ตอนที่แล้วตอนที่ 114 โออิรันเผยตัว(ตอนฟรีปีใหม่)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 116 ความคิดของเฟิงเฉาเกอ(ตอนฟรีปีใหม่)

ตอนที่ 115 บทกวีที่สั่นคลอนโลก(ตอนฟรีปีใหม่)


“วีรบุรุษหรอ?”

ซูสือครุ่นคิดสักพัก จากนั้นเขาก็หยิบพู่กันขึ้นมาและเขียนลงไปอย่างลื่นไหล

เฉินชิงหลวนเหลือบมองเขา

นางไม่สามารถละสายตาจากเขาได้

ปากเชอร์รี่ของนางอ้าออกเล็กน้อยและดวงตาของนางเต็มไปด้วยความตกใจ

“บทกวีนี้!!”

ซูสือรีบเขียนมันให้เสร็จและพูดว่า “พี่ชายฮัวอยากดูไหม?”

ฮัวหมานโหลวยังคงเมาและโบกมือ “ไม่จำเป็น ข้าเชื่อในตัวน้องชายซู”

เขาก็แค่พูดตามมารยาท

ท้ายที่สุดมันเป็นความท้าทายจากโอริรัน เมิ่งอวี่เอ๋อร์!

ซูสือรู้บทกวีเพียงเล็กน้อย เขาจะเทียบกับหลี่มู่ไป๋ได้อย่างไร?

“น้องชายซูช่วยข้าได้มาก ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้า วันนี้ข้าทำคงต้องส่งกระดาษเปล่าเป็นแน่”

ฮัวหมานโหลวส่ายหัวและยิ้มเจื่อน

เขามั่นใจว่าวันนี้จะต้องเสียหน้า ดังนั้นเขาจึงได้แต่หวังว่าเขาจะไม่เสียหน้าจนเกินไป

อีกไม่นานก็หมดเวลาแล้ว

สายใช้รวบรวมกระดาษและวางลงหน้าเมิ่งอวี่เอ๋อร์

เพื่อรักษาหน้าของแขก เฉพาะผลงานที่ดีที่สุดเท่านั้นที่ถูกนำออกมาอ่าน ส่วนที่เหลือถูกวางไว้เฉยๆ สำหรับเกณฑ์การตัดสินนั้นขึ้นอยู่กับโอริรันเป็นผู้ตัดสิน

เมื่อผู้คนเห็นเมิ่งอวี่เอ๋อร์พลิกดูทีละใบ ไม่มีใครกล้าสบตานาง และผู้คนก็ประหม่า

มาตรฐานของโอริรันดูเหมือนจะค่อนข้างสูง!

เมิ่งอวี่เอ๋อร์หพลิกกระดาษจนกระทั่งถึงใบล่างสุดและกล่าวชมว่า “บทกวีขององค์ชายฉูชีดีมาก!”

“ฟ้าดินเต็มไปด้วยสิ่งอัศจรรย์ ภูเขาเต็มไปด้วยหมู่เซียน”

“เขาต้อนม้าหนึ่งหมื่นตัวด้วยคำพูดของเขา และพิชิตฟ้าเบญจมาศ”

“ด้วยจิตวิญญาณแห่งความหาญกล้า เหม่อมองไปรอบ ๆ อย่างไร้จุดหมาย”

“วันนี้ ข้าอยากดื่มกับเจ้า ไม่ใช่แค่เพื่อฉลองปีที่ยาวนานของเจ้าเท่านั้น”

"สุดยอด"

ขณะที่พวกเขาฟังเสียงอันนุ่มนวลของโออิรัน ผู้คนต่างก็ปรบมือ

“บทกวีที่ดี!”

“สมกับเป็นองค์ชายฉู สามารถเขียนผลงานชิ้นเอกนี้ได้ภายในหนึ่งก้านธูป!”

“บทกวีนี้ดีจริงๆ นี่คือผลงานของอัจฉริยะ!”

“ยอดเยี่ยม ช่างเป็นบทกวีที่งดงามจริงๆ!”

ฝูงชนเอ่ยชม

ฉูชีมีสีหน้าที่พอใจ โค้งแขนแล้วพูดว่า “นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร”

ฮัวหมานโหลวฮัมเพลงอย่างไม่แยแส

ใครไม่รู้บ้างว่าบทกวีนี้เขียนโดยหลี่มู่ไป๋?

“ดูเหมือนว่าบทกวีของน้องชายจะถูกข้ามไป”

นี่เป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เขาจะได้ไม่ถูกประจานในที่สาธารณะ

น่าเสียดายที่โออิรันจะถูกเจ้าหมูฉูนั่นแย่งไป

ฉูชีกระตุ้นอย่างกระวนกระวาย “ถึงเวลาประกาศผลแล้วใช่หรือไม่?”

แม่เล้ายิ้มอ่อนแล้วพูด “ดูเหมือนว่าองค์ชายฉูจะใจร้อนจริง ๆ ถ้าอย่างงั้นให้อวี่เอ๋อร์ประกาศเลยก็แล้วกัน”

นางร้องเรียกสองครั้ง แต่เมิ่งอวี่เอ๋อร์ไม่ได้ยินนาง

นางมองกระดาษในมือแล้วนั่งนิ่งราวกับหุ่นเชิด

แม่เล้าขมวดคิ้วแล้วสะกิดนาง “เจ้าเป็นอะไรไป?”

จากนั้นเมิ่งอวี่เอ๋อร์ก็รู้สึกตัว นางยังดูตกใจอยู่

นางสูดหายใจเข้าลึก และพูดเบาๆ ว่า “ข้าขอประกาศว่าผู้ชนะการแข่งขันบทกวีนี้คือ...”

“นายน้อยฮัว ฮัวหมานโหลว”

อากาศกลายเป็นเงียบ

รอยยิ้มของฉูชี ค้างอยู่บนใบหน้าของเขา

ทุกคนรวมถึงฮัวหมานโหลวล้วนตัวแข็ง

“ข้าต้องการคำอธิบาย!”

น้ำเสียงของฉูชีกดต่ำ เต็มไปด้วยความโกรธอย่างเห็นได้ชัด

แม่เล้าก็สับสนเช่นกัน “อวี่เอ๋อร์ นี่มันเรื่องอะไรกัน?”

เมิ่งอวี่เอ๋อร์ส่ายหัว "ไม่มีอะไรต้องอธิบาย แค่บทกวีของนายน้อยฮัวดีกว่า"

"ดีกว่า?"

ฉุชีอยากหัวเราะ

เป็นไปได้ไหมว่าฮัวหมานโหลวมีความสามารถมากกว่าบัณฑิต?

หลี่มู่ไป๋ขมวดคิ้ว ใบหน้าของเขาดูไม่พอใจ รู้สึกราวกับว่าเขาถูกดูถูก

เมิ่งอวี่เอ๋อร์ไม่ได้อธิบาย "ทำไมท่านไม่มาดูด้วยตัวเองเล่า"

หลี่มู่ไป๋เดินไปข้างหน้า เป็นผู้นำและลุกขึ้นไปดู

เขาต้องการที่จะเห็นสิ่งที่ดีกว่าจากอีกฝ่าย!

เมื่อเขาเอื้อมมือไปหยิบกระดาษ เขามองเพียงแวบเดียวก็เหมือนถูกสายฟ้าฟาด ยืนตัวแข็งอยู่กับที่ รูม่านตาหรี่เล็ก และมือของเขาสั่นเบาๆ

กระดาษนี้ดูเหมือนจะมีน้ำหนักหนึ่งพันชั่ง!

ฉูชีรู้สึกแปลกๆ และถามอย่างสงสัย “มู่ไป๋ เกิดอะไรขึ้น?”

“บทกวีนี้...จะต้องถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์!”

หลี่มู่ไป๋นั่งนิ่งอยู่บนพื้น

ความเย่อหยิ่งและความมั่นใจทั้งหมดพังทลายลงในขณะนี้

ฝูงชนก็ยิ่งสับสน

บทกวีประเภทใดที่สามารถทำให้บัณฑิตอัจฉริยะแห่งปีตัดสินเช่นนี้?

ขณะที่กระดาษตกลงไปด้านข้าง มีคนเดินมาหยิบมันขึ้นมาอ่านออกเสียง

“แม่น้ำแยงซีไหลไปบูรพา คลื่ยซัดกวาดพา เหล่าวีรชนลับหาย ถูกผิด แพ้ชนะ หมุนเวียนเป็นวัฏจักร”

“เนินเขาเขียวยังคง ตะวันยังฉายแสง เกาะกลางชล คนตัดฟืน เฒ่าหาปลา สายลมพัด พาผ่านมา...”

"สรวลสุราขุ่น ป้านใหญ่ ให้ตำนาน เก่าใหม่วนไป เสพสราญ ว่ากันไป"

ผู้ชมเงียบลง

สีหน้าของทุกคนประหลาดใจพอๆ กับหลี่มู่ไป๋

แม้ว่าพวกเขาจะไม่ใช่บัณฑิตด้านวรรณกรรม แต่พวกเขาก็รู้เรื่องบทกวีอยู่บ้าง

บทกวีทำให้ทุกคนตกใจ!

มันเป็นบทกวีที่จะถูกจดจำไปหลายศตวรรษ!

ใบหน้าของฉูชีเคร่งขรึม

แน่นอน เขาเข้าใจความงดงามของบทกวีนี้

ฮัวหมานโหลวจะมีพรสวรรค์เช่นนี้ได้อย่างไร?

ฮัวหมานโหลวก็ตกตะลึงเช่นกัน

เขามองไปที่ซูสือด้วยความงุนงง ลำคอของเขาแห้งผากเล็กน้อย “น้อง น้องชายซู เจ้า...”

เดิมทีเขาขอให้อีกฝ่ายเขียนแทนเขาเพื่อไม่ให้เสียหน้ามากจนเกินไป แต่เขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเขียนผลงานชิ้นเอก!

ในเวลานี้สายลมที่มีกลิ่นหอมโชยมา

เมิ่งอวี่เอ๋อร์เดินเข้ามาและพูดอย่างเขินอายว่า “ข้าชอบบทกวีของท่าน ข้าสงสัยว่านายน้อยฮัวอยากจะมากับข้าที่เรือดอกไม้และเราจะคุยกันใต้แสงเทียนได้หรือไม่?”

โอริรันเป็นฝ่ายเอ่ยชวนก่อน!

สายตาของฝูงชนเต็มไปด้วยความอิจฉา และฟันของฉูชีก็แทบจะกัดฟันดังกรอดๆ

อย่างไรก็ตามฮัวหมานโหลวเงียบ

“พี่ชายฮัว ท่านดื่มมากเกินไปหรือ?”

เมื่อเห็นเขาเงียบ ซูสือเตือน “คืนฤดูใบไม้ผลินั้นสั้นนัก อย่าทำให้สาวสวยต้องทนทุกข์ทรมานเลย”

ฮัวหมานโหลวถอนหายใจและส่ายหัว “แม่นางเมิ่งผู้งดงาม ข้าอยากอยู่ร่วมกับเจ้าจริงๆ แต่มีบางอย่างที่ข้าต้องบอกเจ้า”

“บทกวีนี้ ข้าไม่ได้เขียนเอง”

“น้องชายซูข้างๆ ข้าคนนี้เป็นคนเขียน”

เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ ฝูงชนก็มองไปที่ซูสือ

ซูสือสงสัยว่า “พี่ชายฮัว ท่านหมายความว่าอย่างไร?”

ฮัวหมานโหลวยิ้มเจื่อนและพูดว่า "น้องชาย ถ้ามันเป็นบทกวีธรรมดา ข้ายินดีรับความช่วยเหลือจากเจ้า แต่บทกวีของเจ้าดีมากจนข้าไม่สามารถรับได้จริงๆ"

นี่คือบทกวีที่จะโด่งดังไปอีกหลายพันปี ถ้าเขากล้ากล่าวอ้าง เขาจะเป็นคนที่ลวงโลกและขโมยชื่อเสียงคนอื่นไม่ใช่หรือ?

ฉูชีขมวดคิ้ว รู้สึกอยู่เสมอว่า “น้องชายซู” นี้ดูเหมือนเขาเคยเห็นที่ไหนมาก่อน

ทันใดนั้น สายฟ้าก็ฟาดผ่านความคิดของเขา และเขาก็อุทานว่า “ซูสือ! เจ้าคือซูสือ เซิ่งจื่อแห่งวิถีมาร!”

เขาจำได้ว่าเคยเห็นภาพวาดของชายคนนี้ในห้องของท่านพ่อ!

"อะไรนะ?"

"ซูสือ?!"

ทั้งหอนางโลมตกอยู่ในความโกลาหล!

ดาวมารดวงนั้นซึ่งไม่เคยเห็นมาก่อนในหมื่นปี อยู่ตรงหน้าพวกเขาจริงๆ หรอ!

ฮัวหมานโหลวตอบสนองและพึมพำ "ซูสือ ซูสือ...เป็นเจ้าจริงๆ! น้องชายซู เจ้าหลอกข้า!”

ซูสือถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้

เดิมทีเขาตั้งใจจะทำตัวธรรมดา ...

ตาคู่สวยของเมิ่งอวี่เอ๋อร์เป็นระลอกคลื่นด้วยความประหลาดใจ ขณะที่นางจ้องมองซูสือ"ท่านคือวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่ช่วยบ้านเมือง!"

“ข้าได้ยินเกี่ยวกับความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของท่านและจดจำไว้ขึ้นใจ ถ้าท่านไม่ว่าอะไร ข้า.... อยากสละตัวให้ท่าน...”

สาวงามมักหลงรักวีรบุรุษ

ยิ่งไปกว่านั้นวีรบุรุษคนนี้หล่อมาก!

แม้แต่โออิรันผู้ซึ่งอยู่ในโลกแห่งตัณหามานาน หัวใจของนางก็ยังเต้นรัวอยู่พักหนึ่ง

ฮัวหมานโหลวเศร้ามาก “น้องชายซู ได้โปรด อย่าถือสาข้า”

เมื่อเห็นสายตาที่เขินอายและคาดหวังของเมิ่งอวี่เอ๋อร์ ซูสือก็คว้ามือเรียวของเฉินชิงหลวน และพูดด้วยรอยยิ้มว่า "ขออภัย ข้ามีคนรักอยู่แล้ว"

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด