ตอนที่ 14-29 เพลิงสำนึกผิด
เมื่อเห็นไวนีเซ่นปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าเขาทันที โลซูสใจสั่นสะท้าน
“จบสิ้นกัน!” โลซูสอดรู้สึกสิ้นหวังไม่ได้
ปรสิตวิญญาณถูกปลูกอยู่ในวิญญาณของเขาเป็นร่างแยกวิถีชีวิตที่ทรงพลัง โลซูสมีอีกร่างแยกหนึ่ง แต่ร่างแยกนั้นไม่สามารถหนีได้
“ถ้าเจ้าไม่ต้องการตายตอนนี้ อย่างนั้นจงกลับไป!” ไวนีเซนตะคอก
โลซูสรู้ว่าเมื่อถอยกลับไปเขาก็จะตายอยู่ดี แต่เขาเลือกกลับเข้าวงล้อมอีกครั้ง
“ซวบ!”มีดเล่มหนึ่งแทงตรงใส่ศีรษะของเทพแท้ตนหนึ่ง
และจากนั้นแค่เพียงพลิกมือบีบีเก็บศพเขาและบินกลับมาหาลินลี่ย์ บีบีและเดเลียรวมอยู่ในตำแหน่งเดียวกันหมด ถ้าคนอื่นไม่โจมตีพวกเขา พวกเขาจะไม่โจมตีคนอื่นเช่นกัน แต่เมื่อมีคนโจมตีพวกเขา กลุ่มของลินลี่ย์จะฆ่าศัตรูทันที!
เรจิน่าอยู่ฝ่ายลินลี่ย์เช่นกัน
เพียงแต่ในวิกฤติตัดสินเป็นตายเช่นนั้นกลุ่มของลินลี่ย์ไม่กล้าเชื่อใจเรจิน่าเต็มที่
เลือดสาดกระจายอยู่ทั่วทุกที่ ขณะที่การประหัตประหารดำเนินต่อไป
“ลินลี่ย์”เดเลียมองดูลินลี่ย์ที่กำลังฝืนยิ้ม เนื่องจากสถานการณ์และความจริงที่ว่าไวนีเซนบอกว่าจะมีเพียงเทพแท้คนเดียวได้รับอนุญาตให้มีชีวิตอยู่จะต้องมีผู้เสียชีวิตจากกลุ่มลินลี่ย์ซึ่งมีสามคนแน่นอน
ใครจะตาย?
“ข้ายอมตายดีกว่าปล่อยให้เดเลียหรือบีบีตาย” ขณะนั้นหัวใจลินลี่ย์เจ็บปวด
“ต่อให้ข้าตาย ข้าขอตายข้างๆ เจ้า” เดเลียมองดูลินลี่ย์ ใบหน้านางประดับรอยยิ้ม “ข้าพอใจแล้วที่ได้อยู่ด้วยกันกับเจ้า”
“เจ้ากำลังพูดเรื่องไร้สาระ!” ลินลี่ย์ตะโกนผ่านสำนึกเทพอย่างไม่พอใจ
แต่หัวใจของลินลี่ย์กลับขมวดปม แม้ว่าเดเลียจะไม่มีพรสวรรค์ในการฝึกฝนมากตลอดหลายปีมานี้ แต่นางสนับสนุนลินลี่ย์อย่างเงียบงัน การให้ความสนใจและสนับสนุนอย่างเงียบงันส่งเสริมให้ความรักของพวกเขามีความตราตรึงอยู่ในวิญญาณของกันและกัน
ไม่ว่าจะเป็นหรือตายพวกเขาจะไม่ถูกพรากจากกัน
“เจ้าจะต้องไม่ตาย” ลินลี่ย์มองดูเดเลียขณะเดียวกันก็ระมัดระวังรอบด้าน
บุรุษชุดขาวที่ขายแหวนจันทรากำลังมองมาทางกลุ่มลินลี่ย์ ตอนนั้นกลุ่มของลินลี่ย์พบแล้วว่าบุรุษชุดขาวแข็งแกร่งมากจริงๆ เทพแท้สิบคนตายไปในมือของเขาแล้ว
“ข้าขอร้องท่านอย่ามารุกรานเรา” พร้อมกับการกวัดแกว่งดาบหนักอดาแมนเทียมในมือลินลี่ย์ส่งสำนึกเทพออกไป
บุรุษชุดขาวลังเลขณะมองดูบีบี ในที่สุดเขาเลือกจะไม่โจมตี
ลินลี่ย์และบีบีฆ่าคนไปค่อนข้างมากหลังจากนั้นเช่นกัน ลินลี่ย์ใช้พลังโจมตีวิญญาณ ขณะที่บีบีใช้การโจมตีที่พลังธาตุหยาบ พวกเขารวมกลุ่มกันเป็นเทพที่ทรงพลังเช่นกัน
“หยุด!” เสียงเย็นชาดังเหมือนฟ้าผ่ากึกก้องมาจากตำแหน่งเมืองรอยัลวิง
ทุกคนที่ได้ยินเสียงตะโกนโกรธเกรี้ยวนี้รู้สึกมึนชาในศีรษะ พวกเขาทุกคนสูญเสียการรับรู้กันหมดและขณะต่อมาจึงค่อยฟื้นคืนความรู้สึก ขณะนั้นกลุ่มของลินลี่ย์ฟื้นคืนความรู้สึกแล้ว พวกเขาเห็นมีร่างสามร่างปรากฏอยู่ในอากาศ ภายใต้แสงอาทิตย์สีเลือดเงาร่างผู้นำของทั้งสามร่างดูเหมือนจะสง่าเป็นประกายแพรวพราว
เขาสวมชุดยาวสีทองคิ้วขาวและนัยน์ตาทอง
คิ้วขาวนัยน์ตาทอง!
“เจ้าเมืองรอยัลวิง อสูรเจ็ดดาว!” หัวใจของลินลี่ย์ดีใจแทบคลั่ง หน้าของลินลี่ย์ บีบีและเดเลียแสดงอาการดีใจเป็นที่สุดทันที
ไม่ใช่แค่พวกเขา แม้แต่ผู้เฒ่าผมขาวผู้มีตัวเปื้อนเลือดจากการต่อสู้แต่ก็ยังไม่ตายเมื่อรู้ว่าผู้ใดมา เขาตื่นเต้นร้องเรียก “ท่านเจ้าเมือง!”
“เจ้าเมือง?”ผู้เข้าสอบอสูรหลายคนจ้องมองผู้มาใหม่ด้วยความตื่นเต้น
ในฐานะอสูรเจ็ดดาวแห่งเมืองรอยัลวิงเป็นหนึ่งในผู้ทรงพลังที่สุดคนหนึ่งของแดนนรก
“โอว, สจ๊วตนั่นเอง” บุรุษชุดเทามองดูเจ้าเมืองรอยัลวิง “สจ๊วต,หรือว่าเจ้าต้องการจะแทรกแซงเรื่องที่เกิดขึ้นนี้?”
กลุ่มของลินลี่ย์ตกใจ พวกเขารู้ว่ารอยัลวิง (ปีกหลวง)ไม่มีอะไรมากไปกว่าฉายาซึ่งเจ้าเมืองรอยัลวิงได้รับเมื่อกลายเป็นอสูรเจ็ดดาว
สำหรับชื่อจริงของเจ้าเมืองรอยัลวิงหลายคนไม่รู้จัก
เจ้าเมืองรอยัลวิงเลิกคิ้วขาวของเขาและจ้องมองไวนีเซ่นด้วยสายตาคมกล้า “ไวนีเซ่น นี่คือกลุ่มทำงานจากปราสาทอสูร และพวกเขาอยู่ใกล้เมืองรอยัลวิงมากแล้วด้วย อย่าเหิมเกริมเกินไป” คำพูดของเจ้าเมืองรอยัลวิงแฝงไปด้วยความโกรธเช่นกัน
“สจ๊วต! ร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ของข้าถูกสังหารเจ้าบอกข้าที ข้าควรตัดสินใจล้างแค้นหรือไม่?” ไวนีเซนจ้องมองเจ้าเมืองรอยัลวิง
เจ้าเมืองรอยัลวิงขมวดคิ้ว “ร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าถูกทำลายหรือ?พวกเขาจะทำอย่างนั้นได้ยังไง?”
เจ้าเมืองรอยัลวิงรู้แน่ว่าไวนีเซนทรงพลังมากเพียงไหน
ไวนีเซนลังเลอยู่เล็กน้อยจากนั้นก็พูดอย่างไม่สบายใจ “ข้าอยู่แต่ในถ้ำคร่ำเคร่งฝึกวิถีมรณะ แต่ร่างแยกธาตุมืดของข้าอยู่ที่ปราสาทจันทรา” ที่สำคัญไวนีเซ่นต้องการสำราญกับชีวิตเช่นกัน เขาไม่สามารถเอาแต่ใช้เวลากับการฝึกอย่างเดียว
“ใครจะคาดกันเล่าว่าจู่ๆก็มีคนมากมายบุกโจมตีปราสาทจันทราของข้า” ไวนีเซนโกรธ
เจ้าเมืองรอยัลวิงเข้าใจแล้วในตอนนี้
นี่เป็นเรื่องที่ง่ายมาก ยอดฝีมือหลายคนเลือกจะแยกตัวแบ่งให้ร่างแยกอยู่ประจำในตำแหน่งต่างๆ ด้วยวิธีนั้น ถ้าหนึ่งในร่างแยกเป็นอันตรายก็ยังมีอีกร่างรอดชีวิต
“เป็นไปได้ยังไงที่ข้าจะไม่แก้แค้นยิ่งใหญ่ครั้งนี้?” ไวนีเซนกล่าว
สำหรับสุดยอดฝีมือเหล่านี้ ชีวิตของพวกเขาย่อมมีคุณค่ามากมาย ร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ร่างหนึ่งถูกทำลายไปก็เท่ากับเสียไปหนึ่งชีวิต ใครจะไม่โกรธแค้นกันเล่า? ไวนีเซนวางแผนยาวนานว่าจะฆ่าอสูรทั้งหมดนี้ไม่เหลือไว้เลยสักคน
เจ้าเมืองรอยัลวิงก็กังวลเช่นกัน จากนั้นเขามองดูไวนีเซนและพูดช้าๆ “ไวนีเซน, ข้าเข้าใจว่าเจ้ารู้สึกยังไง แต่..เจ้าลงมืออยู่ด้านนอกข้างเมืองรอยัลวิง อย่างน้อยควรจะเห็นแก่หน้าข้า สจ๊วต หน้าน้อยๆ ของข้านี้”
ไวนีเซนขมวดคิ้วเล็กน้อย
ทั้งเจ้าเมืองรอยัลวิงและไวนีเซ่นเป็นสุดยอดฝีมือในยุคเก่านานมาแล้ว เมื่อนานมาแล้วพวกเขากลายเป็นอสูรเจ็ดดาว!
“สจ๊วต, หรือว่าเจ้าต้องการจะสู้กับข้า?” ไวนีเซ่นพูดเสียงเบาอย่างไม่พอใจ
ตอนนี้ผู้รอดชีวิตสามสิบกว่าคนรายล้อมมองดูด้วยความกังวล ลินลี่ย์และคนอื่นเพิ่งมารู้เอาตอนนี้ ชีวิตพวกเขาอยู่ในมือของสุดยอดฝีมือทั้งสอง ไม่ว่าจะเป็นหรือตายขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเจ้าเมืองรอยัลวิงกับไวนีเซน
“ข้าไม่ต้องการสู้กับเจ้า แต่เจ้าก็อย่าทำเกินไปเช่นกัน” เจ้าเมืองรอยัลวิงกล่าว
ไวนีเซนเข้าใจอารมณ์ของรอยัลวิงตอนนี้เช่นกัน
“ก็ได้, พวกตัวเล็กตัวน้อยระดับเทพแท้ ข้าจะไม่ฆ่าพวกเขา แต่เทพชั้นสูงทั้งสี่ที่ยังรอดชีวิตข้าต้องฆ่าพวกมัน!” ไวนีเซนพูดยืนยัน “การทำลายร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ของข้าเกี่ยวข้องกับพวกอสูรเหล่านั้น”
เจ้าเมืองรอยัลวิงชำเลืองมอง
“ท่านเจ้าเมือง!” ชายชราผมหงอกรีบกล่าวและเทพชั้นสูงอีกสามคนมองมาทางเจ้าเมืองรอยัลวิงด้วยสายตาวิงวอน
เจ้าเมืองรอยัลวิงพูดขึ้น“บรรดาเทพชั้นสูงสี่คนที่เหลือรอด คนที่อยู่ตรงนั้นเป็นพนักงานของปราสาทอสูร” เจ้าเมืองรอยัลวิงชี้ไปที่บุรุษผมหงอก “เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเกี่ยวข้องกับการตายของเจ้า”
ไวนีเซนชำเลืองมองชายชราผมหงอก จากนั้นพยักหน้าและกล่าว “ก็ได้ ข้าไว้ชีวิตเขาก็ได้”
“ท่านเจ้าเมือง” เทพชั้นสูงอีกสามคน รวมทั้งโลซูสร้องเรียกซ้ำๆ
แต่เจ้าเมืองรอยัลวิงไม่สนใจพวกเขาแม้แต่น้อย เจ้าเมืองรอยัลวิงมองดูไวนีเซ่นและคุยทางสำนึกเทพ “จะดีที่สุดเจ้าจัดการเรื่องนี้ให้จบโดยเร็ว เจ้าจะทำให้เกิดความสับสนวุ่นวายมากถ้ายังจะใช้เวลามากไปกว่านี้..” ไวนีเซนเข้าใจทันที
เจ้าเมืองรอยัลวิงต้องการรักษาหน้าไว้ด้วยเช่นกัน
“ย่อมได้!”
ไวนีเซนยิ้ม
“ท่านเจ้าเมือง!” โลซูสบุรุษกำยำผมฟ้าและอสูรผมทองร้องเรียกพร้อมกัน
“พวกเจ้าฆ่าหนึ่งในร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ของข้าฮึ่ม!” ตาของไวนีเซนเปลี่ยนเป็นสีขาวทันที และระลอกพลังโปร่งแสงพุ่งออกยิงใส่บุรุษกำยำผมฟ้าและอสูรผมทองและหนึ่งในร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ของโลซูส เข้าไปในร่างพวกเขาทันที
“อ๊า..!” เสียงกรีดร้องโหยหวนดังออกมาจากทั้งสาม
ขณะเดียวกันเพลิงโปร่งแสงม้วนตัวจากด้านบนศีรษะของทั้งสามและจากนั้นทั้งสามร่วงลงจากท้องฟ้าและตายทันที
“เพลิงสำนึกบาป?” เจ้าเมืองรอยัลวิงตาเป็นประกาย “ไวนีเซนผู้นี้ทรงพลังมากกว่าครั้งก่อน”
“ทรงพลังมาก” เมื่อเห็นเช่นนี้ผู้โชคดีรอดชีวิเกือบสามสิบคนตกตะลึงกันหมด อสูรผู้เป็นเทพชั้นสูงถูกฆ่าโดยไม่มีความสามารถตอบโต้กลับไวนีเซนผู้นี้ และเพียงแค่นั้นการโจมตีไร้ลักษณ์นั้นทำให้เกิดเปลวเพลิงโปร่งแสงที่พวกเขาไม่เคยได้ยินมาก่อน
ตอนนี้อสูรที่ยังรอดอยู่ก็คือโลซูส นี่คือร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ของโลซูสซึ่งยังทนทุกข์จากปรสิตวิญญาณ
ร่างแยกอีกร่างหนึ่งของเขาถูกฆ่าไปแล้ว
“เพลิงสำนึกบาป?” โลซูสจ้องมองไวนีเซนอย่างหวาดผวา “เพลิงสำนึกบาปในตำนานหรือนี่?” ตอนนี้โลซูสเข้าใจเต็มที่แล้วว่าความแตกต่างระหว่างเขากับไวนีเซนยิ่งใหญ่เพียงไหน
“เจ้า...ทำไมเจ้าไม่ไปท้าสู้กับเทพอสูรเล่า?” โลซูสกล่าว
ลินลี่ย์มีความคิด“ท้าสู้เทพอสูร?” ลินลี่ย์รู้ว่าแดนนรกมีแคว้นทั้งหมด 108 แคว้น! และยังมีเทพอสูรถึง 108! เจ้าครองแคว้นแต่ละคนล้วนเป็นเทพอสูร! ในแดนนรก ‘เทพอสูร’ เป็นชื่อของยอดฝีมือที่ทรงพลังที่สุด และมีหนทางเดียวที่จะได้รับมา
ท้าต่อสู้
แต่ใช่ว่าทุกคนจะมีสิทธิ์ท้าสู้กับเทพอสูร ผู้ท้าสู้ต้องเป็นอสูรเจ็ดดาวเสียก่อน!
เมื่อกลายเป็นอสูรเจ็ดดาวผู้ทรงพลัง อสูรเจ็ดดาวจึงจะมีสิทธิ์ท้าสู้เทพอสูร ถ้าท้าสู้ได้สำเร็จ เทพอสูรคนก่อนจะสูญเสียชื่อนำหน้าว่าเทพอสูร และผู้ท้าสู้ชนะจะได้รับคำนำหน้าเป็นเทพอสูรแทน ดังนั้นเทพอสูรในแดนนรกจึงมีจำนวน 108 คนตลอดไป
“ท้าสู้เทพอสูร?” ไวนีเซนชำเลืองมองดูเขา “ประการแรกเลย ข้าไม่สนใจเรื่องแบบนั้นเช่นกัน”
“ประการที่สองเจ้าคิดหรือว่าเพียงแค่ข้าสามารถใช้เพลิงสำนึกบาป นั่นจะเอาชนะเทพอสูรได้?” ไวนีเซนแค่นเสียง “ถ้าเรายังอยู่ในยุคเมื่อข้ามาถึงแดนนรกตอนแรกบางทีข้าอาจทำ แต่เมื่อผ่านหลายปีมานับไม่ถ้วน หลังจากมีการท้าสู้กันหลายครั้ง เทพอสูรทุกคนในยุคของเรา ยากจะจัดการได้”
ไวนีเซนชำเลืองมองเจ้าเมืองรอยัลวิงเช่นกัน
เจ้าเมืองรอยัลวิงพยักหน้าเล็กน้อยเหมือนกับว่าเขาก็มีความรู้สึกเดียวกัน
พวกเขาเป็นอสูรเจ็ดดาวทั้งคู่ และพวกเขาก็บรรลุถึงระดับอสูรเจ็ดดาวนานนับปีไม่ถ้วน แต่พวกเขาไม่กล้าท้าสู้เทพอสูร! เพราะถ้าการท้าสู้ของพวกเขาล้มเหลว กล่าวโดยทั่วไปผลก็คือตาย!
“สหายน้อยทั้งหลาย ถือว่าเป็นอวยพรพวกเจ้า”ไวนีเซนชำเลืองมองเทพแท้ที่รอดชีวิต
ไวนีเซนไม่มีแรงกระตุ้นมากพอจะฆ่าพวกลินลี่ย์ทั้งสามเพราะเขารู้ว่าความตายของร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ของเขาไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเทพแท้เหล่านี้นัก เนื่องจากเจ้าเมืองรอยัลวิงมาด้วยตนเอง เขาต้องเห็นแก่หน้าของเจ้าเมืองรอยัลวิงบ้าง
“ทุกคน! ไปเดี๋ยวนี้” เจ้าเมืองรอยัลวิงพูดขึ้น
ทันใดนั้นภายใต้การนำของชายชราชุดขาว ผู้รอดชีวิตระดับเทพแท้สามสิบคนบินไปที่เมืองรอยัลวิงทันที
ครู่ต่อมา...
ในกลางอากาศเงาร่างที่เหลืออยู่ก็คือบริวารของไวนีเซน โลซูสและสามคนฝ่ายเจ้าเมืองรอยัลวิง
“ฮึ่ม! เจ้าจะมองอะไร? เจ้าต้องการกลับเมืองรอยัลวิงด้วยหรือ? ฮ่าฮ่า ฝันไปเถอะ!” ไวนีเซนมองดูโลซูสผู้เงียบไม่สนใจเขา แต่จากนั้นโลซูสเริ่มชักกระตุกทันทีงอดตัวกรีดร้องด้วยความทรมานขณะที่กุมศีรษะ
เจ้าเมืองรอยัลวิงเลิกคิ้ว
“นั่นคือปรสิตวิญญาณ” ไวนีเซนพูดอย่างไม่ใส่ใจ
เจ้าเมืองรอยัลวิงตกใจเล็กน้อยและเขาถอนหายใจประหลาดใจ “ไวนีเซน! เจ้าสร้างปรสิตวิญญาณได้ด้วยหรือ?แม้ว่าจะไม่ค่อยมีผลต่อยอดฝีมือระดับเรานัก แต่สิ่งนี้ก็ทรงค่าอย่างมาก” ปรสิตวิญญาณไม่ใช่ของมีพลังมากพอใช้สู้กับยอดฝีมืออย่างเจ้าเมืองรอยัลวิง
อย่างไรก็ตามทั่วทั้งแดนนรกจะมีสักกี่คนที่มีความสามารถระดับนั้น
“ถ้าเจ้าต้องการสักตัวเจ้ามาเยี่ยมข้าหาซื้อสักตัวก็ได้ ข้าจะลดราคาให้ถูกกว่าปราสาททรายดำสัก10%” ไวนีเซนกล่าว
เจ้าเมืองรอยัลวิงอดยิ้มไม่ได้
“สจ๊วต, ข้าไปก่อนละนะ” ไวนีเซนแจ้งบอกเขา
เจ้าเมืองรอยัลวิงพยักหน้าเล็กน้อย
จากนั้นไวนีเซนหันมาทางโลซูสอีกครั้ง “เจ้าเด็กน้อย, ข้าบอกเจ้าแล้วเจ้าจะต้องเสียใจมากๆ” จากนั้นเขานำโลซูสและกองกำลังเข้าไปในอสูรโลหะและจากไปด้วยความเร็วสูง
“สหายนั่นตกอยู่ในเงื้อมมือของไวนีเซนนับเป็นเคราะห์กรรมของเขาจริงๆ” เจ้าเมืองรอยัลวิงถอนหายใจ
เจ็ดกฎธาตุ สี่วิถี บรรดาสิ่งเหล่านี้ที่น่ากลัวที่สุดและสามารถทรมานผู้อื่นได้มากที่สุดก็คือวิถีมรณะ และในทางกลับกันยอดฝีมือระดับไวนีเซนมีความสามารถที่น่ากลัวอย่างแท้จริง
“ในที่สุดเราก็รอดชีวิตกลับมายังเมืองรอยัลวิงได้” ลินลี่ย์ เดเลียและบีบียืนบนถนนในเมืองรอยัลวิงในขณะที่พวกเขาไม่แน่ใจว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ความผันแปรระหว่างเป็นกับตายทำให้หัวใจผู้คนสั่นสะท้าน
“ลินลี่ย์ เมื่อครู่นี้ข้ากลัวแทบตายจริงๆ” เดเลียยังยิ้มได้ในเวลานี้
บีบีเม้มปาก “ตาแก่ไวนีเซนนั่นเกินไปจริงๆ แต่, อนิจจา..ดูเหมือนว่าเขาทรงพลังจริงๆ ปู่เบรุตไม่อยู่ที่นี่เสียด้วย ถ้าเขาอยู่ที่นี่ ทุกอย่างก็คงดีแน่”
ลินลี่ย์จูงมือเดเลีย “ไปกันเถอะ เราจะไปที่ปราสาทอสูรกัน!” การแลกเปลี่ยนแหวนจันทราจะทำให้ลินลี่ย์และพวกกลายเป็นอสูรหนึ่งดาว
ลินลี่ย์บีบีและเดเลียมุ่งหน้าตรงไปยังปราสาทอสูรทันที