ตอนที่ 14-30 ตรวจสอบผลงาน
ในหอประชุมใหญ่ชั้นหนึ่งของปราสาทอสูรมีคนค่อนข้างมากรวมตัวกันรวมทั้งกลุ่มของลินลี่ย์ด้วย
“แม่นางยูนะ!” บีบียืนอยู่ข้างหน้าเคาน์เตอร์หัวเราะทักทายพนักงานสาวยูนะ
ยูนะมองดูบีบีด้วยอาการค่อนข้างประหลาดใจและดีใจและยินต่อลินลี่ย์กับเดเลียที่อยู่ด้านหลังของเขา “ลินลี่ย์, ข้าเพิ่งจะถอนหายใจนึกว่าในกลุ่มเจ้าจะมีคนรอดมากี่คน ไม่นึกเลยว่าพวกเจ้าทั้งสามคนจะรอดกลับมาได้หมด ขอแสดงความยินดีด้วยจริงๆ”
“เราค่อนข้างโชคดี” เมื่อใดก็ตามที่ลินลี่ย์คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นนอกเมืองรอยัลวิงเขายังรู้สึกกลัว
เมื่อเขาเผชิญหน้ากับไวนีเซน ลินลี่ย์พบว่าเขาไม่มีความสามารถต่อต้านได้เลยแม้แต่น้อย ความแตกต่างในเรื่องพลังของพวกเขามากเกินไป
“ยูนะ, เราอยู่ที่นี่มานานแล้ว เมื่อไหร่เราจะมีโอกาสพิสูจน์ได้ว่าเราประสบความสำเร็จในการสอบ?” บีบีพูดอย่างค่อนข้างกระวนกระวาย กลุ่มของลินลี่ย์รออยู่ที่ชั้นหนึ่งค่อนข้างนานแล้ว ยูนะหัวเราะและกล่าว “อย่าใจร้อน ตอนนี้พวกเจ้าเป็นอสูรแล้ว ไม่ใช่แค่เรื่องง่ายๆ กับการติดเหรียญตราให้พวกเจ้า ยังมีกระบวนการในเรื่องนี้อีก”
ขณะต่อมา....
“คนที่ประสบความสำเร็จในการสอบเป็นอสูรที่ปราสาทจันทราให้ขึ้นไปที่ชั้นสอง!” ทันใดนั้นบุรุษร่างกำยำผมสั้นสีทองเดินลงมาจากบันไดชั้นที่สองของปราสาทอสูร
“รีบๆ เลย” ยูนะพูดพร้อมกับหัวเราะ
“แม่นางยูนะ งั้นเราจะขึ้นไปเดี๋ยวนี้” บีบีหัวเราะ
ทันใดนั้นคนในกลุ่มลินลี่ย์ยี่สิบกว่าคนเดินขึ้นบันไดไปชั้นที่สองของปราสาทอสูร หอประชุมหลักของชั้นที่สองนี้เล็กกว่าหอประชุมใหญ่ชั้นแรก และมีห้องหลายห้องที่นี่เช่นกัน กลุ่มของลินลี่ย์ถูกบุรุษล่ำสันผมสั้นสีทองพาไปที่ห้องดำ
ภายในห้องดำมีคนนั่งอยู่สามคน
“พวกเจ้าทุกคนจงก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าวและเอาแหวนจันทราออกมาขณะรับตราอสูร” หนึ่งในพวกเขาเป็นชายวัยกลางคนชุดดำพูดขึ้นเสียงชัดเจน
ทันใดนั้นผู้เข้าสอบก้าวมาข้างหน้าทีละคนและเอาแหวนจันทราออกมาแลกเริ่มกระบวนการแต่งตั้งอสูร แต่เห็นได้ชัดเจนว่าพิธีการซับซ้อนมากโชคดีที่บุรุษชุดดำดำเนินการได้ค่อนข้างเร็ว และเขาสามารถดำเนินกับแต่ละคนในเวลาไม่กี่นาที
“คนต่อไป!”บุรุษชุดดำกล่าว
ถึงรอบของลินลี่ย์
ลินลี่ย์ยื่นแหวนจันทราของเขาพร้อมกับการผนึกตราอสูรก็เสร็จเช่นกัน
“ชื่อ” บุรุษชุดดำกล่าว
“ลินลี่ย์” ลินลี่ย์กล่าว
และจากนั้นลินลี่ย์รู้สึกว่าตลอดทั้งร่างสั่น ดังนั้นบุรุษชุดดำเรียกสนามพลังเทพของเขาและใช้ตรึงลินลี่ย์ขณะป้องกันบุคคลภายนอก
“ข้าต้องประทับรัศมีวิญญาณของเจ้า” บุรุษชุดดำดึงลูกปัดสีเขียวขนาดปลายเล็บพร้อมกับการพลิกมือ จากนั้นใส่ลูกปัดสีขียวที่ตัวลินลี่ย์ ลูกปัดเขียวเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเทาในระดับที่เห็นได้
ขณะต่อมาลูกปัดทั้งหมดก็เปลี่ยนเป็นสีเทา
“รัศมีวิญญาณ? อะไรกันนี่?” ลินลี่ย์ถามอย่างสงสัย
ผู้อาวุโสชุดดำมองดูเขาจากนั้นพูดอย่างสงบ “นี่คือสิ่งที่เรียกกันว่า ‘หินสะท้อนวิญญาณ’ มันสามารถดูซับรอยพิมพ์ของรัศมีวิญญาณได้ ยอดฝีมือทั้งหมดมีรัศมีวิญญาณแตกต่างกัน ตราบใดที่เรามี ‘หินสะท้อนวิญญาณ’ กับรัศมีวิญญาณของเจ้า เราจะสามารถยืนยันสถานะของเจ้าได้”
ลินลี่ย์อดรู้สึกประหลาดใจไม่ได้
งั้นก็มีของแบบนี้อยู่ในโลกจริงๆ
อย่างไรก็ตามค่อยสมเหตุผล เมื่อเขาอยู่ในทวีปยูลาน นักเล่นแร่แปรธาตุบางคนสามารถสร้างสิ่งของที่ทำให้ลินลี่ย์ประหลาดใจได้ ในแดนนรกทำให้มีความรู้สึกว่าของหลายอย่างที่มีความซับซ้อนมีอยู่
“นี่คือตรานักสู้อสูรของเจ้า ขณะนี้ นี่คือตราอสูรชั้นสองของเจ้าจงผูกสัญญาด้วยเลือดของเจ้า” บุรุษชุดดำสั่ง
เมื่อเห็นเหรียญตราอสูรลินลี่ย์อดทำตาเป็นประกายไม่ได้ นี่คือข้อพิสูจน์ว่าเขาเป็นอสูรคนหนึ่งแล้วในตอนนี้
“ตราอสูรชั้นสอง?” ลินลี่ย์ค่อนข้างประหลาดใจ ตราอสูรชั้นสองนี้คือเหรียญตราสีฟ้าเป็นสิ่งที่ลินลี่ย์ไม่เคยเห็นอสูรใส่มาก่อน
บุรุษชุดดำหัวเราะอย่างใจเย็น “ตราอสูรชั้นสองนี้จะเก็บไว้ที่ปราสาทอสูรของเรา เมื่อตราอสูรชั้นสองของเจ้ากลายเป็นวัตถุไร้เจ้าของ เราจะได้รู้ว่าเจ้าตาย”
ตอนนี้ลินลี่ย์เข้าใจแล้ว
นี่เป็นเพียงของเล่นใช้ตัดสินว่าคนยังอยู่หรือตาย
เขาผูกสัญญาด้วยเลือดทันทีจากนั้นติดตราอสูรหลักไว้ที่อกเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของลินลี่ย์ ลินลี่ย์หลอมรวมตราอสูรนี้เข้ากับเกราะชีพจรป้องกันของเขา ที่สำคัญชุดนี้ไม่มีอะไรมากไปกว่าผลผลิตของเกราะชีพจรป้องกัน
ข้างนอกปราสาทอสูร
“ลินลี่ย์, ในอนาคต เจ้าจะรั้งอยู่ในเมืองรอยัลวิงไหม?” เรจินาพูดกับลินลี่ย์ “ข้าเป็นหนี้เจ้าสองแสนศิลาดำ ขอเวลาสักหน่อยแล้วข้าจะใช้คืนให้” เรจิน่าไม่อยากเป็นหนี้คนอื่น
“ไม่จำเป็น เราจะออกจากเมืองรอยัลวิงในไม่ช้า” ลินลี่ย์พูดตามตรง
“จากไป? เจ้าจะไปไหน?” เรจิน่ารีบกล่าว “ไกลหรือเปล่า?”
ลินลี่ย์เดเลียและบีบีมองกันเอง จากนั้นบีบีหัวเราะให้เรจิน่า “เรจิน่าเราสามคนต้องการเดินทางไปทั่วทวีปเรดบุด และจากนั้นจะข้ามทะเลหมอกดาวและไปทั่วแดนนรกนี้เจ้าถามเรา แล้วอย่างนี้เราไปไกลหรือเปล่า?”
เรจิน่าตกใจหนัก
แม้แต่เทพชั้นสูงหลายคนในแดนนรกก็ยังไม่เคยไปเยี่ยมทวีปอื่น
ที่สำคัญห้าทวีปแต่ละทวีปของแดนนรกกว้างใหญ่ไพศาลมาก พอที่จะสลักโลกเล็กๆ เป็นของตนเองได้ไม่มีเหตุผลพิเศษ คนโดยทั่วไปจะไม่เสี่ยงไปทวีปอื่น
“อย่างนั้น ข้า..แต่ข้า..” เรจินาไม่รู้ว่านางควรจะจ่ายหนี้สองแสนศิลาดำยังไง
“เฮ้ เฮ้ ไม่ต้องรีบร้อน เมื่อเราพบกันอีก ค่อยใช้คืนเราก็ได้” บีบีหัวเราะขณะพูด
“ก็ได้ ขอบคุณจริงๆที่พวกเจ้าช่วยข้าในครั้งนี้” เรจิน่ามองดูตราอสูรที่อกนาง นางอดรู้สึกว่ายิ่งใหญ่ไม่ได้ นางกลายเป็นอสูรคนหนึ่ง..นี่คือสิ่งที่นางใฝ่ฝันมาหลายปีแล้ว
ลินลี่ย์เดเลียและบีบีอำลาเรจินาและจากนั้นไปที่ร้านอาหารเลี้ยงฉลองชัยชนะก่อนจากนั้นกลับไปที่พักของพวกเขา ค่าเช่าห้องที่กลุ่มของลินลี่ย์จ่ายคำนวณปีต่อปี
ภายในลานว่างของที่พักของลินลี่ย์ ทั้งสามคนนั่งอยู่บนโต๊ะหิน
“ตอนนี้เราต้องมาคำนวณให้ดีถึงความมั่งคั่งที่เรามี” บีบีพูดอย่างตื่นเต้น เพียงเขาพลิกมือแหวนมิติก็ร่วงลงบนโต๊ะส่งเสียงดังแหวนทั้งเจ็ดวงส่องแสงภายใต้ดวงอาทิตย์สีแดงเลือดสะท้อนแสง
“ข้าก็มีบางส่วน”เดเลียหัวเราะขณะที่แหวนมิติสองวงร่วงลงบนโต๊ะหิน
เมื่อเห็นเช่นนี้ลินลี่ย์อดหัวเราะไม่ได้
ปฏิบัติการปราสาทจันทราภายใต้คำสั่งของอสูร กลุ่มของลินลี่ย์ช่วยงานในฐานะเป็นหน่วยหน้ากล้าตายและต้องถูกธนูสังหารเทพโจมตีถึงสองระลอก บีบียังรวบรวมศพเทพแท้ได้สี่ศพขณะที่เดเลียรวบรวมได้สองศพ หลังจากพวกเขาร่วมสู้รบหลายครั้ง
และไม่นานนี้ที่ด้านนอกเมืองรอยัลวิงหลังจากฟังประกาศจากไวนีเซน ทุกคนก็เริ่มสู้รบกันเอง
เทพแท้เกือบร้อยคนสู้กันเองจนตายเหลืออยู่เพียงราวๆ สามสิบคน ลำพังกลุ่มของลินลี่ย์ฆ่าได้มากกว่าสิบคน เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะรวบรวมศพเหล่านี้ไว้ได้มากเช่นกัน
“พี่ใหญ่, ท่านมีมากที่สุด” บีบีกล่าว
ลินลี่ย์พลิกมือแหวนเก็บของสิบเอ็ดวงร่วงลงบนโต๊ะหิน บรรดาแหวนสิบเอ็ดวงมีสามวงได้รับจากภายในปราสาทจันทรา ขณะที่อีกแปดวงได้รับมาตอนการต่อสู้ชุลมุน แต่บรรดาแหวนที่มีค่ามากที่สุดก็คือแหวนจันทราดำ!
“สมบัติของแหวนจันทราดำนี้เป็นไปได้ว่าจะมากกว่าแหวนวงอื่นรวมกัน!” ลินลี่ย์ถอนหายใจ
นี่คือแหวนจันทราของนักรบชุดดำที่ตายไป
นักรบชุดดำเป็นเทพชั้นสูงกันทุกคน นอกจากนี้พวกเขายังค่อนข้างฝีมือดี เป็นธรรมดาที่สมบัติของพวกเขาจะมีความสำคัญเช่นกัน
“เราตรวจสอบสมบัติในแหวนจันทราดำนี้แล้วเงินศิลาดำจำนวนหนึ่ง และเฉพาะเงินอะซูไรท์ก็มีมูลค่าเก้าสิบล้านแล้ว นอกจากนี้ยังมีมุกวิญญาณทองและสมบัติอื่นๆซึ่งมีมูลค่าเกินกว่าร้อยล้านศิลาดำ” บีบีพูดอย่างตื่นเต้น “ตอนนี้เรามาตรวจสอบแหวนอื่นกันก่อน”
พวกเขาตรวจสอบแหวนของนักสู้ชุดดำในตอนแรก
แต่แหวนวงอื่นนอกจากสองสามวงแรกเพิ่งถูกตรวจสอบ
“มาเริ่มนับสินค้าของเรากัน”ลินลี่ย์และเดเลียกระตือรือร้นขึ้นมาบ้างเช่นกัน
บนโต๊ะมีกองแหวนมิติเก็บสมบัติ กลุ่มของลินลี่ย์แบ่งออกเป็นสามกองและเริ่มผูกสัญญาเลือดเพื่อตรวจสอบรายการภายใน พวกเขาดึงเงินศิลาดำของมากองใหญ่
“โว้ว, ดีจริง เทพแท้คนไหนเป็นเจ้าของแหวนวงนี้?เขามีเงินมากมายนัก!” บีบีร้องออกมาอย่างประหลาดใจ
ลินลี่ย์และเดเลียเงยหน้าขึ้นมอง
“มากมายยังไง?” ลินลี่ย์กล่าวด้วยความอยากรู้
“พี่ใหญ่, สมบัติของเทพนี้เกินกว่าสิบล้าน”บีบีพูดขึ้นทันที “และแหวนมิตินี้ยังมีประกายเทพแท้อยู่อีกสองสามชิ้น”
แม้แต่พวกเทพที่เข้าร่วมสอบเป็นอสูรโดยทั่วไปก็ค่อนข้างเป็นเทพที่ทรงพลังอยู่แล้วแทบทุกคนจะมีสมบัติติดตัวสองสามแสนศิลาดำ มีเพียงไม่กี่คนที่มีมากกว่าล้านสำหรับพวกที่มีมากกว่าสิบล้านจะหาได้ยากมาก ลินลี่ย์เองตรวจสอบแหวนมิติเก็บของอยู่สี่วงแต่สมบัติทั้งหมดที่เขาพบเจอแค่สองแสนศิลาดำ
“บีบี! หยุดนับได้แล้วตรวจดูของในแหวนวงต่อไปเถอะ” ลินลี่ย์หัวเราะ
พอถึงเวลานี้เดเลียร้องขึ้นประหลาดใจ
“อะไรกันนี่?” ลินลี่ย์กับบีบีมองดูทั้งคู่
หน้าของเดเลียยิ้มตลอด “ลินลี่ย์,ลองเดาซิว่าสมบัติในแหวนนี้มูลค่าทั้งหมดเท่าใด”
บีบีคาดเดา“สิบล้าน?”
เดเลียยิ้มและส่ายศีรษะ
“สิบล้านต่ำเกินไป หรือว่าสูงเกินไป?” ลินลี่ย์รีบถาม
“แน่นอนว่าต่ำเกินไป ไม่ใช่แค่สิบล้าน” เดเลียกล่าว ลินลี่ย์อดตกใจไม่ได้ “ในนี้มีมากเท่าใดกันแน่?”
เดเลียยิ้ม “เงินศิลาดำกับอะซูไรท์รวมกันมีค่าแปดแสน”
“แปดแสนเหรอ?” บีบีจ้องมอง “แต่ท่านบอกว่ามีมากกว่าสิบล้านไม่ใช่หรือ?”
เดเลียหัวเราะ“ข้าไม่ได้หมายความอย่างนั้น แม้ว่าเงินศิลาดำและอะซูไรท์จะมีมากขนาดนั้น อย่างไรก็ตาม แหวนมิติเก็บของนี้มี...” เดเลียหัวเราะและพลิกมือแสดงให้เห็นประกายเทพเหมือนอัญมณีดำสองเม็ด!
พวกเขาสามารถรู้สึกได้จากประกายเทพเหล่านี้
“ประกายเทพชั้นสูง และมีสองชิ้นด้วยหรือ?” ลินลี่ย์กลั้นหายใจด้วยความรู้สึกทึ่ง
เดเลียหัวเราะและพยักหน้า “ใช่แล้ว ชิ้นหนึ่งเป็นสายธาตุลม ขณะที่อีกชิ้นหนึ่งเป็นสายธาตุมืด”
ลินลี่ย์อดรู้สึกดีใจไม่ได้ แต่จากนั้นเขาประหลาดใจ “ประกายเทพชั้นสูงสองชิ้นเทพแท้ไปเอามาได้ยังไง?”
เดเลียอดหยอกล้อเขาไม่ได้ “ลินลี่ย์, ไม่ต้องพูดถึงเขาก็ได้ ขนาดเราก็มีประกายเทพชั้นสูงไม่ใช่หรือ? ทั้งที่เรายังมาถึงแดนนรกไม่นานแต่เราก็มีประกายเทพชั้นสูงของนักสู้ชุดดำแล้ว ทำไมคนอื่นจะมีบ้างไม่ได้?”
“ก็สมเหตุผลนะ” ลินลี่ย์ต้องยอมรับเรื่องนี้
สิ่งที่เขาสามารถทำได้ คนอื่นก็สามารถทำได้ เพียงแต่..นี่เป็นผลประโยชน์ใหญ่ของกลุ่มลินลี่ย์
ขณะต่อมาลินลี่ย์และอีกสองคนได้ทำการประเมินสิ่งของในแหวนมิติเก็บของทั้งหมด แต่แน่นอนว่าพวกเขาไม่สนใจมองดูของเล่นอย่างอื่น กลุ่มของลินลี่ย์เพียงนับสิ่งที่คำนวณได้ง่ายอย่างเงินศิลาดำ อะซูไลท์ ประกายเทพและสิ่งของอื่นๆ
“เราได้ของมูลค่ารวม 120 ล้านศิลาดำ! แต่แน่นอน นั่นยังไม่นับประกายเทพชั้นสูงทั้งสี่ชิ้นที่เรามี” ลินลี่ย์กล่าว
ประกายเทพชั้นสูงทั้งสี่หนึ่งนั้นได้มาจากทวีปยูลาน, ของนักรบชุดดำอีกหนึ่ง และจากในแหวนมิติอีกสองชิ้น
“เดเลีย” ลินลี่ย์มองดูเดเลีย “เดิมทีข้าต้องการซื้อประกายเทพชั้นสูงให้เจ้า แต่ข้าไม่นึกเลยว่าเราจะได้รับประกายเทพชั้นสูงด้วยตัวเองได้จะดีที่สุดเจ้ารีบหลอมรวมประกายเทพนี้ซะ” ลินลี่ย์ให้ประกายเทพชั้นสูงธาตุลมกับเดเลีย
ตั้งแต่เดเลียเริ่มต้นเส้นทางหลอมรวมกับประกายศักดิ์สิทธิ์ ลินลี่ย์จึงต้องช่วยให้นางยกระดับจนไปถึงเทพชั้นสูงให้เร็วเท่าที่เป็นไปได้
สำหรับลินลี่ย์และบีบีพวกเขาอาศัยการรู้แจ้งซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ทำสำเร็จได้ในวันเดียว
“ตกลง” เดเลียพยักหน้าเล็กน้อย
บีบีที่อยู่ใกล้พลิกดูของหลายอย่างที่ไม่ได้ให้ความสนใจก่อนหน้านั้น ที่สำคัญเมื่อตรวจสิ่งของ พวกเขาไม่ได้ตรวจทุกอย่างอย่างระมัดระวัง ตัวอย่างเช่น...ลินลี่ย์และอีกสองคนไม่ได้เปิดดูหนังสือเล่มใดๆ อย่างใกล้ชิด
“พี่ใหญ่, ลองดูซิ นี่อะไร” บีบีค่อนข้างประหลาดใจและดีใจทันที
ลินลี่ย์งงและหันมาดู เขาเห็นบีบีถือหนังสือเล่มหนาในมือและที่หน้าปกมีคำว่า ‘บทสรุปเคล็ดความรู้ลึกลับของกฎธาตุทั้งเจ็ด”