ตอนที่ 474 สร้างเมืองอันห่าว (สวัสดิภาพ)
“ดวงตาแห่งเซกซ์แทนส์คือสมบัติชั้นเงินของกลุ่มดาวเซกซ์แทนส์ มีข้อกำหนดและวิธีใช้งานที่ไม่ชัดเจน เคยมีชื่อปรากฏขึ้นมาก่อน แต่หายไปในเวลาอันรวดเร็ว เราต้องการเวลาสืบค้นเพิ่มเติม ส่วนตำแหน่งตาพลังดวงดาวของกลุ่มดาววาฬ เราหาพบแล้ว อยู่ที่ตระกูลหลินแห่งกลุ่มดาววาฬ” ติงตังมองหน้าทุกคนที่เหลืออย่างใจเย็น ยกเว้นถังเทียนกับปิง ทั้งสองคนมีสีหน้าประหลาดใจเหมือนกัน ใบหน้าเขียวคล้ำมีรังสีอำมหิตแผ่ออกรอบตัว
เกิดอะไรขึ้นกับสองคนนี้?
ติงตังพึมพำอยู่ในใจ สำหรับนางแล้วถังเทียนดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เรื่องแปลก ถังจอมห้าวเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว แต่อีกคนหนึ่งนั้นไม่ใช่เรื่องปกติธรรมดา ช่างเถอะ ยังไม่มีใครรู้จริงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา
ใบหน้าไพ่ดูแข็งกระด้างขึ้น แต่เป็นเรื่องยากที่จะเห็นเขาเต็มไปด้วยรังสีฆ่าฟัน
ใครไปตอแยสองคนนี้? หรือว่าพวกเขาทะเลาะกัน? นั่นก็ไม่ถูก ถ้าพวกเขาอยู่ในระหว่างขัดแย้งกัน พวกเขาคงต่อสู้กันไปแล้ว จะว่าเล่นสงครามเย็นต่อกันก็ไม่ใช่...
“ฮืม.. ดวงตาแห่งเซกซ์แทนส์ต้องอยู่ในกลุ่มดาวเซกซ์แทนส์แน่นอน เราน่าจะบุกโค่นกลุ่มดาวเซกซ์แทนส์โดยตรงได้เลย” ถังเทียนมีท่าทีที่ไม่พอใจพออ้าปากก็พล่ามด้วยคำพูดแฝงด้วยรังสีฆ่าฟันทำให้ทุกคนสูดหายใจหนาวเหน็บ
โดยเฉพาะเฉินหวี่ตัวสั่นด้วยความกลัว เกิดบ้าอะไรขึ้นอีกกันนี่? ทำไมจู่ๆ ถึงได้อยากต่อสู้กับกลุ่มดาวเซกซ์แทนส์?
เฉินหวี่คือครูมวยผู้สอนไม้ตายของกลุ่มดาวเซกซ์แทนส์ และครูมวยคือคนที่สามารถให้คำแนะนำและชี้จุดการฝึกฝนและวิชาการต่อสู้ให้กับนักสู้อื่น พวกเขาค่อนข้างคล้ายกับครูในโรงเรียน และส่วนใหญ่พวกเขาจะอยู่ในพื้นที่ของตนเองและส่งต่อให้ลูกศิษย์ กลุ่มดาวเซกซ์แทนส์มีสนามต่อสู้ขนาดต่างๆ และสนามต่อสู้ทั้งหมดนี้มีมาตรฐานแตกต่างกัน เนื่องจากพื้นที่ต่อสู้ของเฉินหวี่ค่อนข้างมีชื่อเสียงในกลุ่มดาวเซกซ์แทนส์ ถ้าไม่ใช่เพราะสหายเก่าของเขาขอร้องเป็นการส่วนตัว และยังมีความสับสนวุ่นวายที่เขารู้สึกได้จากโลก เขาคิดมองหาผู้สนับสนุน เพราะเขาใช้ชีวิตอย่างสบายๆ ในกลุ่มดาวเซกซ์แทนส์
“โค่นล้มกลุ่มดาวเซกซ์แทนส์ทำได้ง่าย” ปิงพูดอย่างเย็นชา “คำถามก็คือ ถ้าเราไปถล่มโค่นล้มพวกเขา แล้วเรายังจะหาได้อีกหรือ?”
เฉินหวี่ยิ่งกลัวมากขึ้นทุกทีเมื่อได้ยินพวกเขาพูด เขาคิดว่าพวกบ้าอำนาจ ก็ยังคงเป็นพวกบ้าอำนาจ ไม่ว่ากลุ่มดาวเซกซ์แทนส์จะอ่อนแออย่างไร แต่ก็ยังเป็นส่วนหนึ่งของสิบตำหนักระนาบกลาง และทันทีที่พวกเขาเอ่ยปาก พวกเขาก็สามารถพูดได้ว่าจะโค่นล้มพวกเขา และดูเหมือนว่าเพียงเพื่อสมบัติชิ้นเดียวเท่านั้นหรือ? และยังเป็นแค่สมบัติเงิน!
ถ้าเป็นสมบัติชั้นทองก็ยังพอว่า อย่างน้อยเหตุผลผลักดันกระตุ้นผู้อื่นก็ยังนับว่าสมเหตุผล แต่สมบัติดวงดาวชั้นเงิน... แค่เพราะต้องการสมบัติชั้นเงินชิ้นเดียว พวกเขาถึงกับบุกกลุ่มดาว...
นั่นไร้เหตุผลเกินไปแล้ว!
อุบาทว์ เจ้าพวกนี้เป็นกลุ่มคนอุบาทว์ชัดๆ!
แต่โชคดี ข้ากลายเป็นส่วนหนึ่งของพวกอุบาทว์ไปแล้ว...
ทุกคนมองดูถังเทียนและปิง ทั้งสองคนทำท่าแปลกประหลาด ทำให้ห้องประชุมตกอยู่ในความเงียบ
ยิ่งเงียบมากขึ้นก็ยิ่งมีแรงกดดันในหัวใจของเฉินหวี่มากขึ้น เขาตื่นตัวเต็มที่และกระแอมเบาๆ “ฝ่าบาทและใต้เท้าเพิ่งพูดถึงดวงตาเซกซ์แทนส์จากกลุ่มดาวเซกซ์แทนส์ ดวงตาเซกซ์แทนส์คือสมบัติที่ข้าน้อยเคยได้ยินมาก่อน ทำไมถึงไม่ให้ข้าน้อยไปติดตามถามหาดูก่อน?”
ควับ, สายตาทุกคู่หันมามองที่เขา
เฉินหวี่รู้สึกถึงรังสีกดดันอยู่บนหลังของเขา เครียดมากขึ้นทุกที โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับสายตาของถังเทียนและปิงมีแรงกดดันมากเป็นพิเศษ
ปิงยิ้มในทันที “ดีมากเลยนั่น! เราตั้งความหวังไว้กับท่านเฉินนะ! ติงตังจะคอยช่วยเหลือสนับสนุนท่านเฉิน และคนที่เหลือขอให้เก็บไว้เป็นความลับด้วย”
“รับทราบ!” ติงตังรู้สึกสงสัยมาก ดวงตาแห่งเซกซ์แทนส์คืออะไรถึงได้ทำให้ทั้งสองคนกระตือรือร้นจะทำสงครามกับกลุ่มดาวเซกซ์แทนซ์ สมองของถังจอมห้าวผิดปกติมาก แต่ลุงหน้าไพ่เป็นแม่ทัพทหารที่แข็งแกร่งและเขาจะไม่วุ่นวายเมื่อเกิดสงครามแน่นอน
“อย่างนั้นเราไปเยี่ยมตระกูลหลินนี้กัน!” ถังเทียนชูกำปั้น พูดด้วยคำพูดห้าวหาญอีกครั้ง
“ฝ่าบาท ท่านก็แค่เรียกตระกูลหลินมาสอบถามก็พอ” โส่วจินแนะนำ ความหมายของโส่วจินก็คือ “ตอนนี้ท่านเป็นเจ้ากลุ่มดาวแล้ว ต้องอดทนและรักษาภาพพจน์ของเจ้ากลุ่มดาวไว้”
ถังเทียนโบกมือ “นั่นมันยุ่งยากเกินไป เราไปกันเองก็สิ้นเรื่อง ถ้าใครเห็นด้วยก็ดีไป, แต่ถ้าไม่เห็นด้วย...”
ทุกคนสูดหายใจหนาวเหน็บในใจอีกครา
“ท่านจะไปด้วยหรือไม่?” ถังเทียนหันไปถามปิง เขาตกลงกับเชียนฮุ่ยว่าจะต้องไปพบกันภายในสามเดือน และเวลามีค่า เขาเกลียดที่เขาไม่สามารถไปได้และแก้ปัญหาได้ทันที
คนที่เหลือสะดุ้ง แม้ว่าตระกูลหลินจะเป็นตระกูลที่มีอิทธิพลอำนาจท้องถิ่นเล็กๆ ในกลุ่มดาววาฬ แต่พวกเขาไม่จำเป็นต้องเผชิญหน้ากับมัจจุราชถึงสองคนเลย
“ไปสิ!” ปิงกล่าวเย็นชา “ทำไมจะไม่ได้เล่า?”
ทุกคนไม่มีคำจะพูด ทุกคนได้แต่มองหน้ากันเองอย่างตกใจ ตระกูลหลินมีความเป็นปฏิปักษ์อะไรกับพวกเขาหรือ? ตระกูลหลินได้ล่วงเกินอะไรไว้กับนายท่านทั้งสอง...
ตระกูลหลิน กลุ่มดาววาฬ
“ฮ่าฮ่า, คาดไม่ถึงเลยว่าตระกูลหลินจะอยู่ภายใต้การดูแลของผู้เฒ่าหลิน ไม่ได้พบกันนานเลยนะ ผู้เฒ่าหลินยังดูดีอยู่เลย ท่านอู่โหวกับองค์หญิงหมิงจูเป็นยังไงบ้าง?”
ถังเทียนตอนแรกเปี่ยมไปด้วยรังสีฆ่าฟันรุนแรงต้องตกตะลึงเมื่อเข้าไปในตระกูลหลิน เพราะเขาพบว่าผู้เฒ่าหลินจากเขตปกครองของอู่โหวอยู่ในตระกูลหลินและเป็นผู้เฒ่าหลินผู้มอบแผ่นหยกและสมบัติให้เขาในปีนั้น
ตั้งแต่ถังเทียนบุกเข้ากลุ่มดาววาฬ ผู้เฒ่าหลินมักคิดเรื่องอนาคตของตระกูลหลินอยู่เสมอ คงเป็นเรื่องยุติธรรมที่จะพูดว่าทุกคนคุ้นเคยกับการแบ่งปันฉันท์มิตร แต่ไม่ลึกซึ้งนัก และผู้อาวุโสตระกูลหลินไม่ได้คิดใช้มิตรภาพเพื่อรับผลประโยชน์ใดๆ เขาแค่ต้องการปกป้องมิให้ตระกูลหลินถูกล้มล้างออกไป
แต่เขาคาดไม่ถึงเลยว่าหลังจากถังเทียนยกทัพเข้ากลุ่มดาววาฬ เขาไม่ได้ดำเนินการกวาดล้างใดๆ ผู้เฒ่าหลินไม่คิดอะไรมาก ในสถานการณ์วุ่นวายในปัจจุบัน เขาพักอยู่ในตระกูลเพื่อปกป้องตระกูลอย่างสงบ
มีผู้อาวุโสหลายคนจากองค์การวิญญาณมืดที่ทำเหมือนกัน ภัยพิบัติจากการกวาดล้างตระกูลสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อในเหตุการณ์ความวุ่นวาย ถ้าตระกูลมีพวกเขาคอยปกป้อง ย่อมจะปลอดภัยมากขึ้นเป็นธรรมดา
ผู้เฒ่าหลินคาดไม่ถึงเลยว่าถังเทียนจู่ๆ ก็มีรังสีฆ่าฟันเต็มเปี่ยม เขาประหลาดใจ แต่เมื่อเขาเห็นถังเทียนมีท่าทีเก้อเขิน เขาอดยิ้มไม่ได้
ถังเทียนหงุดหงิดจนอยากจะเขกกบาลตัวเอง ใช่แล้ว ติงตังบอกว่าเป็นตระกูลหลิน แต่ไม่คิดเลยว่าจะเป็นตระกูลของผู้เฒ่าหลิน
ถังเทียนเป็นคนจริงใจ ใครดีกับเขา เขาทำดีตอบ ใครร้ายกับเขา เขาร้ายตอบ ผู้เฒ่าหลินรู้สึกว่าตัวเขาไม่ได้ทำอะไรให้ถังเทียนมากนักในอดีต แต่ถังเทียนรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างมาก เป็นแค่เพียงความโง่งมเลอะเลือน เห็นได้ชัดว่าหลายอย่างจัดการได้โดยไม่ต้องต่อสู้ และไม่ต้องพบกับปัญหายุ่งยากในกลุ่มดาววาฬเลย ดังนั้นตั้งแต่แรก เขาไม่คาดว่าจะได้พบกับผู้เฒ่าหลิน แต่รู้สึกได้ว่าผู้เฒ่าหลินยังคงอยู่ในใจของเขา
เมื่อตอนบุ่มบ่ามบุกเข้าบ้านด้วยท่าทีขึงขังอำมหิตอย่างนั้น นับว่าก้าวร้าวไร้มารยาทจริงๆ
ปิงก็รู้สึกถึงสถานการณ์ยากลำบากเหมือนกัน มันเป็นสถานการณ์ที่น่าอึดอัด ปล่อยให้ถังจอมห้าวรับมือไปดีกว่า...
นักสู้ทุกคนมองดูมัจจุราชทั้งสองอย่างตกตะลึง ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความละอายและลำบากใจ
ผู้เฒ่านี้มาจากไหนกัน...
แม้แต่สมาชิกของตระกูลหลินก็ยังตกใจ ร่างของผู้อาวุโสตระกูลยากจะหยั่งถึงได้จริงๆ จนกระทั่งเดี๋ยวนี้ ฉายาโหดเหี้ยมอำมหิตและโดดเด่นของถังเทียนแพร่กระจายไปทั้งกลุ่มดาววาฬว่า “เพชฌฆาตสามกองทัพ”
ผู้เฒ่าหลินเป็นคนเจนโลก เขาหัวเราะเบาๆ “รู้สึกเป็นเกียรติที่ฝ่าบาทมาเยือนบ้านซอมซ่อของข้า การปรากฏตัวของฝ่าบาทนำแสงสว่างมาให้บ้านที่ต่ำต้อยของข้าจริงๆ เชิญเข้ามาก่อน”
ถังเทียนหัวเราะอย่างโง่งมขณะเดินตามหลัง
ผู้เฒ่าหลินทำธุรกิจมานานแล้วและช่วยให้ถังเทียนหายเก้อเขินได้อย่างรวดเร็วและรีบถามถึงวัตถุประสงค์ที่เขามาเยือน
“งั้นฝ่าบาทมาที่นี่เพราะตาพลังดวงดาวนั่นเอง” ผู้เฒ่าหลินเข้าใจถึงสิ่งที่ถังเทียนกำลังพยายามทำ และไม่ได้รู้สึกหงุดหงิด เขายืนขึ้น “โปรดตามข้ามา ฝ่าบาท”
โดยการนำทางของผู้เฒ่าหลิน พวกเขามาถึงหุบเขาแห่งหนึ่งในเวลาอันรวดเร็ว
เมื่อเข้าไปในหุบเขา พวกเขาสามารถรู้สึกได้ถึงความหนาแน่นของพลังดวงดาว
“ความเข้มข้นของพลังดวงดาวที่นี่จะสูงกว่าด้านนอกราวๆ 2% เมื่อเทียบกัน” ผู้เฒ่าหลินอธิบาย “ตาพลังดวงดาวตามปกติจะไม่ถูกใช้ นอกจากมีความหนาแน่นที่สูงกว่า และพื้นที่ๆ ส่งผลมีขนาดเล็กมาก ถ้าไม่อย่างนั้นตระกูลหลินคงไม่สามารถปกป้องตาพลังดวงดาวไว้ได้”
คำอธิบายเหล่านี้ทำให้ถังเทียนและปิงพยักหน้าเข้าใจ
“นี่คือตาพลังดวงดาว” ผู้เฒ่าหลินชี้ทางตาน้ำพุใต้เท้าของเขา
มันคือตาพลังดวงดาวจริงๆ
สัญชาตญาณในปัจจุบันของถังเทียนเฉียบคมมากและรู้สึกได้ชัดว่าตาน้ำพุที่อยู่ข้างหน้าของเขาต่างจากสถานที่อื่น พลังดวงดาวของกลุ่มดาวมีหลากหลายรูปแบบ พลังดวงดาวที่มีสายพลังงานก็มี พลังดวงดาวที่เป็นเหมือนหมอกก็มี แต่เมื่อไม่คำนึงถึงรูปแบบ จุดพิเศษที่คล้ายกันก็คือตาพลังดวงดาว
“เยี่ยมเลย!” ถังเทียนปรบมืออย่างตื่นเต้น
ผู้เฒ่าหลินมองดูถังเทียนและเตือนเขา “ข้าได้ยินมาว่า จะรับตาพลังดวงดาวก็เพื่อสร้างสมบัติเซียนอีกครั้ง สมบัติดวงดาวต้องมีระดับที่สูงกว่า และดีกว่า..”
ตระกูลหลินหยั่งรากลึกซึ้งอยู่กลุ่มดาววาฬ เมื่อกงชิงออกไป เขาขนเอาสมบัติเซียนออกไปพร้อมกับสมบัติชั้นทองของกลุ่มดาววาฬติดตัวไปด้วย กงชิงเตรียมตัวป้องกันการจัดสร้างสมบัติเซียนใหม่ไว้แล้ว
สมบัติเงินยังไม่เพียงพอจัดสร้างเป็นสมบัติชั้นเซียนได้
“ข้าไม่รู้ว่ามันจะมีมาตรฐานสูงพอหรือเปล่า แต่ข้ารู้ว่ามันสามารถทำได้แน่” ถังเทียนพูดอย่างมั่นใจพร้อมทั้งถือกระบี่เล่มหนึ่งไว้ในมือ
ผู้เฒ่าหลินตื่นเต้น “หรือว่านั่นคือกระบี่สวัสดิกะ?”
(ขอเปลี่ยนชื่อกระบี่ “ปลอดสำเนียง” เป็นกระบี่สวัสดิกะนะครับ เพราะชื่อกระบี่เดิมทีเป็นคำอวยพรว่า “ปลอดภัย ไร้กังวล” ซึ่งสรุปด้วยคำว่า สวัสดิภาพ หรือสวัสดิกะจะตรงความหมายกว่าครับ)
ถังเทียนสะดุ้ง “ผู้เฒ่าหลินสายตาดีนี่!”
“ทุกคนรู้เรื่องความเป็นปฏิปักษ์ระหว่างฝ่าบาทและกงชิงกันทั้งนั้น” ผู้เฒ่าหลินหัวเราะลั่น แต่ลอบถอนหายใจ
กงชิงเตรียมตัวและคำนวณเหตุการณ์ไว้มากมาย แต่กลับไม่คิดถึงเรื่องกระบี่สวัสดิกะที่อยู่ในมือของถังเทียน
กระบี่สวัสดิกะคือสมบัติมืดของกลุ่มดาววาฬ เดิมทีมันถูกสมบัติเซียนขับไล่ออกมา แต่ตอนนี้สมบัติเซียนหายไปแล้ว กระบี่สวัสดิกะจึงไม่ถูกพลังดวงดาวของกลุ่มดาววาฬต่อต้าน และแม้ว่ากระบี่สวัสดิกะจะไม่ใช่สมบัติชั้นทอง แต่สมบัติมืดก็มีคุณสมบัติพอจะเป็นสมบัติเซียนได้
หนึ่งจิบจากหนึ่งขวด ทุกอย่างถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าแล้ว
กงชิงคงคาดไม่ถึงหรอกว่า การกระทำของเขาในปีนั้นจะส่งผลออกมาเป็นเช่นนี้
“ข้ารู้ว่าเจ้าสามารถทำได้แน่!” ถังเทียนพูดดังๆ กับกระบี่สวัสดิกะในมือของเขาเหมือนกับว่าเขากำลังให้กำลังใจเพื่อนคู่หูที่อยู่ต่อหน้าเขา
สีหน้าของผู้เฒ่าหลินตื่นเต้นเล็กน้อย
ถังเทียนโยนกระบี่สวัสดิกะลงไปในตาพลังงานดวงดาวโดยไม่ลังเล
กระบี่สวัสดิกะหายไปทันที
ถังเทียนเบิกตากว้าง หน้าของเขามีอาการดีใจ เขารู้สึกได้ชัดเจนว่ากระบี่สวัสดิกะกำลังลอยลึกเข้าไปในส่วนลึกที่สุดของกลุ่มดาว
เมื่อเห็นว่าถังเทียนไม่มีความตั้งใจจะจากไป ผู้เฒ่าหลินอยู่ข้างๆ เป็นเพื่อนเขา แต่เขารู้ว่าการเลื่อนเป็นสมบัติชั้นเซียนต้องใช้เวลา
หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ถังเทียนก็ยังไม่มีทีท่าจากไป
ทันใดนั้น หน้าของถังเทียนแสดงออกว่ากำลังมีความสุข
ในชั่วเวลาต่อมา ผู้เฒ่าหลินลืมตาทันที และหลุดเสียง “เอ๊ะ” ออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ในกลุ่มนั้นมีแรงสั่นสะเทือนเบาๆ เหมือนสายน้ำไหล และเริ่มเร็วขึ้น แรงสั่นสะเทือนมากขึ้นและชัดเจนขึ้นทุกที
ครืน ครืนนน!
ราวกับว่ามีเสียงวิ่งแตกตื่นดังมาจากพื้นล่าง ผู้เฒ่าหลินสีหน้าเปลี่ยน เนื่องจากเขาไม่สามารถทำตัวนิ่งเฉยอยู่ได้
ทุกคนกระโดดขึ้นไปในท้องฟ้าทันที และเห็นประจักษ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเบื้องล่าง พื้นที่ไม่มั่นคงเป็นเหมือนคลื่นทะเล ทำให้ทุกคนแตกตื่นตกใจไปตามๆ กัน
ลำแสงแพรวพราวพุ่งออกมาจากพื้นขึ้นไปในอากาศสูง 300 เมตรเหมือนกับน้ำพุฉีดกระจายไปทุกแห่ง เกิดเป็นม่านแสงขนาดมหึมา พลังดวงดาวหนาแน่นยังคงสะสมต่อไป
เหมือนกับว่าถังเทียนสามารถเห็นใต้พื้นว่ามีปลาวาฬขนาดมหึมาเริ่มแหวกว่ายและลำแสงนั้นก็คือสายน้ำที่วาฬยักษ์พ่นออกมา
ถังเทียนปลาบปลื้มใจและตะโกนดังลั่น “ข้ารู้ว่าเจ้าทำได้! นางจะต้องมีความสุขเพราะเจ้าแน่นอน!”
น้ำตาหยดหนึ่งไหลกลิ้งจากตาของวาฬขนาดยักษ์
ถังเทียนเงียบอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นชี้ไปที่ม่านแสงนั้นทันทีและตะโกนลั่น
“เราจะสร้างเมืองที่นี่ และตั้งชื่อเมืองว่า อันห่าว
ลำแสงพุ่งตรงขึ้นไปในท้องฟ้าฉายไปที่ตำแหน่งกลุ่มดาวหมีใหญ่ กลุ่มดาววาฬกำลังแสดงความจงรักภักดีของมัน
ในโดมสวรรค์สีฟ้า กลุ่มดาวหมีใหญ่และกลุ่มดาววาฬกลายเป็นกลุ่มท้องฟ้าเดียวกัน