ตอนที่ 475 สามเซียน
การผสานพลังของกลุ่มดาววาฬ, ทำให้ความหนาแน่นพลังดวงดาวของกลุ่มดาวหมีใหญ่เพิ่มขึ้นชัดเจน ระดับปัจจุบันสูงอย่างน่าตกใจ 39% ซึ่งสูงที่สุดในกลุ่มดาวระนาบกลาง
แม้ว่าความเข้มข้นของพลังดวงดาวจะไม่สามารถนำผลประโยชน์ขนาดใหญ่มาให้กลุ่มดาวหมีใหญ่ก็ตาม แต่เมื่อมองดูในระยะยาวก็ถือว่าเป็นพื้นฐาน พลังดวงดาวหนาแน่น จะดึงดูดนักสู้มามากขึ้น และลดระยะเวลาการฝึกฝนสำหรับนักสู้ท้องถิ่น
ผลประโยชน์ระยะยาวทั้งหมดนี้ พอกลุ่มดาวหมีใหญ่กลืนกลุ่มดาววาฬก็ไม่เกิดแรงกระเพื่อมที่ใหญ่เกินไป ก็แค่ว่าผู้คนกำลังเยาะเย้ยกงชิงซึ่งกำลังทนทุกข์กับผลของการกระทำของตัวเองจากในอดีต
สำหรับกลุ่มดาวหมีใหญ่ พลังดวงดาวที่หนาแน่นเป็นประวัติการณ์ทำให้หัวใจของประชาชนมั่นคงอย่างรวดเร็ว แม้กระทั่งนักสู้หลายคนก็หวังจะเปิดพื้นที่กันทุกคน และเมื่อความหนาแน่นของพลังดวงดาวถึงระดับตำหนักระนาบสุริยุปราคาซึ่งสูงตั้งแต่ 50% ขึ้นไป จากนั้นพวกเขาก็จะสามารถสร้างเมืองสมบัติได้
เมืองสมบัติก็คือเมืองที่มีสมบัติดวงดาวป้องกัน เมืองอย่างนั้นไม่ว่าความเข้มข้นของพลังดวงดาว หรือความปลอดภัยและการป้องกันจะได้รับการปรับปรุงพัฒนาขึ้น
เหตุผลที่สิบสองตำหนักระนาบสุริยุปราคาสามารถรักษาความสง่างามและความมั่นคงไว้ได้ก็เพราะความเกี่ยวข้องกันอย่างใกล้ชิดกับเมืองสมบัติ สมบัติเซียนควบคุมพลังความเข้มข้นของดวงดาวทั้งหมด แต่ความจริง สมบัติเซียนทุกชิ้นของกลุ่มดาวเป็นส่วนหนึ่งของระบบที่ใหญ่โต และเมืองสมบัติใช้จุดนั้นเป็นประโยชน์ สมบัติเซียนเป็นศูนย์กลางของพลังดวงดาว สมบัติทองเป็นปุ่มข้อสำคัญสำหรับสมบัติเซียน ขณะที่สมบัติเงินเป็นปุ่มข้อระดับกลาง และสมบัติบรอนซ์เป็นกิ่งก้าน
การสร้างเมืองสมบัติจะทำให้สามารถใช้ประโยชน์จากพลังดวงดาวในระดับสูงสุดได้ และเมื่อเผชิญกับการโจมตี ไม่เพียงแต่เมืองสมบัติจะใช้พลังดวงดาวที่รายล้อมอยู่ได้เท่านั้น แต่จะได้รับการสนับสนุนผ่านเครือข่ายพลังดวงดาวขนาดมหึมาอีกด้วย
นั่นคือเหตุผลสำคัญที่สิบสองตำหนักระนาบสุริยุปราคาแข็งแกร่งกว่าสิบตำหนักระนาบกลางมาก
แน่นอนว่าผู้บริหารระดับสูงของกลุ่มดาวหมีใหญ่เข้าใจชัดเจนมาก ผลไม้แห่งชัยชนะมากมายจำเป็นต้องใช้เวลานานในการค่อยๆ ย่อยสลาย ถ้าการย่อยทำได้ไม่ดี ก็จะมีอันตรายหลายอย่างและทำให้เกิดปัญหาตามมา โชคดีที่พวกเขามีหลงโส่วจิงและผี่ผา พวกเขาทุกคนมีความอดทนและละเอียดรอบคอบ ภายใต้การสะสางของพวกเขา กลุ่มดาวหมีใหญ่ยังคงเติบโตแข็งแกร่งต่อไป
เมื่อถังเทียนกลับมากลุ่มดาวหมีใหญ่ เขาพาเด็กชายอายุเจ็ดขวบมาด้วยคนหนึ่ง เขาคือหลานของผู้เฒ่าหลิน ชื่อว่าอาเฉ่า ผู้เฒ่าหลินเอ็นดูรักใครอาเฉ่ามาก อาเฉ่าเป็นเด็กที่มีพรสวรรค์ไม่ธรรมดาตั้งแต่เล็ก ดังนั้นผู้เฒ่าหลินให้เขาติดตามเรียนรู้อยู่ข้างตัวถังเทียน
ผู้เฒ่าหลินเห็นได้อย่างชัดเจน เพราะตระกูลหลินให้ความช่วยเหลือรับใช้กลุ่มดาวหมีใหญ่มากมายอย่างนั้น แต่ขณะเดียวกัน พวกเขาก็ทำผิดต่อกงชิงและกลุ่มของเขาด้วย
เขาได้รับแต่งตั้งจากถังเทียนให้เป็นเจ้าเมืองอันห่าว และเขารู้ ไม่ว่าจะเป็นพลังของเขาหรือตำแหน่งของเขาในองค์การวิญญาณมืด สิ่งเหล่านั้นล้วนไม่สำคัญ เขาได้รับแต่งตั้งเพราะมิตรภาพที่ดีระหว่างกัน สำหรับตระกูลหลิน นับเป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่มาก
กลุ่มยอดฝีมือระดับเซียนที่มีชื่อเสียงรายล้อมอยู่รอบตัวถังเทียน ดังนั้นสำหรับอาเฉ่าการได้ติดตามจะทำให้มีโอกาสเรียนรู้ได้มากกว่าอยู่ในตระกูลหลิน
กระบี่สวัสดิกะมีที่ให้กลับแล้ว และสามารถได้พบกับผู้เฒ่าหลินอีกครั้งและยังพาหลานชายของเขากลับมาด้วย ทำให้ถังเทียนมีความสุขมาก
แต่เวลาเป็นเรื่องสำคัญ เมื่อปัญหากลุ่มดาววาฬได้รับการคลี่คลาย จึงได้เวลาสืบค้นเจ็ดดาวเหนือเสียที
เขารีบกลับบ้านอย่างรวดเร็ว
*********
“มันรู้สึกแปลก” จิ่งหาวเคลื่อนมือเท้าของเขา ร่างของเขาให้ความรู้สึกไม่คุ้นเคยอย่างมาก เขาเป็นมือกระบี่ที่ไม่ได้มีพลังแข็งแกร่งมากนัก นอกจากเย่เฉาเกอผู้บ้าคลั่ง มีมือกระบี่น้อยคนมากที่อาศัยเรี่ยวแรงล้วนๆ
เขาสามารถรู้สึกได้ถึงพลังที่ไม่เคยมีมาก่อนในร่างของเขา กระบี่ในมือของเขาให้ความรู้สึกที่เบามาก เขาลองแทงไปข้างหน้าเบาๆ ชี่... กระบี่เคลื่อนไหวราวสายฟ้า
ไวมาก!
ไม่ต้องใช้ปราณแท้แต่อย่างใด ความเร็วในการแทงกระบี่ของเขารวดเร็วกว่าเมื่อก่อนมาก แต่จิ่งหาวขมวดคิ้ว วิชากระบี่ของเขาให้ความสำคัญต่อความแม่นยำและการควบคุมมาก แม้ว่าความเร็วของกระบี่จะเร็วมาก แต่เขายังควบคุมได้ไม่ดี
ชี่ ชี่ ชี่ รวดเร็วมาก เขาหมกมุ่นอยู่กับการฝึกฝน เขาต้องการเวลาทำความคุ้นเคยกับร่างกายแบบใหม่ของเขา
เขาดูดซับการขัดเกลาไว้ได้สำเร็จ
อย่างช้าๆ แสงรัศมีเริ่มเป็นประกายอยู่บนกระบี่ของเขา รังสีแสงนั้นนุ่มนวลแต่ไม่แพรวพราว หลังจากลดการแปลงพลังงานแล้ว ร่างของเขาไม่มีปราณแท้เหลืออยู่แม้แต่น้อย รังสีอ่อนๆ นั้นความจริงก็คือพลังดวงดาวที่ตัวกระบี่ดูดซับมาจากรอบๆ
แสงกระบี่ตรงมากไม่มีงอแม้แต่น้อยราวกับว่าวาดวัดด้วยไม้บรรทัด
แสงกระบี่ดูดีมากขึ้นและในที่สุด สิ่งที่เหลืออยู่ก็คือแสงลายเส้นเหมือนเขียนด้วยดินสอ ราวกับเส้นด้าย แสงกระบี่เส้นด้ายยังคงอยู่ในอากาศโดยไม่หายไป
แสงกระบี่มีจำนวนมากขึ้นตัดขวางเป็นทั้งแนวตั้ง แนวนอน เหมือนกับว่าอากาศที่อยู่หน้าเขาถูกตัดจนทิ้งริ้วรอยแผลเอาไว้
จิตวิญญาณยุทธของจิ่งหาวติดตามการเปลี่ยนแปลงของรังสีกระบี่และยังคงเปลี่ยนต่อไป
คนที่เป็นสักขีพยานมองดูอยู่ด้านข้างต่างแสดงสีหน้าปลาบปลื้มกันทุกคน เนื่องจากจิตวิญญาณของจิ่งหาวยังคงหดตัว
เจตจำนงที่ชัดเจนซึ่งมิอาจอธิบายได้ลอยออกมาจากร่างของจิ่งหาว
“นั่นคือ... ภูตกระบี่!” เหออี้หมิงพึมพำ ความรู้สึกกระตือรือร้นปรากฏอยู่ในดวงตาของเขา
“ภูตกระบี่!” เซียนนักสู้คนอื่นสะดุ้งในตอนแรก จากนั้นสีหน้าเปลี่ยนทันที
ภูตกระบี่พบเห็นได้ยากและจะอยู่ในสนามพลังวิญญาณ เพราะสนามพลังวิญญาณก็คือกระบี่เล่มหนึ่ง! จิตวิญญาณยุทธเปลี่ยนภายในกระบี่ และกลายเป็นภูตกระบี่ เมื่อก่อตัวกลายเป็นภูตกระบี่ก็หมายความว่านักสู้ผู้นั้นเริ่มมีปฏิสัมพันธ์กับแก่นแท้ของกระบี่ มีแต่มือกระบี่ที่บริสุทธิ์ที่สุดจึงจะสามารถสร้างภูตกระบี่ขึ้นมาได้ ภูตกระบี่ก็คือสนามพลังวิญญาณที่มือกระบี่ทุกคนโหยหาทั้งวันทั้งคืน!
ให้ความสนใจแต่กระบี่ ปล่อยวางทุกสิ่งอย่างอื่น
จิ่งหาวสร้างภูตกระบี่ได้ แล้วจะไม่น่าทึ่งได้อย่างไร?
ในประวัติศาสตร์ สมาชิกของมือกระบี่ผู้สามารถสร้างภูตกระบี่แทบจะนับคนได้แต่หนึ่งในพวกเขาจะเป็นสุดยอดอยู่ในรุ่นนั้นเป็นเซียนกระบี่ผู้น่ากลัวที่สุดและแข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์
คนที่มีพลังโจมตีที่แข็งแกร่งมากที่สุดก็คือเหออี้หมิง เขาเองก็เป็นมือกระบี่เองและไม่มีใครเข้าใจชัดมากกว่าเขาว่าการสร้างภูตกระบี่นั้นยากเย็นเพียงใด
จิ่งหาวลืมตา สายตาของเขาจริงใจ แต่ไม่มีใครกล้าดูแคลนเขา จากการถือกำเนิดของภูตกระบี่ ก็หมายความว่า ตราบเท่าที่เขายังไม่ตาย เขาจะกลายเป็นหนึ่งในนักสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก
จิ่งหาวเต็มไปด้วยความดีใจ เขาไม่ได้คิดว่าการลดการแปลงพลังจะทำให้เขาสามารถสร้างภูตกระบี่ได้ ไม่มีปราณแท้ แม้ว่าเขาจะไม่คุ้นเคยมากนัก แต่ก็ทำให้เขาไม่ถูกจำกัดไว้ ปราศจากข้อบังคับและจำกัด จึงทำให้เขาสงบลง สะท้อนให้เห็นถึงสิ่งที่เป็นสาระที่แท้จริงของกระบี่
“ขอแสดงความยินดีด้วยน้องจิ่ง” ไป๋ซือซือเป็นคนแรกที่ร่วมแสดงความยินดีกับเขา ก่อนที่คนที่เหลือจะทำตาม เซียนกระบี่คนหนึ่งกับภูตกระบี่ได้รับความเคารพนับถือไม่ใช่อาชญากรรม
จิ่งหาวหัวเราะ “ขอบคุณ, ขอบคุณ!”
“ภูตกระบี่อะไรกันนี่?” เหออี้หมิงถามทันที
ใบหน้าของคนที่เหลือเปลี่ยนไปทันที เหออี้หมิงกำลังยุ่งกับหัวข้อต้องห้าม การบรรลุขอบเขตใหม่ของผู้อื่นไม่ควรสอบถามกันอย่างธรรมดา
จิ่งหาวมองดูเหออี้หมิง เขาสามารถเห็นอารมณ์หลงใหลในดวงตาของเหออี้หมิง ความหลงใหลกระบี่ เขาตอบอย่างใจเย็นด้วยเสียงสุภาพ “กระบี่ไม่ใช่พลังงาน กระบี่ก็คือกระบี่”
คำตอบของจิ่งหาวผิวเผิน แต่ก็ทำให้นักสู้ชั้นเซียนมีทีท่าไตร่ตรอง
ทันใดนั้นเองคลื่นปราณที่แตกต่างกันสองสายแผ่มาจากด้านหลังทำให้พวกเขาตกใจ
รัศมีสงบเย็นของอาเฮ่อเต็มไปด้วยสีเหมือนอาทิตย์อัสดงค์ กระเรียนดำตัวหนึ่งบินวนอย่างต่อเนื่อง เสียงร้องสดใสของกระเรียนได้ยินชัด เมฆและหมอกลอยอ้อยอิ่งอยู่ดูลึกลับเหมือนกับปราชญ์เมธีลึกลับจากแดนตะวันออก
รัศมีของหลิงซิ่วแตกต่างออกไป ลำแสงทะยานขึ้นไปในท้องฟ้า มีดวงดาวแพรวพราวอยู่โดยรอบและรัศมีรอบตัวเขาสว่างระยิบระยับ เสียงของกระพรวนลมสามารถได้ยินชัดในสายลม เพลงศึกดังกึกก้อง “หอกเงินพึงนุ่มราวหิมะ บริสุทธิ์ราวปุยเมฆ กระพรวนลมเขาแกะเอย สายลมเย็นไม่มีทางหยุดเสียงเจ้าได้....”
ทุกคนตกตะลึง
ระดับเซียน!
ทั้งสองคนเลื่อนชั้นนักสู้เป็นระดับเซียน
นั่นเป็นไปได้อย่างไร?
เป็นไปได้อย่างไร!
ระดับเซียนกลายเป็นเหมือนกับผักที่เติบโตอยู่ริมทางแล้วหรือนี่? ในวันเดียวกัน สถานที่เดียวกัน นักสู้สามคนบรรลุเป็นเซียน! และเซียนนักสู้ในที่นั้นมีความรู้กันทุกคน เพราะเหตุผลบางประการ พวกเขาไม่สามารถมองเห็นสนามพลังวิญญาณของอาเฮ่อได้ แต่แสงและปราณทำให้พวกเขารู้ว่าต้องไม่ใช่สนามพลังวิญญาณธรรมดา
และสนามพลังวิญญาณของหลิงซิ่ว พวกเขาจะไม่รู้จักได้ยังไง? นั่นได้รับการยกย่องว่าเป็นมรดกที่แท้จริงของกลุ่มดาวแกะ หอกดาราแห่งกลุ่มดาวแกะ
ก่อนหน้านี้มีเรื่องเล่าลือมากมายเกี่ยวกับวิชาหอกของหลิงซิ่ว แต่ในทันใดนั้นทุกคนสามารถยืนยันได้อย่างแน่นอนว่าวิทยายุทธที่หลิงซิ่วฝึกนั้นก็คือหอกดาราแห่งกลุ่มดาวแกะ
พวกเขารู้แน่นอน เพราะมีปฏิกิริยาจากกลุ่มดาวแกะซึ่งปรากฏขึ้นในท้องฟ้า หมายความว่ากลุ่มดาวแกะได้รับข่าวนี้แล้วแน่นอน
พวกที่มีสติปัญญาเฉียบแหลมกำลังคิดถึงว่ากลุ่มดาวแกะจะมีปฏิกิริยาเช่นไร? เข่นฆ่าตลอดทางหรือ? จอมห้าวถังไม่ใช่คนที่ใครจะตอแยได้ง่ายๆ และกลุ่มดาวหมีใหญ่ในปัจจุบันก็ยากจะตอแยมากขึ้น นอกจากนี้ กลุ่มดาวแกะตกต่ำมาเกินร้อยปีแล้ว รากฐานของพาหนะขนดำเสื่อมโทรม ยังมีกี่คนที่ยังระลึกถึงความสง่างามของพาหนะน้ำแข็งเงินได้? ชักจะน่าสนใจเสียแล้ว
“เย้ เย้ เย้! ตอนนี้พวกเจ้าเป็นเซียนกันหมดแล้ว!” ถังเทียนโผล่เข้ามาทันที เขาดูมีความสุขมาก ไม่คาดเลยว่าจะได้รับข่าวดีขนาดนั้นตอนกลับมา
“ปฏิบัติการของฝ่าบาทราบรื่นหรือไม่?” ติงม่านจับคำพูดแรกได้ และยิ้มให้
จากนั้นเซียนนักสู้คนอื่นๆ รู้สึกตัวทันที พวกเขาลอบหงุดหงิด ถูกสตรีนางนี้ชิงเสนอหน้าไปแล้ว จิ่งหาว อาเฮ่อและหลิงซิ่วบรรลุเป็นนักสู้ชั้นเซียน พลังของกลุ่มดาวหมีใหญ่เพิ่มขึ้นมากอีกครั้ง นอกจากนี้สนามพลังวิญญาณของทุกคนก็ไม่ธรรมดา
ถ้าท่านคิดว่าทุกคนมีความหยิ่งภูมิใจสถานะเซียนของพวกเขา ในตอนนี้ไม่มีใครกล้าใช้ความเป็นเซียนชิงความได้เปรียบแล้ว แม้ว่าพวกเขาจะเป็นเซียน แต่ก็ยังมีความแตกต่างระหว่างเซียนอยู่ พลังของพวกเขาอาจจะแข็งแกร่งมากกว่าทั้งสามคนที่เพิ่งจะกลายเป็นเซียน แต่พวกเขาไม่มีพื้นที่สำหรับความก้าวหน้าต่อไปอีกแล้ว ส่วนจิ่งหาวและอีกสองคนมีศักยภาพไม่จำกัด
สิบปีข้างหน้า พวกเขาคงไม่อาจเทียบกับทั้งสามคนนี้ได้แน่นอน และที่ยิ่งกว่านั้น อาจใช้เวลาไม่ถึงสิบปีก็ได้
“ฮ่าฮ่า ข้าพบกับสหายเก่า เรื่องก็เลยราบรื่น!” ถังเทียนไม่เห็นว่าเป็นเรื่องน่าอายที่เขาตกอยู่ในสภาพเช่นนั้น แต่กลับมีความสุขแทน
อาเฮ่อและหลิงซิ่วยังคงต้องการเวลาปรับตัวก่อนที่พวกเขาจะสามารถออกไปจากห้อง และจิ่งหาวจำเป็นต้องทำสนามพลังของเขาให้มั่นคง และถังเทียนกลับไปเตรียมตัวก่อน
เขาวางแผนสืบสำรวจเจ็ดดาวเหนือหลังจากอาเฮ่อและหลิงซิ่วออกมา
เวลาเป็นสิ่งสำคัญ และเขาไม่ต้องการจะเสียไป
“หยาหยา! เสี่ยวเอ้อ!”
ก่อนที่จะเข้ามาถึงลานฝึกซ้อม ถังเทียนตะโกนลั่น ตอนนี้ เขาเตรียมจะพาเจ้าตัวเล็กทั้งสองไปกลุ่มเจ็ดดาวด้วย
หมัดเหล็กกลืนแสงของหยาหยานั้นมีความพิเศษไม่ธรรมดา และเขามีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว เมื่อเสี่ยวเอ้อไม่อยู่ในร่างของเขา ถังเทียนตระหนักได้ว่าสัญชาตญาณของเขาลดลงอย่างมาก ใครจะรู้ว่าเขาจะพบอะไรที่เจ็ดดาวเหนือ ดังนั้นเขาจึงเตรียมตัวอย่างระมัดระวัง
ที่สำคัญมากกว่า ถังเทียนไม่ต้องการเสียเวลาอะไรทั้งนั้น ได้รับบาดเจ็บเป็นเรื่องเล็ก แต่ถ้าบาดเจ็บแล้วทำให้พบกับเชียนฮุ่ยช้าไม่ทันกำหนดนัด เขาไม่ยอมจะให้เป็นเช่นนั้น
เมื่อเขาส่งเสียงดังเข้ามาในลาน เขาก็ต้องตะลึงหลังจากเห็นเสี่ยวเอ้อ
เสี่ยวเอ้อลอยตัวอยู่ในท้องฟ้าสวมสูทลินินสีฟ้าขลิบทอง รองเท้าผ้าสีดำ นอกจากมีใบหน้าที่เยือกเย็นแล้ว ร่างกายขนาด 10 เซ็นติเมตรของเสี่ยวเอ้อยังดูน่ารักอีกด้วย
แต่สายตาของถังเทียนถูกดึงดูดอยู่ที่ร่มซึ่งมีดวงดาวปกคลุมอยู่มือของเสี่ยวเอ้อ
นะ..นั่น นั่นคือ ระ..ร่มแห่งกลุ่มดาวหมีใหญ่!