ตอนที่ 340 ศิษย์น้อง ข้ากำลังไปช่วยเจ้า(ตอนฟรีปีใหม่)
ตอนนี้ ในการต่อสู้นี้ ในความคิดของทุกคน ตำหนักม่วงจะต้องถูกทำลาย
เสียงที่เกิดจากมหาสงครามนี้น่ากลัวมาก ดาวในรัศมีล้วนสั่นคลอน
“โจมตี!’
“โค่นตำหนักม่วงลงมา!’
ผู้บ่มเพาะกับสิ่งมีชีวิตนับพันล้านส่งเสียงคำรามและปล่อยจิตสังหารที่แทบกลืนกินทุกสิ่ง
ผู้บ่มเพาะมากมายไม่กล้าส่งเสียง เฝ้ามองดูขุมอำนาจเต๋าเหล่านี้ที่บดบังท้องฟ้าด้วยดวงตาสั่นกลัว
กองทัพของพวกเขาถาโถมมา เหมือนดาบแหลม หล่อหลอมด้วยพลังสวรรค์ พร้อมฟันฟ่าทุกสิ่ง!
บูม!
ในตำหนักม่วง ศิษย์กับผู้อาวุโสทั้งหมดใช้พลังปราณทั้งหมดของตัวเองด้วยใบหน้าดำมืด
แสงพุ่งขึ้นฟ้า ค่ายกลปกป้องทำงาน ลำแสงหลากสีพุ่งขึ้นฟ้า และบรรจบกันเป็นตาข่าย ต่อต้านการโจมตี
แต่มีผู้บ่มเพาะมากเกินไปและเผ่าทั้งหมดภายใต้การควบคุมของภูเขาจักรพรรดิก็ส่งยอดฝีมือของตนเองมา เมฆหนาม้วนตัว เข่นฆ่าจนกระทั่งท้องฟ้าพลิกคว่ำ ดวงตะวันและจันทราดับแสง
ฉากนี้ยากจะพบเห็นในรอบพันปี
ในอีกทาง สิ่งมีชีวิตทั้งหมดได้แต่รู้สึกถึงพลังมหาศาลที่พุ่งผ่านท้องฟ้า
ดวงดาวสั่นสะเทือน สวรรค์สั่นคลอน ฟ้าดินบิดเบือน
มีเสียงฆ่าฟันดังไม่หยุดหย่อน
ไม่ว่าใครก็สามารถจินตนาการถึงความน่ากลัวของศึกนี้ได้
สงครามระหว่างเทพสูงสุด!
พลังปราณม่วงทอดยาวออกไป ผันแปรทุกสิ่ง
บนท้องฟ้า ฝั่งหนึ่งปกคลุมด้วยพลังปราณม่วงไร้ขอบเขต มันกำลังต่อสู้กับศัตรูทั้งหมด
ส่วนอีกด้าน ผู้คนสามารถเห็นระฆังทองกับผนึกสีเขียว
นั่นคืออาวุธเทพสูงสุด วินาทีที่มันตื่นขึ้น กฏทั้งหมดก็พร่ามัว
ดาวหลายดวงระเบิด เปลี่ยนเป็นผุยผงทันที
ฉากนี้ทำให้ผู้บ่มเพาะนับไม่ถ้วนตัวสั่น
“รากฐานของตำหนักม่วงน่ากลัวจนสามารถต้านทานการโจมตีของภูเขาจักรพรรดิสวรรค์กับตระกูลเย่ได้เลยเหรอ?”
“ไม่คิดเลยว่าตำหนักม่วงจะปกปิดไว้ลึกขนาดนี้ แต่เทพสูงสุดเหล่านั้น พวกเขาควรมาจากโถงบรรพชนของพวกเขา และกลิ่นอายก็ไม่ได้เป็นของยุคนี้!”
ขุมอำนาจเต๋ามากมายที่จับตาดูการต่อสู้นี้ตกใจ
พวกเขาไม่คิดว่าสถานการณ์ที่พวกเขาวาดฝันไว้จะกลายเป็นแบบนี้
พลังของตำหนักม่วงเหนือจินตนาการของทุกคน!
ในเมื่อตำหนักม่วงกล้าตั้งตนเป็นศัตรู งั้นพวกเขาก็ต้องมีความสามารถจริง!
และในเวลาเดียวกัน ไกลเกินไปทุ่งดาวหนึ่ง มันเกิดเสียงสั่นสะเทือน ทุกคนสั่นสะท้าน วิญญาณแทบปริแตก
ธงโบราณโบกสะบัดและแหวกเปิดทุกสิ่ง!
เรือรบโบราณ ยิ่งใหญ่ประดุจทวีปหนึ่งทอดเงามืดลงมา
หลังจากนั้น มิติก็แหวกออก พลังโกลาหลเล็ดลอด มันบดขยี้ทุกสิ่ง
คำว่า’กู่’ประดับท้องฟ้า เป็นสิ่งที่ใช้แทนสวรรค์แห่งนี้!
ด้านหน้ามันคือที่ที่ตำหนักม่วงตั้งอยู่!
“ตระกูลกู่มาแล้ว!ครั้งนี้ ตำหนักม่วงโชคร้ายจริงๆ พวกเขาต้านทานการผนึกกำลังของหมื่นเผ่าได้ก็จริง แต่จะต้านทานตระกูลกู่ได้หรือ?”
“ดูเหมือนตำหนักม่วงจะมาถึงจุดจบแล้ว!”
ขุมอำนาจเต๋าทั้งหมดตกใจ มองกองทัพที่มาถึง
นี่คือพลังไร้ผู้ต้านที่ทำให้ทุกคนสั่นกลัว!
“เหยียบย่ำตำหนักม่วงให้จมดิน! จงเพิ่มบารมีของตระกูลกู่ข้า!”
มีชายชราบนเรือรบโบราณ กำลังเป่าทุกสิ่งด้วยแตร ขณะที่ความผันผวนน่ากลัวแผ่ออกไป
การต่อสู้ครั้งใหญ่ปะทุขึ้นทันที
บนเรือรบโบราณ อักขระเต๋ามากมายสำแดง เปลี่ยนเป็นกระบี่แสง ฟาดฟันลงไปด้านหน้า
ในส่วนลึกของหมู่ดาว แสงปรากฏขึ้น สั่นสะเทือนไปทั่วเก้าสวรรค์
มิติสั่นคลอน เหมือนรวงผึ้ง ถูกแทงทะลุด้วยรังสีแสง
ค่ายกลขนาดใหญ่ที่ปกป้องตำหนักม่วงแทบแหลก มันยากจะต่อต้าน!
ฉากนี้ทำให้ยอดฝีมือที่เฝ้าดูการต่อสู้นี้ตกใจจนเกือบหัวใจวายตาย
นี่แค่การโจมตีเดียว ถ้ามากกว่านี้ ตำหนักม่วงจะยังต่อต้านได้อีกหรือ?
บูม!
และตอนนั้นเอง เทพสูงสุดของตระกูลกู่ก็ลงมือ!
ด้วยการยกมือ พลังเทพสูงสุดกวาดไปทุกทิศทาง ทำให้ดาวหลายดวงสั่นสะเทือน
“โจมตี!’
จากตำหนักม่วง เทพสูงสุดสามคนพุ่งออกไป กลิ่นอายพวกเขาทรงพลังยิ่งกว่าเทพสูงสุดที่กำลังสู้กับภูเขาจักพรรรดิอยู่
“ตระกูลกู่หลอกคนกันเกินไป!พวกเขาสมคบคิดกับกู่ฉางเกอเพื่อจับกุมทายาทของตำหนักม่วง!แค้นนี้ต้องได้รับการชำระ!”
“เราจะปกป้องมรดกของตำหนักม่วง จะไม่ยอมให้คนนอกชิงมันไปได้!”
สามเทพสูงสุดปรากฏใต้หมู่ดาว ใบหนา้ของพวกเขาเย็นชา เต็มไปด้วยความเกลียดชัง
“คิดว่าแค่พวกเจ้าสามคนจะสามารถทำอะไรตระกูลกู่ของข้าได้หรือยังไง?พวกเจ้ารู้ตัวว่าจะตาย แต่ก็ยังอยากหยุดเรา ความกล้าของเจ้าน่านับถือจริงๆ”
“วันนี้ เราจะสนองความปรารถนาของพวกเจ้าเอง บนถนนสู่น้ำพุเหลือง มันไม่ใช่เรื่องแย่ที่จะมีคนแบบเจ้า”
ในเวลาเดียวกัน ท่ามกลางกองทัพตระกูลกู่ กลิ่นอายน่ากลัวกดทับลงมา
สิบเทพสูงสุดปรากฏในทุ่งดาว ใบหน้าพวกเขาพร่ามัว อำนาจบารมีกว้างใหญ่ไพศาล คำพูดของพวกเขาเต็มไปด้วยพลัง
ทุกคนตกใจ ก่อนหน้านี้พวกเขารู้มาว่าตระกูลกู่ส่งเทพสูงสุดมาสิบคน แต่หลายคนก็ยังรู้สึกแค่ถึงกลิ่นอายของพวกเขาเท่านั้น
มันอาจจะมีกึ่งเทพสูงสุดปะปนมาด้วยก็เป็นไปได้
แต่ตอนนี้ที่พวกเขาเห็นกับตา มันเป็นสิบเทพสูงสุดจริงๆ!
ทุกคนยังเป็นเทพสูงสุดขั้นสูงกันหมด ไม่มีใครอยู่ขั้นต่ำหรือกลางเลย!
เทพสูงสุดมีเก้าสวรรค์ เฉพาะหลังไปถึงสวรรค์ที่เจ็ด พวกเขาถึงจะถูกเรียกว่าเทพสูงสุดขั้นสูง!
“ไม่…”
พอเห็นฉากน่าหดหู่นี้ ศิษย์กับผู้อาวุโสนับไม่ถ้วนของตำหนักม่วงก็อดเกิดความรู้สึกเศร้าและเกลียดชังไม่ได้ตอนเห็นฉากนี้
บูม!
ไม่ช้า การต่อสู้ที่น่ากลัวนี้ก็ปะทุขึ้น
สามเทพสูงสุดของตำหนักม่วงยังแข็งกร้าว พวกเขาพุ่งไปแบบไม่กลัวตาย แสดงไพ่ตายทั้งหมดสุดชีวิต
เกิดเสียงระเบิดมากมาย
มันราวกับฟ้าดินสั่นคลอน หมอกโกลาหลปั่นป่วน
กลิ่นอายฟ้าดินปรากฏ กลืนกินทุกสิ่ง
แต่ วินาทีต่อมา พวกเขาก็กระอักเลือด ตัวของพวกเขาแทบระเบิดขณะที่ปลิวกระเด็นออกไป บดขยี้ดาวนับไม่ถ้วนระหว่างทางจนแหลกเป็นผุยผง
สิบเทพสูงสุดลงมือ เว้นแต่ตัวตนระดับจักรพรรดิจะมาเอง ใครจะต้านทานพลังนี้ได้?
ขุมอำนาจเต๋าทั้งหมดหวาดผวา รู้สึกชาด้าน ด้วยพลังของตระกูลกู่ ต่อให้ภูเขาจักรพรรดิกับขุมอำนาจอื่นจะไม่ลงมือ มันก็ยังสามารถทำลายตำหนักม่วงได้ง่ายๆ!
นี่คือการเข่นฆ่าอยู่ฝ่ายเดียว!
“อยากให้ข้าช่วยตำหนักม่วง?เจ้าพูดเล่นหรือเจ้ากำลังบอกว่าเจ้าโง่?”
และขณะที่สงครามกำลังเกิดขึ้นด้านนอกอาณาเขตตำหนักม่วง ทะเลสาบเกิดใหม่ในพื้นที่ต้องห้ามดูสงบ
ในส่วนลึกของหมอกโกลาหล
ภูเขาศักดิ์สิทธิ์สูงตระหง่านตั้งอยู่ อุดมสมบูรณ์ด้วยต้นไม้โบราณมากมาย แสดงให้เห็นว่าพื้นที่นี้ดำรงอยู่มาก่อนฟ้าจะเปิด
ทีละหนึ่ง ต้นไม้หลากสีหยั่งรากบนขอบผา พวกมันเต็มไปด้วยกฏต่างๆ พวกมันเหมือนสัตว์ประหลาดเฒ่าที่ไม่ถือกำเนิด แต่กลิ่นอายก็ทำให้วิญญาณของคนสั่นสะท้านได้
ระหว่างยอดเขา เมฆทุกชนิดลอยล่อง
มันเหมือนโลกอิสระแห่งหนึ่ง และสามารถเห็นแสงสว่างเจิดจ้าที่พุ่งขึ้นฟ้าจากส่วนลึกได้
โดยรอบ มันสามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมของนกและดอกไม้ พืชพรรณเขียวขจี การเติบโตของสมุนไพรบนหน้าผา
สัตว์อสูรตัวโตคำราม และนกก็ส่งเสียงในท้องฟ้า มันสงบสุขมาก
ไม่มีใครสามารถจินตนาการได้ว่าทะเลสาบเกิดใหม่ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่แสนลึกลับจะเป็นเช่นนี้
คลื่นลี้ลับส่งไปทั่ว เผยให้เห็นความดูหมิ่นของผู้พูด
ตอนนี้ ที่ตีนเขาทองคำซึ่งปกคลุมด้วยแสงสีทอง ฉินอู่หยากำลังยืนอยู่ ใบหน้าของเขาสงบมาก เขาไม่แปลกใจเลยตอนได้ยินคำตอบเช่นนี้
มีขุมอำนาจมากแค่ไหนในอาณาจักรเบื้องบนที่กล้าช่วยเหลือตำหนักม่วง? ไม่มี
แต่เขาก็ยังอยากลอง ไม่อยากพลาดโอกาสช่วยเหลือจื่อหยาง
เขามาที่ทะเลสาบเกิดใหม่ได้เพราะครั้งก่อนที่เขามาเพื่อแลกน้ำทะเลสาบเกิดใหม่
เพื่อสมบัติของเก้าสวรรค์ ตัวตนโบราณที่นี่จึงเป็นหนี้เขา ถ้าไม่ใช่ เขาคงไม่มีคุณสมบัติจะเข้าทะเลสาบเกิดใหม่
“ข้ายังมีของหลายอย่างที่สามารถมอบให้ได้แบบครั้งก่อน”
พอได้ยินแบบนี้ ฉินอู่หยาก็พูดขึ้น เหนือสิ่งอื่นใด เขาอาศัยในเก้าสวรรค์มาเป็นร้อยปี และสะสมของดีไว้มาก
แม้กระทั่งตัวตนเช่นนี้ก็ยังถูกล่อใจ
“ไม่”
แต่ ตัวตนโบราณในทะเลสาบกลับปฏิเสธ
“กลับไปซะ ถ้าเจ้าตอแยตระกูลกู่เข้า เจ้าจะไม่ได้มีชีวิตที่ดี”
“นอกจากคัมภีร์เซียนจากเก้าสวรรค์ ข้ารู้ถึงเคล็ดวิชาของทะเลสาบเกิดใหม่ เจ้าแค่ต้องปกปิดกลิ่นอายเจ้าและช่วยเหลือศิษย์น้องของข้า จะไม่มีใครหาตัวเจ้าเจอ”
“ตอนนี้ตำหนักม่วงกำลังเผชิญหน้ากับสงคราม จะไม่มีใครมาสนใจเจ้า”
“กู่ฉางเกอจะคิดแค่ว่ามันเป็นตำหนักม่วงที่ลอบลงมือ และจะไม่สงสัยเจ้า”
พอได้ยินแบบนี้ ฉินอู่หยาก็พูดอีก เขาวางขวดเลือดของเขาลงและยังนำคัมภีร์เซียนที่หายากมากและสามารถทำให้ผู้บ่มเพาะนับไม่ถ้วนแก่งแย่งมันได้ออกมา
“และเจ้าไม่ต้องช่วยเหลือตำหนักม่วงเลย แค่ช่วยเหลือศิษย์น้องของข้าก็พอ เป็นไง?”
เพื่อเอาใจตัวตนโบราณ เขาลดความต้องการของเขาลง
“ทำไมเจ้าถึงมีของดีในมือเยอะนัก?เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะฆ่าเจ้าและชิงมันไปหรือไง?”
พอได้ยินแบบนี้ ตัวตนโบราณก็ดูเหมือนจะเริ่มคิดจริงจัง
เหนือสิ่งอื่นใด ตราบเท่าที่เขาหลบซ่อนจากกู่ฉางเกอและช่วยเหลือจื่อหยางด้วยวิธีการของเขา มันง่ายมาก
มันแค่ว่าครั้งนี้ เขาถูกความโลภขับเคลื่อน ครั้งก่อนเพราะเขาสาบานด้วยหัวใจเต๋าว่าเขาจะไม่ข้ามแม่น้ำและสร้างสะพาน เขาถึงไม่ทำอะไร
แต่ครั้งนี้เล่า?
ในสายตาเขา ฐานบ่มเพาะของฉินอู่หยาไม่สู. แต่มีสมบัติมากมายและยังมีคัมภีร์เซียนของเก้าสวรรค์ ซึ่งทำให้เขาตกใจมาก
ที่ระดับของเขา มันจะมีอะไรผิดพลาดได้ไง?มันไม่ต่างอะไรกับการรับรู้และเข้าใจเต๋าของผู้อื่น
ถ้าเขาสามารถได้รับคัมภีร์เซียนมา บางทีเขาอาจสามารถไปได้ไกลขึ้นและเข้าสู่อาณาจักรเซียนจริงๆ
หลังได้ยินเช่นนี้ ฉินอู่หยากลับสงบมาก ราวกับเขาคาดเดาไว้นานแล้ว
“เชื่อข้า ถ้าข้ากล้าบอกเจ้าแบบนั้น ข้าก็ต้องมั่นใจว่าเจ้าจะไม่โลภ”เขาพูด
“ได้ งั้นข้าจะเชื่อใจเจ้าอีกครั้ง ถ้าเรื่องนี้เข้าหูตระกูลกู่ ข้าจะบอกพวกเขาทันทีว่าเจ้าขอให้ข้าทำ”
ครั้งนี้ ตัวตนโบราณรีบตกลงและไม่กังขาคำพูดของฉินอู่หยาเลย
บูม!
ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์ อักขระเต๋าสว่างไสว และร่างน่ากลัวก็ปรากฏด้วยแสงสีทองที่ลอยอยู่ใต้เท้าเขา และไม่ช้าเขาก็หายไป
พอเห็นแบบนี้ ฉินอู่หยาก็ถอนหายใจโล่งอก
“ศิษย์น้อง รอก่อน ข้ากำลังไปช่วยเจ้า!”
…
อีกด้าน ภายในวังที่เมืองหลวงอาณาจักรวิหคเพลิง
จักรพรรดิวิหคเพลิงไล่ทุกคนออกไป ยกเว้นขันทีเฒ่าที่ใกล้ชิดเขาสุด
ไม่มีใครอื่นในวัง
ปัจจุบัน ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยว
แม้กระทั่งถ้วยชาใบโปรดก็ยังถูกขว้างทิ้ง
“กู่ฉางเกอผู้นี้จะรังแกคนกันมากเกินไปแล้ว เขารู้ว่าเขาคือหายนะ แต่ก็ยังมาอาณาจักรวิหคเพลิงของข้า นี่ไม่ใช่การพยายามทำร้ายเราหรือไ?”
“พอถึงเวลา ยอดฝีมือของตำหนักม่วงจะมา และเมื่อเกิดการต่อสู้กัน อาณาจักรวิหคเพลิงของข้าจะย่อยยับ’
เขากัดฟัน หมัดกำแน่น
ใครจะไปคิดว่าหลังกู่ฉางเกอออกจากอาณาจักรเต่าดำ ไม่เพียงจะไม่ไปอาณาเขตของตำหนักม่วงเพื่อร่วมสงคราม
เขากลับลากทุกคนจากตำหนักม่วงมายังอาณาจักรวิหคเพลิง
เรื่องนี้ทำให้จักรพรรดิวิหคเพลิงโกรธ เขาไม่สามารถบอกได้ว่าตอนนี้เขาขมขื่นแค่ไหน
เขาอยากปฏิเสธ แต่ไม่กล้าตอแยกู่ฉางเกอ
“ฝ่าบาท โปรดใจเย็น เราควรปรึกษาเรื่องนี้กับเจ้าชายสาม ตอนนี้ที่กองทัพได้มาล้อมอาณาจักรวิหคเพลิงไว้แล้ว ถ้านายน้อยฉางเกอยืนกรานจะใช้สถานที่นี้เป็นสนามรบ อาณาจักรวิหคเพลิงเราจะหยุดมันได้อย่างไร…”
ขุนทีเฒ่าที่ไม่มีเคราขาวรีบโน้มน้าว ใบหน้าของเขาเองก็ประหม่าและวิตก เขารู้สึกว่าหายนะนี้เลี่ยงไม่ได้
ตอนนี้ ภายในอาณาเขตของวิหคเพลิง มันสามารถเห็นเรือรบโบราณลอยอยู่ทั่วท้องฟ้า
มันบดบังท้องฟ้าและแสงตะวัน ทอดเงามืดลงมา
บนเรือรบโบราณเหล่านั้น มันสามารถเห็นคนหลายคนยืนกันเป็นล้าน หน้าตาพวกเขาต่างจากเผ่ามนุษย์
เกล็ดของพวกเขาเปล่งแสง ปีกสยายปกคลุมท้องฟ้าด้วยเกล็ดสีต่างๆ พวกเขาคือเผ่าโบราณ
เผ่าอินทรีนภาทมิฬ เผ่าจระเข้ศักดิ์สิทธิ์ เผ่าอสรพิษโบราณ เผ่ามังกรโบราณ ..กลิ่นอายของพวกเขาดุดันมาก
ด้วยพลังเช่นนี้ อาณาจักรวิหคเพลิงสามารถถูกทำลายได้ในพริบตา
แต่ มันเป็นไปได้หรือที่จะไล่กู่ฉางเกอ?
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องจับกุมราชาสวรรค์จื่อหยาง แต่ถ้าพวกเขาเจอคนที่มาจากตำหนักม่วงระหว่างทาง พวกเขาต้องทำไง?
สิ่งที่พวกเขาต้องทำตอนนี้คือหาที่ขังราชาสวรรค์จื่อหยางก่อน และถ้าตำหนักม่วงส่งคนมาช่วยเหลือเขาจริง มันจะจัดการได้ง่าย
ในสายตาผู้บ่มเพาะมากมาย แผนการของกู่ฉางเกอสมเหตุสมผลและเข้าใจได้
แต่สถานที่ที่เขาเลือกขังจื่อหยางกลับเป็นอาณาจักรวิหคเพลิง
นี่ทำให้หลายคนรู้สึกไม่สบายใจมาก
เหนือสิ่งอื่นใด ไม่มีใครอยากเจอหายนะ ครั้งนี้ ผู้บ่มเพาะหลายคนจึงเลือกทิ้งบ้านเกิด ออกจากอาณาจักรวิหคเพลิง
“เราได้แต่ต้องรอห่าวเอ๋อร์กลับมา ถ้าเราเริ่มสงครามที่นี่ อาณาจักรวิหคเพลิงของข้าจะรอดพ้นหายนะไปได้อย่างไร?”
“ฝ่าบาทคิดเช่นเดียวกับข้า”
และขณะที่จักรพรรดิวิหคเพลิงกับขันทีเฒ่ากำลังคุยกัน ความผันผวนมิติก็ปรากฏในท้องฟ้านอกวัง
ร่างของชูห่าวกับไป่หยางก้าวออกมาและรีบเข้าโถงวัง
แม้อาณาจักรเต่าดำกับวิหคเพลิงจะอยู่ห่างไกลกัน แต่ภายใต้พลังเทพสูงสุดของไป่หยาง มันง่ายมาก
“ห่าวเอ๋อร์ เจ้ากลับมาแล้ว!”
“น้อมพบ บรรพชนหยาง!”
จักรพรรดิวิหคเพลิงมีความสุขขณะรีบเดินไปข้างชูห่าวและก้มหัวให้ไป่หยาง
ไป่หยางโบกมือ บอกว่าไม่ต้อง
“ท่านพ่อ ข้ารู้เรื่องแล้ว ตอนนี้ตำหนักม่วงตอแยขุมอำนาจเต๋ามากมาย มันคือสถานการณ์ไร้ทางออก ครั้งนี้ ตำหนักม่วงต้องจนตรอกและจะต้องส่งคนมาช่วยเหลือจื่อหยางเป็นแน่”
“ถ้าอาณาจักรวิหคเพลิงเราคุมตัวจื่อหยางไว้ เมื่อตำหนักม่วงได้ยินข่าว พวกเขาจะต้องมาถึงแน่ ตอนนั้น ด้วยพลังของอาณาจักรวิหคเพลิงของเรา อย่าว่าแต่ต่อต้านเลย…เราจะแหลกเละในพริบตาเดียว”
“กู่ฉางเกอต้องถูกลงโทษ!กลยุทธ์นี้ชั่วช้ามาก!”
ชูห่าวพูดขึ้น ด้วยใบหน้าจริงจัง จักรพรรดิวิหคเพลิงได้พูดไว้ชัดแล้วในหยกสื่อสารก่อนเขาจะมา
กู่ฉางเกอขังคนของตำหนักม่วงรวมถึงจื่อหยางไว้ในอาณาจักรวิหคเพลิง
นอกจากนี้ กู่ฉางเกอยังระดมกองทัพนับล้านมาเหนืออาณาเขตของวิหคเพลิง
นี่ทำให้ผู้บ่มเพาะนับไม่ถ้วนสั่นกลัว
สองสิ่งนี้ ไม่ว่าจะอย่างไหน มันก็น่ากลัวมากต่ออาณาจักรวิหคเพลิง
“เจ้าคิดอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ ห่าวเอ๋อร์?กู่ฉางเกอหมายมั่นจะนำหายนะมาสู่อาณาจักรแห่งนี้ เพื่อทำลายอาณาจักรวิหคเพลิงของข้า!”
ใบหน้าของจักรพรรดิวิหคเพลิงขาวซีด เสียงของเขาสั่นเครือ เขากลัวมาก และไม่สามารถตัดสินใจได้เลย
เขาแค่จักรพรรดิตัวน้อยๆ แม้เขาจะโกรธและไม่พอใจกู่ฉางเกอมาก เขาก็ไม่กล้าแสดงอะไรออกมา
แต่สิ่งที่กู่ฉางเกอกำลังจะทำคือการทำลายอาณาจักรวิหคเพลิง!
ตอนนี้ ฉากนี้เหมือนมังกรแท้จริงกำลังสู้กัน และมดใต้เท้าก็จะโดนกำจัด
“ท่านพ่อ ไม่ต้องห่วง ระหว่างทางกลับ ข้าคิดแผนออกแล้ว’
“ตอนนี้ ต่อให้เราไม่กล้า เราก็ได้แต่ปฏิเสธคำขอของกู่ฉางเกอ เหล่าผู้บ่มเพาะสู้กัน และมนุษย์ธรรมดาทนทุกข์ เห็นได้ชัดว่าเขาคิดจัดการกับเรา เราจะหดหัวกลัวเขาและไม่กล้าปฏิเสธได้อย่างไร?”
“ข้าได้คุยเรื่องนี้กับท่านอาแล้ว ครั้งนี้ ต่อให้ข้าต้องหักกับกู่ฉางเกอ ข้าก็จะปฏิเสธ ข้าไม่สามารถปล่อยให้ราชาสวรรค์จื่อหยางถูกขังในอาณาจักรวิหคเพลิงของข้าได้”
ท่าทีของชูห่าวแข็งกร้าวมาก จากนั้นเขาก็เริ่มคุยถึงแผนการของเขา
จักรพรรดิวิหคเพลิงรับฟังด้วยใบหน้าจริงจัง
เพราะเขารู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขาตอแยกู่ฉางเกอ ต่อให้อาณาจักรวิหคเพลิงจะรอด สถานการณ์ก็ไม่ได้ดีไปกว่านี้แน่
และเขาก็รู้ดีถึงนิสัยของกู่ฉางเกอ
ต่อหน้าคน เขาอ่อนโยน แต่เขาเป็นคนเย็นชาถึงกระดูก ก้มมองทุกสิ่ง
“ดี งั้นก็เอาตามที่ห่าวเอ๋อร์ว่า”
จักรพรรดิวิหคเพลิงพยักหน้า ใบหน้าของเขาหนักอึ้ง
ครั้งนี้ ด้านนอกโถงหลัก ร่างหนึ่งพลันพุ่งเข้ามา
เหล่าองครักษ์ไม่มีใครกล้าหยุดนาง
“ว่านเอ๋อร์”
“แม่นางว่าน”
ชูห่าวกับจักรพรรดิวิหคเพลิงมองนาง อารมณ์พวกเขาต่างกัน
ด้วยฐานบ่มเพาะของชูห่าว เขาสัมผัสได้ว่าถังว่านมา แต่เขาไม่คิดไปทักทายนาง จงใจปล่อยให้นางได้ยินพวกเขาคุยกันแทน
ในด้านหนึ่ง เขาอยากรู้ท่าทีของนางที่มีต่อกู่ฉางเกอ
“พี่ชายห่าว”
คนที่มาถึงคือถังว่านที่เพิ่งกลับมา
นางมีเรื่องจะคุยกับชูห่าว แต่ไม่คิดเลยว่าจะได้ยินการสนทนาเช่นนี้หลังนางมาถึง นี่ทำให้นางวิตก
“ข้าได้ยินว่าพวกท่านคุยกันถึงวิธีจัดการกับกู่ฉางเกอ ในความคิดของข้า ท่านยังต้องคิดกันให้ดีกว่านี้ อย่าประมาท ไม่ต้องพูดถึงอาณาจักรวิหคเพลิง ต่อให้เป็นถ้ำเต๋าสูงสุดเบื้องหลังท่าน ท่านก็ไม่สามารถประมาทได้ การแตกหักกับกู่ฉางเกอนั้น ตำหนักม่วงคือตัวอย่างชั้นดี…”
ถังว่านจ้องชูห่าวและตรงเข้าประเด็น
นางไม่สามารถบอกได้ว่าตัวนางมีอารมณ์แบบไหน เกลียด แค้นใจ หมดหนทาง…บางทีอาจเป็นทั้งหมด
ทำไมเรื่องถึงมาถึงขั้นนี้แล้ว?ชูห่าวยังไม่เข้าใจได้ไงว่าเขากำลังจะตาย?
ตัดสินจากคำพูดของกู่ฉางเกอ เขาไม่สนใจชูห่าวจริงๆ
ถ้าชูห่าวอยากแกปแค้น งั้นเขาควรบ่มเพาะให้หนักและมุ่งมั่นจะแข็งแกร่งขึ้น แทนที่จะมานั่งคิดแผนการจัดการกับกู่ฉางเกอแบบนี้
ในมุมมองของถังว่าน นี่ไม่ฉลาดเอาซะเลย
“ว่านเอ๋อร์ เจ้าพยายามจะโน้มน้าวข้าให้ปล่อยวางความเกลียดชังอีกแล้วหรือ?”ชูห่าวขมวดคิว้ รู้สึกไม่พอใจ
ท่าทีปัจจุบันของถังว่านทำให้หนามในใจของเขายิ่งแหลมคม
โดยเฉพาะตอนเขานึกถึงว่านางแอบไปพบกู่ฉางเกอโดยไม่บอกเขา และยังใช้เรื่องของครอบครัวมาอ้าง
ชูห่าวรู้สึกเจ็บปวดใจยิ่ง
ต่อให้นางจะใจแข็ง นางก็ควรพูดเรื่องนี้ตรงๆแทนที่จะหลอกเขา
พอได้ยินคำพูดของถังว่าน ไป่หยางที่เงียบมาสักพักเองก็ขมวดคิ้ว
ในความเป็นจริง เขาไม่ค่อยชอบพอถังว่าน โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่เพิ่งก่อน
แต่พิจารณาถึงความสัมพันธ์ของชูห่าว เขาจึงไม่พูดมาก แต่ตอนนี้ ถังว่านได้พูดมันต่อหน้าเขา นางแทบจะบอกว่าการสู้กับกู่ฉางเกอเป็นเรื่องโง่เขล
นี่ทำให้เขาไม่พอใจจริงๆ และรู้สึกว่าเขาคงเก็บตัวมานานจนคนลืมถึงความน่าเกรงขามของเขาไปแล้ว
“พี่ชายห่าว ข้าไม่ได้พยายามโน้มน้าวท่านให้ปล่อยวางความเกลียดชัง ข้าแค่บอกให้ท่านคิดให้ดีก่อนจะทำอะไรที่เกินกำลังท่าน…”
ใบหน้าของถังว่านเปลี่ยนไปเล็กน้อย นางรู้สึกเหมือนถูกเข้าใจผิดและรีบอธิบาย”สิ่งที่ท่านควรทำตอนนี้คือเพิ่มพลังของท่าน ถ้ากู่ฉางเกอคิดทำอะไรท่านตอนนั้น ท่านจะมีโอกาสรอดเพิ่ม’
นางพูดมันจากใจจริง
นิสัยของถังว่านยังเหมือนเดิม นางไม่ชอบอ้อมค้อม นางเชื่อว่าชูห่าวจะเข้าใจเจตนาอันดีของนาง
“พอแล้ว ว่านเอ๋อร์ สิ่งที่เจ้าพูด ข้าไม่อยากได้ยินเจ้าพูดมันอีกในอนาคต”
แต่ตอนชูห่าวได้ยิน เขากลับแสดงสีหน้าเจ็บปวดและโบกมือขัดนาง“ข้าพบว่าเจ้าเปลี่ยนไปมากจากก่อนหน้านี้ แต่ข้าเข้าใจเจ้า เจ้าทำเพื่อข้า แต่ครั้งนี้เจ้าช่วยหยุดได้หรือไม่?ถ้าข้าทำตามที่เจ้าว่าจริง อาณาจักรวิหคเพลิงจะถูกทำลาย”
พอได้ยินแบบนี้ ถังว่านก็เปิดปาก ไม่รู้จะพูดอะไรไปสักพัก
ไม่ช้า ใบหน้านางก็เปลี่ยนเป็นเศร้าหมอง จากนั้นนางก็กลับออกไปโดยไม่พูดอะไร
“ว่านเอ๋อร์…”ชูห่าวพลันรู้สึกใจหาย แต่เขาเองก็เป็นคนมีเหตุผลมาก รู้ว่าครั้งนี้ เขาไม่สามารถเสียเวลากับเรื่องพรรค์นี้ได้
ราชาสวรรค์จื่อหยางถูกคุมตัวในอาณาจักรวิหคเพลิง เรื่องนี้อันตรายมาก
ชูห่าวรีบสงบและวางแผนจะไปหากู่ฉางเกอ
“ห่าวเอ๋อร์ อาจารย์อาจะไปกับเจ้า”ใบหน้าของไป่หยางเคร่งเครียด
จากมุมมองของเขา การเผชิญหน้าครั้งนี้จะฉีกหน้ากากของกู่ฉางเกอ และทั้งอาณาจักรวิหคเพลิงในอนาคตจะอยู่ตรงข้ามกับกู่ฉางเกอ
ผลที่ตามมาของเรื่องนี้เหนือจินตนาการ
ในอาณาจักรวิหคเพลิง กู่ฉางเกอที่กำลังรอให้คนมาช่วยเหลือจื่อหยางพลันได้ยินการแจ้งเตือนระบบ
ค่าโชคกับค่าโชคชะตาเหล่านี้ไม่จำเป็นสำหรับเขา
สิ่งที่กู่ฉางเกอสนใจคือการทำให้จิตใจของชูห่าวแหลกสลาย ถ้าเรื่องไม่เป็นไปแบบนั้น ฉินอู่หยาจะมาร่วมการแสดงได้ไง?
“มันดูเหมือนรอยร้าวระหว่างถังว่านกับชูห่าวจะหนาขึ้น สิ่งที่เรียกว่าอารมณ์คือของที่เปราะบางและไร้ประโยชน์”
เขาอดยิ้มไม่ได้ เขาเดาได้แล้วว่าชูห่าวจะทำอะไรต่อ
ความคิดของชูห่าวดีมาก แต่กู่ฉางเกอจะไม่รู้ได้ไง?