ตอนที่แล้วบทที่ 41: ข้าวเมล็ดเดียวก็สามารถเลี้ยงคนจำนวนมากได้
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 43: การพบปะ  รอยยิ้มกับความกลัว  

บทที่ 42: วิชาเซียน การประเมินศัตรูต่ำเป็นเรื่องต้องห้าม!


บทที่ 42: วิชาเซียน การประเมินศัตรูต่ำเป็นเรื่องต้องห้าม!

เนื่องจากผู้ว่าการมณฑลคนก่อนได้มาที่นี่เพื่อ “เตรียมพร้อมสำหรับราชาคนใหม่” ดังนั้นปริมาณเสบียงอาหารสำรองของมณฑลจูเหอจึงแทบจะไม่เพิ่มขึ้นเลยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

มันมีเสบียงไม่พอจะเลี้ยงคนพันคนด้วยซ้ำ

ยุ้งฉางทุกแห่งมีเพียงชั้นข้าวตื้นๆ เท่านั้น แม้แต่หนูก็ยังต้องอดตายหากตกไปอยู่ในนั้น

ลู่เจิงหมิงยืนอยู่ข้างๆ ซุยเฮ็งอย่างสิ้นหวังและถอนหายใจ “ท่านผู้ว่าการ นี่คือเสบียงอาหารทั้งหมดที่เรามี เราไม่มีเสบียงเหลือพอที่จะช่วยเหลือผู้ลี้ภัยแล้ว”

ที่จริงมันยังมีอย่างอื่นอีกที่เขาไม่กล้าพูด

เดิมที หลังจากบุกค้นตระกูลหวง พวกเขาก็ควรจะรวมภาษีและเสบียงอาหารที่ตระกูลหวงเก็บเอาไว้ในคลังของพวกเขาได้

และด้วยวิธีนี้ ยุ้งฉางของทางการก็จะกลับมาเต็มและจะไม่ดูน่าละอายเหมือนอย่างในตอนนี้

ถึงกระนั้น ซุยเฮ็งก็ได้สั่งให้พวกเขาเอาเงินและเสบียงอาหารทั้งหมดของตระกูลหวงไปแจกจ่ายให้กับผู้คนจนหมดแล้ว ดังนั้นยุ้งฉางของพวกเขาเองจึงยังมีเสบียงเหลืออยู่เท่าเดิม

ในตอนนั้น ลู่เจิงหมิงก็คิดว่านี่เป็นการตัดสินใจของท่านผู้ว่าการเพราะเขาอยากจะสะสมบุญ

แต่มาตอนนี้ เขาก็ยังต้องการจะเปิดยุ้งฉางเพื่อแจกจ่ายเสบียงอาหารให้กับผู้ลี้ภัยอีก

พวกเขาจะไปเอาเสบียงอาหารมาจากไหนกัน?

ในเวลานี้ พวกเขาก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเดือนนี้พวกเขาจะมีเงินเดือนกันรึเปล่า!

“แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว” ซุยเฮ็งยังคงยิ้มอยู่ เขายกมือขวาขึ้นและชี้ไปที่เมล็ดข้าวสารในยุ้งฉาง “ลุกขึ้น!”

ก่อนที่เขาจะพูดจบประโยค ข้าวสารและเสบียงอื่นๆ อีกจำนวนนับไม่ถ้วนก็ได้ลอยขึ้นมาในอากาศ

ลู่เจิงหมิงรู้สึกตะลึงเมื่อเห็นว่าบนท้องฟ้าเหนือยุ้งฉางมีแสงสีเขียวส่องสว่างขึ้นรอบๆ

แสงเหล่านี้เต็มไปด้วยออร่าอันทรงพลัง เพียงแค่มองไปที่พวกมันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้พวกเขารู้สึกราวกับว่าพวกเขากำลังอาบอยู่ในสายลมของฤดูใบไม้ผลิ จิตใจของพวกเขารู้สึกสดชื่นขึ้นมาในทันที

แสงสว่างนี้ดูเหมือนกับจะมีชีวิตเป็นของมันเอง หลังจากที่มันร่ายรำอยู่ในอากาศได้ครู่หนึ่ง พวกมันก็เริ่มลอยเข้าไปในเมล็ดข้าวสารและเมล็ดธัญพืชอื่นๆ

ในเวลาถัดมา เมล็ดข้าวเหล่านี้ก็งอกขึ้นมากลางอากาศและหยั่งรากลงไปในลูกบอลแสงสีเขียวมรกต มันเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว

ในชั่วพริบตา มันก็งอกขึ้นเป็นรวงข้าวสารและข้าวสาลี

ในขณะนี้ ท้องฟ้าเหนือยุ้งฉางก็ได้เปลี่ยนเป็นทุ่งข้าวเขียวขจีและทุ่งข้าวสาลีขนาดใหญ่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น แต่ละอันก็ยังมีขนาดใหญ่มาก ใครๆ ก็สามารถบอกได้ทันทีว่านี่เป็นผลผลิตชั้นดี!

“นี่ นี่ นี่ นี่…” ลู่เจิงหมิงตกตะลึงจนพูดไม่ออก เสียงของเขาสั่นและใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ เขารู้สึกว่าโลกทัศน์ที่เขาสร้างขึ้นมาหลายสิบปีได้พังทลายลงไปแล้ว

แม้ว่าเขาจะรู้มานานแล้วว่าซุยเฮ็งนั้นทรงพลังมากและเขาก็เคยเห็นซุยเฮ็งใช้วิธีการแปลกๆ หลายอย่างมาแล้ว แต่เขาก็ไม่เคยคิดว่าก่อนว่าเซียนจะมีพลังแบบนี้ด้วย!

ความรู้ในอดีตของเขาได้จำกัดจินตนาการของเขาเอาไว้!

การเปลี่ยนแปลงบนอากาศยังคงดำเนินต่อไป กองข้าวสีเขียวและรวงข้าวสาลีขนาดใหญ่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีทอง และกลิ่นหอมก็ลอยอบอวลไปในอากาศ

ในชั่วพริบตา พวกมันทั้งหมดก็เติบโตจนพร้อมเก็บเกี่ยว!

ปัง!

ในขณะนี้ แขนเสื้อของซุยเฮ็งก็ขยับเล็กน้อย

รวงข้าวสารและรวงข้าวสาลีที่ลอยอยู่เต็มท้องฟ้าจู่ๆ ก็ “พ่น” ผลผลิตออกมาอย่างรวดเร็ว!

อย่างไรก็ตาม พวกมันก็ไม่ได้ถูกเก็บไว้ในยุ้งฉาง กลับกัน พวกมันยังคงลอยขึ้นและดูดซับแสงสีเขียวมรกตรอบตัวพวกมัน และเริ่มกระบวนการหยั่งรากและเติบโตขึ้นอีกครั้ง

วงจรนี้ดำเนินต่อไปจนกระทั่งยุ้งฉางเต็มไปด้วยเมล็ดข้าวสารและข้าวสาลี

สาด!

เมล็ดข้าวสารและเมล็ดข้าวสาลีโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้าราวกับน้ำตก

ในชั่วพริบตา ยุ้งฉางสิบแห่งก็ได้เต็มไปด้วยเสบียงอาหาร นอกจากนี้ เสบียงอาหารที่เหลือก็ยังพูนออกมาจนก่อกลายเป็นภูเขาลูกเล็กๆ

“ผู้เฒ่าลู่ เสบียงอาหารแค่นี้เพียงพอสำหรับช่วยเหลือผู้ลี้ภัยไหม?” ซุยเฮ็งหัวเราะเบาๆ

นี่เป็นหนึ่งในพลังที่เขาพัฒนาขึ้นมาในตอนที่เขาทำฟาร์มอยู่ในพื้นที่มิติสำหรับผู้เริ่มต้น

เขาใช้พลังปราณของเขาเพื่อระดมพลังปราณธาตุไม้บนโลก และใช้พลังปราณธาตุไม้เหล่านั้นในการหล่อเลี้ยงเมล็ดธัญพืชต่างๆ และทำให้พวกมันเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว

เขาเรียกมันว่าวิชาดินทอง

“พอแล้ว พอแล้ว พอแล้ว!”

ลู่เจิงหมิงพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า สายตาของเขาจับจ้องไปยังยุ้งฉางที่เต็มไปด้วยเสบียงอาหาร เขารู้สึกวิงเวียนศีรษะราวกับว่าเขากำลังฝันไป

อาหารจำนวนมหาศาลตกลงมาจากบนฟ้าราวกับน้ำตก เขาไม่เคยเห็นฉากแบบนี้มาก่อนในชีวิต และเขาก็ไม่กล้าแม้แต่จะจินตนาการถึงเรื่องนี้

นี่มันน่าเหลือเชื่อเกินไป!

เซียนคืออะไร? นี่หรอคือเซียน!

“ถ้างั้นก็ดีแล้ว เจ้าไปจัดการเรื่องผู้ลี้ภัยให้ดีล่ะ” ซุยเฮ็งยิ้ม

“ข้าจะไม่ทำให้ท่านผู้ว่าการผิดหวังอย่างแน่นอน!” ลู่เจิงหมิงกล่าวด้วยความเคารพ

มณฑลต้าคัง

สำนักงานเทศมณฑลเดิมได้ถูกครอบครองโดยทัพหน้าของราชาหยานเพื่อเป็นที่พักและที่ทำงานของหวังชุน

ระบบทหารที่ราชาหยานตั้งขึ้นคือ 2,500 คนเป็น “หมู่” และ 25,000 คนเป็น “กองทัพ”

ครั้งนี้พวกเขาส่งคนมาทั้งหมด 50,000 คน และมีผู้บัญชาการกองทัพสองคนเป็นคนนำทัพและมีผู้บัญชาการทหารสูงสุดเป็นหวังชุน

ผู้บัญชาการกองทัพคนซ้ายคือเว่ยคุน เขาเกิดมาในกองทัพและฝึกฝนวรยุทธ์ตั้งแต่ยังเด็ก พรสวรรค์ของเขานั้นไม่เลว และเขาก็ได้บรรลุขอบเขตชำระไขกระดูกตั้งแต่ก่อนอายุ 40 เขาสามารถได้รับการพิจารณาว่าเป็นอัจฉริยะชั้นยอดของโลกยุทธ์ได้

ส่วนผู้บัญชาการกองทัพคนขวาคือหยานเฉิง เดิมทีเขาเป็นนายพลแห่งราชวงศ์ต้าจินและมาจากครอบครัวข้าราชการทหาร ยิ่งไปกว่านั้น เขาก็ยังมีพรสวรรค์สูงมาก เขาเป็นปรมาจารย์ขอบเขตควบรวมปราณแล้วตั้งแต่วัยสี่สิบต้นๆ

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเขาเป็นนายพลที่เพิ่งจะย้ายข้างมา ดังนั้นเขาจึงไม่เคยได้รับตำแหน่งสำคัญ และก่อนหน้านี้ เขาก็ได้เคยเสนอตัวเองเพื่อไปเป็นผู้ว่าการมณฑลจูเหอเพื่อรอต้อนรับกองทัพของราชาหยานเพราะเขาต้องการที่จะได้รับความสนใจจากราชาหยาน

อย่างไรก็ตาม ในท้ายที่สุด เขาก็ทำให้การฝึกตนของตัวเองพิการและต้องหนีกลับมาอย่างสะบักสะบอม สิ่งนี้ทำให้ความพยายามก่อนหน้านี้ทั้งหมดของเขาสูญเปล่า

โชคดีที่อาจารย์เซนแห่งอารามมหาจำเริญได้ช่วยเหลือเขาในการฟื้นฟูวรยุทธ์ขึ้นใหม่ ประกอบกับความจริงที่ว่าเขาคุ้นเคยกับผู้ว่าการมณฑลจูเหอคนใหม่เป็นอย่างดี ดังนั้นราชาหยานจึงยอมให้เขานำทัพเข้าโจมตีมณฑลจูเหอ

อย่างไรก็ตาม หยานเฉินก็เคยล้มเหลวมาแล้วครั้งหนึ่ง ดังนั้นเขาจึงยอมจำนนต่อเว่ยคุนซึ่งอยู่ในขอบเขตชำระไขกระดูกเท่านั้น

ในขณะนี้ ในสำนักงานเทศมณฑลต้าคัง

หวังชุนนั่งอยู่ด้านบน ในขณะที่เว่ยคุนและหยานเฉิงอยู่ทางด้านซ้ายและขวาของเขา พวกเขากำลังหารือกันเกี่ยวกับกลยุทธ์ในการโจมตีมณฑลจูเหอ

พวกเขาเพิ่งจะได้รับข่าวมาจากสายลับว่าผู้ว่าการมณฑลจูเหอได้รับผู้ลี้ภัยที่หลบหนีมาจริงๆ และนอกจากนี้ เขาก็ยังเปิดยุ้งฉางเพื่อจัดหาอาหารให้กับพวกผู้ลี้ภัยด้วย

“ฮ่าฮ่าฮ่า ผู้ว่าการมณฑลจูเหอคนนี้บ้าไปแล้วหรอ?” เว่ยคุนมีบุคลิกที่หยาบกระด้าง เมื่อได้ยินข่าวนี้ เขาก็หัวเราะออกมาดังลั่นในทันที “ข้าว่าเดี๋ยวมณฑลจูเหอก็จะถูกทำลายลงโดยน้ำมือของผู้ว่าการของพวกมันเองนั่นแหละ ในไม่ช้า กองทัพของเราก็จะต้องได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน!”

“ไม่เลย แม้ว่าผู้ว่าการมณฑลคนนั้นจะอายุน้อย แต่วรยุทธ์ของเขานั้นก็ไม่ธรรมดาเลย เพราะฉะนั้นแล้ว ข้าว่าเราก็ไม่ควรจะประมาทเขาจะดีกว่า” หยานเฉิงส่ายหัวและพูดอย่างระมัดระวัง “ข้าขอแนะนำให้เราส่งสายลับออกไปเพื่อตรวจสอบรายละเอียดต่อไป”

“ท่านแม่ทัพหยาน นี่ท่านกลัวปัญญาของผู้ว่าการมณฑลน้อยคนนั้นหรอ?” เว่ยคุนหัวเราะเยาะ “ตลอดทางท่านเอาแต่พูดว่าผู้ว่าการมณฑลน้อยนั่นไม่ธรรมดา ข้าว่าท่านก็แค่พยายามจะหาข้อแก้ตัวให้กับความพ่ายแพ้ครั้งก่อนไม่ใช่หรอ?”

“แม้ว่าผู้ว่าการคนนั้นจะไม่ใช่คนธรรมดาจริง แต่เขาก็ยังต้องอยู่ภายใต้การปิดล้อมของกองทัพจำนวน 50,000 นาย แม้ว่าเขาจะเป็นเซียน แต่เขาก็จะยังถูกเราสับเละเป็นเนื้อบดอยู่ดี!”

“เจ้าคนหยาบคายและกักขฬะ เจ้าประเมินศัตรูต่ำเกินไปแล้ว!” หยานเฉิงตะโกนอย่างเหลืออด “ข้าทำสิ่งนี้ก็เพื่อความปลอดภัยของกองทัพและเพื่อฝ่าบาทต่างหาก!”

“เหอะ ความภักดีของจากนายพลแห่งต้าจินที่ยอมจำนน น่าชื่นชมซะไม่มี…” เว่ยคุนเย้ยหยัน

“พอแล้ว!” หวังชุนตบโต๊ะเพื่อหยุดการโต้เถียงระหว่างทั้งสองคน เขาพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “จากคำอธิบายของแม่ทัพหยาน ความสามารถของผู้ว่าการหนุ่มผู้นี้ก็ช่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ แต่สุดท้ายแล้ว มันก็ยังเป็นแรงของคนคนเดียว”

“ในการสู้รบระหว่างสองกองทัพ ความแข็งแกร่งของคนเพียงคนเดียวก็ไม่ได้มีค่าสำคัญอะไรเลย เพราะงั้นแล้ว แม่ทัพหยานโปรดอย่ากังวลจนเกินไปเพราะความพ่ายแพ้ครั้งก่อนของเจ้า”

“ข้า…” หยานเฉิงต้องการจะอธิบาย แต่หวังชุนก็ยกมือขึ้นและหยุดเขาเอาไว้

“ให้ข้าพูดให้จบก่อน” หวังชุนขมวดคิ้วและพูดกับเว่ยคุนว่า “แม่ทัพเว่ย เจ้าเองก็มีความผิดเช่นกัน แม้ว่ากองทัพของเราจะสามารถยึดครองมณฑลจูเหอได้อย่างง่ายดาย แต่เจ้าก็ไม่ควรจะลดการป้องกันลง จงจำเอาไว้ การประเมินศัตรูต่ำนั้นเป็นเรื่องต้องห้าม”

“ข้าเข้าใจแล้ว” เว่ยคุนพยักหน้า แต่เขาก็ยังดูมีความสุข หวังชุนดูเหมือนจะพูดถึงพวกเขาสองคน แต่จริงๆ แล้วเขาก็ยังคงมุ่งเป้าไปที่หยานเฉิงเป็นหลัก

“เนื่องจากเราได้สรุปกันไปแล้ว ดังนั้นพวกเจ้าก็ควรจะหยุดโต้เถียงกันได้แล้ว” หวังชุนยืนขึ้นและกวาดสายตาไปที่ทั้งสองคน เขาพูดต่อว่า “หลังจากนี้ไปเตรียมกองทัพให้พร้อม ในอีกห้าวันพวกเราจะเดินทัพไปที่จูเหอ!”

“และเมื่อถึงตอนนั้น ข้าก็ต้องการจะนั่งพักในสำนักงานเทศมณฑลของมณฑลจูเหอภายในครึ่งวัน!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด