ตอนที่ 92 เวทมนตร์โบราณ (อ่านฟรี)
แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับ สายเลือดแห่งมังกร
ตอนที่ 92 เวทมนตร์โบราณ
*เสียงดนตรี*
แม็กนัสเปิดเครื่องเล่นเพลงและกำลังนอนคุยเล่นกับรักนาร์ฆ่าเวลา
“นายคิดว่าไม้กายสิทธิ์ของนายอยู่ที่ไหนหรอ? คิดว่าจะใช้ไม้สำรองพวกนี้ได้นานแค่ไหนกัน? พวกนี้เหมือนยาที่ปรุงโดยพวกมือสมัครเล่น พวกมันสามารถระเบิดได้ทุกเมื่อนะ” รักนาร์ถามเขา ทั้งสองคนอยู่บนเตียง อดัมใจดีพอที่จะซื้อเตียงอีกหลังให้รักนาร์แล้วไว้ในห้องของแม็กนัส ดูเหมือนว่าพวกเขาวางแผนที่จะให้เขาอาศัยอยู่ด้วยต่อจากนี้ไป
"ไม้กายสิทธิ์ที่ระเบิดได้พวกนี้ก็เป็นเครื่องมือที่ดีในการต่อสู้นะ นายรู้เปล่า พวกศัตรูไม่เคยนึกว่าจะมีใครขว้างไม้กายสิทธิ์ใส่ อย่างน้อยๆ ก็ไม่คิดว่าไม้กายสิทธิ์นั้นจะระเบิด” แม็กนัสตอบอย่างตรงไปตรงมา
"ฮิฮิ... มันก็ใช่แหละ นั่นเป็นวิธีที่ดีในการเอาชนะการต่อสู้ ตัวฉันเองก็จะใช้โพชั่นของฉันกับศัตรูมากกว่าไม้กายสิทธิ์ของฉันซะอีก” รักนาร์ กล่าว
"อืม... แม้ว่าเมอร์ลินจะบอกฉันว่าเขาใช้ไม้เท้า ไม่ใช่ไม้กายสิทธิ์ แต่เพราะฉันสูงไม่พอ บางทีนี่อาจเป็นเหตุผลว่าทำไมฉันถึงไม่ได้รับไม้เท้าสักที แม้ว่าดาบจะโอเคดีเหมือนกันก็ตาม” แม็กนัสเรียกดาบทั้งสองของเขาออกมาพินิจดูพวกมัน
รักนาร์หยิบดาบแห่งดิสเพียร์ขึ้นมาและพูดว่า "ดาบเจ๋งอ่ะ สักวันนายต้องสอนฉันใช้มันนะ"
"แน่นอน ฉันพนันได้เลยว่าแม้แต่อาเธอร์ก็ยังอยากสอนนาย เขาแทบคลั่งทันทีเมื่อพูดถึงความรักในดาบ ฉันพนันได้เลยว่าเขาน่าจะเคยนอนกับแน่เลยสมัยเขามีชีวิต” แม็กนัสพูดติดตลก
ตามที่คาด อาเธอร์แหกปากทันที "เฮ้... ฉันทำแบบนั้นเพื่อความปลอดภัยนะ"
*ปัง*
ทันใดนั้น แสงสีแดงสว่างจ้าก็ส่องมาจากหน้าต่างพร้อมกับโครมครามสั้นๆ แม็กนัสและรักนาร์ ใจเต้นแรงขึ้น ทั้งคู่ลุกขึ้นถือไม้กายสิทธิ์ ดาบ และขวดยาวิเศษไว้ในมือ แม็กนัสเดินไปปิดเพลง
"เมื่อกี้อะไรน่ะ?" รักนาร์สงสัย
แม็กนัสนึกถึงพ่อแม่ของเขาอย่างรวดเร็ว "ไม่ต้องห่วง นายอยู่ที่นี่ ฉันจะตรวจพ่อแม่ของฉันเอง”
เขาวิ่งลงไปข้างล่าง เขาพยายามฟังว่าพวกเขาตื่นหรือเปล่า แต่ดูเหมือนพวกเขาจะหลับสนิท ตอนนี้แม็กนัสรู้แล้วว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเวทมนตร์ ไม่อยากให้พ่อแม่เข้ามาขวางทางและลงเอยด้วยการทำร้ายตัวเอง เขาร่ายมนตร์ที่ไร้เสียงไปรอบๆ ห้อง เพื่อให้เสียงจากภายนอกเข้ามาไม่ถึง
"ใครกันที่คิดมาสร้างความวุ่นวายถึงที่นี่”
แม็กนัสแอบมองออกไปนอกหน้าต่างห้องนั่งเล่นด้วยความโกรธ
ด้านนอก เขาสังเกตเห็นคำสาปและคาถาต่างๆ บินว่อนไปทั่วทุกทิศ
...
มูดดี้, ชักเคิลโบลต์ และมือปราบมารสาวอยู่ในบ้านตรงข้ามกับบ้านของ แม็กนัสพวกเขาคอยเฝ้าดูบ้านเด็กชายเช่นเคย คอยตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีอะไรเลวร้ายเกิดขึ้นกับพวกเขา
พวกเขาผลัดกันเฝ้าบ้านหลังนั้น เมื่อตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืน มักเกิ้ลส่วนใหญ่กำลังหลับอยู่ และไฟในห้องของแม็กนัสก็ดับลงเช่นกัน
มู้ดดี้นั่งอยู่บนเก้าอี้ใกล้หน้าต่าง มองไปที่บ้าน พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ แต่คิ้วเขาขมวดกันยุ่ง
"วันนี้ฉันรู้สึกไม่ดี ตาวิเศษของฉันสักเกตุเห็นสิ่งผิดปกติ” เขาพึมพำกับตัวเอง
*บรู๊ววววววววววว...*
ทันใดนั้นเสียงหอนก็ดังขึ้น ฟังยังไงก็ไม่ใช่เสียงหอนของสุนัขแน่นอน
“ชักเคิลโบลต์! ตื่นเร็ว งานเข้าแล้ว น่าจะเป็นมนุษย์หมาป่า” มู้ดดี้ปลุกมือปราบมารทั้งสองอย่างรวดเร็ว
ชักเคิลโบลต์และมือปราบมารหญิงเตรียมพร้อมและมีไม้กายสิทธิ์อยู่ในมือ พร้อมปะทะ
"ลงไป!"
มู้ดดี้ตะโกนในทันที พวกเขาพุ่งไปชั้นแรกทันที ไฟสีแดงก็ระเบิดออกมาจากหน้าต่างและทำลายชั้นบนของบ้านเช่าทั้งหมด
เขาตัดสินใจอย่างรวดเร็ว เขาส่งข้อความผู้พิทักษ์ถึงดัมเบิลดอร์ เขาไม่รู้ว่ามีกี่คน แต่เขาก็ไม่คิดจะเสี่ยง
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อย่าให้พวกมันไปถึงบ้านของแม็กนัส เข้าใจไหม” เขาสั่ง
จากนั้นเขาก็เริ่มยิงคำสาปโต้กลับ "บอมบาร์ด้า แม็กซิม่า!"
*ตู้ม*
มือปราบมารทั้งสามอยู่ข้างล่าง พวกเขาต้องการที่จะเห็นจำนวนศัตรูก่อนที่พวกเขาออกไปในที่โล่ง
มู้ดดี้ใช้ตาวิเศษของเขาเพื่อมองออกไปนอกกำแพง เขานับจำนวนศัตรูอย่างรวดเร็ว
"มีพวกมันหกคน ไม่นับมนุษย์หมาป่า” มู้ดดี้บอกรุ่นน้องของเขา
"เราไม่สามารถรับมือพวกมันได้ทั้งหมด” ชักเคิลโบลท์กล่าว
"ฉันไม่สน ตอนนี้นายได้รับอนุญาตให้ใช้เวทมนตร์โทษผิดสถานเดียว ทุกคาถาใช้เพื่อพิฆาต” มู้ดดี้ไม่ยอมง่ายๆ
ทั้งสามใช้องค์ประกอบแห่งความประหลาดใจและกระโดดออกจากอาคารพร้อมกับคาถาที่ลุกโชนด้วยไม้กายสิทธิ์
"ดิฟฟินโด้!" ในวินาทีต่อมา มือปราบมือใหม่หญิงก็ฉีกไม้กายสิทธิ์ของเธอเป็นชิ้นๆ นี่เป็นปัญหากับมือปราบมารส่วนใหญ่เพราะผู้เสพความตายส่วนใหญ่มาจากตระกูลเลือดบริสุทธิ์ พวกเขามีการศึกษาและการฝึกอบรมที่ดีที่สุดเสมอ สิ่งนี้ทำให้กำลังของศัตรูมักสูงกว่าพวกมือปราบมารเสมอ
"หนีไป! ยัยหนู กลับเข้าไปในตึก” มู้ดดี้แหกปากหน้านิ่วคิ้วขมวด
"
ฮ่าๆ... มู้ดดี้ ฉันคาดไม่ถึงเลยว่ามือปราบมารในตำนานจะมาถึงที่นี่”
หัวหน้าผู้เสพความตายพูดพร้อมกับหัวเราะ
ตาวิเศษมูดดี้เบิกโพลงในขณะที่เขาจดจ่อกับผู้ชายที่พูดว่า "ฉันรู้จักเสียงนั้น ฉันจะลืมมันไปได้ยังไง โรโดลฟัส เลสแตรงจ์"
“อะวาดา เคดาฟรา!”
“คราวนี้ฉันเตรียมมาพร้อม” มู้ดดี้หยิบไส้กรอกออกมาจากกระเป๋าของเขาทันทีและโยนมันปะทะคำสาปที่กำลังจะมาถึง เขามีไส้กรอกมากมายในเสื้อโค้ท พวกมันยังมีประโยชน์เป็นอาหารในขณะที่ทำงานได้ ไม่งั้นคุณคิดว่าผู้ชายที่ทำงานเยอะยุ่งขนาดยังตัวอวบขนาดนี้ได้ยังไง?
“เอ็กซ์เปลลิอาร์มัส!”
ชักเคิลโบลต์ถูกปลดอาวุธโดยผู้เสพความตายอีกคน
มู้ดดี้เป็นคนเก่ง แต่เขาไม่ใช่เทพเจ้า การต่อสู้กับพวกมันเพียงลำพังไม่ใช่สิ่งที่เขาสามารถทำได้ ดังนั้นสิ่งที่เขาทำได้คือถ่วงเวลาจนกว่าความช่วยเหลือจะมาถึง
"ทำไมแกถึงอยู่ที่นี่?" เขาถาม
“อย่าพยายามทำตัวฉลาด มู้ดดี้ แกก็รู้ว่าทำไมเราอยู่ที่นี่ เหตุผลเดียวกับที่แกก็อยู่ที่นี่ แต่ไม่ต้องห่วง เราจะไม่ฆ่ามัน เราแค่มาที่นี่เพื่อจับมันไป” โรโดลฟัสเผย
“จับไปทำอะไร? แกคิดว่าเขาจะงอตามความประสงค์ของแกงั้นหรอ? แกคงไม่รู้จักเขาแล้ว” มู้ดดี้อวดอ้างอย่างมั่นใจ
"ฮะ ต่อหน้าท่านจอมมาร ทุกคนล้วนคุกเข่า ไม่ว่าจะแข็งแกร่งแค่ไหน ทุกคนก็มีขีดจำกัด" โรโดลฟัสตอบโต้
แต่มู้ดดี้ส่ายหัวทันที "ใช่ ทุกคนมีจุดต้องห้าม และฉันขอแนะนำว่าแกอย่าทดสอบเขา แกไม่คงไม่อยากโดนเวทมนตร์โบราณแห่งเมอร์ลินถล่มใส่แก"
“งั้นเรามาดูกัน ไปพามันมาหาฉัน” โรดอลฟัสสั่ง
ทันใดนั้น ผู้เสพความตายสองคนก็มุ่งหน้าไปยังบ้านของแม็กนัส อย่างไรก็ตาม ในวินาทีที่พวกเขาพยายามข้ามเขตแดนไปถึงประตู กำแพงเพลิงก็พุ่งออกมาจากพื้น มันพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าสูงกว่าหลายเมตร
แม็กนัสอยู่ในบ้าน มองทุกอย่างจากหน้าต่าง ~ว้าว...เวทมนตร์ทั้งหมดนี้มาจากไหนเนี่ย~ เขาสงสัย
ผู้เสพความตายที่อยู่ข้างนอกพยายามเข้ามาโดยใช้หลายวิธี แต่ก็ไม่ได้ผล พวกเขาพยายามจะเข้าไปทางหลังคาด้วยซ้ำ แต่สถานการณ์เลวร้ายกว่านั้นมาก เมื่อผู้เสพความตายคนหนึ่งถูกไฟคลอกตายเพราะทันทีที่เขาก้าวข้ามหลังคา มันก็เกิดไฟลุกไหม้
ตอนนี้พวกเขากำลังกระวนกระวาย ยิ่งพวกเขาใช้เวลาที่นี่มากเท่าไหร่ โอกาสที่จะมีกำลังเสริมก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
โรโดลฟัสไม่สามารถคิดวิธีที่ดีกว่าในการจัดการกับเรื่องนี้ ดังนั้นเขาจึงมุ่งความสนใจไปที่ มู้ดดี้แล้ว
"จับมัน!" เขาสั่ง
ดังนั้นผู้เสพความตายทั้ง 5 จึงพุ่งเข้าใส่ มู้ดดี้อย่างเต็มกำลัง มู้ดดี้สามารถจัดการกับพวกมันได้ไม่กี่นาที แต่การหยุดพวกมันโดยสิ้นเชิงนั้นเป็นไปไม่ได้ เขาพยายามถ่วงเวลาให้ได้มากที่สุด แต่ในที่สุดเขาก็โดนคำสาปผูกมัด
สิ่งต่อมา มู้ดดี้ ชักเคิลโบลต์ และมือปราบมารสาวก็ถูกจับได้โดนยึดไม้กายสิทธิ์
โรโดลฟัสหันไปที่บ้านแม็กนัสเริ่มตะโกนว่า "เพนดราก้อน... ฟังฉันให้ดี หากแกไม่ออกมาภายใน 10 วิฯ สามคนนี้ตาย”
"1"
...
แม็กนัสหวังว่าจะไม่ต้องออกไปไหน แต่สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลง ที่แย่กว่านั้นคือมีมนุษย์หมาป่าอยู่แถวนี้ด้วย มันอาจจะกัดใครบางคนและแม็กนัสไม่ต้องการรับความรู้สึกผิดแบบนั้น
"รักนาร์... ฉันจะพยายามล่อมนุษย์หมาป่ามาที่นี่ นายก็จัดการมันซะ" เขาตะโกน
"ฉันพร้อมแล้ว นายจะต้องปลอดภัยนะ" รักนาร์ตะโกนจากชั้นบน เขามั่นใจในความสามารถของแม็กนัสอย่างเต็มที่
แม็กนัสมองออกไปนอกหน้าต่างแล้วหลับตา ~ ฉันควรจัดการกับพวกมันยังไงดี? ไม่มีคาถาพื้นที่กว้างจะเหมาะกับสถานการณ์ที่นี่ ยังมีอะไรที่ทำลายเป็นวงกว้างได้นะ คาถาเพลิงปีศาจไหม? ไม่! ฉันยังควบคุมมันไม่ได้~
เขาจดจ่อกับการหากลยุทธ์ที่ดีที่สุดเพื่อต่อสู้กับพวกมันและพามู้ดดี้และพวกออกจากอันตรายด้วย
*วูช*
ทันใดนั้น เขารู้สึกเย็นวาบไปทั่วร่างกาย และเสียงหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในหัวของเขา มันเป็นเสียงของเมอร์ลินที่แม็กนัสได้ยินขณะอยู่ในความฝันนั้นเอง
"เจ้ายังเด็กเกินไปสำหรับมัน เนื่องจากร่างกายของเจ้าไม่มีพลังเวทย์เพียงพอที่จะเพิ่มพลังและใช้ประโยชน์จากมันได้เต็มที่ อย่างไรก็ตาม สถานการณ์นี้เรียกร้องให้เจ้าใช้มันได้ แต่จงจำไว้ เคาะพื้น 3 ครั้งแล้วร่าย 'สโตนเรน' ห้ามใช้มันเกินกว่า 2 ครั้ง มิฉะนั้นเจ้าอาจหมดสติได้ และบอกสหายเจ้าให้เคลียร์พื้นที่ทันทีที่เจ้าร่ายเวทย์ เจ้ายังมีหนทางอีกยาวไกล แม็กนัสน้อยเอ๋ย” สิ้นเสียงของเมอร์ลิน แม็กนัสรู้สึกว่าตัวเองถอนหายใจยาว
จากนั้น ขณะที่เขาลืมตาขึ้น เขาก็รู้สึกได้ถึงบางสิ่งที่จับอยู่ที่ฝ่ามือขวาของเขาเช่นกัน มันเบาแต่ยาวใหญ่ เขามองดูและพบว่าเป็นไม้เท้า มันยาวกว่าตัวของแม็กนัสเอง แต่มันสวยมาก มันมีคริสตัลสีฟ้าขนาดใหญ่อยู่ด้านบนและมีมังกรแกะสลักกลิ้งไปมา ไม้เท้าทั้งหมดทำจากไม้ที่ไม่รู้จักและมีผ้าผืนเล็กพันอยู่ตรงกลาง นอกจากนี้ คริสตัลดูเหมือนจะติดอยู่กับไม้กายสิทธิ์โดยสิ้นเชิง ~นี่มันอะไรกันครับเนี่ย~ เขาพึมพำกับตัวเองแล้วเปิดประตู
...
"7"
"8"
ประตูเปิดออก แม็กนัสเดินออกมาจากประตู โรโดลฟัสยิ้มเมื่อเห็นเขาราวกับสุนัขจิ้งจอกจับกระต่ายได้แล้ว
“ดี ตัดสินใจได้ดีทีนี้ก็ มาที่นี่เดี๋ยวนี้” เขาสั่ง แต่เขาก็รู้สึกถูกคุกคามจากสิ่งประหลาดในมือของแม็กนัส
แม็กนัสสบตากับมู้ดดี้ มู้ดดี้เห็นไม้เท้าหน้าตาแปลกๆ แล้วรู้สึกแย่มาก และเมื่อแม็กนัสพยักหน้าให้เขา เขาก็รู้ว่ามีบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้น
จากนั้นแม็กนัสก็พูดกับผู้จู่โจมว่า "ฉันไม่รู้ว่าฉันยั่วโมโหพวกคุณหรือเจ้านายของพวกคุณตั้งแต่เมื่อไหร่ ฉันไม่เคยโจมตีเขา แต่นี่พวกคุณกลับพรากความสงบสุขไปจากชีวิตอันสงบสุขของฉัน ทำเพื่ออะไร?"
“ความสกปรกของแกก็เพียงพอแล้ว ไอ้หนู!” โรโดลฟัสได้ตอบกลับ
"ขอบใจที่ไม่ทำให้ฉันรู้สึกผิดในสิ่งที่กำลังจะทำ!" แม็กนัสพึมพำและจับไม้เท้ายาวแน่น จากนั้นเขาก็เคาะมันลงบนพื้น 3 ครั้ง
*ก๊อก* *ก๊อก* *ก๊อก*
“สโตนเรน!” เขาตะโกนเสียงดัง
*ซึ้มมมม*
ไม้เท้าส่งคลื่นสีฟ้าขนาดเล็กลงบนพื้นจากด้านล่าง ทันทีที่เกิดขึ้นแม็กนัสรู้สึกราวกับว่าเขาเพิ่งวิ่งเต็มที่ 10 กิโลเมตรในครั้งเดียว
~มันต้องใช้เวทมนตร์เยอะแน่ๆ ~ เขาพึมพำมองไปที่ไม้เท้า
"แกทำอะไรลงไป?" โรโดลฟัสถามอย่างประหม่า เขาและผู้เสพความตายคนอื่นๆ มองไปรอบๆ เพื่อเดาว่าเกิดอะไรขึ้น
ด้วยความสัตย์จริง แม็กนัสไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่เขาแค่มองไปที่มู้ดดี้และพยักหน้าอย่างแรง
สิ่งต่อมาที่พวกเขารู้คือเสียงต่างๆ มากมายเริ่มมาจากท้องฟ้า เหมือนกับตอนที่เครื่องบินทิ้งระเบิดในสงครามโลกครั้งที่ 2 ทิ้งระเบิดลงมาจากท้องฟ้า เสียงหวีดร้องทวีคูณและเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในไม่ช้าก็มีแสงสองสามดวงปรากฏขึ้นจากฟากฟ้า
ขนของทุกคนลุกชันขึ้นทันทีและหัวใจของพวกเขาก็เริ่มเต้นรัว พวกเขาทุกคนเงยหน้าขึ้นมองด้วยความประหลาดใจและเตรียมไม้กายสิทธิ์ให้พร้อม
“คอนฟริงโก้!”
"บอมบาร์ด้า แม็กซิม่า!"
"รีดัคโต!"
ค่ำคืนที่มืดมิด ไม่มีใครรู้ว่าอะไรกำลังมาถึงพวกเขา แต่พวกเขาก็เริ่มร่ายคำสาปคาถาขึ้นสู่ท้องฟ้า
แม็กนัสคาดเดาสิ่งที่จะเกิดขึ้น แล้วตะโกนว่า "มู้ดดี้!"
มู้ดดี้ผลักตัวเองถอยหลังและเผ่นหนีไปทันที ชักเคิลโบลท์ก็ทำเช่นเดียวกัน แม็กนัสยังใช้ไม้กายสิทธิ์ปกติของเขาร่ายคำสาป เพ็ตตริพีคัส โททาลัส ไปที่ผู้เสพความตายที่กำลังฟุ้งซ่านซึ่งจับมือปราบมารมือสาวอยู่ ทั้งสามวิ่งหนีด้วยความเร็วเต็มที่และโผล่มาอยู่ข้างๆ แมกนัส
และแล้วนรกก็มาถึง
*ตู้มมมม*
*ตู้มมมม*
*ฟ้าวววว*
"อ๊าาาาาาาา...ช่วยฉันด้วย..." ทันใดนั้นก็มีเสียงร้องออกมา ทุกคนหันไปมองและตระหนักว่าเกิดอะไรขึ้นและสิ่งที่ตกลงมาจากท้องฟ้า มันทำให้ร่างกายของผู้เสพความตายเสียหายอย่างน่าสยดสยอง กระดูกสันหลังหลุดออกจากหลังและขาขาดกระเด็นออกจากกันกระจายไปหลายเมตร เป็นเรื่องน่าสะพึงกลัวที่เขายังมีชีวิตอยู่ได้ แต่วินาทีต่อมาชีวีเขาก็สิ้นไป
*ตู้มมมม*
*เปรี้ยงงงง*
รถที่อยู่บนถนนหมู่บ้าน ก็ระเบิดเป็นเปลวเพลิงเมื่อวัตถุนั้นตกลงมาทับเช่นกัน ทำลายล้างแถวนี้จนหมดสิ้น
โรโดลฟัสกัดฟันและมองไปที่แม็กนัส เขาพลันรู้สึกเดือดดาลเมื่อสังเกตเห็นรอยยิ้มอันเย่อหยิ่ง
"ไม่ใช่วันนี้!... ฉันจะไม่ทำให้นายท่านผิดหวัง!... จะให้ไอ้เลือดสีโคลนโสโครกเอาชนะฉันไม่ได้! คุ้มกันฉันเดี๋ยวนี้!" เขากรีดร้องและพุ่งไปหาแม็กนัส
แม็กนัสเคาะไม้เท้าอีกครั้ง "สโตนเรน!"
*อะอั๊ก* แม็กนัสไอแต่พยุงตัวเองไว้กับไม้เท้า
ครั้งนี้มันเร็วกว่าครั้งก่อน เสียงหวีดหวิวดังขึ้น แพ่กระจายความน่าสะพรึงและความสยดสยองเข้าไปในใจของผู้เสพความตาย พวกเขามองไปที่ท้องฟ้าเพื่อป้องกันตัวเองจากสิ่งที่กำลังจะมาถึง
"อย่าไปกลัว! คุ้มกันฉันซะ!" โรโดลฟัสตะโกนอีกครั้ง เขาพยายามแหกปากเต็มที่เพื่อกลบความกลัวในใจ
_____________________________
ปล.ตอนนี้ยาวมว๊ากกก
ไม้เท้าของเมอร์ลิน
เปลวเพลิงจากฟากฟ้า