ตอนที่ 478 วายร้ายหลังฉาก
ไป๋ซือซือมองดูศัตรูที่กำลังเข้ามา นางไม่ได้เตรียมตัวมาสู้เลยแม้แต่น้อย นางมองดูถังเทียน ใจของนางยังคงงุนงง เป็นไปได้ยังไงที่คนผู้นี้ดึงดูดแต่เรื่องต่อสู้เข้ามาทุกที่ๆ เขาไป?
ถังเทียนยืนอยู่บนหอประตูเมือง ไม่สนใจนักสู้ที่กำลังแห่เข้ามาเหมือนสายฟ้า เขาถาม “เสี่ยวเฮ่อ, บอกข้าที, เสี่ยวซิ่วซิ่วหลงรักเด็กหญิงนั้น (โลลิคอน) หรือเปล่า?”
อาเฮ่อร้อง โอว จากนั้นตอบ “วิเวียนโตขึ้นจะเป็นสาวงดงามมากแน่นอน”
“ข้าคิดว่าเชียนฮุ่ยสวยกว่าอยู่ดี!” ถังเทียนพูดตามตรง
“ถ้าวิเวียนโตขึ้นแล้วยังงดงาม เขาจะไม่ทะเลาะกับเจ้าเพื่อแย่งเชียนฮุ่ย” อาเฮ่อพูดอย่างไม่ลังเล
“ถูกต้อง!” ถังเทียนผงกหัว และจากนั้นโกรธขึ้นทันที “ถ้าเสี่ยวซิ่วซิ่วกล้าแตะต้องเชียนฮุ่ย รอให้เขากลับมาก่อน ข้าเล่นงานเขาแน่...”
ติงม่านตั้งข้อสังเกตในใจว่านางจะไม่รุกรานท่านอาเฮ่อในอนาคตแน่ เพราะเขาน่ากลัวเกินไป
ทันใดนั้น จิ่งหาวหน้าเปลี่ยน เขาเงยหน้ามอง “ระวังนะ มีคนจากสมาพันธ์ชาวยุทธอยู่ด้วย”
สมาพันธ์ชาวยุทธ!
หน้าของพวกเขาเปลี่ยน เพราะคนของสมาพันธ์ชาวยุทธอยู่ที่นี่จริงๆ ใจพวกเขาสั่นสะท้านเมื่อคิดเรื่องนั้น ต่างคนต่างมองหน้ากัน ดูเหมือนว่าจะมีการสมคบคิดซ่อนอยู่เบื้องหลัง ถังเทียนตะโกนด้วยความโกรธ “เพราะพวกสมาพันธ์ชาวยุทธบังอาจสยายกรงเล็บมายังถิ่นของข้านี่เอง ฆ่ามันให้หมด!”
เสียงชราดังขึ้นได้ยินทั่วพื้นที่ เป็นเสียงที่แฝงด้วยพลังปราณเต็มเปี่ยม
“จิ่งหาว, สมาคมชาวยุทธดูแลเจ้าอย่างดี แต่เราไม่คาดเลยว่าเจ้ากลับหันหลังให้เรา”
สีหน้าของจิ่งหาวเรียบเฉย “เราเดินกันคนละทางแล้ว ดังนั้นข้าไม่อาจร่วมงานกับท่านได้”
“ช่างเป็นข้ออ้างที่ดีเหลือเกินนะ เดินคนละเส้นทาง” ชายชราชุดขาวลอยตัวอยู่ในท้องฟ้า เสียงของเขาหนักแน่น “อย่างนั้นเราจะดูฝีมือของเจ้า”
อาเฮ่อสังเกตดูพวกนักสู้ที่กรูเข้ามาเหมือนผึ้ง ใจของเขาคิดอย่างรวดเร็ว
การปรากฏตัวของสมาพันธ์ชาวยุทธไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เห็นได้ชัดว่าเจ็ดดาวเจ็ดเมืองเดิมทีมีข้อตกลงกับพรรคพญาหมี และเพราะหกเมืองทำลายข้อตกลงกระทันหันและฆ่าเจ้าเมืองอัลเคดเชื่อได้ว่าสมาพันธ์ชาวยุทธต้องทำอะไรบางอย่างลงไป
สำหรับสมาพันธ์ชาวยุทธเพื่อให้เจ็ดดาวเกิดความแตกแยก พวกเขาต้องมีเป้าหมายอย่างแน่นอน นั่นคือรับมือกลุ่มดาวหมีใหญ่
และ...
ความหนาแน่นของเจ็ดดาวเหนือ มีสูงกว่าข้างนอกมาก นั่นหมายความว่ามาตรฐานของนักสู้มีแนวโน้มว่าไม่ต่ำทราม เมื่อเห็นพวกเขาแล้ว อาเฮ่อตระหนักว่ามีหลายคนมีพลังระดับนักสู้ทอง
สมาพันธ์ชาวยุทธเป็นวิญญาณที่น่ารังเกียจล่องลอยอยู่ทุกที่จริงๆ ข้าคงเป็นตัวบัดซบแน่ถ้าพวกเขาไม่ตาย
เช้ง!
เสียงบรรเลงของไป๋ซือซือดังขึ้นมาอย่างฉับพลันทันทีใช้พลังโจมตีที่หนาวยะเยือก
แสงอาทิตย์สลัว เสียงบรรเลงครอบคลุมไปทั้งพื้นที่ นักสู้ทุกคนที่พลังปราณแท้อ่อนแอเลือดลมปราณทะลัก พวกเขากลายสภาพเป็นเฉื่อยชาทันที
นักสู้ประเภทสายดนตรีเกิดมาเพื่ออยู่ในสนามรบ แม้ว่าพลังโจมตีของพวกเขาจะไม่แข็งแกร่ง แต่เมื่อมาถึงพื้นที่ซึ่งส่งผล นักสู้อื่นก็ไม่สามารถเทียบกับพวกเขาได้
นักสู้ประเภทสายดนตรีมีวิธีที่ดีที่สุดใช้จัดการกับกระสุนมนุษย์หน่วยหน้ากล้าตายทั้งหลาย
จากกลุ่มคนที่ถูกขัดขวาง มีสองสามคนที่พุ่งมาข้างหน้า มือธนูสองสามคนยิงธนูออกมาติดต่อกัน เสียงสายดีดธนูแสบแก้วหู มีแสงสิบสายส่งเสียงหวีดหวิวแหวกอากาศพุ่งตรงเข้าหาไป๋ซือซือ
ในฐานะเซียนไป๋ซือซือไม่ถูกการโจมตีดังกล่าวรบกวน มือที่ว่างเปล่าของนางดีดสายเบาๆ และลูกธนูที่กำลังพุ่งมาหานางซึ่งกำลังจะถึงตัวนางถูกทำลายทีละนิ้วๆ เหมือนกับว่ากระทบกับโล่ล่องหนและแตกกระจายไปทุกแห่ง
ระยะห่างระหว่างทั้งสองฝ่ายใกล้เข้ามาทุกที
“ฆ่า!”
ถังเทียนคำราม เขาพุ่งเข้าหาแถวศัตรูเหมือนกับกระสุนปืนใหญ่
เสียงพลังป้องกันแตกทำลาย ก่อนเงาของเขาจะหายไปจากหอรบประตูเมือง เขาปรากฏตัวที่ด้านข้างนักสู้คนหนึ่งทันที ใช้วิชาหมัดมวยพื้นฐาน เขาก็ทำลายโล่ของคู่ต่อสู้ได้ อีกฝ่ายมัวแต่ตกใจหลังจากโล่แตกทำลายเป็นเสี่ยง ถังทียนใช้อีกมือหนึ่งกดเข้าที่อกของเขา
นักสู้ผู้นั้นรู้สึกเหมือนถูกสัตว์ร้ายที่โกรธเกรี้ยวกระแทกใส่กระเด็นออกไปอย่างรวดเร็ว
ศัตรูที่อยู่ด้านหลังเขาคาดไม่ถึงว่าเพื่อนร่วมหน่วยเดียวของเขาจะไม่สามารถต้านทานหมัดของถังเทียนได้ และเมื่อสหายร่วมหน่วยกระเด็นเข้ามาถึง เขาเหยียดมือรับไว้ทันที เมื่อมือของเขาแตะตัวสหายร่วมหน่วย สีหน้าเขาเปลี่ยนทันที กร๊อบ.. ข้อมือเขาหักและร่างของสหายร่วมกลุ่มปลิวเข้าหาเขา ราวกับว่าถูกค้อนหวดฟาดอย่างแรง เขากระอักโลหิตและหมดสติทันที
การวิ่งเข้าใส่ของถังเทียนนั้นดุร้ายมาก นอกจากนี้หมัดเหล็กกลืนแสงของหยาหยาและร่มดาวหมีของเสี่ยวเอ้อยังอยู่ข้างๆ ตัวเขา หนึ่งตัวใหญ่กับสองตัวเล็ก ไม่มีใครต้านอยู่
อาเฮ่อแตกต่างจากคนอื่น เขาเต้นเหมือนกับกระเรียนดำ ด้วยความคล่องแคล่วจนมิอาจบรรยายได้ ภาพเงาลวงตาตามหลังปรากฏขึ้นมากกมายทุกที่ ซึ่งสามารถโจมตีได้จริงๆ ไม่ว่าเงาลวงตาดำผ่านไปตรงที่ใด ศัตรูล้วนกระเด็นจนไม่อาจยืนอยู่ได้
ในพริบตาเดียว ประตูทางเข้าด้านตะวันออกถูกถังเทียนเบิกทางได้
“เสี่ยวซิ่วซิ่ว!”
เมื่อถังเทียนตะโกน ประตูเมืองก็ระเบิดออกและบุรุษหนุ่มชุดขาวกวัดแกว่งหอกเงินขี่พาหนะอย่างหนึ่งพุ่งออกมาทันที
ม้าภูตหิมะที่หลิงซิ่วขี่นั้นแข็งแกร่งและรวดเร็วปานสายฟ้า ด้วยการเร่งความเร็วของมัน ทันทำลายกำแพงความเร็วเสียงเร่งความเร็วผ่านประตูเมืองไป หลิงซิ่วหนีไปไกลแล้ว
“แย่แล้ว! กุมารีศักดิ์สิทธิ์อยู่บนหลังของเขา”
“ตามจับเขา!”
ใครบางคนตะโกนและทันใดนั้นนักสู้กลุ่มใหญ่ไล่ตามออกไป
ถังเทียนจับตามองหนึ่งในคนกลุ่มนั้น สัญชาตญาณของเขาคมกล้า และเขารู้ได้ทันทีว่านั่นคือนักสู้ระดับเซียน!
เขาฉวยโอกาสจากจำนวนคนที่เล็ดรอดออกไป
อีกฝ่ายหนึ่งเดิมทีต้องการจะลอบโจมตี แต่เขาคาดไม่ถึงว่าถังเทียนจะใช้กลยุทธเดินหน้าและสกัดไว้ทันที เมื่อปล่อยให้ถังเทียนได้โจมตีก่อน ต่อให้เป็นนักสู้ชั้นเซียน พวกเขาก็ลนลานทันที
ปัง ปัง ปัง!
หมัดของถังเทียนระดมต่อยใส่รวดเร็วราวกับสายฝน หมัดของเขาโจมตีใส่คู่ต่อสู้โดยตรง
รังสีแตกกระจายนับไม่ถ้วนอยู่รอบๆ ตัวเขา
ไม่มีใครทันสังเกตว่าเสี่ยวเอ้อลอยเข้าไปในตัวของถังเทียนเงียบๆ
ซี่.....!
รังสีที่แตกกระจายอยู่รอบตัวถังเทียนยังคงเข้ามารวมกันเกิดเป็นพลังงานเกลียวที่หมุนด้วยความเร็วอย่างน่าประหลาดและคลุมตัวถังเทียนโดยสิ้นเชิง ถังเทียนยืดแขนทั้งสองออก พลังงานเกลียวมารวมอยู่ที่ฝ่ามือของเขาบรรจบรวมและเปลี่ยนสภาพเป็นดอกสว่าน
เขารวบรวมพลังร่างกายของเขากระตุ้นพลังเกลียวและกระโจนใส่ศัตรูของเขา
หน้าของเขาเปลี่ยน แสงสีแดงนับไม่ถ้วนเริ่มฉายอยู่รอบๆ เขาเหมือนกับฝน และแสงทั้งหมดเข้าไปรวมอยู่ในหมัดของเขา ทำให้หมัดของกลายเป็นสีแดงจัดเหมือนกับพระอาทิตย์สองดวง
หมัดตะวันแดง!
พลังงานเกลียวที่น่าทึ่งส่งเสียงแหลมหวีดหวิว ปะทะใส่กับหมัดตะวันแดงของคู่ต่อสู้
ปัง!
รังสีแพรวพราวปะทุออกทันใด เหมือนกับพระอาทิตย์ขนาดเล็กระเบิดในใจกลางสนามต่อสู้ พลังที่น่าทึ่งทำให้นักสู้ทุกคนในระยะ 60 เมตรถูกกวาดกระเด็น
หน้าของเซียนนักสู้กลายเป็นขาวซีด เลือดไหลออกจากปากของเขา ถังเทียนเองก็ไม่ได้ดูดีเท่าใดนัก เสื้อผ้าทั้งหมดของเขาเต็มไปด้วยรูพรุน แขนของเขามีควันขึ้น
ในช่วงที่แลกพลังโจมตีนั้น ถังเทียนฉวยโอกาสเอาเปรียบ แต่จะเอาชนะให้ได้ก็ไม่ง่ายนัก พลังชีวิตของเซียนแข็งแกร่งและไม่แตกดับได้ง่ายๆ
แต่ร่างดำมาปรากฏตัวอยู่ข้างเซียนบรอนซ์ผู้นั้น
อาเฮ่อ!
เซียนตะวันแดงคาดไม่ถึงว่าอาเฮ่อจะลอบโจมตี อาเฮ่อเหยียดมือทำให้เซียนตะวันแดงรู้สึกถึงบางอย่างที่ผิดปกติ เขารู้สึกเหมือนกับว่าทั่งทั้งร่างตกลงไปในกาวเหนียวซึ่งหนักขึ้นทุกทีจนยากขยับตัว
สนามพลังวิญญาณอะไรกันนี่?
เซียนตะวันแดงเริ่มแตกตื่น เป็นครั้งแรกที่เขาพบกับสนามพลังวิญญาณที่แปลกประหลาด อากาศรอบด้านเขาเต็มไปด้วยความเหนียวหนืดและความรู้สึกเฉื่อยชา เขามองดูกระบี่ในมือของอาเฮ่อ สนามพลังวิญญาณของคนผู้นี้ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องกับกระบี่
ร้ายกาจนัก!
เวลานี้เขาไม่ทันสังเกตว่าหยาหยาอยู่ที่ขาของเขา
เมื่อเห็นมีโอกาส หยาหยากระโดดทันทีและปล่อยหมัด 7-8 หมัดในอึดใจเดียว พลังหมัดเหล็กกลืนแสง
อากาศและแสงรอบๆ หมัดดูเหมือนจะถูกหุ้ม เซียนตะวันแดงคาดไม่ถึงเลยว่าเขาจะได้รับความเสียหาย แม้ว่าเขาจะสามารถป้องกันการโจมตีไว้ได้ แต่พลังโจมตีที่รุนแรงก็ทำให้เขาเผยจุดอ่อนออกมา
ทันทีที่หยาหยาเคลื่อนไหว ถังเทียนก็ลงมือด้วยเช่นกัน เมื่อเขาเผยจุดอ่อนตอนต้านรับหมัดเหล็กกลืนแสง วิชาไม้ตายของเขาถูกใช้อย่างเงียบงัน
ความถี่ที่น่ากลัวในการกระหน่ำใส่จุดอ่อนของเซียนตะวันแดง ทำให้พลังป้องกันของเขาพังทลายย่อยยับ และหมัดของถังเทียนกระหน่ำใส่ร่างของเขาราวกับฝนกระหน่ำ ทำให้ร่างของเขาสั่นสะท้านรุนแรงจนลมหายใจเฮือกสุดท้าย
เหมือนกับกระต่ายที่ถูกเหยี่ยวจับ เมื่อเซียนนักสู้ตาย นักสู้ที่อยู่รอบๆ พากันกลัวตาย ชั่วเวลาต่อมาก็พากันแตกกระจายหนีหายไปกันหมด
หลิงซิ่วฉวยโอกาสเร่งความเร็ว ร่างของเขาหายลับไปในเส้นขอบฟ้า
พอหลิงซิ่วหายไป ถังเทียนก็เพ่งการต่อสู้มากขึ้น ไม่มีใครเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ แต่ถังเทียนกำลังพบสิ่งที่เขามองหา ในช่วงเวลาที่เขาพยายามอย่างหนักเพื่อบรรลุความก้าวหน้า แต่ไม่พบคู่ต่อสู้ที่เหมาะสม ดังนั้นเขาจึงต้องมองหาการต่อสู้เพิ่มขึ้น เหลียงฟงและพวกเซียนที่เหลือถูกเขาทรมานติดต่อกันจนย่ำแย่แล้ว
ความรู้สึกในสนามรบและสนามฝึกฝนนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
แต่ถังเทียนชอบที่จะอยู่ในสนามรบ
น่าเพลิดเพลินจะตาย!
ถังเทียนกู่ร้องและพุ่งเข้าใส่กลุ่มคน
“ภูตกระบี่! เจ้าสร้างภูตกระบี่ได้จริงๆ!” ผู้อาวุโสสมาพันธ์ชาวยุทธรู้สึกเหลือเชื่อ แขนของเขาหายไปข้างหนึ่ง บาดแผลของเขาตรงเรียบสมบูรณ์แบบ แม้บาดแผลจะมีโลหิตฉีดพุ่งออกมา แต่เขาก็ยังไม่รู้ตัว ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยอาการตกใจและเหลือเชื่อ เนื่องจากเขาตกตะลึงกับรังสีกระบี่ของจิ่งหาว
เขาเข้าใจความหมายของภูตกระบี่อย่างสมบูรณ์
สนามพลังวิญญาณที่น่ากลัวขนาดนั้นปรากฏอยู่ในร่างของคนทรยศสมาพันธ์ชาวยุทธ
ไม่มีทาง!
คนแบบนั้น เราต้องกำจัดเขาให้ได้
ถ้าเราปล่อยให้เขาเติบโตก้าวหน้า เขาจะเป็นอันตรายต่อสมาพันธ์ชาวยุทธทั้งหมด
เขาได้ยินพรสวรรค์ของจิ่งหาวมาแล้ว แต่มักจะหัวเราะไม่สนใจอยู่เสมอ แต่พอได้เห็นกับตาตนเอง เขาจึงได้รู้ว่าพรสวรรค์ของจิ่งหาวที่ไม่มีใครรู้ยังแข็งแกร่งมากกว่าข่าวลืออยู่หลายเท่า และ..จิ่งหาว ถังเทียนและสหายสองสามคน ล้วนแต่ไม่ธรรมดากันทั้งนั้น
เขาส่ายศีรษะและทิ้งความคิดที่ไม่จำเป็นไว้เบื้องหลัง ตั้งใจมองจิ่งหาว
ข้าไม่ยอมปล่อยให้จิ่งหาวได้เติบโตต่อไปแน่ เพราะสำหรับสมาพันธ์ชาวยุทธแล้ว เขาคือหายนะ
ติงม่านวิ่งหนีอย่างสุดฝีเท้า นางเป็นเซียนเภสัช และพลังของนางที่จะส่งผลคุกคามในสนามรบนั้นน่าสงสารมาก นางได้แต่กลับไปส่งข้อความ เนื่องจากจิ่งหาวเปิดเผยสถานะของสมาพันธ์ชาวยุทธแล้ว อาเฮ่อส่งติงม่านไปขอความช่วยเหลือทันที
การรบจะเข้มข้นตึงเครียดขึ้น หลิงซิ่วขี่ม้าห้อตะบึงออกไปจากเมืองอัลเคด แต่ยังคงมีนักสู้นับไม่ถ้วนหลั่งไหลไล่ตามเขาตั้งแต่เมืองอัลเคด
เราไม่อาจเสียเมืองอัลเคดได้!
เพราะประตูดวงดาวอยู่ในเมืองอัลเคด เมื่อสูญเสียประตูดวงดาวไป จะเป็นภัยคุกคามกลุ่มดาวหมีใหญ่อย่างรุนแรง
โชคดีที่ประตูดวงดาวอยู่ห่างจากเมืองศีรษะพญาหมีใหม่ไม่ไกล สำหรับเซียน ระยะทางขนาดนั้นไม่มีอะไร แต่ติงม่านรู้ว่า ในเมืองอัลเคดมีอันตราย หัวใจนางตึงเครียดมาก