ตอนที่ 341 อาจเป็นผู้มาเยือนจากดาวโลก(ตอนฟรีปีใหม่)
“ถ้าเจ้าอยากทำลายสถานการณ์ปัจจุบัน เจ้าได้แต่ใช้แนวโน้มทั่วไปมากดขี่ข้า แต่นั่นจะได้ผลกับข้าจริงหรือ?”
“ชูห่าวประเมินความรู้สึกอ่อนไหวสูงเกินไป ต่อหน้าพลังสัมบูรณ์ และเรื่องของความเป็นความตาย ใครจะกล้าต่อต้าน?น่าขันสิ้นดี’
ภายในวัง กู่ฉางเกอยืนเอามือไพล่หลัง สายตาของเขาทอดมองออกไป
ทุกอย่างกำลังเป็นไปตามแผนของเขา
ทุกอย่างที่ชูห่าวคิดออก เขาคิดไว้ล่วงหน้าหมดแล้ว
เส้นชีพจรมังกรของอาณาจักรวิหคเพลิงถูกเขากลืนกินไปแล้ว และมันก็เป็นความจริงที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ที่อาณาจักรวิหคเพลิงจะโดนทำลาย
ต่อให้ชูห่าวจะเป็นบุตรแห่งโชค เขาก็จะไม่มีวันแก้ไขสิ่งนี้ได้
กำลังคนเบื้องหลังอาณาจักรวิหคเพลิงด้อยไป
สิ่งเดียวที่ชูห่าวทำได้ตอนนี้คือเฝ้ามองดูอาณาจักรวิหคเพลิงถูกทำลายต่อหน้าต่อตา!
และขณะที่กู่ฉางเกอกำลังคิด เสียงของผู้ติดตามรายงานก็ดังจากด้านนอกโถง
“นายน้อย เผ่าโบราณต่างขอเข้าพบท่านขอรับ”
กู่ฉางเกอถอนความคิดและพูด“ให้เข้ามา”
ไม่ช้า เสียงเท้าก็ดังขึ้น
กลิ่นอายพวกเขาพลุ่งพล่าน เหมือนเมฆหมอกม้วนตัว มันทรงพลังมาก
ท่ามกลางพวกเขา ผู้นำก็คือทายาทของเผ่าต่างๆ
ด้านหลังพวกเขาคือบรรพชนของเผ่าต่างๆ พลังของพวกเขาผนึกมิติที่นี่ไว้หมด
ฐานบ่มเพาะพวกเขาล้วนเป็นกึ่งเทพสูงสุดและพวกเขาก็เคยยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับกู่ฉางเกอมาแล้วในทวีปอมตะโบราณ
แต่จากนั้นพวกเขาก็โดนแผนการของกู่ฉางเกอ ใช้วิชาเซียนผูกมัดควบคุมทั้งหมด
ทุกคนมองกู่ฉางเกอด้วยสายตาหวาดกลัว
“น้อมพบ นายท่าน”
“ไม่ต้องสุภาพนัก”
กู่ฉางเกอพยักหน้าเบาๆ เขามองกวาดอย่างสงบและไม่พอใจ
เผ่าอินทรีนภาทมิฬ เผ่าอสรพิษโบราณ เผ่าจระเข้ศักดิ์สิทธิ์ เผ่ามังกรโบราณ…แทบทั้งหมดมา และพลังของพวกเขาก็ไม่อ่อนแอเลย มันดูเหมือนพวกเขาจะไม่ได้ละเมิดคำสั่งของเขา
หลังจากนั้น สายตาของเขาก็หยุดที่หนึ่งในนั้น“เรื่องที่ข้าฝากเจ้าจัดการเป็นเช่นไร?”
“เรียนนายท่าน หยานอวี่ทำทุกอย่างตามที่ท่านสั่ง”
คนที่พูดสวมชุดตัวยาวสีดำ มีผ้าไหมผืนบางบนหน้านาง ผิวของนางขาวเนียน ผมยาวสลวย
นางมองกู่ฉางเกอด้วยความเคารพ
นางคือเฮยหยานอวี่ สาวงามอันดับหนึ่งแห่งทวีปอมตะโบราณ
ผู้ปกครองคนปัจจุบันของเผ่าอินทรีนภาทมิฬ
แต่ นางถูกกู่ฉางเกอมองไว้สูง และตอนนี้นางก็มีอำนาจมากในเผ่าอินทรีนภาทมิฬ
อัจฉริยะของเผ่าที่เหลือได้แต่ก้มหัวต่อหน้านาง
“โอ้?”กู่ฉางเกอยิ้ม“ในเมื่อเจ้าพูดเช่นนั้น งั้นข้าก็จะเชื่อเจ้า”
เขาได้สั่งเฮยหยานอวี่ให้ลอบสะสมทรัพยากรบ่มเพาะต่างๆให้เขา ในความเป็นจริง สิ่งที่นางต้องทำคล้ายกับหยินเม่ย นั่นคือการหาอัจฉริยะทุกประเภทที่มีกายกับต้นกำเนิดหายาก
แต่ตอนนี้ ทรัพยากรเหล่านั้นไม่สำคัญกับเขาอีกแล้ว
ฐานบ่มเพาะของกู่ฉางเกอแทบแตะอาณาจักรกึ่งเทพสูงสุดแล้ว และทรัพยากรที่เฮยหยานอวี่รวบรวมก็ไม่มีประโยชน์กับเขา
อย่างไรก็ตาม หยานอวี่ควรจะสะสมกายพิเศษได้เยอะ เขาควรไปดูหน่อย
“นายท่าน หยานอวี่ไม่กล้าลืมที่ท่านสั่ง”ดวงตาของเฮยหยานอวี่ลดลง เสียงของนางแผ่วเบาและเต็มไปด้วยความเคารพยำเกรง
“มานี่ เจ้าไม่ต้องอยู่ห่างจากข้านัก หรือข้าเป็นพวกอสูรร้ายกัน?”
“เจ้าค่ะ นายท่าน”
พอได้ยินแบบนี้ เฮยหยานอวี่ก็แปลกใจเล็กน้อย จากนั้นก็เดินไปข้างกู่ฉางเกอ
นางกังวลและไม่สบายใจเล็กน้อยในตอนแรก กลัวว่ากู่ฉางเกอจะไม่พอใจกับงานที่สั่งให้นางทำ
ตอนโทษโยนใส่หัวนาง มันจะนำหายนะมาสู่ทั้งเผ่าอินทรี
นางรู้ดีว่ากู่ฉางเกอซ่อนตัวตนแบบไหนไว้
บางทีคงไม่มีใครในโลกนี้ที่น่ากลัวไปกว่าเขาแล้ว ควบคู่กับหลายสิ่งที่เกิดขึ้นในอาณาจักรเบื้องบนทุกวันนี้ หยานอวี่จึงยิ่งผวา
ตอนนี้นางดูสงบก็จริง แต่ในใจไม่ได้เป็นแบบนั้น
เหนือสิ่งอื่นใด ไม่ใช่แค่นาง แต่นางยังมีทั้งเผ่าเบื้องหลัง พวกเขาสามารถตายได้ทุกเมื่อแค่เพราะอารมณ์ของกู่ฉางเกอเปลี่ยน
สำหรับเผ่าอื่น พวกเขาล้วนคิดว่ากู่ฉางเกอคือผู้สืบทอดของจักรพรรดิโบราณแห่งการเกิดใหม่ ซึ่งทำให้เผ่าอินทรีนภาทมิฬ เผ่าอสรพิษโบราณกับเผ่าจระเข้ยอมจำนน
แต่มีแค่เฮยหยานอวี่ที่รู้ว่าไม่ใช่!
กู่ฉางเกอได้ฆ่าผู้สืบทอดตัวจริงของจักรพรรดิโบราณไปแล้ว!
พอเห็นท่าทีพึงพอใจของเขาที่มีต่อนาง เฮยหยานอวี่ก็ถอนหายใจโล่งอก
มุมปากของนางใต้ผ้าผืนบางแสดงรอยยิ้ม
หลังได้รับคำสั่งของกู่ฉางเกอ นางก็รีบระดมกองทัพอินทรีนภาทมิฬทันที เพราะกู่ฉางเกอได้ส่งมอบเคล็ดบ่้มเพาะให้นางและขอให้นางส่งต่อมัน
เฮยหยานอวี่ไม่กล้าขัดคำสั่ง
แม้จะรู้ว่ามันไม่ใช่ของดี นางก็ไม่กล้าปฏิเสธ
“การทำงานเหล่านี้ให้ข้าคงทำให้เจ้าเสื่อมเสีย”กู่ฉางเกอยิ้ม
“นับเป็นเกียรติของหยานอวี่ที่ได้รับใช้นายท่าน”
นางไม่สามารถปกปิดความสุขได้
“โอ้?”
กู่ฉางเกอยังยิ้มและโอบแขนรอบเอวนาง
“อืม”
สีแดงผุดขึ้นบนแก้มของเฮยหยานอวี่ นางรู้สึกเขินอายเล็กน้อยในใจ แต่นางก็ยังฉวยโอกาสนี้และเอนซบแขนเขา
พอเห็นฉากนี้ คนจากเผ่าโบราณทั้งหมดก็เต็มไปด้วยความอิจฉาในใจ
สำหรับงานที่กู่ฉางเกอมอบหมายให้เฮยหยานอวี่นั้น พวกเขาไม่รู้เรื่อง
พวกเขาจะทำอะไรได้นอกจากอิจฉา?
ด้วยสถานะของสาวงามอันดับหนึ่งแห่งทวีปอมตะโบราณ นางคู่ควรแล้ว
จากนี้ไป เกรงว่าเผ่าทั้งหมดของทวีปอมตะโบราณจะต้องก้มหัวให้นางแล้ว
เฮยหยานอวี่เองก็ฉลาดมาก จากสายตาอิจฉาของทุกเผ่า นางเองก็เข้าใจเจตนาของกู่ฉางเกอ
นี่เพื่อให้เผ่าต่างๆของทวีปอมตะโบราณเข้าใจว่านางคือคนของเขา
แบบนี้ เสียงของนางท่ามกลางเผ่าต่างๆของทวีปอมตะโบราณจะหนักขึ้นในอนาคต และที่เหลือจะไม่กล้าไม่เคารพนาง
ถ้านางทำงานให้กู่ฉางเกอ มันจะยิ่งราบรื่นและสะดวกขึ้น
“แล้วที่นายท่านพูดถึงผลประโยชน์..”
พอคิดแบบนี้ เฮยหยานอวี่ก็รู้สึกดำดิ่งไปโดยไม่มีเหตุผล
ใช่ ในแง่ของอารมณ์ของกู่ฉางเกอ จู่ๆเขาจะแสดงท่าทีรักใคร่ต่อนางได้ไง?
นางคิดมากไป
จากนั้นกู่ฉางเกอก็อธิบายบางสิ่งและโบกมือไล่ทุกคนออกไป หลงเหลือเพียงเฮยหยานอวี่
“นายท่าน ท่านกำลังจะไปเจอผู้บ่มเพาะที่โดนกักขังหรือ?”
สายตาของเฮยหยานอวี่หยุดที่ใบหน้าของกู่ฉางเกอและถามเสียเบา
“ไปกัน”
กู่ฉางเกอพยักหน้าและปล่อยเอวนาง จากนั้นทั้งสองก็ออกจากวังโดยมีเฮยหยานอวี่นำทาง
เฮยหยานอวี่ผิดหวังเล็กน้อยในใจ แต่นางไม่กล้าแสดงออกทางสีหน้า
เรือรบโบราณของเผ่าต่างๆของทวีปอมตะโบราณลอยอยู่บนท้องฟ้าสูงเหนือวังวิหคเพลิง
ทรัพยากรบ่มเพาะที่เฮยหยานอวี่นำมาให้กู่ฉางเกอถูกขังอยู่ที่นั่น
ถ้ากู่ฉางเกอบินไปจากที่นี่ มันจะไม่นาน
“ว่าแต่ นายท่าน ข้าจำกลุ่มคนลึกลับได้ด้านนอกพื้นที่ต้องห้าม พวกเขาถูกนำมาโดยอะไรก็ไม่รู้ สสารในพื้นที่ต้องห้ามโบราณไม่มีผลกับพวกเขาด้วย”
“และคนกลุ่มนั้นยังสวมเสื้อผ้าประหลาดๆ และมีอาวุธเหล็กประหลาดในมือที่สามารถยิงเหล็กเงินได้ คนกับอสูรธรรมดาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาเลย”
“แต่ คนลึกลับพวกนี้ดูเหมือนจะไม่เคยบ่มเพาะมาก่อน ร่างกายพวกเขาอ่อนแอกันมาก แม้กระทั่งเด็กที่อ่อนแอสุดของเผ่าเรายังรังแกพวกเขาได้”
ระหว่างทางไปเรือรบโบราณ เฮยหยานอวี่พลันนึกอะไรได้และรายงานกู่ฉางเกอ
“คนลึกลับด้านนอกพื้นที่ต้องห้าม เสื้อผ้าประหลาด?อาวุธเหล็ก?”
พอได้ยินแบบนี้ กู่ฉางเกอก็เลิกคิ้ว ต้นกำเนิดนี้คุ้นๆ
หรือว่าจะเป็นคนจากดาวโลก?
เขาดูเหมือนจะได้กลิ่นตุๆ
ทวีปอมตะโบราณเคยถูกย้ายมาโดยวังเต๋าอมตะสวรรค์ผ่านวิธีการพิเศษ ตอนนั้น ทวีปอมตะโบราณ รวมถึงพื้นที่ต้องห้ามโบราณเองก็ถูกนำมาโดยตัวตนนั้น
แม้มันจะมักถูกซ่อนในส่วนลึกของวังเต๋าหลังกู่ฉางเกอควบคุมเผ่าโบราณไป
ทวีปอมตะโบราณก็ยังเปิดสู่โลกภายนอก และตอนนี้มันก็สามารถเห็นผู้บ่มเพาะจากโลกภายนอกพยายามเข้าไปหาประสบการณ์ในนั้นได้บ่ออย
อย่างไรก็ตาม พื้นที่ต้องห้ามโบราณถูกเรียกว่าพื้นที่ต้องห้ามโบราณเพราะเหตุผลยบางอย่าง
แม้แต่เทพสูงสุดก็ยังไม่กล้าเข้าไปง่ายๆ
ยิ่งไปกว่้านั้น ในพื้นที่ต้องห้าม หมอกยังพลุ่งพล่านไม่เคยหยุด ปกคลุมด้วยสนามพลังลี้ลับ
ถ้าผู้บ่มเพาะกล้าเข้าไปเล่นๆ เขาจะแหลกเป็นหมอกเลือดโดยสนามพลังประหลาดนั่น กายเนื้อกับวิญญาณจะแตกดับ
ต่อให้โชคดีรอดได้ มันก็จะถูกตามล่าโดยสิ่งที่ไม่รู้ ชีวิตจะเลวร้ายยิ่งกว่าความตาย
หลายคนเดาว่ามีคนที่รอดชีวิตมาได้ในนั้น
ตัวตนที่เคยเคลื่อนย้ายทวีปอมตะโบราณไม่กล้าพูดว่าอะไรถูกซ่อนในนั้น
ข่าวลือมากมายในพื้นที่ต้องห้ามนั้นเต็มไปด้วยความลี้ลับ
“ตอนนั้นข้ากำลังบ่มเพาะในเผ่า และพลันได้ยินว่ามีคนจากเผ่ามารายงาน บอกว่ามีการเปลี่ยนแปลงที่น่าตกใจในพื้นที่ต้องห้ามโบราณ พลังนั้นมหาศาล ข้าจึงเร่งไป แต่ไม่เคยคิดว่าข้าจะได้เห็นคนกว่าสิบที่นั่น ทุกคนดูตื่นกลัวราวกับเห็นสิ่งที่น่ากลัวมา…”
เฮยหยานอวี่พยักหน้า
จากนั้นนางก็บอกเล่ารายละเอียดทั้งหมด
นางไม่รู้ว่าจะจัดการเรื่องนี้เช่นไร นางจึงทำตามคำสั่งของกู่ฉางเกอ พาคนกลุ่มนี้มาด้วย
“งั้นเจ้าเห็นสิ่งที่พาพวกมันมาพื้นที่ต้องห้ามโบราณไหม?”
พอได้ยินแบบนี้ กู่ฉางเกอก็ถามด้วยความสนใจ
“ไม่ หลังข้าจับคนกลุ่มนี้มา ข้าอยากถามอะไรจากปากพวกมัน แต่พวกมันดูเหมือนจะไม่เข้าใจภาษาของที่นี่”
“ข้าเริ่มค้นวิญญาณ แต่พบว่าวิญญาณพวกมันเปราะบางมาก พวกมันแตกสลายเพียงแตะเบาๆ ข้าไม่เจออะไรเลย”
“ข้าเลยยอมแพ้”
“ข้าเข้าใจแล้ว”
กู่ฉางเกอยิ้ม แต่มีการคาดเดาในใจเขาแล้ว
สำหรับว่าจะเป็นคนจากดาวโลกจริงไหม มันไม่สำคัญกับเขา
ท่ามกลางอาณาจักรเบื้องล่างนับพันล้านดวงภายใต้เขตอำนาจของอาณาจักรเบื้องบน มีอาณาจักรเบื้องล่างมากมายที่มุ่งเน้นไปทางฝั่งเทคโนโลยีมากกว่าการบ่มเพาะ
มันแค่ว่าในภพอาณาจักรเบื้องล่างเหล่านั้น มีผู้บ่มเพาะน้อยมาก ต่อให้มี มันก็ไม่ได้เก่ง มากสุด ก็แค่มีอายุนานกว่าคนธรรมดาแค่ไม่กี่สิบกี่ร้อยปี
การบินในท้องฟ้า เด็ดดาว แตะดวงจันทร์เป็นเรื่องไกลเกินตัว
สำหรับการอยากทะยานขึ้นภพเบื้องบน นั่นยิ่งเป็นไปไม่ได้
แต่ไม่ว่ายังไง ท่ามกลางกลุ่มคนลึกลับกลุ่มนี้ ต้องมีกระเทียมหอมที่กู่ฉางเกออยากได้แน่
ถ้ามันเป็นคนจากดาวโลกจริง บางทีเขาสามารถฉวยโอกาสนี้หาเหตุผลที่เขาข้ามมาได้
กู่ฉางเกอไม่เชื่อว่าการข้ามโลกของเขาจะไร้เหตุผล โดยเฉพาะหลังรู้เกี่ยวกับบทจอมมารของเขา
แต่กู่ฉางเกอรู้สึกว่าความเป็นไปได้ของการเป็นผู้มาเยือนจากดาวโลกควรน้อยมาก น่าจะเป็นจากโลกที่ห่างไกลมากซะมากกว่า
…
“ห่าวเอ๋อร์ เจ้าไม่ต้องรีบนัก”
“ถ้าข้าไปหากู่ฉางเกอครั้งนี้ ไม่ว่าเขาจะเห็นด้วยหรือไม่ อาณาจักรของข้าก็จะเสียเปรี่ยบ”
“ถ้าเรากดดันเขาด้วยแนวโน้มทั่วไป บางทีมันคงยังได้ผล…ยังไงซะ ภาพลักษณ์ที่กู่ฉางเกอสร้างต่อหน้าคนเป็นไปในเชิงบวก เว้นแต่เขาจะอยากให้ภาพลักษณ์เสียหาย เขาจะไม่มีทางโจมตีอาณาจักรวิหคเพลิงของข้าตรงๆ”
“นี่คือโอกาสเดียวของเรา”
ตอนนี้ ในวังหลวงของอาณาจักรวิหคเพลิง ชูห่าวอดอยากสู้กับกู่ฉางเกอไม่ได้
มีแสงในสายตาของจักรพรรดิวิหคเพลิงขณะที่เขาคิดถึงบางสิ่งและรีบหยุดชูห่าวไว้
การที่เขาปกครองอาณาจักรวิหคเพลิงมาหลายปีนั้น ทำให้เขามีประสบการณ์สูง
เขายังรู้ว่าตอนนี้ มันคือทางเลือกที่ถูกต้องสุดที่จะบังคับให้กู่ฉางเกอตกลงและพาจื่อหยางออกไป
แม้อาณาจักรวิหคเพลิงจะเล็ก มันก็มีประชากรเป็นพันล้าน
ถ้ากู่ฉางเกอไม่ตอบตกลง งั้นคนนับพันล้านจะต้องตาย เขาจะถูกตราหน้าว่าฆ่าคนเป้นพันล้าน
เว้นแต่กู่ฉางเกอจะไม่สนใจมันจริงๆ
“สิ่งที่จักรพรรดิวิหคเพลิงพูดคือทางออกจริงๆ แต่ครั้งนี้ ข้ากลัวว่ากู่ฉางเกอจะไม่สนใจชีวิตของผู้คนในอาณาจักรวิหคเพลิงจริงๆ…”
ดวงตาของไป่หยางสว่างวาบตอนได้ยิน และก็มองจักรพรรดิวิหคเพลิงอย่างชื่นชม
แม้ฐานบ่มเพาะของจักรพรรดิจะไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้ แต่มันสมองของเขาชาญฉลาด
“งั้นข้าจะทำตามที่ท่านพ่อพูด”
ชูห่าวพยักหน้า แสดงรอยยิ้ม
พอคิดแบบนี้ เขาก็รู้สึกว่านี่แหละคือทางออก
หลังจากนั้น จักรพรรดิวิหคเพลิง ชูห่าวกับไป่หยางก็ได้รับความมั่นใจ หลังคตุยกันสักพัก พวกเขาก็คิดแผนได้มาก และก็รู้ว่าครั้งนี้ พลังอย่างเดียวนั้นไม่พอ
ถ้าพวกเขาอยากกดดันกู่ฉางเกอ มันต้องสร้างแรงกดดัน
พอจักรพรรดิวิหคเพลิงสั่ง ไม่ช้าตระกูลกับสำนักทั้งหมดของอาณาจักรวิหคเพลิงก็ได้รับคำเชิญให้ไปวังเพื่อเข้าร่วมงานเลี้ยงในอีกสามวัน
สำหรับเนื้อหาของจดหมายเชิญ เขาไม่ปกปิดเลย
ตอนนี้ราชาสวรรค์จื่อหยางถูกกักขังในอาณาจักรวิหคเพลิงและตำหนักม่วงอาจมาช่วยเหลือได้ทุกเมื่อ
ตอนนั้น กองทัพเบื้องหลังกู่ฉางเกอจะสู้กับตำหนักม่วงและผลกระทบอย่างเดียวจะสามารถทำลายอาณาจักรวิหคเพลิงได้เป็นพันครั้ง
ข่าวของเรื่องนี้ทำให้ตระกูลกับสำนักอื่นในอาณาจักรตกใจ
แต่ครั้งนี้ ทั้งอาณาจักรวิหคเพลิงสามัคคีกัน
เหนือสิ่งอื่นใด มันคือเรื่องของความเป็นความตาย ถ้าพวกเขาไม่อยากละทิ้งรากฐานที่สร้างมา พวกเขาต้องจับมือกัน
พวกเขาต้องเข้าร่วมงานเลี้ยงที่จะจัดในอีกสามวัน และต้องทำทุกอย่างเพื่อให้กู่ฉางเกอถอนคำสั่ง
ตระกูลกับสำนักทั้งหมดของอาณาจักรวิหคเพลิงตกใจกันมากตอนได้ยินข่าวเป็นครั้งแรกและรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก
ต่อหน้ากู่ฉางเกอ ทั้งอาณาจักรวิหคเพลิงเหมือนมด
สำหรับเขา ไม่ว่าอาณาจักรวิหคเพลิงจะถูกทำลายไหม เขาไม่สนใจ
แต่สำหรับพวกเขา นี่คือบ้านเกิดของพวกเขา ถ้าล่มสลาย พวกเขาก็ตายไปด้วย
ด้วยความคิดเช่นนี้
สำนักต่างๆที่มีรากฐานลึกล้ำจึงไม่กล้าละเลย พวกเขาปลุกบรรพชนตัวเองขึ้นมา
แน่นอน ภูมิหลังของสำนักเหล่านี้ก็คือสัตว์ประหลาดเฒ่าในอาณาจักรกึ่งเทพศักดิ์สิทธิ์ และฐานบ่มเพาะสูงสุดก็แค่เทพศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น มันยังห่างไกลจากจอมเทพศักดิ์สิทะิ์
ตอนนี้ พวกเขากำลังหารือกัน
“สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้คือความอยู่รอดของอาณาจักรวิหคเพลิง ถ้าอาณาจักรวิหคเพลิงถูกทำลาย งั้นตระกูลกับสำนักเราก็คงไม่รอด”
“เหตุผลที่ข้าเรียกทุกคนมาที่นี่ วันนี้ก็เพื่อเตรียมตัวสำหรับงานเลี้ยงที่จักรพรรดิเราจะจัดขึ้นในอีกสามวัน เราต้องคิดว่าเราจะทำอะไรได้บ้างเพื่อทำให้กู่ฉางเกอยอมถอนคำสั่ง…”
“ทำไมเขาถึงคิดเล่นงานเราเช่นนี้กัน?แผนนี้ชั่วร้ายมาก มันสามารถทำลายข้าและผู้อื่นได้โดยที่เขาไม่ต้องลงแรงเลย”
ตอนนี้ ในที่พักของราชครูของอาณาจักรวิหคเพลิง
ชายชราผมเทาพูด
คนคนนี้คือมหาราชครูคนปัจจุบัน ผู้เคยสั่งสอนจักรพรรดิวิหคเพลิงคนปัจจุบัน และเคยสอนเจ้าชายสาม ชูห่าว
เขาเป็นที่เคารพ
ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหมดกำลังยืนอยู่รอบเขา
ในเวลาเดียวกัน ยังมีคนที่ทรงพลังสุดของจวนราชครู ผู้ถือครองตำแหน่งสำคัญในอาณาจักรวิหคเพลิง
ท่ามกลางคนเหล่านี้ มีคนหนุ่มสาวมากมาย
ความสำเร็จในอนาคตของพวกเขาไร้ขีดจำกัด ทุกคนแบกรับความรับผิดชอบในการทำให้จวนราชครูยิ่งใหญ่
นอกจากนั้น คนที่เหลือคือยอดฝีมือจากจวนราชครู คนที่แข็งแกร่งสุดคือชายวัยกลางคนสวมชุดตัวยาวสีฟ้า
ระหว่างดวงตาที่กึ่งหลับกึ่งลืมของเขา แสงสีทองไหววูบ เผยแรงกดดันของเทพศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูงสุุด
เขาชื่ออี้เทียน เขาคือคนของตระกูลหวัง
“ท่านพ่อ เราต่างรู้สิ่งที่ท่านพูด ถ้าอาณาจักรวิหคเพลิงถูกทำลาย เราควรทำเช่นไร?”
ชายวัยกลางคนถาม เขามีใบหน้าที่คล้ายกับมหาราชครูอยู่เจ็ดส่วน แต่เขาคือลูกชายคนโต
“ถ้าอาณาจักรวิหคเพลิงถูกทำลาย ตระกูลหวังของข้าจะต้องหาทางอื่น มันเป็นไปไม่ได้ที่อาณาจักรวิหคเพลิงจะถูกทำลาย”
พอได้ยินแบบนี้ คนข้างเขาก็พูด“ไม่ใช่ว่าสิ่งที่อาณาจักรวิหคเพลิงกำลังทำอยู่คือการตอแยกู่ฉางเกอหรือ?เป็นไปได้หรือที่ผู้ใหญ่จะเปลี่ยนใจแค่เพราะมด?”
เขาคือลูกชายคนรองของมหาราชครูและมีตำแหน่งสำคัญในอาณาจักรวิหคเพลิงเช่นกัน
คำพูดของเขาได้รับความเห็นชอบจากทุกคนในตระกูล พวกเขาไม่เต็มใจเสี่ยง
“ทิ้งที่นี่ซะ แล้วเราจะไม่ต้องกลัวฟืนหมด ท่านพ่อ คืนนี้เราหนีกันเถอะ มันเห็นได้ชัดว่าเพราะชูห่าว เจ้าชายสามที่ไปยั่วโมโหกู่ฉางเกอเข้าวันนั้น เขาแค่มาแก้แค้น”
“ท่านไม่เข้าใจหรือไงว่าอาณาจักรวิหคเพลิงจบสิ้นแล้ว”
ทุกคนจากตระกูลหวังโน้มน้าวตรงๆ เว้นแต่พวกเขาจะโง่ ใครจะอยากร่วมตายไปกับอาณาจักรวิหคเพลิง?
สำหรับพวกเขา นี่คือหายนะของจริง
“แต่..แต่เราจะไปไหนได้เมื่อเราออกอาณาจักรวิหคเพลิง?มันคือรากฐานที่เราสร้างมา!”
ประมุขหวังถอนหายใจ
พอมองสีหน้าของคนในตระกูลด้านล่าง เขาเองก็เข้าใจว่าไม่มีที่ว่างให้อ้อมค้อม
“ได้ ข้าจะฟังพวกเจ้า ยังไงซะอาณาจักรวิหคเพลิงก็ได้ยั่วโมโหกู่ฉางเกอไปแล้ว หากอาณาจักรเบื้องบนแสนกว้างใหญ่จะไม่มีที่ให้ข้าก็ให้มันรู้กันไป”
ต่อมา เขาก็ตัดสินใจไม่ฝืน
ทุกคนในตระกูลหวังเริ่มเก็บข้าวของ
ยังไงซะ ไม่ช้าก็เร็ว อาณาจักรวิหคเพลิงต้องถูกทำลาย
คืนนี้ เรือบินเริ่มบินลัดฟ้า ออกไปไกล
และฉากเช่นนี้ก็ยังเกิดขึ้นไม่หยุดท่ามกลางตระกูลกับสำนักใหญ่ในอาณาจักรวิหคเพลิง
ด้านหนึ่ง มันเพื่อปกป้องอาณาจักร อีกด้าน มันเท่ากับตอแยกู่ฉางเกอ
ตราบเท่าที่ไม่โง่ ทุกคนจะรู้ว่าต้องเลือกอะไร
แทบทุกคนเลือกย้ายออก ในความคิดพวกเขา จดหมายเชิญจากจักรพรรดิวิหคเพลิงเหมือนเครื่องเตือนใจให้พวกเขาหลบหนี
หลายคนยังซาบซึ้ง ถ้าจักรพรรดิวิหคเพลิงไม่อธิบายซะชัดเจน พวกเขาคงไม่ตระหนักถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้
พวกเขาจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตายอย่างไรพอหายนะมาถึง
แต่หลังคิด ไม่มีใครจะเกิดโง่ขึ้นมาครั้งนี้ และเต็มใจจะถูกทำลายไปพร้อมอาณาจักรวิหคเพลิง
ในสายตาของผู้บ่มเพาะ ความรู้สึกผูกพันธ์บ้านเกิดคงไม่สำคัญเท่าครอบครัวตัวเอง
ในวันที่สอง ผู้บ่มเพาะมากมายในอาณาจักรวิหคเพลิงมึนงง
สำนักที่เคยยิ่งใหญ่และเก่าแก่จากไปแล้ว ทิ้งไว้เพียงอาณาเขตร้าง ไม่มีใครอยู่
ฉากเช่นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ที่เดียว
แต่เป็นทั้งอาณาจักรวิหคเพลิง ทุกคนที่มีแรงเหลือล้วนย้ายออก ไม่มีใครกล้าอยู่
มันสามารถเห็นได้ว่าบางขุมอำนาจยังตื่นตระหนกอยู่ บางแห่งมีของล้ำค่าที่ยังไม่ย้าย แต่ก็ถูกทิ้งไว้ ราวกับพวกเขากลัวว่าถ้าอยู่นานกว่านี้สักพัก พวกเขาจะตาย
และฉากนี้ก็สั่นคลอนทั้งอาณาจักร
ผู้บ่มเพาะทั้งหมดตื่นตระหนก รู้สึกว่ากำลังจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น
ชั่วขณะนั้น ผู้บ่มเพาะมากมายตื่นกลัว พวกเขายังเลือกย้ายออกจากที่แห่งนี้ โดยไม่ถามหาเหตุผล
แน่นอน ยังมีคนฉลาดที่รู้เหตุผล
กองทัพนับล้านที่ลอยเหนืออาณาเขตของอาณาจักรวิหคเพลิงไม่ใช่ตัวอธิบายชั้นดีหรือไง?
ทั้งอาณาจักรวิหคเพลิงตกกอยู่ในความโกลาหล ความตื่นตระหนกปกคลุมทุกที่ โจรฉวยโอกาสออกปล้น มันไม่ห่างไกลจากการล่มสลาย