ตอนที่ 14-28 เพลิงแค้น
อสูรทั้งสิบผู้โชคดีรอดชีวิตและผู้เข้าร่วมสอบเป็นอสูรเกือบร้อยอยู่ในภาวะตกใจกันทั้งหมด พวกเขาถูกรายล้อมโดยเทพชั้นสูงที่กำลังจ้องพวกเขาเหมือนกับว่าพวกเขาเป็นซากศพ หัวใจของทุกคนสั่นสะท้าน
“ทำไมถึงเกิดเรื่องนี้ขึ้น?” ลินลี่ย์ไม่อยากเชื่อสิ่งที่เขาเห็น
พวกเขากำลังจะกลับไปถึงเมืองรอยัลวิงและเตรียมตัวเป็นอสูร แต่ในที่สุดเมื่อถึงจุดหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญ พวกเขากลับถูกขัดขวางโดยกลุ่มเทพชั้นสูง
“พวกเจ้ากำลังทำอะไร?” โลซูสยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มของลินลี่ย์จ้องมองคนรอบๆและพูดด้วยความไม่พอใจ แม้ว่าโลซูสจะไม่มั่นใจว่าความสามารถของเขาจะสามารถสู้กับเทพชั้นสูงมากมายได้แค่ไหน แต่เขามีความมั่นใจในการหลบหนีของเขา
“เราจะทำอะไรน่ะหรือ?” หนึ่งในคนชุดดำแค่นเสียง
ทันใดนั้น....
หนึ่งในคนชุดดำเลื่อนหลบไปด้านข้างเปิดทางช่องว่างในอากาศ ร่างสีเทาร่างหนึ่งบินออกมา
“นายท่าน!” บุรุษชุดดำทั้งหมดทำความเคารพ
แต่บุรุษชุดเทาแค่จ้องมองโลซูส ตาของเขาเต็มไปด้วยความน่ากลัวไม่สิ้นสุดเหมือนกับว่าเขาต้องการจะกินโลซูสทั้งเป็น
“เจ้า...เจ้าเอง!!!” โลซูสและคนอื่นจ้องมองบุรุษชุดเทาอย่างตกใจ ลักษณะของบุรุษชุดเทาก็คือเจ้าปราสาทผู้นั้น ขณะนั้นเองโลซูสและอสูรอื่นที่เคยเห็นเจ้าปราสาทก็พากันตะลึงทั้งหมด
พวกเขาคิดถึงความเป็นไปได้ประการเดียว!
“เป็นเขาไปได้หรือนี่?” เจ้าปราสาทที่ถูกฆ่าไปเป็นแค่เพียงร่างแยกศักดิ์สิทธิ์
หน้าของบุรุษชุดเทาเย็นชาและน่ากลัวและมีรอยยิ้มที่แฝงด้วยความอำมหิต สายตาของเขากวาดมองโลซูสและคนอื่น แต่ในที่สุดก็มาหยุดนิ่งอยู่ที่โลซูสอีกครั้ง ร่างแยกศักดิ์สิทธิ์อีกร่างของเขาถูกโลซูสผู้นี้ทำลาย
คนที่เขาเกลียดที่สุดก็คือโลซูสผู้นี้เช่นกัน
“เจ้าเป็นใคร!” เสียงตะคอกดังขึ้นและชายชราผมขาวบินมาอยู่ข้างหน้าจ้องมองบุรุษชุดเทาอย่างโมโห “นี่คืออสูรโลหะของปราสาทอสูรเรา เจ้ากล้าทำลายมันหรือ? และดูเหมือนว่าเจ้าต้องการโจมตีด้วยใช่ไหม? เจ้าบังอาจเกินไปแล้ว!”
“ปราสาทอสูร?”
บุรุษชุดเทาเลิกคิ้วและหันมามองเขา “แล้วไงเล่า? ข้าไม่เชื่อว่ายอดฝีมือที่แท้จริงที่สำนักงานใหญ่ปราสาทอสูรของเจ้าจะมาตามหาข้าแค่เพียงเพราะข้าฆ่ากลุ่มพวกเจ้า นอกจากนี้...ความสัมพันธ์ระหว่างอสูรเจ็ดดาวที่ทรงพลังและพวกเจ้าในปราสาทอสูรไม่มีอะไรมากไปกว่าความสัมพันธ์ในการทำงาน พวกเขาไม่เชื่อคำสั่งเจ้า”
ชายชราผมขาวตะลึง
“เจ้าถามว่าข้าเป็นใคร?” กรามของบุรุษชุดเทาขยับเล็กน้อยขณะที่เขามองชายชราผมขาวอย่างเหยียดหยาม “อย่างนั้นข้าจะบอกเจ้า ข้าชื่อไวนีเซ่น! พวกเจ้าเคยได้ยินชื่อข้ามาก่อนไหม?”
“ไวนีเซ่น?”
ชายชราผมขาวขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ไวนีเซ่น!” โลซูสและอสูรอื่นคิดเหมือนกันหมด แน่นอนแล้ว บุรุษชุดเทาก็คือเจ้าปราสาทหรือพูดให้ถูก เป็นร่างแยกศักดิ์สิทธิ์อีกร่างหนึ่ง
“ฮึ่ม!”
ลินลี่ย์เดเลีย บีบีและเรจิน่าตกใจกันหมดและเข้าใจทันที เมื่อมังกรดำถูกฆ่าที่ปราสาท เขาตะโกนชื่อไวนีเซ่นออกมา “ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขามาแก้แค้น” ในตอนนี้ลินลี่ย์รู้สึกกลัว “มิน่าเล่า ก่อนที่เจ้าปราสาทจะถูกฆ่า เขาบอกว่าแล้วคนที่ฆ่าจะต้องเสียใจ ก่อนตายเจ้าปราสาทเอ่ยนามเขา... แต่ดูเหมือนว่าทุกคนลืมไปแล้วว่าเขาเป็นใคร”
ลินลี่ย์สามารถบอกได้
บางทีชื่อของไวนีเซ่นครั้งหนึ่งเคยโด่งดังมากแต่ไม่มีใครในปัจจุบันนี้รู้จัก
“เฮ้อ..” ไวนีเซ่นระบายลมหายใจเบาๆ “ดูเหมือนข้าปลีกตัวจากโลกนานเกินไปจริงๆ แม้แต่สมาชิกของปราสาทอสูรก็ลืมข้าไปแล้ว”
ไวนีเซ่นเองยืนนิ่งอยู่กับที่ในอากาศแต่ขณะที่กำลังพูด เขาค่อยๆเพิ่มพลังซึ่งทำให้ทุกคนรวมทั้งโลซูสรู้สึกกลัว ทุกคนเข้าใจว่า.. นี่คือยอดฝีมือที่ทรงพลังอำนาจมาก
ขณะที่ไวนีเซ่นถอนหายใจ โลซูสและน้องสามของเขาคุยกันทางสำนึกเทพ
“บึ้ม!”
ทันใดนั้นเสียงคลื่นระเบิดเสียงดังขึ้นและเงาร่างสองร่างบินไปทางเหนือทันที
ไวนีเซ่นยืนอยู่ทางทิศใต้พวกเขา โลซูสและน้องของเขาไม่กล้าหนีไปทางตำแหน่งนั้น ดังนั้นพวกเขาเลือกหนีขึ้นเหนือ
“ฮึ่ม!” ไวนีเซ่นแค่นเสียงเย็นชา
บุรุษชุดดำเกินกว่ายี่สิบคนที่ประจำอยู่ทางทิศเหนือเหยียดมือขวาออกแทบจะพร้อมเพรียงกัน การผนึกพลังโจมตีของพวกคนชุดดำขวางเต็มอยู่ในกลางอากาศข้างหน้าพวกเขาเกิดเป็นข่ายดำขนาดใหญ่กวาดใส่โลซูสและน้องของเขา
การแผ่ข่ายขนาดใหญ่ทำให้โลซูสและน้องต้องรีบถอยด้วยความหวาดหวั่นทันที
“ซู!” ขณะนั้นเอง ไวนีเซ่นเคลื่อนไหวเช่นกันเขาปรากฏตัวอยู่ด้านข้างโลซูส โลซูสหัวเราะอย่างอำมหิตตวัดดาบในมือที่เปล่งแสงสีฟ้าของเขา แต่ไวนีเซ่นกระดิกนิ้วแตะดาบโค้ง
“แคล้ง!”
เสียงโลหะกระทบดังชัด
“อ๊า...!” โลซูสสูญเสียที่กั้นด้ามดาบฟ้าของเขา ดาบโค้งร่วงหล่นขณะที่โลซูสก้มหน้าส่งเสียงครางด้วยความทุกข์ทรมาน
“พี่ใหญ่” บุรุษร่างกำยำผมฟ้าร้องเรียกอย่างตื่นกลัว แต่โลซูสดูเหมือนไม่ได้ยินเขา เขายังคงกระตุกอยู่ในกลางอากาศ ขณะเดียวกันก็กุมศีรษะร้องโหยหวนทรมาน
“พี่ใหญ่ เป็นอะไรไป? เกิดอะไรขึ้น?!” บุรุษร่างกำยำผมฟ้าอยู่ข้างๆเขา
“หยุด!”ไวนีเซ่นพูดอย่างใจเย็น
เสียงร้องโหยหวนของโลซูสหยุดทันทีและเขาได้ความรูสึกกลับมา เขาจ้องมองไวนีเซ่นอย่างหวาดผวา “เจ้า...เจ้ามีปรสิตวิญญาณ?”
“ปรสิตวิญญาณ?” เมื่อได้ยินชื่อนี้ หน้าของบุรุษร่างกำยำและอสูรคนอื่นซีดขาว เรื่องของปรสิตวิญญาณ มีผู้คนได้ยินมาเป็นครั้งคราวแม้แต่ในปราสาททรายดำ ของต้องห้ามอย่างปรสิตวิญญาณก็หาซื้อได้ยากอย่างยิ่ง
แม้ว่าจะมีขายแต่ราคาของมันก็ทำให้ผู้ซื้อลังเล
ไวนีเซ่นหัวเราะ “ใช่แล้ว ข้าใช้ความพยายามเป็นอย่างดีเพื่อสร้างปรสิตวิญญาณนี้ขึ้นมา เจ้าทำได้ไหมเล่า?” มีคนสองสามคนตะลึง
บางทีมีเทพชั้นสูงอยู่หลายคนที่ฝึกมาทางวิถีมรณะ อย่างไรก็ตามคนเหล่านั้นที่สามารถสร้างปรสิตวิญญาณได้หาได้ยากมาก ในทั่วทั้งแดนนรก มีเทพอสูรอยู่ 108แต่ยากจะบอกได้ว่ามี 108 คนที่สามารถสร้างปรสิตวิญญาณได้
“เจ้าคิดหรือว่าข้าจะยอมให้เจ้าตายง่ายๆ?”ไวนีเซ่นแค่นเสียง “เจ้าควรจะรู้สึกภูมิใจที่ข้ายอมสละปรสิตวิญญาณมาใช้กับเจ้า”
“ภูมิใจ?” โลซูสร่างสั่นไปทั้งตัว เมื่อเขาคิดเรื่องผลร้ายที่น่ากลัวของปรสิตวิญญาณและความเจ็บปวดที่แฝงอยู่ในนี้เม็ดเหงื่อเริ่มปรากฏที่หน้าผากของโลซูส
“กรอดดด” โลซูสกัดฟันพยายามกระแทกศีรษะตนเองฆ่าตัวตาย!
แต่ก่อนที่มือของเขาจะสัมผัสหน้าผากโลซูสเริ่มส่งเสียงร้องโหยหวนทุกข์ทรมานอีกครั้ง “อ๊า...”เขากุมศีรษะและชักกระตุกไปทั้งตัว สีหน้าน่ากลัว ขณะต่อมาโลซูสหยุดกรีดร้อง หน้าซีดของเขาราวกับว่าผิดปกติ เขาจ้องมองไวนีเซ่น
“ข้าบอกเจ้าแล้ว!” ไวนีเซนในตอนนี้เป็นเหมือนกับมหาเทพยืนอยู่เหนือพวกเขาและกุมความเป็นความตายชีวิตของพวกเขาไว้ในมือของเขา เขาจ้องลงมาที่โลซูส “ข้าจะทำให้เจ้าต้องเสียใจ!”
หัวใจของทุกคนหวาดผวาทันที
เขาสามารถสร้างปรสิตวิญญาณได้ นี่ก็หมายความว่าไวนีเซนได้บรรลุผลสำเร็จในวิถีมรณะอย่างน่าอัศจรรย์แล้ว
“ฮ่าฮ่า” ไวนีเซนเริ่มหัวเราะเหมือนกับคนบ้าคลั่งทันที เสียงหัวเราะทำให้ทุกคนรวมทั้งกลุ่มของลินลี่ย์รู้สึกหวาดกลัว สายตาของไวนีเซนกวาดมองไปที่อสูรคนอื่น “ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้จะต้องตาย!”
พวกนักสู้อสูร ผู้รอดชีวิตจากการสอบเป็นอสูร และพนักงานของปราสาทอสูรต่างหวาดกลัวกันหมดทุกคน
“พี่ใหญ่” บีบีพูดผ่านสำนึกเทพ
“ดูเหตุการณ์ว่าจะพัฒนาไปในรูปแบบใด ในวินาทีสุดท้าย เราคงต้องหนี” ลินลี่ย์ไม่รู้ว่าจะลงมือยังไง
แม้แต่คนที่มีพลังอย่างโลซูสก็ยังไม่สามารถต้านทานไวนีเซนได้ แม้ว่าลินลี่ย์จะไม่เคยได้ยินชื่อปรสิตวิญญาณมาก่อน แต่จากคำอธิบายระหว่างทั้งสองและสีหน้าของโลซูส เขาสามารถบอกได้ว่าปรสิตวิญญาณเป็นของไม่ธรรมดาแน่นอน
“ไวนีเซ่น เจ้า, เจ้าทำอย่างนี้ไม่ได้” ชายชราผมขาวรีบกล่าว “เมืองรอยัลวิงอยู่ข้างหน้านี้ เจ้า เจ้าไม่อาจ...”
“เมืองรอยัลวิงอยู่นั่นน่ะหรือ? ข้าไม่ได้ฆ่าใครในเมืองรอยัลวิง! มีอะไรที่ข้าต้องกลัว?” ไวนีเซนหัวเราะ จากนั้นกวาดสายตาเย็นชามาที่กลุ่มของลินลี่ย์ “ดังนั้นจะเป็นอะไรไปถ้าข้าฆ่าคนอย่างพวกเจ้าสักคนสองคน?”
ลินลี่ย์คิดอย่างรวดเร็ว
“ไม่, เราต้องมีชีวิตต่อไป” ลินลี่ย์มองดูเดเลีย บีบีที่อยู่ใกล้ๆ“ไม่มีทางเลือกอื่น เราจะต้องหนี เมื่อเราเกือบร้อยหนี เราจะไม่ถูกจับทั้งหมด นอกจากนี้ เรายังอยู่ใกล้เมืองรอยัลวิงเราอาจเข้าเมืองได้ทัน” ลินลี่ย์ยังคงคำนวณหาโอกาสต่อไป
“ข้าไม่ยอมตาย! ”ข้าไม่ต้องการตาย!”
อสูรอื่นและผู้เข้าสอบเป็นอสูรก็ไม่ต้องการตายเช่นกัน พวกเขาคิดหาวิธีอย่างร้อนรน
“พี่น้องทั้งหลาย หนีกันทุกคนเถอะ!” ทันใดนั้นสำนึกเทพดังขึ้นในใจของทุกคน
ลินลี่ย์เดเลีย และบีบีเมื่อได้ยินเช่นนี้ได้แต่ตัดสินใจเคลื่อนไหวอย่างช่วยไม่ได้
“ไปทางตะวันตก เร็วเข้า!” ลินลี่ย์แจ้งทางสำนึกเทพ
ในขณะนั้นนักรบกว่าครึ่งร้อยเริ่มแยกย้ายกระจายหนีไปตามตำแหน่งต่างๆ
“บึ้ม!” ในพื้นที่รอบพวกเขาบุรุษชุดดำทุกคนกวาดฝ่ามือออกมาพร้อมกัน เหมือนครั้งก่อนชั้นพลังงานสีดำหนาแน่นออกมาจากร่างคนชุดดำ ถ้าใครดูดีๆ คนชุดดำจะมีอักษรเวทรูนอยู่บนร่างหรือชุดของพวกเขา คนชุดดำทุกคนรวมกำลังกัน...
ทุกตำแหน่งถูกกักกันไว้โดยสิ้นเชิง
ตาข่ายล้อมฟ้า!
ลินลี่ย์และคนอื่นไม่มีที่ให้หนี “อ๊า..”พวกที่เคลื่อนไหวเร็วที่สุดและถลันเข้าไปในข่ายดำดูเหมือนจะถูกพลังกระแทกกลับมา
ลินลี่ย์และคนอื่นๆกลับมาประจำตำแหน่งเดิมทันที
“หนีหรือ?”ไวนีเซนมองดูพวกเขาอย่างเหยียดหยาม “ถ้าข้าปล่อยให้กลุ่มคนเล็กน้อยอย่างพวกเจ้าหนีไปได้ อย่างนั้น ข้าไวนีเซนคงไม่มีหน้าอยู่ในแดนนรกอีกต่อไป” ไวนีเซนมองดูชายชราผมขาวอย่างเหยียดหยาม จากนั้นพูด “อย่างไรก็ตามข้าจะให้โอกาสพวกเจ้าอย่างหนึ่ง โอกาสที่ไม่ต้องตาย”
ลินลี่ย์และคนอื่นๆมองไวนีเซนอย่างช่วยไม่ได้
“ก็แค่ง่ายๆ” ไวนีเซนชี้มาที่ข้างตัวลินลี่ย์ “ในกลุ่มของเจ้า เทพชั้นสูงรอดได้หนึ่ง และเทพแท้รอดได้หนึ่ง!” ไวนีเซนยิ้มกว้าง “อย่าบอกนะว่าข้าไม่ให้โอกาสเจ้า”
กลุ่มของลินลี่ย์ตะลึงไปอย่างสิ้นเชิง ตอนนี้ ทั้งหมดมองหน้ากันและกัน
“ลินลี่ย์ เราควรจะทำยังไง?” เดเลียกล่าวทางสำนึกเทพ
ลินลี่ย์ยังคงเงียบอยู่ ตาของเขาเต็มไปด้วยความกังวล
พวกเขาควรทำยังไงดี? เขาสามารถทำอะไรได้?
“ควั่บ!”
ทันใดนั้นมีบางคนโจมตี สายใยที่พยายามรั้งพวกเขาให้อยู่เคียงข้างกันทำลายทันที
“อย่ามายุ่งกับข้า” ลินลี่ย์คำรามใส่คนอื่นพลางกวัดแกว่งดาบหนักอดาแมนเทียม
ไวนีเซนตะโกนลั่นคิ้วยาวของเขาสะบัดอยู่ในอากาศ “ข้าจะไม่ฆ่าผู้รอดคนสุดท้าย ฮ่าฮ่า ฆ่า ฆ่า” ตาของไวนีเซนเต็มไปด้วยความบ้าคลั่งป่าเถื่อน
ตอนนี้ไวนีเซนกำลังระบายความโกรธ
ร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ของเขาถูกทำลายดังนั้นเขาจึงต้องแน่ใจว่าทุกคนที่เกี่ยวข้องจะได้รับการตัดสิน
“ไม่ตายหรือ?”
ไวนีเซนพูดกับตนเอง “ก่อนอื่นให้ความหวังพวกเจ้าบางส่วนหลังจากเหลือคนรอดตายสองคนสุดท้าย ข้าจะทำให้พวกเจ้าร้องครวญครางทรมาน ข้าจะไม่ฆ่าเจ้าอย่างไรก็ตามข้าสามารถทรมานเจ้าจนกว่าเจ้าจะฆ่าตัวตาย!” เมื่อใดก็ตามที่ไวนีเซนคิดถึงสองคนที่รอดตายและยังต้องเผชิญกับผลลัพธ์ที่น่ากลัวเขาอดตื่นเต้นดีใจไม่ได้ “ข้าบอกเจ้าแล้ว ข้าจะทำให้พวกเจ้าทุกคนเสียใจ” ไวนีเซนรำพึงกับตัวเองอย่างน่ากลัว
เนื่องจากเป็นการลงมือล้างแค้น ไวนีเซนจะยอมให้ใครหนีไปได้ยังไง?
“หืม?” ไวนีเซนหรี่ตาทันที
เขาเห็นว่าโลซูสร่วงลงไปด้วยความเร็วสูงทำให้บุรุษชุดดำไม่สามารถขัดขวางเขาได้ทัน
“หนีเหรอ?” ไวนีเซนไล่ตามทันที
“อ๊า..” โลซูสอยู่ในกลางอากาศและปล่อยเสียงร้องครวญครางออกมาอีกครั้งแต่มีแต่ร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ของเขาเท่านั้นที่ส่งเสียงร้องอีกร่างแยกหนึ่งของโลซูสยังคงบินลงไปด้วยความเร็วสูง อย่างไรก็ตาม...ไวนีเซนมาปรากฏอยู่ต่อหน้าร่างนั้น
“เจ้าต้องการหนีเหรอ?” ไวนีเซนมองดูเขาอย่างเหยียดหยาม “เจ้าคิดหรือว่าเข้าจะไม่รู้ว่าเจ้ามีร่างแยกศักดิ์สิทธิ์?”