บทที่ 363 ชายผู้มั่งคั่งที่สุดในหมู่บ้าน (ฟรี)
หยางไท่เฉียนใช้เวลาอยู่ในหนานจิงอีกประมาณ 2-3 วัน หลังจากธุระของเขาที่มหาวิทยาลัยเสร็จสิ้นลง เขาก็เดินทางกลับเซียงเจียงทันที
ทุกอย่างก็ได้ดำเนินไปด้วยดีตามแผนที่ได้วางเอาไว้
อากาศเริ่มหนาวเย็นลงเรื่อยๆ ฤดูใบไม้ผลิก็ได้มาถึงอย่างรวดเร็ว ในช่วงเริ่มต้นของฤดูใบไม้ผลินั้น เฒ่าหลี่ก็ได้ยุติงานซ่อมแซมของเก่าของเขาไว้ชั่วคราว
ด้วยเทศกาลปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง เฒ่าหลี่ได้บอกให้เจิงฮัวเฉียงที่เป็นช่างไม้ให้กลับบ้าน ค่อยกลับมาทำงานอีกครั้งหลังเทศกาลปีใหม่
เมื่อซูข่านได้ยินเรื่องนี้ เขาก็ไปที่สวนหลังบ้านทันที ขณะที่ซูข่านเดินไปถึงเขาก็เจอกับเจิงฮัวเฉียงที่กำลังเดินออกมา
"พี่สามครับ"
เจิงฮัวเฉียงเห็นซูข่าน ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างออกทันที ตัวของเขาก้มเล็กน้อยเพื่อแสดงความเคารพ
"งานเสร็จแล้วเหรอ?"
ซูข่านถามด้วยรอยยิ้ม
"ยังมีงานที่ต้องทำอยู่อีกครับ..แต่เฒ่าหลี่ได้บอกให้ผมกลับบ้าน เขาบอกอีกไม่กี่วันก็จะถึงวันตรุษจีนแล้ว เขาอยากให้ผมไปใช้เวลากับที่บ้านเพื่อให้ผมมีความสุขในวันตรุษจีนครับ"
เจิงฮัวเฉียงตอบด้วยรอยยิ้ม รอยยิ้มของเขานั้นแสดงถึงความสุขอย่างที่เขาไม่เคยได้รับมาก่อน
"อืม รีบไปเถอะ"
ซูข่านโบกมือและขยับตัวเล็กน้อยเปิดทางให้เจิงฮัวเฉียงเดิน
"ขอบคุณมากครับพี่สาม"
เจิงฮัวเฉียงโค้งคำนับให้กับซูข่านด้วยความเคารพ เขารู้สึกซาบซึ้งบุญคุณในตัวของซูข่านอย่างมาก
หลังจากที่ได้มาทำงานกับซูข่านแล้ว รายได้ของเจิงฮัวเฉียงก็ได้เพิ่มขึ้นอย่่างไม่ต้องสงสัย จากคนยากจนคนหนึ่ง ตอนนี้เขากำลังจะกลายเป็นชายผู้มั่งคั่งที่สุดในหมู่บ้านแล้ว
ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเพราะซูข่านได้ให้โอกาสนี้กับเขา
เมื่อเดินออกจากสวนหลังบ้านแล้ว เจิงฮัวเฉียงก็เห็นซงหมิงเจียงอยู่ที่หน้าบ้าน ซงหมิงเจียงได้เดินเข้ามาและพูดกับเขาด้วยรอยยิ้ม
"นายจะกลับบ้านใช่ไหม? เดินทางดีๆล่ะ ปีที่แล้วนายก็ไปทำงานให้กับพี่สามที่รัสเซีย ดูแลตัวเองดีๆด้วย"
จากนั้นซงหมิงเจียงก็เอามือมาตบที่ไหล่ของเจิงฮัวเฉียงเบาๆ
เจิงฮัวเฉียงก็พยักหน้าให้กับซงหมิงเจียงเล็กน้อย
ปีที่แล้วเขากับหลี่เจียงเฝิงได้เดินทางไปชายแดนเพื่อทำงานให้กับพี่สาม กว่าที่ทั้งสองจะกลับมาหนานจิงก็หมดช่วงเทศกาลตรุษจีนไปแล้ว
เจิงฮัวเฉียงบอกลาซงหมิงเจียงแล้วเดินออกจากบ้านซูข่านไป เขาเดินเท้าไปยังสถานีขนส่งของเมืองหนานจิง เขาซื้อตั๋วรถเพื่อไปกลับยังเมืองบ้านเกิดของเขา
แต่ตอนนี้เป็นเวลาเย็นพอดี รถบัสที่มุ่งหน้าไปยังเมืองของเขาก็หมดลงเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน
บรรยากาศรอบๆก็เริ่มเย็นขึ้นเพราะเป็นเวลาหัวค่ำ เจิงฮัวเฉียงเลยตัดสินใจจะนอนพักก่อนแล้วจะออกเดินทางพรุ่งนี้
เขาไปพักที่เกสต์เฮ้าส์แห่งหนึ่งที่มีราคาพัก 1 หยวนต่อคืน ภายใต้การทำงานให้กับซูข่าน เงิน 1 หยวนนั้นมันเล็กน้อยสำหรับเจิงฮัวเฉียงไปเลย
ตอนที่อยู่บ้านเกิด ปีๆหนึ่งเขามีรายได้แค่ประมาณ 200-300 หยวนเท่านั้น แต่ตอนนี้รายได้ต่อปีของเขาสูงถึงปีละ 2,000 หยวน
ช่วงที่เดินทางไปยังรัสเซีย ซูข่านได้มอบเงินพิเศษเนื่องจากเป็นการทำงานนอกสถานที่ให้ถึง 1,000 หยวน
ในปีที่ผ่านมาเจิงฮัวเฉียงทำเงินได้มากถึง 3,000 หยวน นี่เป็นจำนวนเงินที่เขาไม่เคยแม้กระทั่งฝันถึงว่าจะมีได้
ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเหมือนกับดั่งฝันมาก แต่ทั้งหมดที่เกิดขึ้นทุกอย่างคือเรื่องจริง
เจิงฮัวเฉียงได้เข้าพักห้องเกสต์เฮ้าส์คนเดียว เขานอนหลับสบายตลอดทั้งคืน
เช้าวันต่อมาเขาก็ตื่นขึ้นและสั่งอาหารเช้ามากินในราคา 0.2 หยวน ถ้าเป็นเมื่อก่อนเจิงฮัวเฉียงคงไม่มีปัญญาจ่ายค่าข้าวที่มากขนาดนี้
แต่ตอนนี้เขาสามารถกินได้ทุกอย่างที่เขาต้องการ เขาจึงเพิ่มอีกหนึ่งจานทันที
ชั่วโมงอาหารเช้าของเจิงฮัวเฉียงเต็มไปด้วยความสุข หลังสิ้นเสร็จมื้อเช้าแล้ว เขาก็ยังไม่ได้ไปที่สถานีขนส่ง แต่ตัวของเขานั้นตรงดิ่งไปยังห้างสรรพสินค้าที่มีแห่งเดียวในเมืองนี้
เจิงฮัวเฉียงมองดูสินค้าหลากหลายประเภทที่อยู่ในห้างสรรพสินค้า จากนั้นเขาก็หยิบเงินในกระเป๋าขึ้นมาและมองค้างอยู่พักหนึ่ง
ไม่นานเขาก็กำเงินในมือไว้แน่นและใส่ในกระเป๋าเช่นเดิม จากนั้นเขาก็ไปหยิบตระกร้าพร้อมกับกวาดขนมคบเคี้ยวบนชั้นวางสินค้าลงเกือบทั้งหมด
เจิงฮัวเฉียงได้ซื้อขนม ลูกอม บิสกิต ฯลฯ จำนวนมาก เขาได้แพ็คทุกอย่างในถุงผ้าและเดินไปที่สถานีขนส่ง เงินที่เขาใช้ไปในการซื้อของพวกนี้คือ 50 หยวน
คนที่ใช้เงิน 50 หยวนในการซื้อขนมอย่างเดียว ถ้าพวกคนเฒ่าคนแก่รู้คงจะโดนสาปแช่งไม่ใช่น้อยเลย
เงินจำนวน 50 หยวนนั้นไม่ได้มากมายเลย ยิ่งทำงานกับพี่สามแล้วมันเป็นแค่เงินไม่ถึงเดือนด้วยซ้ำ
ตอนที่เขากลับมาจากรัสเซียแล้วซงหมิงเจียงนำเงินมาให้ ตอนแรกเจิงฮัวเฉียงตกใจมากที่เขาได้รับเงินมากเช่นนี้ แต่ซงหมิงเจียงก็อธิบายถึงค่าทำงานเกินเวลา ค่าทำงานนอกสถานที่ เจิงฮัวเฉียงจึงเข้าใจ
นี่เป็นงานที่เขาไม่เคยทำมาก่อน เจ้านายที่ดีแบบนี้หาไม่ได้จากที่ไหนอีกแล้ว
เจิงฮัวเฉียงกลับมาที่สถานีพร้อมกับสัมภาระเต็มตัว ไม่นานรถบัสของเขาก็มาถึง เจิงฮัวเฉียงได้ขึ้นไปนั่งริมหน้าต่างพร้อมเอากระเป๋าที่วางอยู่บนตัก
จากนั้นรถบัสได้ออกจากหนานจิงและขับออกไปช้าๆ รถได้ขับไปเรื่อยๆเป็นเวลาหลายชั่วโมง
เจิงฮัวเฉียงกอดสัมภาระของเขาไว้แน่นขณะมองออกไปที่ด้านนอกแล้วเห็นสองข้างทางที่คุ้นเคย เขาตื่นเต้นมากที่ได้กลับบ้านหลังจากที่ออกจากบ้านไปเป็นเวลานาน นี่เขากำลังจะได้เจอครอบครัวอีกครั้งหนึ่ง
สักพักรถบัสได้เข้ามาถึงยังตัวเมืองบ้านเกิดของเจิงฮัวเฉียง เขาค่อยๆหยิบสัมภาระลงจากรถ จากนั้นเขาก็ไปหารถที่จะไปยังหมู่บ้านของเขา
แทบจะไม่มีรถคันไหนเลยที่จะเลือกรับงานของเจิงฮัวเฉียง
ต้องบอกไว้ก่อนว่าสภาพถนนเข้าหมู่บ้านของเจิงฮัวเฉียงนั้นเต็มไปด้วยทางลูกรัง ไม่ใช่ว่ารถรับจ้างไม่อยากจะรับงาน แต่การขับรถเก่าไปบนถนนลูกรังแบบนั้น มันมีโอกาสที่รถจะเสียหายได้
ถนนตามต่างจังหวัดจะมีแค่ถนนระหว่างเมืองเท่านั้นที่เป็นถนนลาดยาง นอกนั้นจะเป็นถนนลูกรังทั้งหมด
แต่ในความโชคร้ายก็ยังมีโชคดีเหลืออยู่ เจิงฮัวเฉียงได้เจอกันคนในหมู่บ้านที่ออกมาซื้อของในวันตรุษจีนพอดี พวกชาวบ้านได้เอาเกวียนลากมาด้วย
เจิงฮัวเฉียงจึงนำสัมภาระของเขาเอาไว้บนเกวียนลาก แล้วเดินกลับหมู่บ้านพร้อมกับชาวบ้าน
"ฮัวเฉียงที่ออกไปทำงานนี่กลับมาพร้อมกับของเยอะแยะเลยเนอะ ดูสิเอาของฝากมาเยอะแยะเลย"
ป้าในหมู่บ้านพูดด้วยความอิจฉา
"ใช่ๆๆ ดูเหมือนเขาจะทำเงินได้เยอะเลยทีเดียว"
"บอกแล้วว่าเด็กคนนี้จะต้องประสบความสำเร็จ เชื่อไหมว่าสิ่งที่ข้าพูดนั้นเป็นความจริง"
"ฉันก็ว่างั้นแหละ ไปดูบ้านหลังที่ฮัวเฉียงได้สร้างใหม่ขึ้นมาสิ จะมีสักกี่คนในเมืองที่มีบ้านใหญ่แบบนั้นได้"
"ฮัวเฉียงเป็นคนรวยที่สุดในหมู่บ้านเราอย่างไม่ต้องสงสัยเลย"
คนที่จากหมู่บ้านที่เดินตามหลับเกวียนลาก พวกเขาล้วนแล้วแต่เป็นคนมีอายุ ทั้งหมดมองที่เจิงฮัวเฉียงด้วยความอิจฉา
เจิงฮัวเฉียงเองก็รู้สึกได้ว่ากำลังโดนพูดถึงอยู่ เขาก็ยิ้มอย่างงุ่มง่าม
"กินลูกอมกันไหมครับ?"
ด้วยความเขินอาย เขาจึงเปิดกระเป๋าและหยิบลูกอมขึ้นมา 1 กำมือก่อนจะยื่นให้ชาวบ้าน
ชาวบ้านที่มองดูก็ตาค้างกับสิ่งที่เห็น กระเป๋าที่เจิงฮัวเฉียงเปิดนั้นเต็มไปด้วยของกินจำนวนมาก
ตระกูลเจิงนี่ร่ำรวยจริงๆ
ปล.มีนัดกับหมอนะครับ ขออนุญาติลงตอนเดียว