ตอนที่แล้วตอนที่ 115 บทกวีที่สั่นคลอนโลก(ตอนฟรีปีใหม่)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 117 เจตจำนงกระบี่ห่าวหราน(ตอนฟรีปีใหม่)

ตอนที่ 116 ความคิดของเฟิงเฉาเกอ(ตอนฟรีปีใหม่)


เมิ่งเยวี่ยเอ๋อร์ตัวแข็ง

ไม่คิดว่าจะถูกพูดเช่นนี้เข้าแม้จะเป็นฝ่ายริเริ่มชวน

ฮัวหมานโหลวลดเสียงลง"น้องซู โออิรันเชิญเจ้าเอง และมันก็ไม่ต้องเสียเงิน เจ้าโง่หรือเปล่า?"

ซูสือมองเฉินชิงหลวนแล้วยิ้ม"แต่ข้ายังต้องกำจัดอันตราย"

เฉินชิงหลวนหน้าแดงและก็หยิบเอวของซูสือ

เมิ่งเยวี่ยเอ๋อร์ทำตัวไม่ถูกและส่ายหัว"เช่นนี้แล้ว มันเป็นข้าเองที่คิดไปเอง แต่ถ้าคุณชายซูมาอีกในอนาคต ข้าจะมักต้อนรับท่าน"

หลังพูด นางก็ดูไม่เต็มใจอยู่นานกว่านี้ นางเดินออกไป

พอมองแผ่นหลังนั่น ฮัวหมานโหลวก็ถอนหายใจ"เจ้าทำเสียของ"

แม้เฉินชิงหลวนจะสวย แต่ก็ไม่ได้อ่อนช้อยและงามเท่าโออิรัน

พอตระหนักถึงสายตาอยากรู้รอบตัวเขา ซูสือก็พูด"ดูเหมือนข้าต้องขอตัวก่อน พี่ชายฮัว ไว้ค่อยดื่มกันครั้งหน้า"

ภายใต้สายตาของฝูงชน เขาดึงเฉินชิงหลวนออกจากหอไป

ฮัวหมานโหลวมองจอกสุราบนโต๊ะ เขายังรู้สึกเหมือนฝัน

"ไม่อยากเชื่อเลยว่าข้าจะได้ดื่มกับซูสือ!"

"เซิ่งจื่อแห่งวิถีมาร..ก็ไม่ได้ดูน่ากลัวอย่างข่าวลือว่า"

ฮัวหมานโหลวยิ้ม

ตอนนี้หอนางโลมที่เงียบสงบปะทุขึ้นด้วยเสียงโวยวาย

ซูสือมาเมืองหลวง?

นี่เป็นข่าวใหญ่!

ฉูชีหนาเปลี่ยนสี

"ไม่ เรื่องนี้ต้องถึงหูท่านพ่อ!'

เขาไม่สนใจเกี่ยวกับบัณฑิตที่นั่งอยู่กับพื้นและรีบเดินออกไปจากหอเฟิงชุน

ในพริบตา ทุกฝ่ายก็หายไป

เหลือเพียงฮัวหมานโหลวที่ยังนั่งเหม่อ

"อัจฉริยะชัดๆ!"

บนถนน

ซูสือกับเฉินชิงหลวนเดินเคียงข้างกัน

มันไม่รู้ว่าทั้งสองลืมตัวหรืออะไร แต่ทั้งสองจับมือกันไม่ปล่อย

หลังผ่านไปนาน เฉินชิงหลวนก็พูด"เจ้าไม่คิดจะรับคำเชิญของโออิรันจริงเหรอ?นี่คือโอกาสที่หลายคนโหยหาเชียวนะ"

ซูสือส่ายหัว"ข้าไม่สนใจในตัวนาง"

นี่เป็นความจริง

เขาเห็นสาวงามมามาก

จ้านชิงเฉิง อวิ๋นฉีหลัว เฉินชิงหลวน ไป่ชิง...ไม่ว่าใครก็ถือเป็นสาวงามชั้นนำของโลก

รอยยิ้มแสดงชัดในดวงตาของเฉินชิงหลวน จากนั้นนางก็กระซิบอย่างลังเล"จริงๆแล้ว ข้าไม่ได้แข็งกระด้างแบบที่ฮัวหมานโหลวพูดนะ'

"ข้ารู้'

ซูสือพยักหน้า"เจ้าดูดุร้ายบนผิวเผิน แต่จริงๆเจ้ายังมีหัวใจของสตรี"

เฉินชิงหลวนตัวแข็ง"ทำไมเจ้าถึงพูดแบบนั้น"

ซูสือกระแอมลำคอ"ครั้งล่าสุดที่ข้าช่วยเจ้ารักษาแผล ข้าสังเกตเห็นว่าเจ้าสวมชุดชั้นในสีชมพูลายกระต่ายน้อยน่ารัก"

"??"

ใบหน้าสวยของนางขึ้นสีแดงขณะที่นางพูดตะกุกตะกัก"เจ้า เจ้าคนโรคจิต!เจ้ามีเจตนาชั่วร้ายจริงๆ!"

ซูสือยักไหล่"แต่เจ้าถอดมันเองนี่ มันต้องเห็นอยู่แล้ว..."

"เจ้ายังพูดอีก!"

เฉินชิงหลวนทั้งอายทั้งโกรธ

"ระวังสิ เจ้ายังเจ็บอยู่นะ...อย่าตีข้า!'

วังจ้าวเทียน

เฟิงเฉาเกอมองกระดาษในมือ ดวงตานางซึ่งมักสงบสั่นเล็กน้อย

"แน่ใจนะว่าบทกวีนี้เขียนโดยซูสือ?"

ขุนนางหญิงพยักหน้า"เจ้าค่ะ เมิ่งเยวี่ยเอ๋อร์บอกว่ามันถูกเขียนโดยตัวซูสือเอง และนี่ก็ใช้เวลาไม่ถึงก้านธูป"

ใครจะไปคิดว่าโออิรันที่คนนับล้านหมายปองจะกลายเป็นหูของราชวงศ์?

เฟิงเฉาเกอเงียบ

แค่ไม่กี่คำพูด เขาเขียนถึงความรุ่งโรจน์และการล่มสลายของประวัติศาสตร์ มีแค่คนจิตใจเปิดกว้างถึงเห็นอะไรได้หมดเปลือกแบบนี้

และนี่คือบทกวีที่ชายหนุ่มคนหนึ่งเขียนขึ้นมา?

"ถูกผิด แพ้ชนะ ไร้ความหมาย"

"แต่เนินเขาเขียวยังคงอยู่ ดวงตะวันยังคงสาดส่อง"

แม้กระทั่งราชวงศ์ที่แข็งกแร่งสุดก็ไม่สามารถเลี่ยงความแปรปรวนของประวัติศาสตร์ได้ สุดท้ายแล้ว พวกเขาจะกลายเป็นสิ่งที่คนดื่มสุราไว้ใช้คุยกัน

มีเพียงเนินเขาเขียวกับดวงตะวันที่จะยังคงอยู่ไปตลอด

เฟิงเฉาเกอตกตะลึงอยู่นานและถอนหายใจ"ไม่คิดเลยว่านอกจากพรสวรรค์บ่มเพาะ เขาจะเป็นเลิศด้านนี้ด้วย'

บทกวีที่หลี่มู่ไป๋เขียนก็ไม่เลว

แต่เทียบกันแล้ว ไม่ว่าจะเป็นลายอักษรหรือความคิด มันคนละระดับกับซูสือ

"บัณฑิตอันดับหนึ่งที่ข้าหยิบเลือกมายังเทียบไม่ได้กับคนของวิถีมาร?"

หน้าอกของเฟิงเฉาเกอรู้สึกกลวงโบ๋

"นอกจากนี้ มีข่าวอื่นไหม?"

"แม้ซูสือจะเป็นผู้ชนะ แต่เขาปฏิเสธคำเชิญของโออิรันเจ้าค่ะ'

เฟิงเฉาเกอส่ายหัว"ซูสือต่างจากฉูชี ผู้หญิงทั่วไปจะไม่สามารถล่อสายตาเขาได้เลย..."

นี่อยู่ในความคาดหมายของนาง

นางไม่คิดจะพึ่งพาผู้หญิงมาผูกมัดซูสืออยู่แล้ว

ขุนนางหญิงลังเลและพูด"บัณฑิตหลี่...ช่วงนี้เขาดูสนิทกับฉูชีมาก"

"ตอนบัณฑิตโด่งดัง เขามักจะเข้าตาของทุกฝ่าย"

เฟิงเฉาเกอพูดอย่างไม่แยแส"แต่คนแบบนี้จะมีประโยชน์ต่อข้าอย่างไรถ้าเขาโอนเอนง่ายๆ?"

ขุนนางหญิงก้มหัว

นางรู้ว่าอนาคตของหลี่มู่ไป๋จะถูกหยุดไว้แค่นี้

ในฐานะบัณฑิตชั้นหนึ่ง เขาควรมีอนาคตสดใส แต่น่าเสียดายเขาล้ำเส้นเกินไป

การจับกลุ่มเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวเป็นสิ่งที่ฝ่าบาทไม่ชอบ

เฟิงเฉาเกอมองบทกวีในมือนาง

"ถ้าข้ามีลูกเช่นนี้ ข้าจะยังต้องทำงานหนักไปเพื่ออะไร?"

"ซูสือ เจ้าอยากได้อะไรกันแน่?"

มันยังไม่ถึงวัน แค่ไม่กี่ชั่วโมง เหตุการณ์ในหอเฟิงชุนก็กระจายไปทั่วเมืองหลวงแล้ว

มันราวกับพายุสายฟ้าผุดขึ้นจากพื้นดิน

เหมือนฉลามได้กลิ่นเลือด ทุกขุมอำนาจไม่อาจอยู่เฉยได้

ซูสือมาที่นี่!

ตัวตนของเขาพิเศษ

เขาคือเซิ่งจื่อแห่งวิถีมาร วีรบุรุษแห่งมนุษย์ เห็นได้ชัดว่าเป็นกบฏของกลุ่มกบฏ แต่ก็ถูกฝ่าบาทเรียกตัวมา

และคำพูดที่เขาทิ้งไว้ที่หอเฟิงชุนก็กระจายไปทั่วเมืองหลวง และถูกยกย่องให้เป็นผลงานชิ้นเอก

แม้คนส่วนใหญ่จะไม่เคยพบเจอซูสือ แต่เขาก็ได้เอาชนะบัณฑิตทั้งหลายและกลายเป็นตำนานไปแล้ว

"แพ้ชนะไร้ความหมาย..."

"คำพูดเช่นนี้ แต่ด้วยวัยแค่ยี่สิบ เขากลับมีมุมมองที่กว้างนัก"

ฮัวจินกวน บัณฑิตอาวุโสจากวังหลวงอุทาน"พรสวรรค์ของคนคนนี้ไร้ผู้ต่อกรในโลกหล้าแล้ว"

ทุกคนได้แต่ชมเขา

"ลูกชายไร้ประโยชน์ของข้ายังนักแคะขี้มูกเล่นอยู่เลย ทั้งคู่อายุเท่ากันแท้ๆ แต่ทำไมถึงต่างกันเยี่ยงนี้?"

"ไปบอกฮัวหมานโหลวให้รีบกลับมาคัดลอกบทกวีนี้ให้ข้าห้าร้อยครั้ง!"

เทียบกับโลกภายนอกที่วุ่นวาย

บรรยากาศภายในจวนสกุลเฉินเงียบสงบมาก

เฉินหวังฉวนมองทั้งสองคนที่นั่งอยู่ข้างหน้าเขาและพูด"แล้ว.."

"ทำไมเจ้าถึงพาลูกสาวข้าไปหอนางโลม?"

ซูสือ..."

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด