ตอนที่แล้วตอนที่ 473 ความทรงจำสีเทา  
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 475 สามเซียน

ตอนที่ 474 สร้างเมืองอันห่าว (สวัสดิภาพ)  


“ดวงตาแห่งเซกซ์แทนส์คือสมบัติชั้นเงินของกลุ่มดาวเซกซ์แทนส์  มีข้อกำหนดและวิธีใช้งานที่ไม่ชัดเจน เคยมีชื่อปรากฏขึ้นมาก่อน แต่หายไปในเวลาอันรวดเร็ว เราต้องการเวลาสืบค้นเพิ่มเติม ส่วนตำแหน่งตาพลังดวงดาวของกลุ่มดาววาฬ เราหาพบแล้ว อยู่ที่ตระกูลหลินแห่งกลุ่มดาววาฬ”  ติงตังมองหน้าทุกคนที่เหลืออย่างใจเย็น  ยกเว้นถังเทียนกับปิง ทั้งสองคนมีสีหน้าประหลาดใจเหมือนกัน  ใบหน้าเขียวคล้ำมีรังสีอำมหิตแผ่ออกรอบตัว

เกิดอะไรขึ้นกับสองคนนี้?

ติงตังพึมพำอยู่ในใจ  สำหรับนางแล้วถังเทียนดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เรื่องแปลก  ถังจอมห้าวเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว  แต่อีกคนหนึ่งนั้นไม่ใช่เรื่องปกติธรรมดา  ช่างเถอะ ยังไม่มีใครรู้จริงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา

ใบหน้าไพ่ดูแข็งกระด้างขึ้น  แต่เป็นเรื่องยากที่จะเห็นเขาเต็มไปด้วยรังสีฆ่าฟัน

ใครไปตอแยสองคนนี้?  หรือว่าพวกเขาทะเลาะกัน? นั่นก็ไม่ถูก ถ้าพวกเขาอยู่ในระหว่างขัดแย้งกัน พวกเขาคงต่อสู้กันไปแล้ว จะว่าเล่นสงครามเย็นต่อกันก็ไม่ใช่...

“ฮืม.. ดวงตาแห่งเซกซ์แทนส์ต้องอยู่ในกลุ่มดาวเซกซ์แทนส์แน่นอน เราน่าจะบุกโค่นกลุ่มดาวเซกซ์แทนส์โดยตรงได้เลย”  ถังเทียนมีท่าทีที่ไม่พอใจพออ้าปากก็พล่ามด้วยคำพูดแฝงด้วยรังสีฆ่าฟันทำให้ทุกคนสูดหายใจหนาวเหน็บ

โดยเฉพาะเฉินหวี่ตัวสั่นด้วยความกลัว เกิดบ้าอะไรขึ้นอีกกันนี่? ทำไมจู่ๆ ถึงได้อยากต่อสู้กับกลุ่มดาวเซกซ์แทนส์?

เฉินหวี่คือครูมวยผู้สอนไม้ตายของกลุ่มดาวเซกซ์แทนส์ และครูมวยคือคนที่สามารถให้คำแนะนำและชี้จุดการฝึกฝนและวิชาการต่อสู้ให้กับนักสู้อื่น  พวกเขาค่อนข้างคล้ายกับครูในโรงเรียน และส่วนใหญ่พวกเขาจะอยู่ในพื้นที่ของตนเองและส่งต่อให้ลูกศิษย์  กลุ่มดาวเซกซ์แทนส์มีสนามต่อสู้ขนาดต่างๆ  และสนามต่อสู้ทั้งหมดนี้มีมาตรฐานแตกต่างกัน  เนื่องจากพื้นที่ต่อสู้ของเฉินหวี่ค่อนข้างมีชื่อเสียงในกลุ่มดาวเซกซ์แทนส์  ถ้าไม่ใช่เพราะสหายเก่าของเขาขอร้องเป็นการส่วนตัว และยังมีความสับสนวุ่นวายที่เขารู้สึกได้จากโลก เขาคิดมองหาผู้สนับสนุน เพราะเขาใช้ชีวิตอย่างสบายๆ ในกลุ่มดาวเซกซ์แทนส์

“โค่นล้มกลุ่มดาวเซกซ์แทนส์ทำได้ง่าย”  ปิงพูดอย่างเย็นชา  “คำถามก็คือ  ถ้าเราไปถล่มโค่นล้มพวกเขา แล้วเรายังจะหาได้อีกหรือ?”

เฉินหวี่ยิ่งกลัวมากขึ้นทุกทีเมื่อได้ยินพวกเขาพูด  เขาคิดว่าพวกบ้าอำนาจ ก็ยังคงเป็นพวกบ้าอำนาจ  ไม่ว่ากลุ่มดาวเซกซ์แทนส์จะอ่อนแออย่างไร แต่ก็ยังเป็นส่วนหนึ่งของสิบตำหนักระนาบกลาง และทันทีที่พวกเขาเอ่ยปาก  พวกเขาก็สามารถพูดได้ว่าจะโค่นล้มพวกเขา และดูเหมือนว่าเพียงเพื่อสมบัติชิ้นเดียวเท่านั้นหรือ? และยังเป็นแค่สมบัติเงิน!

ถ้าเป็นสมบัติชั้นทองก็ยังพอว่า อย่างน้อยเหตุผลผลักดันกระตุ้นผู้อื่นก็ยังนับว่าสมเหตุผล  แต่สมบัติดวงดาวชั้นเงิน... แค่เพราะต้องการสมบัติชั้นเงินชิ้นเดียว  พวกเขาถึงกับบุกกลุ่มดาว...

นั่นไร้เหตุผลเกินไปแล้ว!

อุบาทว์  เจ้าพวกนี้เป็นกลุ่มคนอุบาทว์ชัดๆ!

แต่โชคดี ข้ากลายเป็นส่วนหนึ่งของพวกอุบาทว์ไปแล้ว...

ทุกคนมองดูถังเทียนและปิง  ทั้งสองคนทำท่าแปลกประหลาด ทำให้ห้องประชุมตกอยู่ในความเงียบ

ยิ่งเงียบมากขึ้นก็ยิ่งมีแรงกดดันในหัวใจของเฉินหวี่มากขึ้น  เขาตื่นตัวเต็มที่และกระแอมเบาๆ  “ฝ่าบาทและใต้เท้าเพิ่งพูดถึงดวงตาเซกซ์แทนส์จากกลุ่มดาวเซกซ์แทนส์  ดวงตาเซกซ์แทนส์คือสมบัติที่ข้าน้อยเคยได้ยินมาก่อน ทำไมถึงไม่ให้ข้าน้อยไปติดตามถามหาดูก่อน?”

ควับ, สายตาทุกคู่หันมามองที่เขา

เฉินหวี่รู้สึกถึงรังสีกดดันอยู่บนหลังของเขา เครียดมากขึ้นทุกที  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับสายตาของถังเทียนและปิงมีแรงกดดันมากเป็นพิเศษ

ปิงยิ้มในทันที  “ดีมากเลยนั่น!  เราตั้งความหวังไว้กับท่านเฉินนะ!  ติงตังจะคอยช่วยเหลือสนับสนุนท่านเฉิน และคนที่เหลือขอให้เก็บไว้เป็นความลับด้วย”

“รับทราบ!” ติงตังรู้สึกสงสัยมาก ดวงตาแห่งเซกซ์แทนส์คืออะไรถึงได้ทำให้ทั้งสองคนกระตือรือร้นจะทำสงครามกับกลุ่มดาวเซกซ์แทนซ์  สมองของถังจอมห้าวผิดปกติมาก แต่ลุงหน้าไพ่เป็นแม่ทัพทหารที่แข็งแกร่งและเขาจะไม่วุ่นวายเมื่อเกิดสงครามแน่นอน

“อย่างนั้นเราไปเยี่ยมตระกูลหลินนี้กัน!”  ถังเทียนชูกำปั้น พูดด้วยคำพูดห้าวหาญอีกครั้ง

“ฝ่าบาท ท่านก็แค่เรียกตระกูลหลินมาสอบถามก็พอ” โส่วจินแนะนำ ความหมายของโส่วจินก็คือ “ตอนนี้ท่านเป็นเจ้ากลุ่มดาวแล้ว ต้องอดทนและรักษาภาพพจน์ของเจ้ากลุ่มดาวไว้”

ถังเทียนโบกมือ “นั่นมันยุ่งยากเกินไป เราไปกันเองก็สิ้นเรื่อง  ถ้าใครเห็นด้วยก็ดีไป, แต่ถ้าไม่เห็นด้วย...”

ทุกคนสูดหายใจหนาวเหน็บในใจอีกครา

“ท่านจะไปด้วยหรือไม่?”  ถังเทียนหันไปถามปิง  เขาตกลงกับเชียนฮุ่ยว่าจะต้องไปพบกันภายในสามเดือน และเวลามีค่า เขาเกลียดที่เขาไม่สามารถไปได้และแก้ปัญหาได้ทันที

คนที่เหลือสะดุ้ง  แม้ว่าตระกูลหลินจะเป็นตระกูลที่มีอิทธิพลอำนาจท้องถิ่นเล็กๆ ในกลุ่มดาววาฬ  แต่พวกเขาไม่จำเป็นต้องเผชิญหน้ากับมัจจุราชถึงสองคนเลย

“ไปสิ!”  ปิงกล่าวเย็นชา  “ทำไมจะไม่ได้เล่า?”

ทุกคนไม่มีคำจะพูด  ทุกคนได้แต่มองหน้ากันเองอย่างตกใจ ตระกูลหลินมีความเป็นปฏิปักษ์อะไรกับพวกเขาหรือ? ตระกูลหลินได้ล่วงเกินอะไรไว้กับนายท่านทั้งสอง...

ตระกูลหลิน กลุ่มดาววาฬ

“ฮ่าฮ่า, คาดไม่ถึงเลยว่าตระกูลหลินจะอยู่ภายใต้การดูแลของผู้เฒ่าหลิน ไม่ได้พบกันนานเลยนะ ผู้เฒ่าหลินยังดูดีอยู่เลย ท่านอู่โหวกับองค์หญิงหมิงจูเป็นยังไงบ้าง?”

ถังเทียนตอนแรกเปี่ยมไปด้วยรังสีฆ่าฟันรุนแรงต้องตกตะลึงเมื่อเข้าไปในตระกูลหลิน เพราะเขาพบว่าผู้เฒ่าหลินจากเขตปกครองของอู่โหวอยู่ในตระกูลหลินและเป็นผู้เฒ่าหลินผู้มอบแผ่นหยกและสมบัติให้เขาในปีนั้น

ตั้งแต่ถังเทียนบุกเข้ากลุ่มดาววาฬ ผู้เฒ่าหลินมักคิดเรื่องอนาคตของตระกูลหลินอยู่เสมอ  คงเป็นเรื่องยุติธรรมที่จะพูดว่าทุกคนคุ้นเคยกับการแบ่งปันฉันท์มิตร  แต่ไม่ลึกซึ้งนัก และผู้อาวุโสตระกูลหลินไม่ได้คิดใช้มิตรภาพเพื่อรับผลประโยชน์ใดๆ เขาแค่ต้องการปกป้องมิให้ตระกูลหลินถูกล้มล้างออกไป

แต่เขาคาดไม่ถึงเลยว่าหลังจากถังเทียนยกทัพเข้ากลุ่มดาววาฬ  เขาไม่ได้ดำเนินการกวาดล้างใดๆ  ผู้เฒ่าหลินไม่คิดอะไรมาก ในสถานการณ์วุ่นวายในปัจจุบัน เขาพักอยู่ในตระกูลเพื่อปกป้องตระกูลอย่างสงบ

มีผู้อาวุโสหลายคนจากองค์การวิญญาณมืดที่ทำเหมือนกัน ภัยพิบัติจากการกวาดล้างตระกูลสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อในเหตุการณ์ความวุ่นวาย  ถ้าตระกูลมีพวกเขาคอยปกป้อง ย่อมจะปลอดภัยมากขึ้นเป็นธรรมดา

ผู้เฒ่าหลินคาดไม่ถึงเลยว่าถังเทียนจู่ๆ ก็มีรังสีฆ่าฟันเต็มเปี่ยม เขาประหลาดใจ แต่เมื่อเขาเห็นถังเทียนมีท่าทีเก้อเขิน เขาอดยิ้มไม่ได้

ถังเทียนหงุดหงิดจนอยากจะเขกกบาลตัวเอง  ใช่แล้ว ติงตังบอกว่าเป็นตระกูลหลิน  แต่ไม่คิดเลยว่าจะเป็นตระกูลของผู้เฒ่าหลิน

ถังเทียนเป็นคนจริงใจ ใครดีกับเขา เขาทำดีตอบ ใครร้ายกับเขา เขาร้ายตอบ  ผู้เฒ่าหลินรู้สึกว่าตัวเขาไม่ได้ทำอะไรให้ถังเทียนมากนักในอดีต  แต่ถังเทียนรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างมาก เป็นแค่เพียงความโง่งมเลอะเลือน เห็นได้ชัดว่าหลายอย่างจัดการได้โดยไม่ต้องต่อสู้ และไม่ต้องพบกับปัญหายุ่งยากในกลุ่มดาววาฬเลย ดังนั้นตั้งแต่แรก เขาไม่คาดว่าจะได้พบกับผู้เฒ่าหลิน แต่รู้สึกได้ว่าผู้เฒ่าหลินยังคงอยู่ในใจของเขา

เมื่อตอนบุ่มบ่ามบุกเข้าบ้านด้วยท่าทีขึงขังอำมหิตอย่างนั้น นับว่าก้าวร้าวไร้มารยาทจริงๆ

ปิงก็รู้สึกถึงสถานการณ์ยากลำบากเหมือนกัน  มันเป็นสถานการณ์ที่น่าอึดอัด  ปล่อยให้ถังจอมห้าวรับมือไปดีกว่า...

นักสู้ทุกคนมองดูมัจจุราชทั้งสองอย่างตกตะลึง  ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความละอายและลำบากใจ

ผู้เฒ่านี้มาจากไหนกัน...

แม้แต่สมาชิกของตระกูลหลินก็ยังตกใจ ร่างของผู้อาวุโสตระกูลยากจะหยั่งถึงได้จริงๆ  จนกระทั่งเดี๋ยวนี้ ฉายาโหดเหี้ยมอำมหิตและโดดเด่นของถังเทียนแพร่กระจายไปทั้งกลุ่มดาววาฬว่า “เพชฌฆาตสามกองทัพ”

ผู้เฒ่าหลินเป็นคนเจนโลก เขาหัวเราะเบาๆ “รู้สึกเป็นเกียรติที่ฝ่าบาทมาเยือนบ้านซอมซ่อของข้า การปรากฏตัวของฝ่าบาทนำแสงสว่างมาให้บ้านที่ต่ำต้อยของข้าจริงๆ  เชิญเข้ามาก่อน”

ถังเทียนหัวเราะอย่างโง่งมขณะเดินตามหลัง

ผู้เฒ่าหลินทำธุรกิจมานานแล้วและช่วยให้ถังเทียนหายเก้อเขินได้อย่างรวดเร็วและรีบถามถึงวัตถุประสงค์ที่เขามาเยือน

“งั้นฝ่าบาทมาที่นี่เพราะตาพลังดวงดาวนั่นเอง”  ผู้เฒ่าหลินเข้าใจถึงสิ่งที่ถังเทียนกำลังพยายามทำ และไม่ได้รู้สึกหงุดหงิด เขายืนขึ้น “โปรดตามข้ามา ฝ่าบาท”

โดยการนำทางของผู้เฒ่าหลิน พวกเขามาถึงหุบเขาแห่งหนึ่งในเวลาอันรวดเร็ว

เมื่อเข้าไปในหุบเขา พวกเขาสามารถรู้สึกได้ถึงความหนาแน่นของพลังดวงดาว

“ความเข้มข้นของพลังดวงดาวที่นี่จะสูงกว่าด้านนอกราวๆ 2% เมื่อเทียบกัน”  ผู้เฒ่าหลินอธิบาย “ตาพลังดวงดาวตามปกติจะไม่ถูกใช้ นอกจากมีความหนาแน่นที่สูงกว่า และพื้นที่ๆ ส่งผลมีขนาดเล็กมาก  ถ้าไม่อย่างนั้นตระกูลหลินคงไม่สามารถปกป้องตาพลังดวงดาวไว้ได้”

คำอธิบายเหล่านี้ทำให้ถังเทียนและปิงพยักหน้าเข้าใจ

“นี่คือตาพลังดวงดาว”  ผู้เฒ่าหลินชี้ทางตาน้ำพุใต้เท้าของเขา

มันคือตาพลังดวงดาวจริงๆ

สัญชาตญาณในปัจจุบันของถังเทียนเฉียบคมมากและรู้สึกได้ชัดว่าตาน้ำพุที่อยู่ข้างหน้าของเขาต่างจากสถานที่อื่น พลังดวงดาวของกลุ่มดาวมีหลากหลายรูปแบบ  พลังดวงดาวที่มีสายพลังงานก็มี พลังดวงดาวที่เป็นเหมือนหมอกก็มี แต่เมื่อไม่คำนึงถึงรูปแบบ  จุดพิเศษที่คล้ายกันก็คือตาพลังดวงดาว

“เยี่ยมเลย!”  ถังเทียนปรบมืออย่างตื่นเต้น

ผู้เฒ่าหลินมองดูถังเทียนและเตือนเขา  “ข้าได้ยินมาว่า จะรับตาพลังดวงดาวก็เพื่อสร้างสมบัติเซียนอีกครั้ง  สมบัติดวงดาวต้องมีระดับที่สูงกว่า และดีกว่า..”

ตระกูลหลินหยั่งรากลึกซึ้งอยู่กลุ่มดาววาฬ  เมื่อกงชิงออกไป  เขาขนเอาสมบัติเซียนออกไปพร้อมกับสมบัติชั้นทองของกลุ่มดาววาฬติดตัวไปด้วย  กงชิงเตรียมตัวป้องกันการจัดสร้างสมบัติเซียนใหม่ไว้แล้ว

สมบัติเงินยังไม่เพียงพอจัดสร้างเป็นสมบัติชั้นเซียนได้

“ข้าไม่รู้ว่ามันจะมีมาตรฐานสูงพอหรือเปล่า  แต่ข้ารู้ว่ามันสามารถทำได้แน่” ถังเทียนพูดอย่างมั่นใจพร้อมทั้งถือกระบี่เล่มหนึ่งไว้ในมือ

ผู้เฒ่าหลินตื่นเต้น  “หรือว่านั่นคือกระบี่สวัสดิกะ?”

(ขอเปลี่ยนชื่อกระบี่ “ปลอดสำเนียง” เป็นกระบี่สวัสดิกะนะครับ เพราะชื่อกระบี่เดิมทีเป็นคำอวยพรว่า “ปลอดภัย ไร้กังวล”  ซึ่งสรุปด้วยคำว่า สวัสดิภาพ หรือสวัสดิกะจะตรงความหมายกว่าครับ)

ถังเทียนสะดุ้ง  “ผู้เฒ่าหลินสายตาดีนี่!”

“ทุกคนรู้เรื่องความเป็นปฏิปักษ์ระหว่างฝ่าบาทและกงชิงกันทั้งนั้น” ผู้เฒ่าหลินหัวเราะลั่น แต่ลอบถอนหายใจ

กงชิงเตรียมตัวและคำนวณเหตุการณ์ไว้มากมาย  แต่กลับไม่คิดถึงเรื่องกระบี่สวัสดิกะที่อยู่ในมือของถังเทียน

กระบี่สวัสดิกะคือสมบัติมืดของกลุ่มดาววาฬ เดิมทีมันถูกสมบัติเซียนขับไล่ออกมา  แต่ตอนนี้สมบัติเซียนหายไปแล้ว กระบี่สวัสดิกะจึงไม่ถูกพลังดวงดาวของกลุ่มดาววาฬต่อต้าน  และแม้ว่ากระบี่สวัสดิกะจะไม่ใช่สมบัติชั้นทอง แต่สมบัติมืดก็มีคุณสมบัติพอจะเป็นสมบัติเซียนได้

หนึ่งจิบจากหนึ่งขวด  ทุกอย่างถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าแล้ว

กงชิงคงคาดไม่ถึงหรอกว่า การกระทำของเขาในปีนั้นจะส่งผลออกมาเป็นเช่นนี้

“ข้ารู้ว่าเจ้าสามารถทำได้แน่!”  ถังเทียนพูดดังๆ กับกระบี่สวัสดิกะในมือของเขาเหมือนกับว่าเขากำลังให้กำลังใจเพื่อนคู่หูที่อยู่ต่อหน้าเขา

สีหน้าของผู้เฒ่าหลินตื่นเต้นเล็กน้อย

ถังเทียนโยนกระบี่สวัสดิกะลงไปในตาพลังงานดวงดาวโดยไม่ลังเล

กระบี่สวัสดิกะหายไปทันที

ถังเทียนเบิกตากว้าง หน้าของเขามีอาการดีใจ เขารู้สึกได้ชัดเจนว่ากระบี่สวัสดิกะกำลังลอยลึกเข้าไปในส่วนลึกที่สุดของกลุ่มดาว

เมื่อเห็นว่าถังเทียนไม่มีความตั้งใจจะจากไป  ผู้เฒ่าหลินอยู่ข้างๆ เป็นเพื่อนเขา  แต่เขารู้ว่าการเลื่อนเป็นสมบัติชั้นเซียนต้องใช้เวลา

หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ถังเทียนก็ยังไม่มีทีท่าจากไป

ทันใดนั้น หน้าของถังเทียนแสดงออกว่ากำลังมีความสุข

ในชั่วเวลาต่อมา ผู้เฒ่าหลินลืมตาทันที และหลุดเสียง “เอ๊ะ” ออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ในกลุ่มนั้นมีแรงสั่นสะเทือนเบาๆ เหมือนสายน้ำไหล และเริ่มเร็วขึ้น  แรงสั่นสะเทือนมากขึ้นและชัดเจนขึ้นทุกที

ครืน ครืนนน!

ราวกับว่ามีเสียงวิ่งแตกตื่นดังมาจากพื้นล่าง  ผู้เฒ่าหลินสีหน้าเปลี่ยน เนื่องจากเขาไม่สามารถทำตัวนิ่งเฉยอยู่ได้

ทุกคนกระโดดขึ้นไปในท้องฟ้าทันที และเห็นประจักษ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเบื้องล่าง  พื้นที่ไม่มั่นคงเป็นเหมือนคลื่นทะเล ทำให้ทุกคนแตกตื่นตกใจไปตามๆ กัน

ลำแสงแพรวพราวพุ่งออกมาจากพื้นขึ้นไปในอากาศสูง 300 เมตรเหมือนกับน้ำพุฉีดกระจายไปทุกแห่ง เกิดเป็นม่านแสงขนาดมหึมา พลังดวงดาวหนาแน่นยังคงสะสมต่อไป

เหมือนกับว่าถังเทียนสามารถเห็นใต้พื้นว่ามีปลาวาฬขนาดมหึมาเริ่มแหวกว่ายและลำแสงนั้นก็คือสายน้ำที่วาฬยักษ์พ่นออกมา

ถังเทียนปลาบปลื้มใจและตะโกนดังลั่น  “ข้ารู้ว่าเจ้าทำได้! นางจะต้องมีความสุขเพราะเจ้าแน่นอน!”

น้ำตาหยดหนึ่งไหลกลิ้งจากตาของวาฬขนาดยักษ์

ถังเทียนเงียบอยู่ครู่หนึ่ง  จากนั้นชี้ไปที่ม่านแสงนั้นทันทีและตะโกนลั่น

“เราจะสร้างเมืองที่นี่ และตั้งชื่อเมืองว่า อันห่าว

ลำแสงพุ่งตรงขึ้นไปในท้องฟ้าฉายไปที่ตำแหน่งกลุ่มดาวหมีใหญ่  กลุ่มดาววาฬกำลังแสดงความจงรักภักดีของมัน

ในโดมสวรรค์สีฟ้า กลุ่มดาวหมีใหญ่และกลุ่มดาววาฬกลายเป็นกลุ่มท้องฟ้าเดียวกัน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด