ตอนที่ 14-26 เจ้าฆ่าข้าไม่ได้
การสู้รบที่ปราสาทจันทรามาถึงช่วงสุดท้ายแล้ว เจ้าปราสาทแปลงเป็นรูปร่างเดิมมังกรขนาดมหึมาที่ยาวหลายร้อยเมตร และมีหนามแหลมงอกอออกมาจากหลัง แม้ว่าจะกลับคืนสู่ร่างเดิมแต่เจ้าปราสาทก็ไม่มั่นใจจะรบกับอสูรเหล่านี้!
ภายในห้องลับด้านข้างห้องโถงใหญ่
กลุ่มของลินลี่ย์สี่คนลอบมองผ่านรอยแตกในประตู ความจริงไม่ใช่ว่าพวกอสูรจะไม่ตระหนักว่าลินลี่ย์อยู่ที่นั่น เพียงแต่พวกเขาสามารถรู้สึกได้ว่ารัศมีของลินลี่ย์และพวกเป็นระดับเทพแท้ ดังนั้นพวกอสูรจึงไม่สนใจเหลียวแลพวกเขา
“โลซูสนั้นกำลังพูดกับมังกรดำที่เป็นเจ้าปราสาทหรือ?” ลินลี่ย์งงงวย
เดเลียที่อยู่ใกล้ๆอธิบาย “ลินลี่ย์ เวลานั้นเมื่อเจ้าจู่ๆก็ทำสมาธิและได้รับการรู้แจ้ง เราไม่กล้ารบกวนเจ้า เวลานั้นเจ้าปราสาทถูกกดดันและโจมตีอยู่ในห้องโถงใหญ่ เมื่อเห็นว่ามีอสูรอื่นอีกหกคนอยู่ที่นี่ เจ้าปราสาทก็สูญเสียความมั่นใจไปเช่นกัน”
ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย
“หือ?” ลินลี่ย์มีความคิดหนึ่งทันที
“ปราสาทจันทราประสบภัยพิบัติอย่างนั้น แม้ว่านักรบชุดทองยังมีชีวิต เป็นไปได้ว่าทุกคนคงหนีออกจากปราสาท” ลินลี่ย์เข้าใจว่าไม่ว่านักรบชุดทองจะรอดหรือไม่ มีแนวโน้มว่าพวกเขาคงไม่เผชิญกับนักรบชุดทองอีกต่อไป
ที่สำคัญนักรบชุดทองเป็นร้อยเหล่านั้นไม่ใช่คนโง่ แม้แต่เจ้าปราสาทก็ยังพังทลายอยู่ในหายนะดังกล่าว แม้ว่าพวกเขายังมีชีวิต มีหรือที่พวกเขาจะไม่หนี?
“บีบี, ดูสิ” ลินลี่ย์โยนแหวนมิติให้บีบี“ดูซิว่ามีแหวนจันทราอยู่ข้างในหรือเปล่า”
“ได้เลย” บีบีรีบผูกสัญญาด้วยโลหิต
ขณะเดียวกันลินลี่ย์มองดูในแหวนวงอื่น
ตอนแรกเมื่อกลุ่มของลินลี่ย์ถูกลอบทำร้ายโดยผู้เข้าสอบอสูรอีกสี่คน ทั้งสี่คนนั้นล้มเหลวในการลอบทำร้ายและสองคนถูกกลุ่มของลินลี่ย์ฆ่าตายทันทีเป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะมีแหวนมิติสองวงจากสองร่าง
“เรามีแหวนจันทราเพียงสองวงในตอนนี้ เราต้องการอีกวง” ลินลี่ย์ค่อนข้างกังวลใจ
เดเลียมองดูลินลี่ย์กับบีบี
“พี่ใหญ่ แม้ว่าแหวนมิตินี้จะมีศิลาดำและเงินอะซูไรท์บางส่วน แต่ก็ไม่มีแหวนจันทรา” บีบีพูดอย่างจนใจ
เดเลียและบีบีมองดูลินลี่ย์ทั้งคู่ต้องการเห็นว่าแหวนมิติที่ลินลี่ย์ถือจะมีแหวนจันทราอยู่ในนั้นหรือไม่
“มีอยู่!มีแหวนจันทราอยู่ข้างในหนึ่งวงจริงๆ ด้วย!” ผลของการตรวจสอบของลินลี่ย์ทำให้เขามีสีหน้าดีใจ เจ้าของเดิมของแหวนมิตินี้ก็คือเฟทส์ผู้นำกลุ่ม ทำให้รู้สึกว่าพวกเขาจะต้องได้รับแหวนจันทราวงหนึ่ง เขาเก็บเอาไว้ในแหวนมิติของตนเอง
“ฮ่าฮ่าเรามีแหวนจันทราครบชุดแล้วในตอนนี้” บีบีตื่นเต้นอย่างมาก
แต่เรจิน่าได้แต่มองลินลี่ย์ตาละห้อย “ลินลี่ย์! มีแค่วงเดียวหรือ?”
“แค่วงเดียว” ลินลี่ย์ยิ้มเชิงขอโทษ เขาเข้าใจว่าลึกๆแล้วเรจิน่าปรารถนาจะได้แหวนจันทราเช่นกัน อย่างไรก็ตามทั้งสามคนมีแหวนเพียงสามวงเท่านั้น พวกเขาไม่มีอะไรจะให้เรจิน่าเป็นพิเศษ พวกเขาต้องการช่วยแต่พวกเขาไม่สามารถทำได้
เรจิน่าผิดหวังมากแต่นางยังคงฝืนยิ้ม “ไม่เป็นไรเมื่อเราออกไป ข้าจะดูว่าพอมีโอกาสอื่นหรือไม่”
ทันใดนั้นเสียงตะโกนระเบิดออกมาจากห้องโถงใหญ่..
“อย่าทำเกินเลยไปเลยข้าจะให้สมบัติมากมายกับเจ้า และข้าสามารถยกปราสาทนี้ทั้งหมดให้เจ้าได้ ความจริง... ข้าสามารถหาหนทางช่วยให้พวกเจ้าเป็นอสูรหกดาวกันหมด จุดสำเร็จของภารกิจให้เป็นอสูรหกดาวคืออะไร?”มังกรขนาดมหึมาตะโกน
มังกรดำยาวร้อยเมตรหมอบลงเตรียมทะยานขึ้นไปในอากาศของห้องโถงใหญ่ ขณะที่โลซูสและอสูรอื่นยืนนิ่งอยู่ในกลางอากาศ ความแตกต่างในเรื่องขนาดของทั้งฝ่ายมากมายเหลือเกิน
อย่างไรก็ตามตอนนี้มังกรดำยักษ์กำลังขอร้องอีกฝ่าย
“หืมม, ช่วยให้เราได้เป็นอสูรหกดาว? วิธีเดียวที่จะกลายเป็นอสูรระดับสูงก็คือทำภารกิจให้สำเร็จ ไม่มีทางอื่นแม้แต่น้อย” โลซูสจ้องมองดาบสายฟ้าในมือของเขาจากนั้นพูดช้าๆ “หยุดดิ้นรนได้แล้ว เตรียมตัวตาย!”
“พี่ใหญ่! ให้ข้าลงมือเอง” นักรบผมฟ้าอีกคนหนึ่งกล่าว “ข้าจะล้างแค้นให้พี่สาวรอง”
“ไม่”
โลซูสชำเลืองมองด้านข้างมาที่มังกรดำขนาดยักษ์ “แม้ว่าเขาจะใช้พลังโจมตีวิญญาณไปสองครั้งและพลังจิตของเขาใช้แทบทั้งหมดแต่เราไม่อาจเสี่ยงได้ ข้าจะลงมือเอง!” โลซูสเริ่มรวบรวมพลัง เขามั่นใจมาก
“ข้าคือไวนีเซ่น!” มังกรดำตะโกนขึ้น “เจ้าฆ่าข้าไม่ได้! เจ้าไม่อาจฆ่าข้าได้!!!”
“ไวนีเซน?”
โลซูสแค่นเสียง“ไวนีเซนเป็นใคร? ถ้าเจ้าแค่ต้องขู่ก่อนตายก็หยิบยกเอาชื่อที่น่ากลัวขึ้นมาพูด อย่างเช่น เจ้าควรจะพูดว่าเจ้าคืออสูรเลือดม่วงหรืออาจพูดว่าเจ้าคือมหาเทพผู้ทรงฤทธานุภาพ ฮ่าฮ่า.. ใครจะสนใจว่าเจ้าเป็นตัวอะไร? ตายซะเถอะ!”
ขณะที่พูดโลซูสฟันดาบออกทันที
กระบวนท่าเคลื่อนไหวอย่างนุ่มนวลมิติไม่มีการขยับปั่นป่วนด้วยแรงลมแม้แต่น้อย เหมือนกับว่าดาบนี้ไม่มีความคงอยู่แม้แต่น้อย
มังกรดำตวาดลั่น
“เจ้าไม่สามารถฆ่าข้าได้!” มันตวาดอย่างโกรธเกรี้ยว ขณะที่ดาบโค้งฟันลงอย่างนุ่มนวลมังกรดำยักษ์ถึงกับโกรธเกรี้ยว มันเสี่ยงชีวิต มันใช้พลังเทพของมันอีกครั้งหนึ่งมังกรดำยักษ์เปล่งเสียงคำรามต่ำอีกครั้ง...
“ควั่บ...” มิติสั่นสะเทือน
“แคร็กกกกก”
ดาบโค้งของโลซูสฟันลงพอดีและเงาสีฟ้าแหวกอากาศฟันลงที่ศีรษะของมังกรดำยักษ์ สิ่งที่ประหลาดก็คือ.. เกล็ดและเลือดของมังกรยักษ์แยกออกเป็นสองส่วนขณะที่ดาบโค้งตัดผ่านศีรษะและกระทบเข้ากับประกายเทพ
“แล้วเจ้าจะต้องเสียใจกับการกระทำนี้!!!”
เสียงคำรามก่อนตายของมังกรดำยักษ์ดังกึกก้องไปทั้งโถงใหญ่
“บึ้ม!”
ศพมังกรดำยักษ์ล้มฟาดกับพื้น หน้าของโลซูสซีดขณะที่เขาถอนดาบโค้งเขาชำเลืองมองซากขนาดใหญ่ และแค่นเสียง “ฮึ่ม, พลังเทพของเขาน่ากลัวจริงๆ แต่เจ้าบอกว่าข้าจะต้องเสียใจใช่ไหม? ในทั่วทั้งแคว้นไนท์บลาส มีคนเพียงไม่กี่คนที่ข้ากลัวข้าล้วนแต่รู้จักพวกเขาทั้งหมด เจ้ามันตายแล้ว จะทำให้ข้าเสียใจได้ยังไง?”
“พี่ใหญ่!” บุรุษร่างกำยำผมฟ้ามองดูโลซูสอย่างกังวล “เป็นยังไงบ้างหรือเปล่า?”
พี่สาวรองของเขาต้องทนทุกข์จากพลังเทพของเจ้าปราสาทและเสียชีวิตไปแล้ว โลซูสได้รบกับเจ้าปราสาทจันทรามาในครั้งก่อนและพบกับทักษะธรรมชาตนี้มาก่อน ตอนนี้เขาถูกทักษะนี้โจมตีอีกครั้งหนึ่ง
“ข้าไม่เป็นไร” โลซูสชำเลืองมองดูผู้น้องของเขาและฝืนยิ้ม “น้องสาม, กลับกันเถอะ น่าเศร้าที่น้องรองตาย”
บุรุษร่างกำยำอยู่ในความรู้สึกเจ็บปวดครั้งยิ่งใหญ่
“เมื่อตอนที่เรามา พี่สาวรองบอกว่าหลังจากภารกิจนี้สำเร็จเราจะเป็นอสูรหกดาวกันทุกคน เราน่าจะหาสถานที่สร้างปราสาทที่เป็นของเราสามพี่น้องและฝึกฝนอยู่ที่นั่นเงียบ แต่ตอนนี้ เราไม่มีโอกาสแล้ว” บุรุษผมฟ้าพูดเบาๆ
โลซูถอนหายใจยาว “ไปกันเถอะ”
พวกเขาไม่มองอสูรอื่นอีกหกคนเลยขณะบินห่างออกไป
อสูรอีกหกคนตัวสั่นสะท้านตกใจมองดูการสู้รบ เมื่อพวกยอดฝีมือทุ่มพลังอย่างนี้การสู้ลงจะจบลงภายในการปะทะครั้งสองครั้ง
“พลังของโลซูสน่ากลัวอย่างแท้จริง ดาบโค้งไม่ใช่สมบัติเทพชั้นสูงแต่ก็สามารถใช้ได้” อสูรตนหนึ่งพูดพร้อมกับถอนหายใจ
บางทีในดินแดนโลกธาตุอสูรเทพอาจหาได้ยาก
แต่ในแดนนรกสถานที่ซึ่งยอดฝีมือนับไม่ถ้วนรวมตัวกันอยู่มีอสูรเทพอยู่ค่อนข้างมาก เหตุผลที่อสูรเทพทรงพลังมากเป็นเพราะพลังเทพของพวกเขาไม่ว่าจะเป็นพลังเทพอะไร เมื่อถึงอายุเต็มวัย พวกเขาจะเป็นเทียมเทพดูเหมือนว่าไม่มีอะไรต่างกัน
อย่างไรก็ตามมีความต่างกันขนานใหญ่ระหว่างอสูรเทพต่างๆ
ความแตกต่างนั้นก็คือพลังเทพ
อสูรเทพบางตนมีความสามารถธรรมชาติทำให้พวกเขาใช้พลังโจมตีวิญญาณ ขณะที่อสูรเทพอื่นๆ มีพลังโจมตีธาตุหยาบ...ตัวอย่างเช่น อสูรกลืนสวรรค์และนาคราช ทั้งสองมีพลังวิเศษประเภทกลืนกิน แต่ถ้าคู่ต่อสู้สามารถต่อต้านพลังกลืนกินได้พวกเขาก็ไม่เป็นไร
แต่บีบีนั้นแตกต่างออกไป พลังกินเทพของเขาเป็นความสามารถตามธรรมชาติในการกินประกายศักดิ์สิทธิ์เป็นความสามารถที่ทรงพลังแปลกประหลาดอยู่มาก
ยิ่งเป็นพลังเทพที่ทรงพลังแปลกประหลาดมากจำนวนอสูรเทพชนิดนี้ก็น้อยนิดหาได้ยาก
“โลซูสฝึกมาทางกฎวิถีชีวิต วิถีทั้งสี่ยากจะรับมือได้ทั้งนั้น โลซูสน่ากลัวจริงๆ” อสูรอีกหกคนถอนหายใจและพูดไม่มี่คำและจากนั้นพวกเขาออกไปจากโถงใหญ่
“ศพของอสูรเทพระดับสูงมีราคามากเหมือนกันคงปล่อยให้เสียเปล่าไม่ได้” อสูรคนหนึ่งหัวเราะและเก็บศพเข้าไปไว้ในแหวนมิติเก็บของ
หลังจากนั้นอสูรทั้งหกก็ออกไป
กลุ่มของลินลี่ย์สี่คนจึงออกมาจากห้องในที่สุด
“เฮ้ออออ!” บีบีค่อนข้างไม่พอใจ “ข้าอยากจะเก็บร่างนั้นไว้ คาดไม่ถึงเลยว่าอสูรคนนั้นจะเก็บไป”
ชิ้นส่วนของอสูรเทพเป็นส่วนช่วยในการปรุงอาหารเลิศรสที่ดี ศพของอสูรเทพระดับสูงหาได้ยากมาก ชิ้นส่วนศพที่ใหญ่ขนาดนั้นสามารถขายได้หลายแสนศิลาดำหรือเกือบล้าน“ นี่คือโชคลาภส่วนหนึ่ง”
“เจ้ากำลังคิดอย่างนั้นหรือ?” ลินลี่ย์ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ “ไปกันเถอะ กลับไปที่อสูรโลหะกัน”
รางวัลของพวกเขาในการเดินทางครั้งนี้ค่อนข้างมาก ส่วนที่คุ้มค่ามากที่สุดก็คือพวกเขาได้โกเลมมัจจุราชและศพของนักรบชุดดำไว้ ศพของนักรบชุดดำก็มีประกายเทพในศพเขา และแหวนมิติของเขาก็เก็บสมบัติเอาไว้อีกมากมายเช่นกัน
“เจ้า..เจ้าพาข้าเข้าไปดูในปราสาทอีกได้ไหม?” เรจินาฝืนพูดออกมา
กลุ่มของลินลี่ย์อดสะดุ้งไม่ได้
“ข้าข้าแค่ต้องการไปดูว่ายังจะพอมีบุรุษชุดทองหลงเหลืออยู่หรือไม่” เรจิน่าค่อนข้างอายเช่นกัน ที่สำคัญนี่คือก็เท่ากับขอให้กลุ่มของลินลี่ย์กลับเข้าไปเสี่ยงอันตราย แม้ว่าพูดตามทั่วไปแล้วกลุ่มของลินลี่ย์กับเรจิน่าไม่น่าจะมีปัญหาในการกำจัดนักรบชุดทอง
แต่ใครจะรู้ว่านักรบชุดทองพวกเขาจะวิ่งเข้าไปในปราสาทหรือไม่ ถ้าพวกเขาอยู่ในปราสาทเล่า?
เดเลียและบีบีมองดูลินลี่ย์รอการตัดสินใจของลินลี่ย์ ลินลี่ย์ชะงักเล็กน้อยจากนั้นมองดูเรจิน่า “เรจิน่า,เป็นไปไม่ได้ที่เราจะวิ่งไปทั่วปราสาทพร้อมกับเจ้า เอาอย่างนี้เป็นไง เราจะออกไปนอกปราสาท แต่เราจะใช้เส้นทางอ้อมเพื่อดูว่าจะพบกับนักรบชุดทองบ้างหรือไม่ ถ้าเราเจอ เราจะช่วย แต่ถ้าไม่ อย่างนั้นคงไม่มีอะไรที่เราจะทำได้”
“ขอบคุณ” เรจิน่ารีบตอบ
นางรู้ว่าคำขอร้องของนางค่อนข้างมากเกินไป เพราะลินลี่ย์ยินดีตกลงใจทำอย่างนี้ก็ถือว่าทำได้มากสำหรับเขาแล้ว
ลินลี่ย์เดเลีย บีบีและเรจินาทุกคนมุ่งหน้าขึ้นไปที่ชั้นบนของปราสาทจันทรา พวกเขากลับมาที่ชั้นสาม ชั้นสองและชั้นแรก จากนั้นออกจากปราสาทจันทราผ่านทางหน้าต่าง เรจิน่าหวังว่าจะได้พบกับนักรบชุดทอง
อย่างไรก็ตามปราสาทจันทราในปัจจุบันนี้ไม่มีนักรบชุดทองเหลืออยู่แม้แต่คนเดียว
ในอากาศด้านบนปราสาทจันทรากระจ่างชัดเหมือนแก้วผลึกใสหมอกชมพูพิษสลายหายไปนานแล้ว ตอนนี้มีผู้สอบเป็นอสูรห้าคนนั่งขัดสมาธิอยู่เหนือทะเลสาบจันทรา
“มีบางคนกำลังออกมา”
ทั้งห้าคนเห็นกลุ่มของลินลี่ย์บินออกมาจึงเข้ามาทักทายพวกเขาทันที
“เฮ้, พวกเจ้าจะทำอะไร?”ลินลี่ย์ขมวดคิ้วและพูดเย็นชา ลินลี่ย์ถูกลอบทำร้ายในปราสาทจันทรามาแล้ว จึงไม่ประมาทไว้ก่อนเป็นธรรมดา
หนึ่งในห้าคนพูดขึ้น “ข้าอยากรู้ว่าพวกเจ้าสี่คนมีแหวนจันทราเหลืออยู่บ้างไหม? เราจะขอซื้อจากเจ้า”
“ข้ายังต้องการเพิ่มหนึ่งวงสำหรับตัวข้า” เรจิน่าแค่นเสียง
ทั้งห้าคนได้ยินเช่นนี้ค่อนข้างผิดหวัง พวกเขาสามารถบอกได้ว่ากลุ่มของลินลี่ย์ไม่มีแหวนจันทรามากพอ
“พวกเจ้าห้าคนไม่ต้องรออยู่ข้างนอกนี่แล้ว ไม่น่าจะมีใครอื่นเหลืออยู่ในปราสาทแล้ว” ลินลี่ย์กล่าว เมื่อพวกเขาออกมา พวกเขาค้นดูทุกที่ตั้งแต่ชั้นที่สี่จนถึงชั้นที่หนึ่งกวาดตามองหาที่ใหญ่ๆ ทุกที่ ถ้ามีคนอยู่นั่นพวกเขาคงค้นพบไปนานแล้ว
กลุ่มของลินลี่ย์เป็นกลุ่มสุดท้ายที่ออกมา
หลังจากพูดจบกลุ่มของลินลี่ย์สี่คนก็บินตรงไปที่อสูรโลหะ ในไม่ช้ากลุ่มของลินลี่ย์ก็มาถึงอสูรโลหะลอยตัวนิ่งอยู่ในอากาศ เมื่อมองผ่านโลหะใสของอสูรโลหะ พวกเขาสามารถมองเห็นเงาร่างของมนุษย์อยู่ภายใน
“มีคนเหลือน้อยนัก” ลินลี่ย์ถอนหายใจ จากนั้นเข้าไปในอสูรโลหะ
ภายในทางเดินภายในตัวอสูรโลหะชายชราผมขาวเห็นกลุ่มลินลี่ย์ก็หัวเราะทักทาย “ขอแสดงความยินดีกับผู้รอดชีวิตกลับมาได้”
“เจ้ารอดชีวิตกลับมาได้ด้วยหรือ? ขอแสดงความยินดีด้วย”
ทันทีที่ลินลี่ย์เข้าไปในห้องโดยสารส่วนหลังของอสูรโลหะ เขากวาดตามอง ห้องโดยสารหลังของอสูรโลหะนี้มีที่นั่งอยู่หลายที่พอเพียงรองรับคนเป็นพัน อย่างไรก็ตามมีที่นั่งว่างเปล่ามากมายเหลืออยู่ด้านหลัง “มาเป็นพันแต่เหลือรอดไม่ถึงร้อย!”
เมื่อชำเลืองมองเดเลียและบีบีที่อยู่ใกล้ๆ ลินลี่ย์รู้สึกยินดีในใจเช่นกัน อย่างน้อยภรรยากับน้องชายเขาก็ยังรอด “ชายชราผมขาวพูดถูกนี่คุ้มค่าแก่การฉลองแน่นอน”