ตอนที่ 15-1 รวมอสูร
ภารกิจสองดาวคุ้มกันภัยจากเมืองรอยัลวิง แคว้นไนท์บลาส ไปเมืองบลูเมเปิล แคว้นเรนโบว์ การเดินทางเกือบสี่พันล้านกิโลเมตรค่าตอบแทนภารกิจ สองแสนศิลาดำ
แม้ว่าระยะทางจะไกลถึงสี่พันล้านกิโลเมตรพูดง่ายๆ เมื่อโดยสารอสูรโลหะ ใช้เวลาสองสามทศวรรษก็คงพอ ภารกิจคุ้มกันภัยสองสามทศวรรษและได้รับรางวัลสองแสนศิลาดำถือว่าเป็นผลตอบแทนที่สูงสำหรับอสูรหนึ่งดาวหรืออสูรสองดาว
“เจ้าเลือกภารกิจนี้ใช่ไหม?” บุรุษหนุ่มเงยหน้าประหลาดใจชำเลืองมองดูกลุ่มลินลี่ย์
ท่าทางสีหน้าของบุรุษหนุ่มทำให้ลินลี่ย์รู้สึกสงสัย “อะไรหรือ? มีเหตุผลใดที่ข้าจะรับภารกิจไม่ได้?”
“โอว, มอบตราอสูรมาให้ข้าสักเดี๋ยว” บุรุษหนุ่มไม่พูดอะไรเป็นพิเศษ กลุ่มของลินลี่ย์ยื่นตราอสูรส่งให้ทันทีเพียงพลิกมือเด็กหนุ่มเอาอัญมณีเปล่งรัศมีสีม่วงออกมา
เขาวางอัญมณีนี้ใกล้ๆตราอสูรทั้งสาม
ภายใต้แสงสีม่วงตัวหนังสือประหลาดปรากฏอยู่เหนือตราอสูรทั้งสามทันที
“หือ?” กลุ่มของลินลี่ย์ค่อนข้างประหลาดใจ
“อะไรนี่? แถวเลข?” บีบีถามจำนวนหมายเลขยาวเป็นพิเศษลอยอยู่เหนือตราอสูร
เด็กหนุ่มพูดตามปกติ “นั่นเป็นหมายเลขประจำของตราอสูรพวกเจ้า อสูรทุกคนจะมีหมายเลขประจำตัวที่แตกต่างกัน และเราสามารถระบุสถานะของเจ้าได้ผ่านหมายเลข ตราอสูรยังระบุว่าเจ้าเป็นอสูรหนึ่งดาว” ขณะที่เขาพูด เขาบันทึกหมายเลขลงในตราอสูรทั้งสาม
และจากนั้นเขาส่งตราอสูรคืนให้กลุ่มของลินลี่ย์ “เรียบร้อย, สิ่งที่พวกเจ้าสามคนต้องทำก็คือไปที่ประตูเมืองในอีกยี่สิบวันนับจากนี้ตอนรุ่งสาง ถึงเวลานั้นเจ้าหน้าที่ของปราสาทอสูรพร้อมกับอาคันตุกะรับประกันภัยจะรอเจ้าทั้งสาม พวกเขาจะตรวจสอบเหรียญตราอสูรของพวกเจ้าดังนั้นพวกเขาจะระบุสถานะของพวกเจ้าได้เป็นธรรมดา”
“มีค่าใช้จ่ายกับการรับภารกิจไหม?” ลินลี่ย์ถาม
ลินลี่ย์เคยได้ยินว่าภารกิจของปราสาทอสูรเกือบทั้งหมดต้องจ่ายค่าธรรมเนียมก่อนรับงาน
เด็กหนุ่มหัวเราะ “นั่นขึ้นอยู่กับภารกิจ รับภารกิจคุ้มกันภัยไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าธรรมเนียม”
กลุ่มของลินลี่ย์ออกจากปราสาทอสูรกลับไปยังที่พักของตนเอง
“อา, งั้นเราก็มีเวลาอีกยี่สิบวัน ในยี่สิบวันเราจะไปจากที่นี่แล้ว” บีบีโยนหมวกฟางของเขาลงบนโต๊ะหินจากนั้นถอนหายใจ “เราอยู่ที่นี่มานานถึงสามสิบปี ข้าคงจะคิดถึงแย่”
ลินลี่ย์อดถอนหายใจยาวมิได้
พวกเขามาแดนนรกเป็นเวลานานแล้ว ในที่สุดพวกเขาก็กลายเป็นอสูรได้ ในเวลายี่สิบวันพวกเขาจะเริ่มเดินทางไปยังแคว้นอินดิโก
“ลินลี่ย์” หน้าของเดเลียมีรอยยิ้ม “ทารอส ไดลินและคนอื่นๆ มาถึงในแดนนรกนี้ก่อนเราเจ้าคิดบ้างไหมว่าพวกเขาอาจจะไปอยู่กันที่ไหน? เวลานี้ เมื่อเราออกจากเมืองรอยัลวิงเราจะได้พบพวกเขาในระหว่างทางหรือเปล่า?”
“ทารอส, ไดลิน?” ลินลี่ย์อดคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตไม่ได้
“พวกเขาทุกทคนอยู่ด้วยกัน ทารอสและไดลินโดยเฉพาะอย่างยิ่ง พวกเขาไม่ใช่แค่เทพแท้ พวกเขาเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาน่าจะมีความสามารถปกป้องตนเองได้” ลินลี่ย์มองดูขอบฟ้าระยะไกล “เพียงแต่แดนนรกนี้กว้างใหญ่ไพศาลมากเหลือเกิน ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาท่องเที่ยวไปที่ใดกันแน่”
แดนนรกมีห้าทวีปใหญ่และทะเลสตาร์มิสต์ (หมอกดาว) และทะเลชาวติค
จากดินแดนโลกธาตุใครๆ ก็สามารถเที่ยวไปที่ใดก็ได้และมาปรากฏภายในที่หนึ่งในเจ็ดภูมิภาคนี้แค่สองสถานที่ก็มีระยะห่างกว้างไกลสุดกู่ ถ้าพวกเขาไม่ถูกส่งมาในทวีปเดียวกัน การจะพบกันได้เป็นเรื่องยากจริงๆ
บีบีรีบส่ายหัวและกล่าว“ใช่แล้ว, ไม่ใช่เรื่องแย่นักที่ทารอสและคนอื่นอยู่ในแดนนรก แต่โอลิเวอร์มาตามลำพัง ที่สำคัญเขาเป็นเทียมเทพมีแนวโน้มว่าคงจะต้องมีช่วงเวลายากลำบากกว่าที่เรามาถึงคราวแรก”
“ไม่ได้มาแดนนรกด้วยตัวเองใครจะรู้ว่าเป็นแบบนี้?” ลินลี่ย์หัวเราะอย่างใจเย็น “อย่างไรก็ตาม ก็เป็นเรื่องสมเหตุสมผลแล้ว ยอดฝีมือจากดินแดนโลกธาตุใช้เวลาเที่ยวอยู่ที่นี่นับปีไม่ถ้วน และในแดนนรกเองก็มีหลายเผ่าพันธุ์..เป็นเรื่องปกติที่ในที่นี้จะมียอดฝีมือมากมาย”
กลุ่มของลินลี่ย์รู้สึกผ่อนคลายมาก ที่สำคัญ ตอนนี้พวกเขามีสมบัติเกินร้อยล้านศิลาดำและกลายเป็นอสูร ในแดนนรก พวกเขาไม่มีปัญหาในการปักหลักสร้างตัวเอง
กลุ่มของลินลี่ย์ยังคงมุ่งมั่นกับการมุ่งสู่แคว้นอินดิโก
ภายในยี่สิบวันที่เหลือกลุ่มของลินลี่ย์ฝึกฝนเงียบๆ เดเลียเพ่งอยู่กับการดูดซับประกายเทพชั้นสูง อย่างไรก็ตามการดูดซับประกายเทพชั้นสูงจะต้องใช้เวลาเป็นสิบปีในพริบตาเดียว....
ยี่สิบวันผ่านไป
เวลาเช้าตรู่นี้หมอกเย็นยามเช้าลอยเอื่อยอยู่รอบเมืองรอยัลวิง ในกลางอากาศยังคงมองเห็นพระจันทร์สีม่วง แต่แน่นอน นี่ผ่านเลยช่วงจำกัดเวลาห้ามออกจากเคหสถานไปแล้วกลุ่มของลินลี่ย์ลุกขึ้นแต่เช้าตรู่และมุ่งหน้ามาที่ประตูเมืองรอยัลวิง
“เมืองรอยัลวิง!”บีบีถอนหายใจอย่างตื้นตันขณะเดิน “ในอนาคตบางทีข้าอาจไม่มีโอกาสกลับมายังเมืองรอยัลวิงอีก”
“อย่าคิดมากไป”ลินลี่ย์เห็นบีบีมีสีหน้ามากไปด้วยอารมณ์แล้วอยากหัวเราะ “โอว,ประตูเมืองอยู่ข้างหน้านั่น”
“อือ..เรามาถึงแล้ว” ตาของบีบีเป็นประกายและเขามองดูทันที อสูรโลหะอยู่ที่ไหน? ทำไมข้ามองไม่เห็นเลย?” บีบีมองดูท้องฟ้านอกเมืองอย่างระมัดระวัง แต่เขาไม่เห็นร่องรอยของอสูรโลหะ
ลินลี่ย์รู้สึกงงเช่นกัน
พูดกันโดยทั่วไปควรจะมีอสูรโลหะอยู่ข้างนอกแล้ว
“ไปข้างนอกก่อนแล้วค่อยคุยกัน” ลินลี่ย์กล่าว ขณะที่พวกเขาก้าวเดินผ่านประตูบุรุษหนุ่มชุดขาวผมเงินเมื่อเห็นตราอสูรที่หน้าอกพวกเขาก็เดินเข้ามาหาทันทีและถามด้วยเสียงเบา “พวกเจ้ามาที่นี่เพื่อรับภารกิจคุ้มกันภัยไปเมืองบลูเมเปิลแคว้นเรนโบว์ใช่ไหม?”
“ถูกแล้ว” กลุ่มของลินลี่ย์พยักหน้า
บุรุษหนุ่มผมเงินหัวเราะและพยักหน้า “อย่างนั้นขอเชิญไปที่ชั้นสองของร้านอาหารใกล้ประตูก่อน พวกอสูรที่รับภารกิจคุ้มกันภัยไปรวมตัวกันอยู่ที่นั่น”
“ใกล้ประตู?” ลินลี่ย์หันไปมอง “ร้านอาหารทางทิศเหนือ หรือว่าร้านทางทิศใต้”
“เป็นร้านทางทิศใต้ ที่ประตูร้านเจ้าจะเห็นคนที่แต่งตัวชุดขาวเหมือนกับข้า พอเมื่อเจ้าไปถึงเขาจะต้อนรับพวกเจ้า” บุรุษหนุ่มผมเงินกล่าว
กลุ่มของลินลี่ย์งง งานคุ้มกันภัยควรจะรวมตัวกันและออกไปแต่เช้าตรู่ แล้วทำไมพวกเขาจะต้องไปที่ร้านอาหารด้วยเล่า?
อย่างไรก็ตามร้านอาหารอยู่ในเมืองรอยัลวิงและเหตุรุนแรงก็เป็นเรื่องต้องห้ามภายในเมืองรอยัลวิง กลุ่มของลินลี่ย์ไม่ต้องกลัวว่าจะเสียเปรียบหรือถูกรังแกเป็นธรรมดาที่พวกเขาจะกลับเข้าเมืองรอยัลวิงอีก ขณะเดียวกัน อสูรอื่นผู้รับภารกิจนี้ก็ถูกพาเดินตามลินลี่ย์ไปอีกร้านอาหารอีกแห่งหนึ่ง
“พวกท่านทั้งสามคนโปรดรอสักเดี๋ยว” เด็กหนุ่มชุดขาวผมฟ้ายิ้มที่ประตูทางเข้า เขาเห็นเพื่อนร่วมงานของเขาที่ประตูด้านนอกบอกให้สามคนนี้เข้ามา ดังนั้นเขารู้ว่าสามคนนี้มาที่นี่เพื่อรับภารกิจ
ด้านหลังกลุ่มของลินลี่ย์ยังมีอสูรอีกสองคน
ลินลี่ย์ชำเลืองมองพวกเขาและประเมินได้ว่าเป็นเทพแท้ทั้งหมด
“พวกท่านทั้งห้าคน โปรดมากับข้า” บุรุษชุดขาวผมฟ้านำทางกลุ่มลินลี่ย์ที่มีอยู่ห้าคนไปที่ชั้นสองของร้านอาหารทันที ตอนนี้ห้องรวมบนชั้นสองของร้านอาหารคึกคักมีคนรวมอยู่ที่นี่ราวสี่สิบหรือห้าสิบคนในตอนนี้
ที่บันไดขึ้นชั้นสองมีบุรุษชุดดำยืนนิ่งกับที่
“เจ้าหน้าที่ปราสาทอสูรหรือ?” ลินลี่ย์สามารถบอกได้ทันทีเพราะคนผู้นี้ถืออัญมณีชิ้นหนึ่งในมือที่ฉายแสงสีม่วง
“พวกท่านทั้งห้าคนโปรดให้ข้าได้ตรวจสอบด้วย” บุรุษนั้นยิ้ม
เขาใช้อัญมณีนั้นซึ่งเปล่งแสงสีม่วงแตะใกล้อกลินลี่ย์และคนอื่น แสงสีม่วงฉายลงที่ตราอสูรทันทีและปรากฎหมายเลขประจำตัวอสูรและระดับดาวบุรุษชุดดำถือหนังสือในมือเล่มหนึ่ง บนหนังสือบันทึกหมายเลขประจำตัวของอสูรผู้เข้าร่วมภารกิจนี้
หลังจากตรวจสอบเสร็จแล้วและบุรุษชุดดำได้ยืนยันสถานะของทุกคนเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“ยินดีต้อนรับพวกเจ้าทั้งห้าคน” บุรุษชุดดำยิ้มและพยักหน้า มาถึงตอนนี้เขาอนุญาตให้กลุ่มของลินลี่ย์เข้าไปในกลางห้องโถง
ชายชราผมขาวซึ่งบนหน้าผากมีเขาสีดำยาวเรียงในลักษณะวงกลมเดินเข้ามาหาพร้อมกับรอยยิ้ม “ยินดีต้อนรับพวกเจ้าทั้งสามคน การเดินทางของพวกเราจะไม่ได้เริ่มต้นในตอนเช้าตรู่วันนี้ แต่จะเป็นตอนพระอาทิตย์ตกดินเชิญรับอาหารที่นี่ตามสบายก่อน เราจะรับเป็นเจ้าภาพค่าอาหารที่นี่เอง”
“พระอาทิตย์ตกดิน?”
แม้ว่ากลุ่มของลินลี่ย์จะค่อนข้างงงแต่พวกเขาไม่ถือสา
วันหรือสองวันสำหรับเทพแล้วไม่มีอะไรมาก
ลินลี่ย์เดเลียและบีบีพบมุมสงบทานอาหารที่ชั้นสอง จากนั้นนั่งลงบนโต๊ะและสั่งอาหารตามปกติ
“ลินลี่ย์! ข้ามีความรู้สึกว่าภารกิจคุ้มกันนี้ดูเหมือนจะผิดปกติไปบ้าง” เดเลียพูดเบาๆ
ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย “ถูกแล้ว ดูสิ แม้แต่อสูรส่วนใหญ่ที่นี่ก็เป็นระดับเทพแท้มีระดับเทพชั้นสูงประมาณสิบคนก็ยังเป็นระดับสี่ดาวหรือพลังมากกว่านั้น สำหรับพวกเขาที่เชิญอสูรมามากขนาดนั้น...ราคาว่าจ้างคงไม่ต่ำแน่
ภารกิจส่งมอบโดยปราสาทอสูรไม่ได้กำหนดค่าตอบแทนสุ่มสี่สุ่มห้าคงเป็นไปตามมาตรฐานที่ปราสาทอสูรวางไว้
เชิญอสูรหนึ่งดาวหรือสองดาวราคาก็ไม่แย่นัก แต่สำหรับอสูรสี่ดาวหรือห้าดาว ราคาจะสูงอย่างน่าประหลาดใจ
“ท่านแลร์มองต์”
“ท่านแลร์มองต์มาแล้ว” ทันใดนั้นเสียงหลายคนดังมาจากใจกลางร้านอาหาร
กลุ่มของลินลี่ย์อดหันไปมองไม่ได้เช่นกันเด็กหนุ่มร่างผอมผมสีฟ้ากำลังเดินขึ้นมา ทันใดนั้นอสูรสองสามคนลุกขึ้นยืนต้อนรับเขาโดยเฉพาะเทพชั้นสูงข้างหน้าเขากว่าครึ่งยืนทักทายเขา
เด็กหนุ่มเย็นชาชื่อแลร์มองต์กวาดสายตามองในร้านอาหารในที่สุดพวกเขาก็เห็นบุรุษหนุ่มรูปงามสามพี่น้อง ซึ่งหน้าตาคล้ายกัน รอยยิ้มปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขาทันที “เอ็ดเวิร์ด!พวกเจ้าสามพี่น้องก็มารับภารกิจครั้งนี้ด้วยหรือ? อย่างนั้นงานข้าก็ง่ายขึ้น”
สามพี่น้องหัวเราะและยืนขึ้น
“ท่านแลร์มองต์ ท่านก็รับภารกิจเหมือนกันอย่างนั้นเส้นทางนี้ก็คงจะไม่อันตรายสำหรับพวกเราแล้ว” หนึ่งในสามพี่น้องรูปงามพูดขึ้น
ตอนนี้ชายชราผมขาวที่มีเขาสามข้างหัวเราะและเดินเข้ามา “ท่านแลร์มองต์ ท่านเอ็ดเวิร์ดและเหล่าสหาย,การเดินทางครั้งนี้ เราต้องรบกวนท่านแล้ว” ในสายตาของชายชราผมขาว ไม่จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับอสูรอื่น
ทุกคนที่รู้จักแลร์มองต์หรือพี่น้องเอ็ดเวิร์ดจะไม่โกรธเรื่องนี้
แลร์มองต์เป็นอสูรหกดาวที่ทรงพลัง
พี่น้องเอ็ดเวิร์ดเป็นอสูรห้าดาวกันทุกคน!
กล่าวโดยทั่วไปบรรดาอสูรที่ทรงพลังที่สุดอสูรเจ็ดดาวจะกระจายอยู่ทั่วทุกหนแห่งการขอให้พวกเขารับภารกิจเป็นเรื่องที่ยากมาก อย่างไรก็ตามกล่าวโดยทั่วไป อสูรหกดาวก็นับว่าทรงพลังมากมายอยุ่แล้ว มีหนึ่งในอสูรหกดาวร่วมภารกิจ ก็แทบจะไม่มีปัญหากับภารกิจเลย
“ท่านแลร์มองต์เป็นใครกัน?” ในที่ไม่ห่างจากลินลี่ย์ ใครบางคนเริ่มพูดเบาๆ
ดูเหมือนว่าไม่ใช่แค่ลินลี่ย์เท่านั้นที่งง
“ท่านแลร์มองต์เป็นอสูรหกดาวเป็นหนึ่งในยอดฝีมือของเมืองรอยัลวิงของเรา”
กลุ่มของลินลี่ย์อดรู้สึกตกใจไม่ได้
เวลานี้เมื่อพวกเขามุ่งหน้าไปปราสาทจันทราคนที่แข็งแกร่งที่สุดก็คือโลซูสและคนอื่นอีกสองคน โลซูสเป็นเพียงอสูรห้าดาว แต่เขาก็ยังสามารถฆ่าเจ้าปราสาทจันทราโดยไม่ยอมให้เขาได้มีโอกาสสู้ตอบโต้ อสูรห้าดาวทรงพลังมากมายแล้วอย่างนั้นอสูรหกดาวจะทรงพลังมากมายแค่ไหน?
นอกจากนี้อสูรหกดาวคนหนึ่งให้ความสนใจกับภารกิจคุ้มกันภัยด้วยหรือ?นี่ทำให้ลินลี่ย์รู้สึกประหลาดใจด้วยเช่นกัน
กลุ่มคนมากมายยังคงสำราญกับอาหารเลิศรสจนกระทั่งพระอาทิตย์ตก ระหว่างเวลานี้เองกลุ่มของลินลี่ย์จึงได้รู้ว่ามีอสูรระดับเทพชั้นสูงรับภารกิจนี้เกือบยี่สิบคนและอสูรชั้นเทพแท้เกือบร้อยคน
อสูรมากมายและผู้นำเป็นอสูรระดับหกดาว
มีอสูรระดับหกดาวรับภารกิจคุ้มกันสี่พันล้านกิโลเมตรค่าตอบแทนคงอยู่ในระดับที่น่าทึ่ง คงมากกว่าอสูรระดับเทพแท้สิบเท่าหรือร้อยเท่า
“การคุ้มกันภัยนี้ไม่ธรรมดาแน่นอน” ลินลี่ย์ค่อนข้างกังวล
ที่นอกเมืองรอยัลวิงยามพระอาทิตย์ลับฟ้า
กลุ่มของลินลี่ย์ภายใต้การนำทางของชายชราผมขาวเข้าไปในอสูรโลหะขนาดใหญ่อย่างเงียบงัน ส่วนใหญ่ทันทีที่พวกเขาเข้าไปในอสูรโลหะแทบยังไม่ทันได้ตัดสินใจเลือกที่นั่ง อสูรโลหะก็เริ่มเคลื่อนที่ออกไปทันที
แค่เพียงมีเสียงควั่บ... อสูรโลหะก็หายลับฟ้าไปและออกเดินทางจากเมืองรอยัลวิงมุ่งหน้าสู่เมืองบลูเมเปิล