหล่าร้าย
“นี่คือช่วงเวลาที่ข้าคาดหวังที่สุดทุกปี! การสั่งสอนเด็กใหม่คือหน้าที่ของเรารุ่นพี่” บุรุษที่กล่าวมีผมสีทองหน้าของเขามีรอยยิ้มชั่วร้าย ชุดคลุมของเขาโบกสะบัดราวกับผู้กล้า
“เสี่ยวจินมองดูจากท่าทางเจ้า ข้ารู้ว่าเจ้าชอบรังแกเด็กใหม่ไม่เลือกหน้าอย่างแท้จริง” คนที่พูดมีร่างกายกำยำ ในมือมีดาบยาวบางอยู่เล่มหนึ่ง หน้าของเขามีรอยยิ้มถือดี
“โธ่เอ๊ย,มู่เหล่าซาน เจ้าไม่ชอบเหรอ? ทำไมเจ้าไม่ร่วมด้วยเล่า?” เสี่ยวจินแย้ง
มู่เหล่าซานดุ “ไม่มีข้าแล้วพวกเจ้าทุกคนจะสั่งสอนพวกเขาได้ดียังไง?”
“เอาเถอะน่า,มู่เหล่าซาน!” ใครบางคนตะโกน “จะมีหรือไม่มีเจ้าก็ตาม มันก็เหมือนกันนั่นแหละ การต่อสู้ต้องให้เจ้าตัดสินตั้งแต่เมื่อไหร่?”
เมื่อเห็นทุกคนมีความกระตือรือร้นมากคุณชายที่เป็นผู้นำแค่นเสียงอย่างถือดีและเย็นชา เขาก้มหน้ามองดูกระรอกหิมะขาวในมือของเขา เขาคือหัวหน้ากลุ่มนามว่าหลี่เหลียงชิว สถานะของเขาพิเศษ เนื่องจากเป็นบุตรชายของหลี่รั่วหนึ่งในสามเซียน พลังของเขาลึกล้ำมาก
หลี่เหลียงชิวมีพลังที่โดดเด่นแม้จะอายุเยาว์ก็ตามนอกจากนี้คนหนุนหลังของเขาแข็งแกร่งอย่างมาก ในดินแดนหิมะ มีคนน้อยมากที่กล้าต่อต้านเขา
ร่างๆหนึ่งกระพริบก็พุ่งวาบไปข้างหน้าเหมือนสายฟ้า เขาตื่นเต้นมาก “พวกเขากำลังมาห่างจากนี่ราวๆ 20 ลี้!”
ทุกคนยืนจ้องสายตาของพวกเขาทุกคนจ้องมองดูหัวหน้าที่กำลังเล่นกับกระรอกหิมะ
“รุ่นพี่หรือไม่ก็ไม่ต้องพูด แต่ให้สั่งสอนกันด้วยหมัด!” หลี่เหลียงชิวพูดเย็นชาโดยไม่เงยหน้า “พวกมันจะให้ความเคารพพวกเจ้ามากแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับว่าพวกเจ้าสั่งสอนพวกมันได้มากแค่ไหน พวกเจ้าอย่าเป็นเหมือนเมื่อปีที่แล้วดีกว่า เกือบขายขี้หน้า”
คำพูดสุดท้ายทำให้พวกเขาทุกคนหน้าแดง
ในทุกปีสำหรับศิษย์ใหม่รุ่นพี่จะเตรียมการโจมตีที่น่าทึ่งเพื่อสั่งสอนเด็กใหม่ พื้นลานหิมะเดิมทีจัดเตรียมไว้สำหรับเป็นพื้นที่ฝึกฝน พวกเขาประจำการอยู่ที่นั่นและเมื่อผ่านไปแต่ละวันจะน่าเบื่อมาก พอมีการก่อกวนศิษย์ใหม่ทุกคนกระตือรือร้นขึ้นและคลื่นความเย็นยังเป็นปัญหาต่อหลี่เหลียงชิวแต่แผนของเขานั้น พวกเขาสามารถแก้ปัญหาได้หมด
คนหนุนหลังหลี่เหลียงชิวทรงอำนาจทำให้คนในสำนักทำเป็นตาบอด
ศิษย์ใหม่เผชิญหน้ากับการโจมตีที่น่าทึ่งของศิษย์สำนักชางหยาง ด้วยพลังของพวกเขาซึ่งลึกล้ำและเชื่อมโยงกันก็คงพ่ายแพ้เต็มที่ แต่เมื่อปีก่อนยกเว้นเนื่องจากมีศิษย์ที่แข็งแกร่งมากอยู่ในกลุ่มศิษย์ใหม่และเขามีชื่อเสียงโด่งดังมากเขาคือไป่อี้ ในที่สุดพวกเขาต้องใช้แรงค่อนข้างมากจึงจะเอาชนะการต่อสู้ได้
หลี่เหลียงชิวไม่ได้ร่วมการต่อสู้นั้นและหลังจากนั้น เขาระบายความโกรธและสั่งสอนเสี่ยวจินและพวกที่เหลือ
การขุดคุ้ยเรื่องเก่าขึ้นมาหลี่เหลียงชิวต้องการจะทำให้พวกเขาอาย
“ออกไปได้” หลี่เหลียงชิวไม่ใส่ใจมองดูพวกเขา สีหน้าของเขาเฉื่อยชา
**********
ทั่วทั้งกลุ่มสูดหายใจลึก หลายคนมีสีหน้าน่าเกลียด ขณะที่ใช้ปราณแท้ของพวกเขาป้องการคลื่นความเย็นและจากนั้นใช้วิชาตัวเบาสำหรับพวกเขาไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่ายๆ แน่นอน
“ทุกคน, พยายามให้ดีที่สุด!”
“ขอให้ชัยชนะเป็นของพวกเจ้าในท้ายที่สุด”
“อย่ารั้งท้ายนะ”
“หนุ่มชาวฟ้า ไป ไป ไป!”
ไป่อาโฉ่วยังส่งเสียงให้กำลังใจต่อไป
เสี่ยวหมิงฉีกัดฟันและพยายาม ใจของเขาเริ่มว่างเปล่าและเพียงแต่เสียงของไป่อาโฉ่วดังเข้ามาถึงในใจเขา มันคือเสียงเตือนให้เขาต้องพากเพียร
ตอนแรกเมื่อไป่อาโฉ่วเริ่มตะโกนให้กำลังใจ ทุกคนประหลาดใจ
เสี่ยวหมิงฉียังคงคิดว่าเป็นคนอัปลักษณ์นี่ก็ดีเหมือนกันสนุกกับการโอ้อวดและยังซุ่มซ่ามมากอย่างนั้น เขาปัญญานิ่มหรือเปล่า?คนที่เหลือกำลังคิดอย่างเดียวกันในเรื่องเดียวกัน หลายๆ คนได้แต่กรอกตา เจ้าเด็กบ้านี่ไม่เพียงน่าเกลียดเท่านั้น แต่สมองของเขายังชำรุดอีกด้วย...
แต่เมื่อเวลาผ่านไปไม่มีใครล้อเขาอีกต่อไป
พวกเขาไม่มีแรงพอจะล้อเขา อาโฉ่วตะโกนเสียงดังและกระตือรือร้นจนไม่มีความตื่นเต้นอยู่ในใจพวกเขาต่อไป แต่เมื่อพวกเขาหมดเรี่ยวแรง เสียงตะโกนทำให้พวกเขามีความพยายาม..
และ...
เสี่ยวหมิงฉีชำเลืองมองถังเทียน ถังเทียนเปลือยร่างท่อนบนและดึงเชือกออกมาหลายเส้น ปลายเชือกทุกเส้นผูกเข้ากับนักสู้คนหนึ่งที่หมดสติไปเนื่องจากหมดแรง
ร่างกายของเขาหลั่งเหงื่อและระเหยเป็นไอ กล้ามเนื้อของเขาตึงขณะที่เขาดึงนักเรียนอีกเจ็ดคน
แววนับถือฉายผ่านในดวงตาของเสี่ยวหมิงฉีการสนทนาระหว่างถังเทียนกับศิษย์สำนักมวยชางหยางรุ่นพี่ พวกเขาได้ยินอย่างชัดเจน
“เจ้าไม่จำเป็นต้องช่วยพวกเขา สวะพวกนี้ไม่มีคุณสมบัติเข้าพื้นที่ฝึกฝน ปล่อยให้พวกเขาตายอยู่บนถนนนั่นแหละ”
อาโฉ่วมองดูเขาและพูดแค่เพียงคำเดียวว่า“ไม่”
หลังจากนั้นเขาลากนักสู้ที่หมดสติและวิ่งต่อไปอย่างบ้าคลั่ง
ไม่มีใครมองอาโฉ่วเป็นปฏิปักษ์อีกต่อไป การกระทำของถังเทียนทำให้ทุกคนรู้สึกอบอุ่นใจในท่ามกลางพื้นหิมะ ทุกคนกำลังคิดว่าแม้ว่าพวกเราจะสลบ พวกเราก็คงไม่ถูกทอดทิ้งแน่
หัวหน้าศิษย์ที่นำทางยกย่องความแข็งแกร่งเหมือนสัตว์ร้ายของอาโฉ่วไม่หยุด เขาไม่ตายจากการวิ่งได้จริงๆ
ถังเทียนไม่คิดอะไรมาก สำหรับเขาเป็นเรื่องปกติ เขารู้สึกว่าเป็นเรื่องน่าเสียดายที่พวกเขาต้องมาตายครึ่งทาง
ร่างกายเปลือยท่อนบนของเขามีเหงื่อกลิ้งลงจากร่างกายเหมือนงูเลื้อยพร้อมกับมีไอระเหย ด้วยกล้ามเนื้อแต่ละมัดบนร่างของเขาสั่นเหมือนกับรวดเหล็ก ถังเทียนตอนนี้เหมือนกับรูปสลักที่เดินได้เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นรุนแรง
หลังจากฉุดดึงพวกเขาต่อเนื่องมาสองร้อยลี้ เขาใช้เรี่ยวแรงกายไปมาก ลมหายใจของเขาลึกขึ้นแต่ก็ยังส่งเสียงดังให้กำลังใจ “เรากำลังจะไปถึงในไม่ช้า! ทุกคนพยายามเข้า
ในช่วงเวลาท้าทายของพวกเขา เราต้องช่วยเหลือกันและกัน
ทันใดนั้นถังเทียนรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง ทั่วทั้งตัวเขามีความระมัดระวัง เขาหยุดทันทีและตะโกนเสียงดัง “หยุด! มีการซุ่มโจมตีข้างหน้า!”
ทุกคนหยุดอยู่กับที่ พวกเขาผิดหวัง แม้แต่ศิษย์สำนักชางหยางที่เป็นคนนำทางก็ยังมีท่าทีประหลาดใจ เขาพบได้อย่างไร? แต่เขาไม่พูดอะไรสักคำ เขาไม่สามารถพูดอะไรหรือเตือนพวกเขาได้ เพราะหลี่เหลียงชิวคือคนที่ไม่อาจต่อต้านได้
“เฮ้ ถ้าเจ้าไม่ออกมางั้นอย่าตำหนิว่าข้าโหดร้ายไม่ได้นะ” ถังเทียนชี้ไปที่พื้นที่ว่างข้างหน้าเขาตาเบิกกว้างขณะตะโกน
คนที่ซ่อนอยู่หลังเขาทุกคนมองหน้ากันเอง พวกเขาไม่เข้าใจหรือพบว่าพวกเขาถูกพบเห็นได้อย่างไร
“น่าสนใจ”แววตาของของหลี่เหลียงชิวเป็นประกายวูบ และเขาพูดอย่างหยิ่งยโส“งั้นเราออกทักทายเด็กใหม่กัน!”
ความตั้งใจสู้ของทุกคนเพิ่มขึ้นมากขณะที่พวกเขาลุกขึ้นยืน
เงาร่างดำเริ่มปรากฏบนภูเขาก่อให้เกิดเสียงน่าประหลาด ทุกคนล้วนมีกลิ่นอายที่แข็งแกร่งมีแรงกดดันจนแทบหายใจไม่ออกราวกับว่าท้องฟ้ามืดครึ้ม
พวกที่ไม่กล้าพอรู้สึกว่าแข้งขาพวกเขาอ่อนและลงไปกองนั่งกับพื้นทันที
“อย่าแสดงพลังออกไปมากนัก”
ปิงพึมพำเบาๆอยู่ในใจของถังเทียน เขาพยายามปรามถังเทียนเนื่องจากเขาเตรียมจะวิ่งใส่โจมตี
ฝ่ายตรงข้ามมีคนสิบสองคน มีสองคนเป็นนักสู้ระดับทอง ที่เหลือจะเป็นเตรียมนักสู้ระดับทอง ด้วยกองกำลังของนั้นสำหรับคนอื่นอาจทำให้กลัว แต่สำหรับถังเทียนก็แค่อาหารว่าง ลุงปิงพูดถูก รับมือพวกนี้ไม่ยาก แต่เมื่อกำจัดพวกเขา นั่นจะเป็นการเผยพลังของเขาและแม้แต่คนโง่ก็รู้ว่าเขามาที่นี่อย่างมีวัตถุประสงค์
ข้าจะทำยังไงดี?
ทำเหมือนกับไม่รู้อะไรและถูกพวกมันซ้อมน่ะหรือ? ความคิดแบบนั้นถังเทียนโยนทิ้งทันที เจ้าพวกนั้นดูแล้วไม่ใช่คนดี เมื่อเขาอยู่ในโรงเรียนนักเรียนชั้นสูงสนุกกับการรังแกนักเรียนใหม่ และนั่นเรียกว่า ‘สั่งสอน’
พวกเขาดูคล้ายกันมาก....
ถังเทียนกำหมัดถลึงตามองหลี่เหลียงชิวและพวกที่เหลือไม่ลดละและกล่าว “พวกเจ้า, ใครยังสู้ที่นี่ได้บ้าง?”
นักสู้ที่ยังยืนอยู่ได้รายล้อมถังเทียน หน้าของพวกเขาทุกคนแสดงความโกรธต่อศัตรูร่วมของพวกเขา
เสี่ยวจินขึ้นเสียง“เฮ้, พวกเจ้ารุนแรงเกินไปหรือเปล่า เด็กใหม่, ทำไมพวกเจ้าไม่ดีใจเล่า?”
มู่เหล่าซานหัวเราะ “พวกมันไม่มีความสุขตั้งแต่แรกแล้ว”
สายตาของหลี่เหลียงชิวมองดูทั้งกลุ่มและพูดอย่างเฉื่อยชา “เสี่ยวจิน, บอกกฎของพวกเราให้พวกมันรู้”
เสี่ยวจินหัวเราะจากนั้นเอากระดาษกองใหญ่ออกมา “คนฉลาดต้องยอมรับสถานการณ์ ที่นี่ในมือข้า ข้ามีเอกสารให้พวกเจ้าได้ลงชื่อเพื่อบอกว่าพวกเจ้ายินดีรับบริการคลื่นเย็น ลงชื่อซะไม่มีอันตรายสำหรับความสัมพันธ์ของเรา”
“ทุกคนต้องไม่ทำ!” หน้าของเสี่ยวหมิงฉีเปลี่ยน เขาโพล่งออกมาโดยไม่รู้ตัว เมื่อเขาตระหนักได้ในที่สุด หน้าของเขาซีด
สายตาของถังเทียนมองอยู่ที่เสี่ยวหมิงฉี “บริการคลื่นเย็นนี่คืออะไร?”
เสี่ยวหมิงฉีเริ่มจะเสียใจแล้วตอนแรกเขาไม่ต้องการจะพูดอะไร แต่เมื่อเขาเห็นสายตาเย็นชาของถังเทียนเขาใจสั่นสะท้านและพูด “ทุกๆ ปี ทุกๆปีที่ราบหิมะจะมีคลื่นความเย็นขนาดมหึมาและในเวลานั้นมีบางสถานที่ซึ่งพวกเขาต้องการให้คนไปอยู่ประจำที่นั่น และนั่นคือบริการคลื่นเย็น ห้าในสิบคนจะตายอยู่ในบริการคลื่นเย็น”
สีหน้าของนักสู้เปลี่ยนไปทันที
“เอ่, ข้าไม่คาดเลยว่าจะมีผู้เชี่ยวชาญอยู่ในนี้ด้วย” มู่เหล่าซานหัวเราะ “บริการคลื่นเย็นค่อนข้างน่ากลัว แต่นั่นเป็นเรื่องในอนาคต และใครจะรู้อาจจะไม่มีคลื่นความเย็นขนาดใหญ่ก็ได้ ถ้าพวกเจ้าไม่ลงชื่อก็ดีเหมือนกัน นั่นหมายความว่าพวกเจ้าไม่มาภายในระยะสามสิบลี้ของสนามฝึกของสำนัก โฮว..ถ้ามีใครยินดีจะกลับ เราจะไม่สร้างความลำบากให้พวกเจ้า”
นักสู้ที่อยู่ข้างตัวถังเทียนหน้าซีดขาวกันหมด ความสิ้นหวังปรากฏอยู่ในดวงตาของเขา
“ข้าคาดไม่ถึงเลยว่าสำนักมวยชางหยางจะกลายเป็นแบบนั้น” สายตาของถังเทียนเย็นชาขึ้นทุกที
“สำนักมวยชางหยางกลายเป็นที่แบบนั้นหรือ? ฮ่าฮ่า ทุกๆ ที่ก็เป็นแบบนี้แหละ!” เสี่ยวจินทำหน้าเยาะเย้ย “หมัดผู้ใดใหญ่กว่า ผู้นั้นได้เป็นจ้าว เข้าใจไหม? ไอ้เด็กน่าเกลียด”
ศิษย์นักสู้ที่นำกลุ่มมามองเห็นถังเทียนยิ้มและหัวใจเขาสั่นทันที เขากล่าวทันที“พวกเจ้าใช้ได้แต่เพียงหมัดและขาเท่านั้น ห้ามใช้อาวุธแก้ปัญหา และห้ามมิให้มีการฆ่า”
ตาของถังเทียนมองดูที่นักสู้ที่หมดสติและนักสู้ที่นำพวกเขามากำลังนั่งพิงกำแพงอยู่ด้านข้างคอยสังเกตการณ์ ความโกรธลุกโชนในใจเขาทันที พวกเขาพกความฝันและความหวังมาที่นี่ ใช้ความพยายามมากมายเพื่อมาที่นี่แต่พวกเจ้าทุกคนกลับใช้ความหวัง ความฝันของพวกเขามาบังคับพวกเขาให้ทำเรื่องตามอำเภอใจ”
กลุ่มคนเลว100%
หัวใจของพวกเจ้าทุกคนมืดดำกันทั้งนั้น
ถังเทียนกลับกลายเป็นหูอื้อไม่ได้ยินนักสู้ที่นำทางเขา รังสีฆ่าฟันของเขาเต็มเปี่ยมอยู่ในอก เขาเริ่มผงกศีรษะ “เอางั้นก็ได้”
“แต่” ถังเทียนหัวเราะ แสดงให้เห็นใบหน้าที่อัปลักษณ์เต็มไปด้วยรังสีฆ่าฟัน “เจ้ารู้ได้ยังไงว่าหมัดเจ้าใหญ่กว่า?”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ เขาก็หายวับไปแล้ว