ตอนที่ 15-5 เจตจำนงของดาบ
ทั่วทั้งสนามรบตกอยู่ในความเงียบ
เทพชั้นสูงสิบกว่าคนถูกฆ่าตายในการฟันครั้งเดียวนี่เป็นเรื่องที่นึกไม่ถึงจริงๆ
“เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง?” ลินลี่ย์เบิกตาจ้องดู“แม้ว่าจะเป็นพลังโจมตีวิญญาณ อย่างมากก็โจมตีได้คนเดียว เทพชั้นสูงสิบกว่าคนหล่นลงมาจากท้องฟ้าพร้อมกันได้อย่างไร? ก่อนนี้เกิดอะไรขึ้น?” ตอนนี้ลินลี่ย์นึกเสียดาย
เสียดายที่ไม่มีโอกาสได้เห็นดาบโจมตีนั้น
“หนี!”
“หนี!”
ร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ที่โผล่ออกมาจากศพเทพชั้นสูงทั้งแปดเริ่มหนีไปทุกทิศทางอย่างหวาดผวา หลังจากได้เห็นประจักษ์ถึงพลังกระบี่นั้น ไม่มีใครในพวกเขากล้าอยู่สู้อีก
“ทรงพลังเกินไป น่ากลัวเกินไป”
เทพชั้นสูงเหล่านี้ตอนนี้พวกเขากลัวตายจริงๆ
“หนี?”แลร์มองต์มองดูร่างแยกทั้งแปดอย่างใจเย็น รอยยิ้มเย็นชาปรากฏอยู่ที่ริมฝีปากของเขา
ทันใดนั้น...
เขาชักดาบของเขา!
ในทันทีนั้นเงารัศมีดาบดำแปดสายตัดฝ่าอากาศอย่างต่อเนื่องโจมตีใส่ร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ที่กำลังหนีไปในตำแหน่งต่างๆแปดร่าง ร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ทั้งแปดยังคงเคลื่อนต่อไปแต่ร่างของเขาถูกตัดขาดและร่วงลงจากท้องฟ้า
โลหิตสาดกระจายในอากาศทุกที่
“ดาบนั่น!” ม่านตาของลินลี่ย์หดลีบและในใจของเขาเริ่มไตร่ตรองถึงดาบนั้นอย่างต่อเนื่อง
นั่นคือดาบที่น่ากลัวและไร้ต่อต้านจริงๆ!
ในใจของลินลี่ย์รูปภาพดาบผุดขึ้นมาผ่านวาบไปอย่างรวดเร็วเหมือนสายฟ้า นั่นคือดาบไวซึ่งมีเจตจำนงของภูเขาไฟระเบิด ในทันทีที่ดาบถูกชักออกมาพลังของวิชาก็สำเร็จปลดปล่อยพลังระเบิดออกไปนั่นคือพลังที่ไม่สามารถป้องกันได้ ที่ใดก็ตามที่เงาดาบผ่านไปการทำลายล้างจะตามไปด้วย
“นี่คือวิถีทำลายล้างหรือ?” ลินลี่ย์ส่ายศีรษะทันที “ดูเหมือนจะไม่ใช่ มันเหมือนกับ...”
ในใจของเขาลินลี่ย์พยายามแยกแยะการโจมตีนั้นในระดับที่ลึกขึ้น และวิเคราะห์มากขึ้น ด้วยความเข้าใจส่วนย่อยที่เขาได้รับความสงสัยเขามีมากขึ้นเช่นกัน
ตอนนี้,หัวหน้ากลุ่มโจรนี้ บุรุษชุดแดงร่างกายกำยำหนีไปนานแล้วตอนที่เขาส่งเสียงให้สู้และฆ่า แต่มีแค่บริวารของเขาเท่านั้นเข้าโจมตี เขาเองอยู่รั้งด้านหลังไม่บุกเข้าโจมตีแม้แต่น้อย เมื่อเขาเห็นดาบวิถีทำลายล้าง เขาตัดสินใจเลือกทันที....
หนี!
“ช่างเป็นคนน่ากลัวเหลือเกิน ดาบนั้นสามารถฆ่าเทพชั้นสูงได้เกินกว่าสิบคน” ใจของบุรุษชุดแดงเต็มไปด้วยความหวาดผวา “ถ้าข้าช้าไปเล็กน้อยเป็นไปได้ว่าข้าคงจะถูกฆ่าโดยอสูรผู้น่ากลัวเช่นกัน เจ้าเฒ่าสองคนนี้เชิญอสูรทรงพลังอย่างนั้นมาได้ยังไง?”
ตาของบุรุษชุดแดงหรี่แคบ “นักสู้อสูรผู้นี้น่ากลัวมาก ดูเหมือนว่าครั้งนี้เราจำเป็นต้องเชิญอาจารย์ของคุณชายเรา ท่านวายุลงมาคลี่คลายปัญหาด้วยตนเอง
“ฮึ่ม” บุรุษชุดแดงชำเลืองกลับไป “เจ้าโง่พวกนี้คิดเงินกับข้าไวโอนาซจะทำเงินได้ง่ายๆ หรือ? พวกเขาสามารถหาเงินได้ แต่พวกเขาไม่สามารถใช้เงินได้ โชคไม่ดีเทพชั้นสูงสิบสองคนที่คุณชายให้มาเป็นบริวารข้าตายเรียบ”
บุรุษชุดแดงก็คือไวโอนาซหนึ่งในบริวารของอินนิโก
สำหรับพวกกองโจรไวโอนาซใช้เงินเชื้อเชิญโจรกลุ่มใหญ่ต่างๆ ให้มารวมตัวเป็นกลุ่มเดียวกัน ที่สำคัญไวโอนาซนำสิบสองเทพชั้นสูงขณะที่องค์กรโจรอื่นรวมกันทั้งหมดมีเทพชั้นสูงอยู่เพียงเจ็ดหรือแปดคน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งไวโอนาซมอบเงินจำนวนมหาศาลให้พวกเขา
กลุ่มโจรพวกนี้จึงรวมตัวกันได้เป็นธรรมดา ในตอนนี้พวกเขาร่วมกองกำลังวางกำลังเป็นสองสามกลุ่ม
“ข้าจำเป็นต้องรีบนำเด็กน้อยกลับไปแจ้งข่าวคุณชาย” ไวโอนาซบินกลับไปที่พักของเขาทันที
ด้วยร่างแยกศักดิ์สิทธิ์สองร่างที่อยู่ในสองตำแหน่งทิศทาง การติดต่อกันทำได้เร็วมาก อินนิโกจึงสามารถติดตามสถานการณ์ของอสูรโลหะที่ลินลี่ย์โดยสารได้
หลังจากหัวหน้าโจรถูกสังหารและโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากดาบโจมตีของแลร์มองต์ พวกโจรทั้งหมดสูญเสียกำลังใจและเริ่มหนีไปทุกทิศทาง ทันใดนั้น..ไม่เหลือกลุ่มโจรเลยแม้แต่กลุ่มเดียว
“พวกมันหนีได้รวดเร็วจริงๆ!” บีบีแค่นเสียง
“แลร์มองต์ผู้นี้...” แม้แต่ซาโลมอนก็ตกใจฝีมือของแลร์มองต์ที่ยืนอยู่ในอากาศ หน้าของแลร์มองต์เย็นชาและเยือกเย็นเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นแน่นอนว่าสำหรับแลร์มองต์การต่อสู้แบบนี้เล็กน้อยไม่มีอะไร
“ลินลี่ย์?” เดเลียเรียกเขาเบาๆ
แต่ตอนนี้ลินลี่ย์หมกมุ่นอยู่ในโลกของตัวเองสิ้นเชิง เนื่องจากเขายังไตร่ตรองถึงพลังกระบี่โจมตีที่ประหลาด เขาจะสังเกตว่าเดเลียเรียกได้ยังไง?
“เฮ้, เกิดอะไรขึ้นกับพี่ใหญ่?” บีบีสังเกตว่าลินลี่ย์ดูเหมือนจะแปลกไปเช่นกัน นีซที่อยู่ใกล้ๆ หัวเราะ “บีบี, อาจเป็นได้ว่าพี่ใหญ่เจ้ากลัวจนซึมเซาเพราะกระบี่ของท่านแลร์มองต์หรือเปล่า?” นีซตั้งใจล้อ
บีบีจ้องมองนาง “เจ้าจะรู้อะไร? บางทีพี่ใหญ่ข้ากำลังรู้แจ้ง”
ขณะนั้นเองลินลี่ย์กลับมาตื่นตัวเต็มที่อีกครั้ง
“ลินลี่ย์!เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า?” เดเลียรู้สึกว่าสีหน้าท่าทางของลินลี่ย์ค่อนข้างประหลาด
“ข้าไม่เป็นไร” ลินลี่ย์ส่ายศีรษะและหัวเราะ “เมื่อครู่นี้ข้ากำลังคิดเรื่องบางอย่าง ข้าคิดว่าจะทำให้ข้าก้าวหน้าได้ แต่ข้าผิดไป” ลินลี่ย์ชำเลืองมองแลร์มองต์ที่อยู่ห่างออกไป ตาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจและมึนงง “ดาบนั่น...”
ลินลี่ย์ก็เป็นผู้ใช้ดาบใหญ่และวิญญาณของเขาก็เป็นรูปดาบ
เกี่ยวกับเจตจำนงของดาบตัวของเขาเองก็รู้เช่นกัน
“ข้าเพิ่งจะรู้พื้นฐานแก่นธาตุไฟและแม้ว่าจะไม่ถึงขั้นเป็นเทพ แต่ส่วนใหญ่ข้าเข้าใจผิด” ลินลี่ย์ยังคงหยุดนิ่งคิดถึงแปดดาบโจมตีที่ไวราวกับสายฟ้านั้นเนื่องจากระดับปัจจุบันลินลี่ย์ไม่มีความสามารถเห็นเคล็ดความรู้ลึกลับของดาบนั้นได้
ซาโลมอนที่อยู่ใกล้ๆหัวเราะและกล่าว “ลินลี่ย์, เจ้าตกใจกับพลังดาบของท่านแลร์มองต์หรือ? แน่นอนว่าพลังดาบโจมตีของท่านแลร์มองต์ที่เพิ่งใช้ออกไปเป็นวิถีทำลายล้างระดับสูง”
“วิถีทำลายล้าง?” ลินลี่ย์เลิกคิ้ว
“อะไรกัน, เจ้าไม่รู้สึกถึงกลิ่นอายของวิถีทำลายล้างหรือ?”ซาโลมอนถาม
“ข้ารู้สึกได้” ลินลี่ย์กล่าว แต่ไม่พูดต่อ
“ถ้าลินลี่ย์รู้สึกได้ทำไมเขาถึงประหลาดใจเล่า?” ซาโลมอนค่อนข้างงง แต่เขาไม่พูดออกมา
ทันใดนั้นอสูรผู้โชคดีรอดชีวิตทุกคนมุ่งมาทางแลร์มองต์กันหมดรวมทั้งชายชราผมขาวเขาดำ ในไม่ช้าก็มีอสูรรวมๆ อยู่รอบตัวเขาห้าสิบกว่าคน
ชายชราผมขาวเขาดำและชายชราผมขาวเขาสีขาวมองดูกันเองมีแววกังวลใจอยู่ในสายตาของเขา พวกเขาเริ่มคาดเดาเหตุผล.. ที่โจรมากมายรุมเล่นงานพวกเขา ต้องเข้าใจไว้ว่าโดยทั่วไปเมื่อพวกเขาพบว่ามีอสูรมากมายพวกเขาจะไม่โจมตี
ชายชราเขาดำพูดขึ้นดัง “ทุกคน,ข้าไม่คาดเลยว่าเราจะเผชิญกับการโจมตีของโจรมากมายขนาดนี้ในการเดินทางครั้งนี้ ข้าเสียใจจริงๆ ในช่วงเวลาสั้นๆนี้อสูรมากกว่าหกสิบคนต้องตายไปต้องขอบคุณท่านแลร์มองต์และพี่น้องเอ็ดเวิร์ดที่อยู่ที่นี่...”
“เมื่อเราไปถึงเมืองบลูเมเปิลเราจะเพิ่มเงินค่าตอบแทนให้กับพวกท่าน”
ชายชราเขาดำกล่าวและจากนั้นประกายแสงสีทองวาบขึ้นขณะที่อสูรโลหะปรากฏตัวในกลางอากาศอีกครั้ง อย่างไรก็ตามอสูรโลหะในตอนนี้มีขนาดที่เล็กกว่าเดิมอย่างชัดเจน
เหล่านักสู้อสูรค่อยมีชีวิตชีวาอีกครั้งหนึ่ง พวกเขาเข้าไปในอสูรโลหะ
ทันทีนั้นอสูรโลหะมุ่งหน้าไปต่ออีกครั้ง นักสู้อสูรใช้ชีวิตอยู่บนคมหอกคมดาบอยู่แล้ว อสูรเหล่านี้ผู้ใช้ชีวิตมานับปีไม่ถ้วนเพียงแต่ต้องการใช้ชีวิตอย่างตื่นเต้นมากขึ้นและเข้าถึงระดับพลังสุดยอดของแดนนรก
ใช่แล้วตายเป็นเรื่องที่พวกเขาไม่ต้องการพบเจอ และเมื่อพวกเขาเผชิญกับอันตรายใดๆ พวกเขาจะไม่สามารถต้านทานได้ พวกอสูรจะหนี
แต่เมื่อความตายมาถึงจริงๆ พวกเขาจะไม่กลัว
ที่สำคัญตั้งแต่พวกเขากลายเป็นอสูร ทุกคนจะต้องเตรียมตัวเตรียมใจสำหรับรับภารกิจนั้นด้วย!
“ผู้เฒ่าเขาดำยังมีมโนธรรมอยู่บ้าง เขารู้ว่าเขาควรจะเพิ่มค่าตอบแทนให้เรา” บีบีแค่นเสียง “ข้ายังคงมีความรู้สึกว่าภารกิจคุ้มกันนี้ไม่ง่ายเลย”
ลินลี่ย์พยักหน้าเช่นกัน “ใช่แล้ว เพียงแต่เมื่อเรารับภารกิจแล้วสิ่งที่เราสังเกตได้ก็คือมีอสูรหนึ่งดาวและอสูรสองดาวสมัครเข้าภารกิจมากกว่าร้อยคน ใครจะคาดคิดกันว่า...จะมีอสูรสี่ดาวอสูรห้าดาวและแม้กระทั่งอสูรหกดาวเข้าร่วมภารกิจด้วย! ลินลี่ย์เข้าใจว่าภารกิจของกลุ่มแบบนี้จะถูกแบ่งแยกเป็นส่วนที่ต่างกัน
นี่คล้ายกับการต่อสู้ที่ปราสาททะเลสาบจันทรา
กลุ่มของลินลี่ย์ผิดชอบในการกำจัดนักรบชุดทอง ขณะที่อสูรที่เป็นเทพชั้นสูงรับหน้าที่จัดการนักรบชุดดำพร้อมกับเจ้าปราสาทด้วย
ภารกิจนี้เกี่ยวกับอสูรหกดาวถือว่าไม่ใช่งานง่ายๆ
“ทุกท่าน, ขึ้นยานโดยสารได้แล้ว มีอะไรยังจะต้องคิดอีก?” ซาโลมอนส่ายศีรษะ “ถ้าเป็นแค่ตอนนี้ เมื่อเผชิญกับการโจมตีของโจรการฉวยโอกาสหนีคงเป็นสิ่งเดียวที่ทำได้ แต่ตอนนี้ เราขึ้นยานโลหะได้แล้ว ถ้าเราต้องการจากไปและถอยไปเดี๋ยวนี้ การออกไปคราวนี้ เราจะเสียหน้า”
สยองหวาด ขลาด กลัว
พวกเขาได้แต่หัวเราะแก้เก้อ
“ทุกคน ฝึกอย่างสงบเถอะ” ลินลี่ย์พูดจริงจัง “ไม่ว่ายังไง ถ้าเราเผชิญกับศัตรูเป้าหมายแรกไม่ใช่เรา แต่เป็นชายชราเขาดำและชายชราเขาขาว เราแค่ต้องฝึกฝนหนักเพื่อปกป้องตนเอง”
ลินลี่ย์ไม่มีความตั้งใจจะปกป้องลูกค้าของเขา ที่สำคัญ...
ผู้อาวุโสทั้งสองนี้เป็นเทพชั้นสูงทั้งคู่ ขณะที่ลินลี่ย์เองเป็นแค่เทพแท้
“ใช่แล้ว”
ทุกคนพยักหน้าและจากนั้นแยกย้ายกันไปที่ห้องของตนเองและเริ่มฝึก ในห้องนี้เหลือแต่เพียงลินลี่ย์กับเดเลียเหลืออยู่
“ข้าสงสัยว่าทำไมผู้เฒ่าทั้งสองคนนั้นถึงได้เลือกเราเหล่าเทพแท้เข้าร่วมภารกิจ” ลินลี่ย์ยังเต็มไปด้วยความสับสน “ช่างเถอะ ปกป้องเดเลียและบีบีก็พอแล้ว” ลินลี่ย์มองดูเดเลียและจากหลับตาเริ่มการฝึก
“ข้าหวังว่าในช่วงเวลาสั้นข้าจะสามารถบรรลุผ่านคอขวดสัจธรรมแห่งความเร็วนี้ได้ วิธีนั้นข้าจะสามารถปกป้องพวกเราได้ดีมากขึ้น” ลินลี่ย์รำพึงในใจเงียบๆ
เมืองเรดออร์คิดภายในลานว่างของโรงแรม
อินนิโกได้รับข่าวที่ส่งมาจากไวโอนาซบริวารของเขา เขาอดขมวดคิ้วไม่ได้ “ข้าไม่คาดเลยว่าเจ้าเฒ่าทั้งสองจะเชิญอสูรที่ทรงพลังมาได้ การฝึกปรือวิถีทำลายล้างได้ระดับนั้นก็หมายความว่าเขาอาจจะเป็นอสูรห้าดาวหรือหกดาวก็ได้”
อินนิโกไม่กล้าคาดคิดว่าจะเป็นอสูรเจ็ดดาว
นี่เป็นเพราะอสูรเจ็ดดาวเป็นสุดยอดฝีมือที่มีชื่อเป็นของตนเอง พวกเขาไม่ได้ขาดแคลนเงินทองและพวกเขาเป็นกลุ่มสุดยอดในระดับนักสู้ของอสูร โดยทั่วไปพวกเขาจะไม่รับภารกิจง่ายๆ
“อินนิโก” ชายชราชุดเขียวปรากฏอยู่ในลานว่างอีกครั้ง
อินนิโกเมื่อเห็นคนผู้นี้ก็ยืนขึ้นและพูดด้วยความเคารพทันที “อาจารย์,ผลการปฏิบัติภารกิจของไวโอนาซเป็นที่รู้ดีกันแล้ว...” อินนิโกบอกผลของการต่อสู้และรายละเอียดกับอาจารย์ของเขาทันที
ชายชราชุดเขียวขมวดคิ้ว“โอว? การฝึกในสายวิถีทำลายล้าง และฆ่าเทพชั้นสูงสิบคนในดาบเดียวน่ะหรือ? พลังอย่างนี้ยากจะต่อต้านจริงๆ” ชายชราชุดเขียวแม้ว่าจะค่อนข้างกังวลเกี่ยวกับพลังของฝ่ายตรงข้าม แต่ไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องน่าสิ้นหวัง
“อาจารย์, ท่านรู้สึกมั่นใจไหม?” อินนิโกพูดเบาๆ
ชายชราชุดเขียวพูดเบาๆ“ตั้งแต่เขายอมรับภารกิจ อย่างนั้นอสูรนี้ไม่น่าจะใช่อสูรเจ็ดดาว ในเมื่อเขายังเป็นอสูรหกดาว...ข้าน่าจะเอาชนะเขาได้ อย่างไรก็ตามเกี่ยวกับพลังของดาบโจมตีที่เจ้าอธิบายถึง พลังโจมตีที่อสูรนั้นใช้ทรงพลังมาก ข้าไม่สามารถรับได้โดยตรง”
“ไม่จำเป็นต้องให้เขาเผชิญกับอาจารย์โดยตรง ท่านแค่ต้องฆ่าตาแก่สองคนนั้นเท่านั้น”อินนิโกรีบกล่าว
ชายชราชุดเขียวพยักหน้าเล็กน้อย “ถ้าเป็นอย่างนั้น ข้าก็มีความมั่นใจ ข้าแค่จำเป็นต้องแยกอสูรออกไปช่วงเวลาหนึ่ง”
“อย่างนั้นข้าขอฝากทุกอย่างไว้กับท่าน อาจารย์”
ชายชราชุดเขียวหัวเราะอย่างสงบ
ลินลี่ย์อยู่ในห้องของเขายังคงฝึกต่อจนเกือบปี
หือ?“ ลินลี่ย์ลืมตา ”ทำไมข้าจู่ๆ ก็รู้สึกอึดอัดขึ้นมาเล่า?”
เพราะเหตุผลบางอย่างลินลี่ย์รู้สึกมีความกระวนกระวายบางอย่างในใจ ลินลี่ย์สูดหายใจลึก และสงบความรู้สึกของตนทันที
เดเลียลืมตาเช่นกัน “ลินลี่ย์!เกิดอะไรขึ้น?”
ลินลี่ย์มองผ่านหน้าต่างออกไปข้างนอก “ไม่มีอะไร, เพียงแต่ขณะที่ข้ากำลังฝึก ข้ารู้สึกใจข้ามีความอึดอัดขึ้นมาด้วยเหตุผลบางอย่าง” ตอนนี้พื้นที่ข้างอสูรโลหะเป็นทะเลทรายกว้างไกล ลมพัดทรายรุนแรงจนปลิวขึ้นมาในท้องฟ้า
อสูรโลหะยังคงบินต่อไปด้วยความเร็วสูง
“เจ้าก็รู้สึกได้เช่นกันหรือ?” เดเลียพูดอย่างประหลาดใจ “ข้าก็รู้สึกอึดอัดเช่นกัน”
ขณะนั้นเองอสูรโลหะถูกทรายสีเหลืองปกคลุมอย่างสิ้นเชิง เดิมทีนักสู้อสูรที่อยู่ในอสูรโลหะไม่สนใจเรื่องทราย แต่... พอจู่ๆ อสูรโลหะถูกปกคลุมด้วยทรายในพริบตาทั่วทั้งอสูรโลหะ...
“บึ้ม!!!!”
ฉีกกระจายเป็นเสี่ยง