ข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 46 ตราประทับผสานหยินหยางศักดิ์สิทธิ์
ข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 46 ตราประทับผสานหยินหยางศักดิ์สิทธิ์
“ตั้งใจทำความเข้าใจเข้าละ ข้าจะตรวจตราพิภพหมื่นสวรรค์ต่อแล้ว ข้าหวังว่าเมื่อได้พบกันครั้งหน้า เจ้าจะทำความเข้าใจมันได้แล้ว” ฉู่เซวียนกล่าว
“ขอรับท่านผู้อาวุโส!” เหรินชางเหอกล่าวด้วยความเคารพ
ฉู่เซวียนติดตราประทับของกระจกหมื่นสวรรค์บนตัวเหรินชางเหอ
เมื่อเขาตระหนักว่าเหรินชางเหอไม่ได้แสดงปฏิกิริยาต่อตราประทับ เขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ดูเหมือนว่าตราประทับของกระจกหมื่นสวรรค์แม้แต่ผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตสวรรค์สูงสุดก็ตรวจพบไม่ได้
ตามที่คาดเอาไว้กับผลิตภัณฑ์ของระบบ
หลังจากตัดพลังวิญญาณแล้ว กระจกหมื่นสวรรค์ก็ถึงขีดจำกัดในการใช้งาน 3 ครั้งต่อวัน
“โฮสต์ได้ข้ามแผ่นดินไปหลอกลวงเหรินชางเหอสำเร็จ โฮสต์ได้รับรางวัลคือตราประทับผสานหยินหยางศักดิ์สิทธิ์”
รางวัลจากระบบถูกส่งมอบอย่างรวดเร็ว ฉู่เซวียนรีบตรวจสอบตราประทับผสานหยินหยางศักดิ์สิทธิ์ทันที
“จ้องมองห้วงลึกแห่งมหาเต๋าหยินยาง รู้แจ้งวัฏจักรแห่งความเป็นตาย พลิกความตายเป็นชีวิต เปลี่ยนพลังแห่งชีวิตเป็นพลังแห่งความตาย...”
ตราประทับผสานหยินหยางศักดิ์สิทธิ์เป็นวิชาชั้นยอดที่เกี่ยวข้องกับมหาเต๋าแห่งหยินหยางโดยตรง วิชานี้สามารถเปลี่ยนพลังแห่งความตายให้เป็นพลังแห่งชีวิต และสามารถเปลี่ยนพลังแห่งชีวิตให้เป็นพลังแห่งความตายได้อีกด้วย
หากเหรินชางเหอฝึกฝนวิชานี้ ไม่เพียงแต่เขาจะสามารถแก้ไขวิกฤตที่เผชิญอยู่เท่านั้น แต่เหรินชางเหอยังสามารถทะลวงคอขวดพลังยุทธ์ แม้แต่ได้รับความรู้แจ้งเกี่ยวกับมหาเต๋าแห่งหยินหยาง
ฉู่เซวียนรีบใช้ระบบทำความเข้าใจตราประทับผสานหยินหยางศักดิ์สิทธิ์ แล้วได้รับความรู้แจ้งมหาเต๋าแห่งหยินหยางก็พุ่งเข้ามาในจิตใจของเขา
หลังจากที่ฉู่เซวียนเข้าใจวิชาก่อนจะถอนหายใจ มหาเต๋าแห่งหยินยางนั้นลึกลับและคาดเดาไม่ได้ ชีวิตและความตายอยู่พลิกแพลงผันเปลี่ยน เมื่อสำเร็จวิชานี้ พลังยุทธ์จะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลและยากที่จะตกตาย
ตอนที่เขาหลอกลวงเหรินชางเหอ เขาก็ได้เตรียมวิธีการหลอมพลังแห่งความตายเอาไว้แล้ว
หลังจากเก็บตัวมานาน ระบบได้ให้รางวัลเป็นพลังลี้ลับจำนวนมาก หนึ่งในนั้นคือพลังลี้ลับในการหลอมพลังแห่งความตายเพื่อใช้งานเอง
เดิมทีเขาวางแผนที่จะถ่ายทอดพลังลี้ลับนี้ให้เหรินชางเหอ แล้วค่อยคิดหาวิธีที่จะทำให้เหรินชางเหอยอมรับตราประทับเมล็ดวิญญาณ
ตอนนี้เขามี “ตราประทับผสานหยินหยางศักดิ์สิทธิ์” นี้แล้ว ไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่จะบอกว่าการเอาเหรินชางเหอมารับใช้เป็นเรื่องง่ายสำหรับเขา
กุญแจสำคัญคือต้องทำให้อีกฝ่ายเชื่อมั่นในตัวฉู่เซวียนอย่างสุดใจแล้วเปิดใจยอมรับตราประทับเมล็ดวิญญาณโดยไม่ขัดขืน
แน่นอนว่าย่อมต้องมีขั้นตอนและข้อแก้ตัวที่สมเหตุสมผล
ตราบใดที่ฉู่เซวียนฝังตราประทับเมล็ดวิญญาณสำเร็จ ต่อให้อีกฝ่ายค้นพบความผิดปกติในภายหลัง ทุกอย่างก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นด้วยความลี้ลับของตราประทับเมล็ดวิญญาณ เหรินชางเหอเองก็ไม่น่าที่จะค้นพบร่องรอยใดๆ ได้
หมื่นกระจกสวรรค์ได้เข้าสู่สถานะคูลดาวน์ เนื่องจากถึงขีดจำกัดการใช้งาน ฉู่เซวียนจึงไม่สามารถติดต่อเหรินชางเหอได้ในเวลานี้
เขาต้องให้เวลาชนรุ่นหลังทำความเข้าใจความลึกลับของสถานที่นั้น
ฉู่เซวียนเริ่มฝึกฝนตราประทับผสานหยินหยางศักดิ์สิทธิ์ พลังแห่งชีวิตในร่างกายพลันกลายเป็นพลังแห่งความตายทำให้แมววิญญาณสวรรค์สะดุ้งโย้ง
วิหคทองคำเขย่านภาและบุปผากลืนวิญญาณมาเกาะกลุ่มกันรอบตัวฉู่เซวียนด้วยความอยากรู้อยากเห็น
พลังแห่งความตายแผ่กระจายไปทั่ว ฉู่เซวียนดูกลายเป็นซากศพที่ตายไปแล้วหลายหมื่นปี
ทันใดนั้นพลังแห่งความตายก็พลิกกลับเป็นพลังแห่งชีวิต
วัฏจักรแห่งความเป็นตาย!
พลิกความตายเป็นชีวิต พลิกชีวิตเป็นความตาย!
ระหว่างที่ยังรอบุตรแห่งโชคชะตามาที่บ้าน ฉู่เซวียนก็ใช้กระจกหมื่นสวรรค์เพื่อเชื่อมต่อกับแผ่นดินต่างๆ ไปพลางๆ
เนื่องจากการเชื่อมต่อแต่ละครั้งเป็นแบบสุ่ม หลายวันมานี้เขาเลยเชื่อมต่อกับสถานที่ดีๆ ไม่ได้เลย
ไม่เชื่อมต่อกับทะเลทรายก็เป็นมหาสมุทร
แถมเคยเชื่อมต่อกับเกาะร้างที่ปราศจากวี่แววของสิ่งมีชีวิต
แม้ว่าจะเชื่อมต่อกับสถานที่ที่สัตว์อสูรแต่พวกมันเป็นแค่สัตว์อสูรระดับต่ำเท่านั้น สัตว์อสูรที่แข็งแกร่งที่สุดเทียบเท่ากับผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตว่างเปล่า ด้วยเหตุนี้จึงไร้ค่าหรือมีความสำคัญที่จะสานสัมพันธ์กับสัตว์อสูรเหล่านั้น
ฉู่เซวียนไม่รู้ว่าเหรินชางเหอทำความเข้าใจไปแค่ไหนแล้ว เขาได้แต่ระงับความคิดที่จะอยากรู้อยากเห็น เขาจะรอจังหวะเหมาะเพื่อหลอกลวงเหรินชางเหออีกครั้ง
ภายในถ้ำแห่งหนึ่งในแคว้นจื่อเยว่ หู่ฉวนดูไม่สบายใจ
เมื่อไม่นานมานี้เขาเพิ่งถูกทูตของจักรวรรดิต้าเชี่ยตำหนิอย่างหนัก ผู้หนุนหลังของเขาเองก็ไม่พอใจกับความไร้ความสามารถของเขา
ผู้หนุนของเขาถึงกับขู่ว่าจะถอดถอนเขาออกจากตำแหน่งจ้าวนำลัทธิมารแห่งแคว้นจื่อเยว่
ตามรูปการณ์ปกติ เมื่อลัทธิมารได้รับความสูญเสียอย่างหนัก จักรวรรดิต้าเชี่ยจะจัดสรรทรัพยากรจำนวนหนึ่งเพื่อสร้างลัทธิมารขึ้นมาใหม่ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตามคราวนี้ไม่มีการจัดสรรทรัพยากรให้อีกต่อไป
ไม่ใช่ว่าจักรวรรดิต้าเชี่ยไม่ต้องการจัดสรรทรัพยากรเพื่อสร้างลัทธิมารขึ้นมาใหม่ แต่เพราะพวกเขาไม่เชื่อมัน่ในความสามารถของหู่ฉวนต่างหาก
หากแค่นั้นก็คงไม่เป็นไร แต่ที่ทำให้หู่ฉวนกังวลคือกระแสใหม่ที่คุนหวู่ปลุกปั่นขึ้นในหมู่ผู้ฝึกยุทธ์มารนั่นแหละ
จักรพรรดิมารกำลังมีสีหน้าดำคร่ำเครียดแทบจะเป็นบ้าอยู่แล้ว
ว่ากันว่าจักรพรรดิมารกำลังสืบสวนทุกอย่างที่เกี่ยวกับคุนหวู่อยู่ ด้วยเหตุนี้หู่ฉวนจึงกังวลมากว่ามันจะถูกสืบย้อนกลับมาหาเขา
ถึงแม่หู่ฉวนจะไม่ใช่คนยุยงคุนหวู่ แต่เหตุมันเกิดขึ้นในช่วงเขาจ้างคุนหวู่ ดังนั้นหากพบความจริงนี้ เขาไม่รู้ตัวจะรอดตัวไปได้อย่างไร
ด้วยความโกรธแค้นของจักรพรรดิมาร ท่านผู้นั้นคงยอมฆ่าผิดตัวดีกว่าปล่อยเขารอดตัวไป
หู่ฉวนอาจจะถูกทรมานเพื่อค้นหาผู้บงการที่แท้จริงที่หนุนหลังคุนหวู่
หู่ฉวนรู้สึกหวาดกลัวจับใจ
ถึงแม้หู่ฉวนจะพบกับคุนหวู่อย่างลับๆ แม้ว่าจะบุคคลอื่นจะค้นพบความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขา แต่ในโลกนี้มีพลังลี้ลับสืบค้นพิศวงนับไม่ถ้วน เขารู้ว่าหน้าต่างมีหูประตูมีช่อง หู่ฉวนรู้สึกว่คงจะปิดซ่อนไว้ไม่ได้นาน
พลังยุทธ์ของเขาก็เกือบจะธาตุไฟเข้าแทรกเพราะเรื่องนี้!
ล้วนแต่เป็นความผิดของตระกูลฉู่!
ความเกลียดชังของหู่ฉวนที่มีต่อตระกูลฉู่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนถึงระดับที่ไม่สามารถสะกดกลั้นได้อีกต่อไป
หู่ฉวนหยิบลูกปัดวิญญาณโลหิตออกมาแล้วมองดูอยู่สักพัก
เขากัดฟันตัดสินใจ
ว่านฉางมองดูภารกิจที่หอจันทร์ทมิฬเพิ่งได้รับ
ภารกิจนี้มาจากขุมอำนาจในแคว้นจื่อเยว่
จ้าวลัทธิมารแห่งแคว้นจื่อเยว่ได้ใช้เงินจำนวนมหาศาลเพื่อว่าจ้างหอจันทร์ทมิฬให้ช่วยตรวจสอบการป้องกันของอาณาเขตรวมถึงแผนผังของอาณาเขตตระกูลฉู่
ความตั้งใจของหู่ฉวนชัดเจนมาก เขาต้องการทำความคุ้นเคยกับอาณาเขตตระกูลฉู่ก่อนจะเริ่มบุกโจมตีตระกูลฉู่อย่างสายฟ้าแลบ
ว่านฉางอยากรู้มากว่าแม้แต่จ้าวลัทธิมารแห่งแคว้นฉินอย่างลู่หวังก็ยังไม่เต็มใจที่จะใช้เงินจำนวนมหาศาลเช่นนี้เพื่อว่าจ้างหอจันทร์ทมิฬให้ช่วยตรวจสอบอาณาเขตตระกูลฉู่
แต่เหตุใดหู่ฉวนถึงใช้เงินหมดหน้าตักแบบนี้?
หู่ฉวนมีอาฆาตอะไรกับตระกูลฉู่?
หอจันทร์ทมิฬจะยอมรับคำขอไม่มีเป็นคำขอเช่นไรตราบใดที่อีกฝ่ายจ่ายได้
เมื่อหอจันทร์ทมิฬยอมรับคำขอ พวกเขาจึงจะต้องดำเนินการให้เสร็จสิ้นทันที
ชื่อเสียงของหอจันทร์ทมิฬนั้นสำคัญที่สุด
ว่านฉางสั่งให้หน่วยลับของหอจันทร์ทมิฬรีบตรวจสอบสถานการณ์ของอาณาเขตตระกูลฉู่ทันที
สำหรับหอจันทร์ทมิฬ แม้ว่าความแข็งแกร่งของตระกูลฉู่จะไม่อ่อนด้อยแต่ใช่ว่าจะยากนักที่จะตรวจสอบอาณาเขตตระกูลฉู่
หากหอจันทร์ทมิฬไม่สามารถแม้แต่จะจัดการเรื่องแค่นี้ได้ หอจันทร์ทมิฬจะปักหลักอย่างมั่นคงในแผ่นดินหนานโจวได้อย่างไร?
บุคลากรหน่วยลับทุกคนของหอจันทร์ทมิฬได้ผ่านการฝึกฝนมาอย่างมืออาชีพ พวกเขาอาจไม่แข็งแกร่งแต่พวกเขามีฝีมือในการหลบหนี ซ่อนตัว และปกปิดพลังสูงมาก
สมบัติวิเศษที่พวกเขาครอบครองก็ทำให้ผู้คนนับไม่ถ้วนอิจฉาได้
ขั้นต่ำนั้นแต่ละคนต้องมีลูกปัดมิติหลบหนีติดตัว
นอกจากนี้ยังมีสมบัติซ่อนเร้น สมบัติตรวจจับ สมบัติปกปิด สมบัติปลอมตัว เป็นต้น
และชุดที่หอจันทร์ทมิฬสร้างขึ้นให้บุคลากรหน่วยลับแต่ละคนก็เป็นพิเศษอย่างยิ่ง
ด้วยชุดนี้ ไม่ใช่เรื่องยากเกินจริงเลยสำหรับบุคลากรขอบเขตวิญญาณจะลอบเข้าไปในอาณาเขตตระกูลฉู่ สอดแนมแผนผังของอาณาเขตและระบุตำแหน่งป้องกันหลัก
ต้องไม่ลืมว่าตระกูลฉู่ไม่ได้อยู่ในสถานะตื่นตัวแล้ว
บุคลากรหน่วยลับของหอจันทร์ทมิฬปฎิบัติการล้มเหลวต่ำมาก แถมระดับปฎิบัติการยังถูกแบ่งออกเป็นระดับต่างๆ
ได้แก่ ระดับทั่วไป ระดับชั้นยอด ระดับทองแดง ระดับเงิน ระดับทอง เป็นต้น
บุคลากรของหน่วยลับที่อยู่เหนือระดับทองแดงมักจะเก่งในการลอบสังหาร พวกเขาจึงมักจะยอมรับแต่ภารกิจลอบสังหารเป็นส่วนใหญ่
ว่านฉางเองก็เป็นบุคลากรของหน่วยลับระดับทองแดง
นอกจากบุคลากรของหน่วยลับที่เผยหน้าอย่างเป็นทางการ หอจันทร์ทมิฬยังเลี้ยงดูสายลับ ผู้ให้ข้อมูล และบุคลากรอื่นๆ อีกด้วย
หอจันทร์ทมิฬได้เปิดก่อตั้งขึ้นหลายปีนับไม่ถ้วนและได้พัฒนาการค้าหลากหลายอย่าง ดังนั้นการฝึกฝนบุคลากรก็เพื่อการค้าเช่นกัน
ไม่ว่าจะเป็นบุคลากรฝ่ายพลาธิการที่รับผิดชอบการหลอมสร้างสมบัติ ปรุงโอสถ และเก็บรวบรวมสมบัติล้ำค่าแห่งฟ้าดิน เป็นต้น
หอจันทร์ทมิฬยังอยู่ในแวดวงการค้าขายทรัพยากรฝึกยุทธ์ด้วยเช่นกัน เนื่องจากการค้าที่หลากหลาย หอจันทร์ทมิฬจึงจำเป็นต้องมีตัวตนทรงอำนาจเพื่อดูแลรากฐานและปกป้องผลประโยชน์
ดังนั้นจึงต้องมีบุคลากรของหอจันทร์ทมิฬที่รับผิดชอบในการปกป้องดูแลผลประโยชน์ความปลอดภัยทางการค้า
บุคลากรเหล่านี้อาจไม่เก่งเรื่องอื่นแต่พวกเขาเก่งกาจในการสู้รบ