ตอนที่ 474 - กริชสังหารเทพ อาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูง
เย่ว์หยางหันไปมองอันซีที่พยายามจะลุกขึ้น
ถ้าอันซีต้องการจะมีชีวิตต่อไป เย่ว์หยางก็สามารถช่วยเขาได้แม้ไม่ต้องใช้อุทกแม่พระธรณีก็ตาม อย่างไรก็ตาม อันซีไม่สนใจต่อการมีชีวิตต่อไป
เขามีชีวิตอยู่เพื่อฆ่าจักรพรรดิสมุทรเท่านั้น
ตอนนี้จักรพรรดิสมุทรบาดเจ็บหนักหลายแห่งและใกล้จะตายในไม่ช้า อันซีไม่มีเหตุผลจะมีชีวิตอยู่อีกต่อไป
เย่ว์หยางจะทำอะไรได้กับคนที่ต้องการจะตาย?
“ไม่ต้องเกรงใจคนแก่อย่างข้าหรอก ถ้ากินมันลงไปก็จะสามารถช่วยชีวิตข้าได้ ข้ามั่นใจว่าชิงมันมาได้” ชายชราชุดปอยิ้มอย่างอ่อนแรง เย่ว์หยางรู้ว่าเกลี้ยกล่อมเขาไปก็ไม่มีประโยชน์ ดังนั้นเขาจึงพยักหน้า อันซีค่อยๆ เอนตัวลงนอน “ข้าได้เห็นอุทกแม่พระธรณีแล้ว ดังนั้นข้าไม่มีอะไรต้องเสียใจอีกต่อไปแล้ว พ่อหนุ่ม! แค่ฝังข้าไว้ที่นี่ก็พอ”
เขาสะบัดข้อมือและกริชสังหารเทพก็บินออกไป
จากนั้นชายชราชุดปอทิ้งคำสั่งเสียสุดท้ายซึ่งเป็นความปรารถนาสุดท้ายไว้ “ข้าไม่มีอะไรจะให้เจ้า จงใช้สิ่งนี้ประหารชีวิตจักรพรรดิสมุทร”
หลังจากพูดเพียงแค่นั้นเขาก็หลับตา
มังกรดำยักษ์แยกออกจากร่างเขา แล้วกลายเป็นแสงค่อยๆ จางหายไปในอากาศ
มันคำรามเบาๆ ก่อนจะหายไป เหมือนกับว่าเป็นการกล่าวอำลาเจ้านายของมัน
หัวใจของชายชราชุดปอค่อยๆ หยุดเต้นพร้อมกับลมหายใจสุดท้ายของเขา และด้วยอาการเช่นนั้น ราชามือสังหารผู้ยิ่งใหญ่แห่งหอทงเทียนได้จากโลกไปในลักษณะนี้
แม้ว่าเขาจะตาย แต่เขาก็เติมเต็มฝันร้อยปีได้สำเร็จ รอยยิ้มปรากฏที่มุมปากของเขา แม้ว่าเขาจะไม่ได้ฆ่าศัตรูเองในช่วงสุดท้าย แต่เขาก็ไม่ต้องทนเสียใจอีกต่อไป เมื่อรู้ว่าก้วนหลานจะมีชีวิตได้อีกไม่นาน ยิ่งกว่านั้น เขายังได้เห็นประจักษ์การกำเนิดของอุทกแม่พระธรณีหมื่นปี หลังจากใช้ชีวิตเดียวดายมาเป็นศตวรรษ ในที่สุดเขาสามารถปล่อยวางทุกสิ่งได้เสียที เพื่อจะได้พบกับเหล่าสหายเก่าในอดีตของเขาอีกครั้ง
รัศมีแสงมากมายก่อตัวเป็นรูปทรงดอกไม้นานาชนิดในกลางอากาศ
อุทกแม่พระธรณีจะไม่คงอยู่ตลอดไป
ก่อนที่อุทกแม่พระธรณีจะหายไป เย่ว์หยางใช้มือของเขาประคองให้มันลอยอยู่ในอากาศจากนั้นจึงกลืนลงคอ
ในตอนแรก ร่างกายของเขาไม่มีการตอบสนองแต่อย่างใด แต่หลังจากนั้นสามวินาที คัมภีร์อัญเชิญของเขาก็ลอยปรากฏออกมาเองโดยอัตโนมัติ สาวมังกรไร้เขาเจี้ยงอิงที่ยังหลับลึกอยู่ ภูตเพลิงปฐพี, ตั๊กแตนมัจจุราชและแม้กระทั่งหนูเบญจธาตุค้นสมบัติล้วนออกมากันหมด
สาวมังกรไร้เขายังคงหลับสนิทอยู่ ขณะที่ภูตเพลิงปฐพีหลงงงงวย เนื่องจากนางไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ร่างของเย่ว์หยางเปล่งแสงเรืองรองเกินบรรยายและดูเหมือนว่าเขากลายเป็นมนุษย์ล่องหน ขณะเดียวกัน แสงพร้อมกับกลิ่นหอมอบอวลที่ผันผวน อักษรรูนได้ก่อตัวเป็นรูปดอกไม้ที่บางครั้งก็ดูประหลาด บางครั้งก็ดูงดงาม… เสี่ยวเหวินหลี, โคเงาอาหมัน, สาวมังกรไร้เขาเจี้ยงอิง, ตั๊กแตนมัจจุราชและหนูเบญจธาตุค้นสมบัติต่างอาบลำแสงพลังงานที่ระคนด้วยกลิ่นหอมราวกลิ่นทิพย์ ขณะที่พวกเขาต่างก็ได้รับพลังงานต่างๆ
หลังจากผสานกับหัวใจธรณีสารแล้วโคเงาอาหมันก็มีพัฒนาการอีกครั้ง ครั้งนี้ทำให้นางมีพัฒนการทางบุคลิกที่เหมือนคนอย่างมาก
ขณะที่เสี่ยวเหวินหลี ได้รับประโยชน์มากที่สุด เนื่องจากเธอกำลังกอดเย่ว์หยาง
เธอได้รับพลังงานมากที่สุด และยังมากกว่าอสูรโลกาที่เป็นอสูรม่านพลังเสียอีก หลังจากการดูดซับพลังงานครั้งนี้แล้ว อีกเพียงไม่กี่ก้าวเธอจะได้ยกระดับเป็นอสูรเพชรระดับหก เธอยังคงอยู่ในระดับสูงสุดในรายชื่ออสูรของเย่ว์หยางที่คอยสนับสนุนกำลังรบให้เขา
สาวมังกรไร้เขาเจี้ยงอิงที่ยังอยู่ในสภาวะจำศีล ภูตเพลิงปฐพี, ตั๊กแตนมัจจุราชและแม้แต่หนูเบญจธาตุก็ยงได้รับระดับรางวัลแตกต่างกันไป
เย่ว์หยางได้รับพลังมากที่สุดเป็นธรรมดา
หลังจากกินอุทกแม่พระธรณีลงไปแล้ว ร่างของเย่ว์หยางเต็มไปด้วยพลังงานมหาศาลที่มิอาจอธิบายได้ เป็นเหมือนกับว่าทั่วทั้งหุบเขาแก้วผลึกหรือพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ที่กว้างใหญ่ไพศาลถูกกลืนลงไปในร่างกายเขา เย่ว์หยางรู้สึกว่าเขากำลังจะระเบิด บาดแผลทางกายที่เย่ว์หยางได้รับมาทั้งหมดได้สมานตัวหายไปภายในสามวินาที…. เพลิงอมฤตรูปหงส์เพลิงเผาผลาญร่างของเย่ว์หยางอย่างรวดเร็ว นี่จะช่วยย่อยสลายพลังงานมหาศาลในร่างของเขา ซึ่งพอทำอย่างนี้พลังจะผสานเข้ากับเซลล์ในร่างกายของเขา ไม่มีการสูญเสียพลังงาน เนื่องจากทั้งหมดกลายเป็นรากฐานพลังงานพื้นฐานในร่างกายเขาทั้งหมด
ปราณก่อกำเนิดของเขาโคจรด้วยความเร็วสูง
ถ้าไม่มีการโคจร ร่างของเย่ว์หยางคงจะมิอาจทนได้และจะระเบิดในที่สุด
ปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ระดับหกโคจรรวดเร็วและชักนำพลังอุทกแม่พระธรณีที่มหาศาล จากนั้นพลังนั้นถูกดูดซับไปอย่างรวดเร็ว ขณะที่ยังโคจรหมุนเวียนทั่วร่างเย่ว์หยาง
แม้ว่าปราณกระบี่ไร้ลักษณ์จะยังไม่มีการยกระดับ แต่คัมภีร์อัญเชิญของเย่ว์หยางเริ่มจะยกระดับแล้ว
เป็นเรื่องง่ายที่จะยกระดับจากเดิมที่เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับสี่ขึ้นเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับห้า และยังมุ่งสู่ระดับปราณก่อกำเนิดหก ตอนนี้ เย่ว์หยางพร้อมจะเข้าสู่ระดับปราณก่อกำเนิดฟ้าแล้ว เขาเหมือนกับถูกมัดไว้ขณะที่เขาไม่สามารถควบคุมตนเองได้ขณะที่ปราณก่อกำเนิดของเขาและเพลิงอมฤตของเขาโคจรไปรอบๆ เย่ว์หยางรู้ว่าคงไม่ดีสำหรับเขาถ้าจะมุ่งหน้าบรรลุเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้าโดยฉับพลัน ด้วยสภาพเงื่อนไขปัจจุบัน ความสามารถของเขาอาจจะตกลงไปก็ได้
อย่างไรก็ตาม ปัญหาตอนนี้ก็คือเย่ว์หยางไม่สามารถควบคุมตนเองได้
พลังงานบริสุทธิ์จากอุทกแม่พระธรณีนั้นมีมากมายมหาศล มากเกินกว่าที่เย่ว์หยางจะนึกภาพออก เมื่อเขากลืนลงไป จึงคล้ายกับกลืนพลังงานทั่วทั้งหุบเขาแก้วผลึกลงไปทั้งหมด ร่างกายของเขาไม่อาจทนรับได้ทั้งหมด โชคดีที่เขามีปราณก่อกำเนิดของตนเองและเพลิงอมฤต หรือไม่อย่างนั้นร่างกายของเขาคงระเบิดและเปลี่ยนสภาพร่างกายไปเป็นวิญญาณแทน
ลำแสงสีทองยกระดับพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า
อย่างไรก็ตาม เย่ว์หยางแค่ดูดซับพลังงานไปได้แค่เพียงหนึ่งในสิบ สถานการณ์ก็กลับกลายเป็นเช่นนี้เสียแล้ว
ยังจะมีโอกาสยกระดับได้ในอนาคตอีกแน่นอน เย่ว์หยางคาดว่าถ้าเขาดูดกลืนพลังงานอุทกแม่ธรณีต่อไปจนหมด เขาคงเลื่อนระดับไปจนถึงระดับนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้าเป็นแน่
“ว้าว.. เจ้ากินของดีๆ อยู่หรือนี่ ข้าก็อยากได้เหมือนกัน” เพียงแว่บเดียวสาวกิเลนก็ปรากฏตัวและมองเห็นแสงที่เปล่งออกมาจากร่างเย่ว์หยาง นางวิ่งเข้าไปกอดเขาเหมือนกับเด็กที่เข้าปลุกปล้ำเพื่อแย่งขนมของโปรด นางโน้มตัวลงและดูดพลังจากริมฝีปากเย่ว์หยาง
นางดึงพลังออกมาอย่างน้อยหนึ่งในสิบของพลังงานบริสุทธิ์ของอุทกแม่พระธรณี จากนั้นจึงปล่อยตัวเย่ว์หยางและแกล้งเหมือนว่าไม่ได้ทำอะไร
เสี่ยวเหวินหลีลอกเลียนแบบวิธีเดียวกันดูดพลังงานออกจากปากของเขา
เสียงของหงส์เพลิงดังก้องไปทั่วหุบเขาแก้วผลึก สามารถทำให้คนสั่นสะท้านถึงวิญญาณได้
เพลิงอมฤตพุ่งขึ้นเป็นลำขนาดมหึมาจากตัวเย่ว์หยาง แสงรัศมีนับไม่ถ้วนฉายตามมาขณะที่พี่น้องหงส์เพลิงขี่หงส์เพลิงตัวใหญ่ในอากาศในระยะสูงกว่าพันเมตร จากนั้นพวกเธอก็ตรงเข้าไปในร่างของเย่ว์หยางและผลักดันพลังงานมหาศาลที่เย่ว์หยางไม่อาจดูดซับลงไปได้ออกจากตันเถียนของเย่ว์หยาง จากนั้นกลั่นควบแน่นให้กลายเป็นหยดและผนึกไว้อย่างนั้นจนกว่าเย่ว์หยางจะค่อยๆ ปรับเปลี่ยนได้ในอนาคต
“ข้าไม่ได้กินอะไรนะ” สาวกิเลนโบกมือด้วยท่าทางน่าเอ็นดู และอ้างว่าเธอเชื่อฟังว่าง่ายมาตลอด และไม่ได้แอบกินอะไรเลยจริงๆ
“ฮะฮะ” เสี่ยวเหวินหลียิ่งเชื่อฟังมากกว่า แม้ว่าเธอจะไม่ยอมรับ แต่เธอก็ไม่ปฏิเสธ จึงได้แต่แอบหัวเราะ
“……” พี่น้องหงส์เพลิงทั้งสองโอบตัวกันและกลายเป็นแสงรุ้งขณะที่พวกเธอผสานเข้ากับตัวเย่ว์หยางและหายเข้าไป เสาเพลิงอมฤตก็หายไปพร้อมกัน และหายไปภายในไม่กี่วินาทีเหมือนกับว่าไม่เคยมีแต่แรก
ทันทีที่พวกเธอทั้งสองหายไป เย่ว์หยางที่ยังคงงงงันอยู่ก็ล้มลงกับพื้น
โคเงาอาหมันรีบเข้ามาประคองเขาทันที
สาวกิเลนปิงหยินโบกมือนางทันที “หยุดก่อน, ปล่อยให้เขาพักเถอะ ปล่อยให้เขาพักเถอะ มันไม่ใช่เรื่องดีนักที่ยกระดับเร็วเกินไปเนื่องจากร่างกายของเขายังไม่สามารถรับไว้ได้ ตอนนี้เขากำลังพัก ดังนั้นเขาสามารถปล่อยให้ร่างกายได้ฟื้นด้วยตนเอง อ๊า…. ข้าง่วงอีกแล้ว ข้าจะกลับเข้าไปนอนต่อละ” นางทำท่าหาวน่ารักขณะที่เตรียมจะกลับเข้าไป แต่พอนางเห็นกริชสังหารเทพวางอยู่บนพื้น นางเกิดความกระตือรือร้นอีกครั้ง พอนางโบกมือ กริชสังหารเทพก็เข้ามาอยู่ในมือของนาง นางขมวดคิ้วทันที “เจ้าโง่คนไหนเอากริชสังหารเทพมาใช้แบบนี้? ข้าไม่เคยเห็นคนโง่ขนาดนั้นที่ไม่ยอมทำความสะอาดชำระปราณชั่วร้ายออกไป ปล่อยให้มันเป็นสนิมได้ กริชสังหารเทพนี้ไม่ใช่ของดีตั้งแต่แรก ตอนนี้กลับเป็นแค่ขยะธรรมดา…”
ถ้าชายชราชุดปออันซีได้ยินคำพูดนี้ เขาคงร้องไห้เป็นแน่
โชคดีที่เขาตายไปแล้ว ถ้าไม่อย่างนั้นเขาคงได้ฆ่าตัวตายเพราะความอับอายเป็นแน่
สาวกิเลนปล่อยแสงสีขาวและดำเนินการชำระกริชสังหารเทพทันที
กริชสังหารเทพกลับคืนอยู่ในสภาพดั้งเดิมส่องประกายเจิดจ้า มีรัศมีแสงอย่างน้อยหนึ่งเมตรรอบตัวใบมีด เมื่อสาวกิเลนสะบัดมีดเบาๆ ปราณรังสีกระบี่กลับยืดยาวออกมาถึงสิบเมตร มันกรีดสร้างรอยแยกลึกลงไปในพื้นแก้วผลึกถึงสิบเมตร
“ข้าจะให้ของนี้กับเจ้า มันไม่ค่อยมีประโยชน์มากนักกับข้า” สาวกิเลนปิงหยินใจกว้างพอจะมอบของเย่ว์หยางให้เสี่ยวเหวินหลี
“…..” เสี่ยวเหวินหลีโบกมือปฏิเสธ
“อย่างนั้นมอบของนี้ให้เขาก็แล้วกัน บอกเขาด้วย ข้ามอบของนี้ให้เขาและขอให้เขาขอบคุณข้าด้วย เพราะปกติข้าจะไม่ให้สิ่งของกับผู้ใด” ประโยคสุดท้ายของสาวกิเลนนับว่าพูดตรงที่สุดแล้ว นางมักจะเป็นฝ่ายได้รับของเสมอ ของที่นางมอบให้ออกมานั้นมีน้อยมาก ยิ่งกว่านั้น เย่ว์หยางนับได้ว่าเป็นคนที่ได้รับประโยชน์มากที่สุดแล้ว เขายังไม่ได้เปิดโลงทองที่สาวกิเลนมอบให้เขาแต่อย่างใด
“อือ..” เสี่ยวเหวินหลีพยักหน้าขณะที่เธอรับกริชสังหารเทพที่ตกเป็นของเย่ว์หยาง
เป็นเรื่องดีพร้อมแล้วที่กริชสังหารเทพจะกลับคืนไปสู่เงื้อมมือเย่ว์หยางหลังจากผ่านมือของสาวกิเลน ถ้าเย่ว์หยางรู้เรื่องนี้ เขาคงจะประหลาดใจจนหลั่งเหงื่อกาฬเป็นแน่
สาวกิเลนหาวเสร็จก็กลับเข้าไปนอนทันที
เสี่ยวเหวินหลีและอาหมันคอยอยู่คุ้มครองเย่ว์หยางที่อยู่ในระหว่างหลับลึก
หลังจากผ่านไปสามชั่วโมง ในที่สุดเย่ว์หยางก็สามารถรักษาสมดุลพลังงานในร่างจนเสถียร แม้ว่าเขาเพิ่งจะดูดซับพลังอุกทกแม่ธรณีไปได้หนึ่งในสิบ แต่เย่ว์หยางก็ตระหนักถึงพลังที่เพิ่มขึ้นของเขา เขาประมาณตัวว่าตอนนี้เขาเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับสิบเทียบเท่ากับนางเซียนหงส์ฟ้าก่อนบรรลุขอบเขตใหม่ นอกจากนี้เขายังอยู่ไม่ห่างจากระดับปราณก่อกำเนิดฟ้าเท่าใดนักด้วย
สำหรับคนอื่น นี่อาจเป็นข่าวดี
แต่สำหรับเย่ว์หยาง กลับสร้างความปวดหัวให้เขาอยู่บ้าง เขาต้องนึกหาวิธีอยู่ในระดับปราณก่อกำเนิดปัจจุบันและขณะเดียวกันก็ดูดซับพลังจากอุทกแม่พระธรณีโดยไม่มีการยกระดับเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้า ไม่สำคัญว่าเขาจะคิดยังไง เขาสามารถไปถามเทพธิดากระบี่ฟ้าได้เสมอ นางจะมีคำตอบแน่นอน อย่างไรก็ตาม เวลาไม่เป็นใจให้เขา ดังนั้นเย่ว์หยางตัดสินใจกลับออกไปที่สุสานทะเล เป็นเพราะเขารู้สึกได้ถึงการเรียกหาของนางพญากระหายเลือดมากกว่าหนึ่งครั้ง เมื่อเขาอยู่ในระหว่างหลับลึก
“ทำไมกริชสังหารเทพกลายเป็นแบบนี้?” เย่ว์หยางรับกริชสังหารเทพมาดูและตระหนักว่าสมบัติชั้นศักดิ์สิทธิ์ธรรมดา กลายเป็นสมบัติศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูง แทบจะกลายเป็นสมบัติชั้นเทพไปแล้ว เย่ว์หยางตกใจ
เสี่ยวเหวินหลีใช้มือทำท่าเป็นรูปเขาแปะอยู่บนศีรษะเธออย่างน่ารัก เย่ว์หยางค่อยเข้าใจทันทีว่าเป็นฝีมือของสาวกิเลน
แม้ว่าเธอจะก่อเรื่องวุ่นวายอยู่บ้าง แต่บางครั้งเธอก็ช่วยเหลือได้บ้าง
กริชสังหารเทพซึ่งกลายเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงจะดึงดูดผู้คนให้ลุ่มหลงมันได้แค่เพียงเห็น ดังนั้นเย่ว์หยางจึงรีบเก็บไว้
เย่ว์หยางเตรียมเก็บคัมภีร์อัญเชิญของตนและตรวจดู
เขาเลื่อนระดับจากปราณก่อกำเนิดระดับสี่เป็นระดับห้า พอเย่ว์หยางทราบแล้ว เขาจึงปล่อยวาง
แต่สิ่งที่ทำให้เย่ว์หยางมีความสุขที่สุดก็คือ ทักษะจักษุญาณทิพย์ของเขายกระดับ… เขารอคอยการยกระดับครั้งนี้มานานแล้ว….
****************