ตอนที่ 483 - กวางทะลวงมิติ
นามของราชาเฮยอวี้ทำให้เกิดระลอกความกลัวกระจายไปยังทุกคน
แค่แม่ทัพหมูป่าเหลียวหยาเหนือ ยังมิอาจเทียบได้กับราชาเฮยอวี้ มีเย่ว์หยางอยู่ด้วย ต่อให้พวกเขาพบกับแม่ทัพหมูป่าเหลียวหยาเหนือ ทุกคนก็ยังสามารถหลบหนีได้
อย่างไรก็ตาม ต่อให้มีเย่ว์หยางอยู่ข้างๆ ตัวพวกเขา ถ้าพวกเขาต้องเจอกับราชาเฮยอวี้ ทุกคนต้องตายสถานเดียว ไม่มีโอกาสรอดได้เลย
ทุกคนรู้สึกว่าราชาเฮยอวี้ อย่างน้อยก็ต้องเป็นสุดยอดนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับสิบ….
ถ้าพวกเขารู้ความจริงว่าราชาเฮยอวี้มีความสามารถชั้นปราณก่อกำเนิดฟ้าระดับหนึ่งหรือระดับสอง พวกเขาคงสิ้นหวังหนักยิ่งขึ้น ปกติสำหรับพวกเขาแล้วไม่ว่าจะเป็นสุดยอดนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับสิบหรือปราณก่อกำเนิดฟ้าระดับหนึ่ง พวกเขาก็ถูกฆ่าตายได้ทันทีอยู่แล้ว
แม้แต่ศัตรูที่ระดับสูงกว่านักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับห้า ก็สามารถฆ่าพวกเขาได้ทันทีแล้ว
แม้แต่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกเขาอย่างเสวี่ยทันหลางก็เหมือนกัน
“ข้าจะไม่ไป, ข้าไม่อยากตาย…. เจ้าหมูป่าเหลาหยาเหนือทำให้ข้ากลัวจนแทบฉี่ราดอยู่แล้ว แล้วนี่เป็นราชาเฮยอวี้ เขาคงได้ถลกหนังจับข้าย่างทั้งเป็นแน่ ข้ายังไม่อยากตาย” เจ้าอ้วนไห่น้ำตาร่วงขณะกอดขาเย่ว์หยางร้องไห้ เขาไม่ต้องการไปสถานที่อันตรายอย่างนั้นแน่นอน เย่คงเตะเจ้าอ้วนหน้าด้านผู้นี้และลากเขาออกไปพร้อมกับพี่น้องตระกูลหลี่
“ไม่ต้องห่วง ราชาเฮยอวี้จะฆ่าพวกเจ้าทุกคนได้ภายในวินาทีเดียว เขาไม่สนใจร่างพวกเจ้าหรอก” คำพูดของเย่คงทำให้เจ้าอ้วนไห่ร้องไห้หนักกว่าเดิม
“ไปกัน” เสวี่ยทันหลางเปลี่ยนจากความกลัวเป็นความตั้งใจสู้แทน
ความจริงทุกคนรู้ว่า ต่อให้ราชาเฮยอวี้ปรากฏตัว เย่ว์หยางคงไม่ปล่อยให้ใครตาย
แม้ว่าราชาเฮยอวี้จะไม่ปรากฏตัว แต่ดูเหมือนว่านั่นก็เป็นสถานที่อันตรายมากอยู่แล้ว มิฉะนั้น เย่ว์หยางคงไม่บอกให้ทุกคนคอยดูแลตัวเองให้ดี เสวี่ยทันหลางและคนอื่นนัยน์ตาเป็นประกาย เมื่อติดตามเย่ว์หยางก็หมายความว่าพวกเขาเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยง นั่นคือแรงกดดันอย่างหนึ่ง แทนที่จะมีชีวิตอย่างขลาดกลัว ควรหาสิ่งที่ตื่นเต้นมีชีวิตชีวาทำจะดีกว่า
สถานที่แม้แต่ราชาเฮยอวี้ก็ไปเยือน ไม่ว่ายังไงพวกเขาต้องไปดูให้ได้สักครั้ง
ไม่เพียงแต่เสวี่ยทันหลางและคนอื่นๆ เท่านั้น แม้แต่หลิวเย่ผู้เงียบขรึมและแอนนา หรือกระทั่งเป่าเอ๋อที่ไม่รู้จักกลัวอะไร ก็ยังพลอยตื่นเต้นไปด้วย
น่าตื่นเต้น!
นี่คือเรื่องที่น่าตื่นเต้นจริงๆ!
สำหรับทอเรนฟ่านหลุนเถี่ยผู้อารมณ์ร้อนด้วยแล้ว นางไม่อาจอดใจรอไหว รีบวิ่งเข้ามาหาเย่ว์หยางทันที
การกลับไปที่วังลึกลับ เย่ว์หยางพร้อมจะเข้าไปทันที ขอเพียงไปภายหลังจากราชาเฮยอวี้จากไปแล้ว เย่ว์หยางรู้ว่าราชาเฮยอวี้เคลื่อนไหวยังไง ทุกๆ สามวัน ราชาเฮยอวี้จะมาปรากฏตัวต่อหน้าม่านพลังสีทองและโจมตีใส่เป็นเวลาครึ่งชั่วโมง เขาใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างในการฝึกฝีมือเพื่อพยายามเปิดม่านพลังให้ได้
ราชาเฮยอวี้ระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง แม้ว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขายังคงตรวจสอบทุกครั้งที่ออกมาจนเป็นนิสัย โชคดีที่เย่ว์หยางได้คิดเรื่องนี้ไว้แล้ว
เขายังค้นพบวิธีหลบ ที่เป็นวิธียืมมาจากสุดยอดนักฆ่าอันซี นั่นคือการซุ่มพรางตัว
ด้วยการซุ่มพรางตัว แม้แต่ราชาเฮยอวี้จะไม่สามารถตรวจสอบพวกเขาเจอ
พวกเขาสามารถถอยไปได้เป็นหมื่นก้าว ต่อให้ราชาเฮยอวี้ตรวจพบพวกเขา
อีกวิธีหนึ่ง เย่ว์หยางสามารถจับเย่คง, เจ้าอ้วนไห่และคนอื่นๆ โยนเข้าไปในโลกคัมภีร์และหลบหนีไปกับพวกเขาได้ ด้วยการเพิ่มระดับพลังจากการได้รับอุทกแม่พระธรณีหมื่นปี แม้ว่าเย่ว์หยางจะไม่สามารถเอาชนะราชาเฮยอวี้ได้ แต่อย่างน้อยเย่ว์หยางไม่ต้องกลัว
ฟันของเจ้าอ้วนไห่กระทบกันกึกๆ และร่างของเขาสั่นด้วยความกลัว
ความจริง ราชาเฮยอวี้จากไปแล้วและไม่ปรากฏตัวมานานสามวันแล้ว
เย่ว์หยางไม่ได้บอกความจริงพวกเขาเพื่อให้พวกเขาเข้มแข็งขึ้น เขาเชื่อว่าหลังจากเรื่องเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายกับราชาเฮยอวี้ครั้งนี้แล้ว พวกเขาจะไม่กลัวเหลาหยาเหนือ แม้ว่าพวกเขาจะพบเจอเขา คนในกลุ่มทุกคนระมัดระวังตัวมาก ไม่มีใครกล้าเคลื่อนไหวมากนัก มีแต่เป่าเอ๋อที่ไม่กลัวอะไรและยังหลงใหลความสวยงามของที่แห่งนี้ นางบอกเย่ว์หยางว่า “ที่นี่สวยงามมาก หลังจากเราเอาชนะราชาเฮยอวี้ เราย้ายมาอยู่ที่นี่ได้ไหม?”
“….. เป็นข้อเสนอที่ดี” เย่ว์หยางพูดไม่ออกเล็กน้อย เอาชนะราชาเฮยอวี้น่ะหรือ? จนกว่าพวกเขาจะฆ่าเฮยอวี้ได้ มิฉะนั้นบ้านนี้จะไม่มีความปลอดภัยเลย
“ไม่, ข้าไม่ต้องการเป็นเพื่อนบ้านกับราชาเฮยอวี้ ข้ายิ่งกลัวเขามาเคาะประตูเรียกตอนกลางคืนอยู่ด้วย” ยิ่งคิดเรื่องพวกนี้ เจ้าอ้วนไห่ก็ยิ่งขนหัวลุก
“สถานที่นี้งดงามมากเหลือเกิน” เมื่อพวกเขามาถึงด้านหน้าม่านพลังทอง ดาวดวงน้อยก็ปรากฏเต็มตาของหลิวเย่และคนที่เหลือ
“ม่านพลังนี้ใหญ่มาก ดูเหมือนยากจะเข้าไปได้ มันมีพลังงานลึกไม่มีที่สิ้นสุด สมแล้วที่เป็นม่านพลังปกป้องของคัมภีร์อัญเชิญระดับเทพ” ก่อนที่ลีนจะพูดจบ ฟ่านหลุนเถี่ยก็ควงขวานฟันใส่ม่านพลังทันที
ผลก็คือนางถูกพลังสะท้อนกระดอนออกไปสองร้อยเมตร
ทุกคนปากอ้าค้าง
พลังป้องกันของม่านพลังน่ากลัวเกินไปหรือเปล่า?
ฟ่านหลุนเถี่ยเข้าใจลึกซึ้งและหมดแรงเซื่องซึมทันที นางรู้ว่าพลังป่าเถื่อนของนางไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้ จึงได้แต่มองดูเย่ว์หยาง
เจ้าอ้วนไห่, เย่คงและเสวี่ยทันหลางลองดูกันทุกคน แม้ว่าพวกเขาจะเตรียมพร้อมเป็นอย่างดี แต่พวกเขาก็ตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่าพลังงานที่สะท้อนกลับมาที่พวกเขานั้น ไม่ได้สะท้อนมาแต่พลังที่พวกเขาใช้โจมตีเท่านั้น แต่ยังมีพลังอย่างอื่นที่ไม่สามารถต่อต้านได้ เมื่อพลังทั้งสองผสานกันและสะท้อนกลับมาที่พวกเขา ก็กลายเป็นพลังที่ไม่อาจต่อต้านได้ พวกเขาทุกคนกระเด็นไปเป็นร้อยเมตร ไม่มีใครสภาพดีกว่าฟ่านหลุนเถี่ยเลย
แอนนามองดูเย่ว์หยาง “ใช้พลังดิบเถื่อนทำอะไรไม่ได้แน่นอน เจ้ามีวิธีแก้บ้างไหม?”
เย่ว์หยางยักไหล่อย่างเมินเฉย “ถ้าข้ามีวิธี ข้าคงเข้าไปขนสมบัติแล้ว ไม่ใช่แค่ข้าเท่านั้น แม้แต่ราชาเฮยอวี้ก็ได้แต่ถลึงตาโดยทำอะไรไม่ได้!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เจ้าอ้วนไห่กระตือรือร้นขึ้นมาทันที เขารีบวิ่งมาหาเย่ว์หยางอย่างตื่นเต้น “เจ้าหมายความว่า ไม่มีใครแตะต้องสมบัติในนั้นใช่ไหม? มันยังคงอยู่ที่นั้น ว้าว, ว้าว.. ถ้าข้าเก็บอาวุธระดับเทพมาได้นะ…”
ด้วยการเตะครั้งเดียว เย่คงส่งเจ้างี่เง่าที่กำลังฝันกลางวันกระเด็นไปสิบเมตร
ไม่ใช่ว่าเขาไม่สามารถฝันกลางวันได้ แต่เขาควรจะเลือกเวลาที่ดีกว่านี้
องค์ชายเทียนหลัวและลีนเริ่มจะเข้าใจถึงเหตุผลที่เย่ว์หยางพาทุกคนเข้ามาที่นี่ เป็นเพราะหลิวเย่
ขณะที่ทุกคนเพ่งสายตาไปที่หลิวเย่ หน้าของนางแดงทันที
นางหลบสายตาลงพื้นพูดว่า “ให้.. ให้ข้าลองดูนะ”
นางเรียกคัมภีร์อัญเชิญของนางและเรียกอสูรพิทักษ์ของนาง กวางทะลวงมิติออกมา นางสั่งให้มันวิ่งเข้าไปในม่านพลังสีทองทันที… ผลเป็นไปตามที่เย่ว์หยางคาด กวางทะลวงมิติไม่ได้ถูกพลังสะท้อนกลับมา แต่หลังจากเข้าไปในม่านพลังทอง มันสูญเสียการเชื่อมโยงทางใจกับเจ้านายทันที เมื่อไม่มีระดับสติปัญญาที่สูงส่ง มันจึงหลงลืมสิ่งที่มันจะทำ มันได้แต่งงงวยว่างเปล่า ติดอยู่ในม่านพลังสีทอง
หลังจากนั้น หลิวเย่เกรงว่ามันจะได้รับบาดเจ็บ จึงรีบเรียกมันกลับมา
ในขณะที่เป็นไปได้ที่กวางทะลวงมิติสามารถผ่านเข้าม่านพลังทองได้ แต่เป็นไปไม่ได้สำหรับความสามารถปัจจุบันของหลิวเย่และกวางทะลวงมิติ
เย่ว์หยางผงกศีรษะ ตราบใดที่ยังมีหวังนั่นนับว่าเป็นเรื่องดี
ไม่ว่ายังไงก็ตาม นี่ยังดีกว่าวิธีที่ราชาเฮยอวี้ทุบตีม่านพลังกระทั่งจนตาย
ตราบใดที่เย่ว์หยางสามารถหาวิธีเพิ่มความสามารถของหลิวเย่ และเพิ่มระดับชั้นพลังของกวางทะลวงมิติ ก็มีโอกาสเป็นไปได้ที่จะผ่านม่านพลังสีทองเข้าไปได้มาก… ก่อนนั้นเย่ว์หยางมีความคิดเช่นนี้อยู่แล้ว และตอนนี้เขายิ่งพอใจกับผลที่ออกมาดังกล่าว
“ข้า..ขอโทษจริงๆ” หลิวเย่อายมากและกล่าวขออภัยเย่ว์หยาง นางรู้ว่าเย่ว์หยางต้องคาดหวังไว้กับนางสูงมาก ความล้มเหลวนี้ทำให้เขาผิดหวังซึ่งทำให้นางต้องขอโทษเขาโดยเฉพาะ กวางทะลวงมิติไม่มีพลังต่อสู้มากนัก และระดับของมันยังต่ำเกินไป ยิ่งกว่านั้น มันยังมีระดับสติปัญญาที่ไม่ฉลาดนัก มันจึงหลงทันทีที่พ้นไปจากการควบคุมของเจ้าของมัน
“ให้เขาช่วยเจ้ายกระดับพลังของอสูรพิทักษ์ของเจ้าเถอะ เขาน่าจะมีหนทาง” แอนนารีบปลอบหลิวเย่
“ช่วยให้ข้ายกระดับด้วยคนนะ!” เป่าเอ๋อกอดแขนเย่ว์หยาง
“ได้เลย, ข้ายินดีรับใช้เจ้าเลย สาวน้อยเอลฟ์ทองคนสวย!” พฤติกรรมแผลงๆ ของเย่ว์หยางสร้างความยินดีให้เป่าเอ๋อและทำให้ทุกคนหัวเราะลั่น
ความจริงเย่ว์หยางไม่ใช่แค่ปลอบใจเป่าเอ๋อเท่านั้น เขารู้สึกว่ามีความจำเป็นต้องยกระดับภูต (แฟรี่) อสูรพิทักษ์ของสาวน้อยเอลฟ์ทองผู้นี้ ภูตอสูรพิทักษ์ของนางเป็นภูตน้อยบุปผาที่เพิ่มโชคดีให้กับผู้คน
ในโลกนี้ ไม่มีสมบัติอื่นใดที่จะดีไปกว่าความมีโชค
ขอเพียงแต่มีโชค คนเราก็สามารถมีทุกอย่างได้
ไม่มีโชค… นั่นก็เหมือนกับราชาเฮยอวี้ผู้อับโชคได้แต่ถลึงตามองม่านพลังสีทองตลอดชีวิต!
สำหรับเย่ว์หยางแล้ว เป่าเอ๋อเป็นขุมสมบัติในร่างมนุษย์ที่สามารถเพิ่มโชคให้เขา ถ้าเขาไม่ยกระดับให้นาง นั่นจะสูญเสียโอกาสกระตุ้นศักยภาพของเขาในการยกระดับสมบัติร่างมนุษย์นี้
ในทางกลับกัน ดาวนำโชคที่ยอดเยี่ยมอย่างเป่าเอ๋อนี้สามารถสร้างความประหลาดใจให้เย่ว์หยางได้ ไม่ทราบว่านางไปแตะต้องตรงจุดไหน นางกลับเปิดกลไกลับที่แม้แต่เย่ว์หยางก็หาไม่เจอ ประตูวงแหวนเทเลพอร์ตที่พิเศษแต่พังแล้วกลับเปล่งประกายไฟปะทุออกมาจากพื้น เย่ว์หยางไม่มีเวลาทำความเข้าใจมัน แต่เขารู้ว่านี้คือโอกาสที่หายาก ด้วยการเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว เขาถีบเจ้าอ้วนไห่เข้าไป และใช้มือโอบเป่าเอ๋อและหลิวเย่ข้างละคนขึ้น เขานำทางเข้าไปในวงแหวนเทเลพอร์ตที่มีพลังงานต่ำ อาจจะหายไปได้ทุกเมื่อ
พรึ่บพั่บๆๆ…
เมื่อฮุยไท่หลางเป็นรายสุดท้ายที่ร่วงลงมาในน้ำ เย่ว์หยางตระหนักว่า มันเทเลพอร์ตเขาเข้ามาในพื้นที่ปกติที่มืดและกว้างขวาง
“ปล่อยข้านะ” หลิวเย่ดิ้นรนเป็นพัลวัน พยายามหลบมือของเขา เย่ว์หยางไม่ได้สังเกตว่าขณะที่เขาโอบเอวหลิวเย่มือของเขากดลงที่หน้าอกนางเต็มฝ่ามือ
“อย่าปล่อยข้านะ ข้าไม่อยากตกลงไปในน้ำ” เป่าเอ๋อกอดเย่ว์หยางแน่น ขายาวของนางเกี่ยวรอบเอวของเย่ว์หยาง ด้วยเนตรราตรีของนาง นางสามารถเห็นสภาพทุลักทุเลของเจ้าอ้วนไห่และคนที่เหลือในน้ำ นางหัวเราะลั่น และรู้สึกว่ากอดเย่ว์หยางไว้ปลอดภัยกว่า แม้ว่าทุกคนจะตอบสนองได้รวดเร็ว แต่ทุกคนก็ยังเปียกโชกและอยู่ในสภาพทุลักทุเลอยู่ดี
“….” หลิวเย่ดิ้นรนอยู่ในมือของเย่ว์หยางชั่วครู่ และรู้สึกว่ามือของเขาคลี่คลายเล็กน้อย แต่นางก็ยังรู้สึกอายอยู่ดี
“ที่นี่กลายเป็นเส้นทางผ่านโบราณ ทางผ่านโบราณชั้นในของแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ” เมื่อใช้จักษุญาณทิพย์พิเคราะห์พื้นที่รอบๆ เย่ว์หยางก็ได้ข้อสรุปที่น่าตกใจ วังลึกลับเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ เป็นไปได้ไหมว่า มีความเกี่ยวพันระหว่างสถานที่ทั้งสอง? เป็นไปได้ไหมว่าวังลึกลับความจริงแล้วเป็นส่วนชั้นในของแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ?
“ที่ไหนก็ช่างเถอะ ตราบใดที่นี่ยังอยู่ห่างจากราชาเฮยอวี้” เจ้าอ้วนไห่รู้สึกปลอดภัยขึ้นเล็กน้อย
“ออกเดินทางเถอะ”
เสวี่ยทันหลางรู้ว่าการเดินทางจริงๆ เพิ่งจะเริ่ม
ขณะที่อันตรายก่อนหน้าเหล่านั้นสามารถคาดการณ์ได้ แต่การเปลี่ยนแปลงคราวนี้เกินกว่าที่เย่ว์หยางคาดไว้ ภายในทางผ่านแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ ถ้าไม่มีกำลังใจเต็มร้อย ชีวิตพวกเขาอาจตกอยู่ในอันตรายได้ แม้ว่าเย่ว์หยางจะอยู่ข้างๆ พวกเขาก็ตาม
ที่นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นแล้ว
ไม่นานเท่าไหร่ เขาและองค์ชายเทียนหลัวก็พบทางออก
เป็นประตูใบมีดแบบคันโยก
ในทางผ่านโบราณ มีสถานที่แปลกประหลาดอย่างนี้นับไม่ถ้วน
ไม่ว่าจะเป็นวัตถุอะไรก็ตามที่ผ่านเข้าประตูใบมีด มันจะถูกตัดขาดกลางด้วยใบมีดที่มองไม่เห็น แม้ว่าเสวี่ยทันหลางจะไม่มีจักษุญาณทิพย์ แต่ในฐานะนักรบ สัญชาตญาณของเขาบอกได้ว่ามีอันตราย เขาหยิบหินก้อนหนึ่งและโยนไปที่ประตูทางออกเบาๆ ผลก็คือหินถูกตัดขาดครึ่ง เจ้าอ้วนไห่ตัวสั่นด้วยความตกใจถอยมาอยู่ด้านหลังเย่ว์หยาง
แม้เขาจะอ้างอยู่เสมอว่าเป็นลูกพี่ แต่เมื่อเย่ว์หยางอยู่ที่นี่ เขาไม่เคยพยายามทำตัวโดดเด่นสมกับเป็นลูกพี่ แต่กลับเป็นผู้ติดตามที่ดีอย่างว่าง่าย
ถ้าหลิวเย่ไม่อยู่ที่นี่ เสวี่ยทันหลางและคนอื่นๆ คนอื่นๆ อาจจะรื้อผนังทั้งหมด พวกเขาอาจเหน็ดเหนื่อย และอาจดึงดูดความสนใจของอสูรโบราณที่ทรงพลังก็ได้
“ไปเถอะ เจ้าลองดู” เย่ว์หยางสามารถผ่านเข้าไปอย่างง่ายดาย แต่เขาตัดสินใจถือโอกาสนี้ฝึกหลิวเย่
“ได้” หลิวเย่รู้สึกว่าอกของนางกระเพื่อมจากมือที่ร้อนของเขา แม้ว่านางจะรู้ว่านั่นไม่ใช่ความตั้งใจ แต่นางก็ยังคงอายอยู่ดี
อกของนางรู้สึกประหลาด นางต้องการยื่นมือไปปัดมือเย่ว์หยางออก
ร่างของนางยังคงอ่อนเล็กน้อย
แม้แต่จะเดินก็ดูเหมือนจะมีปัญหาเล็กน้อยตลอดเวลา แต่ก็ต้องรู้เมื่อทุกคนกำลังมองดู
หลิวเย่ไม่ต้องการให้ทุกคนรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับนางและนางรีบก้มหน้าทันที ทำเหมือนไม่ไยดีอะไร ในใจของนางยินดี นางเรียกกวางทะลุมิติ อสูรพิทักษ์ของนางออกมา
อยู่ต่อหน้าม่านพลังสีทอง กวางทะลุมิติล้มเหลวผ่านเข้าไปไม่ได้
ครั้งนี้ นางตัดสินใจทำให้ดี เพื่อเพิ่มระดับความคาดหวังของเขา!
***************