ทาสแห่งเงา บทที่ 89 กระดูกอสูร (ฟรี)
ซันนี่มีสิ่งที่ต้องทำมากมายก่อนพระอาทิตย์จะตก
หลายๆส่วนของแผนยังคงหมุนวนอยู่ในหัวจนปวด เขาต้องจดจ่ออยู่ตลอดเวลา เพื่อป้องกันไม่ให้ลืมอะไรแม้แต่อย่างเดียว และเมื่อแค่การจดจ่อมันไม่พอ เขาก็ต้องใช้ความเจ็บปวดเข้ามาช่วย
มือและแขนเต็มไปด้วยรอยกัดอันน่าสยดสยอง หากไม่มีการสานเลือดแล้วล่ะก็ ซันนี่คงจะสลบไปเพราะเสียเลือดมากเกินไปแล้วด้วยซ้ำ แต่ถึงอย่างนั้น ในตอนนี้ที่สีหน้าของเขาซีดเผือดจากความอ่อนเพลีย พร้อมด้วยแววตาอิดโรย เขาน่าจะเหมือนผีดิบมากกว่าคน
โชคดีที่แคสซี่ไม่เห็นสภาพของเขา
ไม่ต้องใช้เวลาโน้มน้าวแคสซี่มากนักให้เข้าร่วมแผนการแปลกๆ ของพวกเขา สภาพของเด็กสาวตาบอดในตอนนี้ย่ำแย่กว่าเขาหรือเนฟเสียอีก เธอดูแทบจะไม่ไหวแล้ว สติของเธอดูเลือนลางและอ่อนล้า ในใจของซันนี่เต็มไปด้วยความกังวล
‘ทำไมเธอถึงได้รับผลกระทบมากกว่าพวกเรากัน? หรือเพราะว่าพวกเรามีชื่อแท้จริง แต่เธอไม่มีอย่างนั้นเหรอ?’
เพราะไม่ว่าอย่างไรแล้ว ชื่อนั้นก็เป็นสิ่งที่เอาไว้ยึดเหนี่ยวตัวตน หรือว่าชื่อแท้จริงนั้นจะมีหน้าที่เหมือนกันในเรื่องของเวทมนตร์ด้วย?
เขาไม่รู้
ซันนี่พาแคสซี่เดินไปยังซากของอสูรเกราะเหล็ก เนฟฟีสนั้นกำลังง่วนอยูกับการแงะเกราะออกมาจากหลังของมัน ดาบเงินของเธอดูจะสามารถตัดผ่านแผ่นเหล็กเปราะๆนั่นได้ ทำให้งานนี้ดูไม่ยากเกินกว่าที่กลัว
เขาค่อยๆจูงเด็กสาวให้นั่งลงตรงจุดที่เนฟสามารถมองเห็นเธอได้ จากนั้นเขาก็ปีนขึ้นไปบนซากและประเมินความคืบหน้า
เธอหันมามองพร้อมขมวดคิ้ว
“นายไม่คิดจะช่วยเลยรึไง? นี่มันไอเดียของนายเองนะ”
ซันนี่ยักไหล่
“ไว้ก่อนละกัน เธอดูจะสนุกอยู่นี่ เป็นโปรเจ็คต์เล็กๆ สนุกๆ แก้เบื่อใช่มั้ยล่ะ?”
เธอกระพริบตาปริบๆ ก่อนจะตอบ
“คงงั้น”
ซันนี่พยักหน้า และมองลงไปยังจุดที่เกราะของอสูรถูกแงะออกจนเหลือเพียงเนื้อเปล่าๆ เลือดสีฟ้าจับตัวเป็นก้อน มันสีเข้มขึ้นและแข็งราวกับหิน แต่ว่าชั้นไขมันสีขาวที่กระจัดกระจายไปทั่วนั้นยังคงอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์แบบ
“อันที่จริง ฉันมีแผนอื่นอยู่อีก”
เนฟฟีสเลิกคิ้ว
“เหรอ?”
ซันนี่เรียกดาบออกมาและเดินเข้าไปใกล้แผ่นเกราะของสัตว์อสูร
“อา ฉันอยากทำเทียน”
เมื่อพูดจบ เขาก็เริ่มผ่าแยกก้อนไขมันออกจากกล้ามเนื้อที่แข็งตัว
เนฟกระพริบตาปริบๆ แล้วหันไปหาแคสซี่
“เฮ้ แคส ซันนี่เป็นบ้าไปแล้วรึไง?”
เด็กสาวตาบอดเงยหน้าขึ้นไปหาต้นเสียง
“หืม? เอ่อ… ไม่รู้เหมือนกัน ฉันว่าเขาน่าจะแค่เบื่อ”
ซันนี่ต้ังอกตั้งใจกับงานที่อยู่ตรงหน้า ไม่สนใจพวกเธอแม้แต่น้อย เขาเผลอไปคิดเล่นๆว่าจะเอาใบมีดของเสี้ยวกึ่งราตรีเฉือนตัวเองเล่น แต่ก็โยนความคิดนั้นทิ้งไป การตัดผ่านผ้าห่อศพของนักเชิดหุ่นนั้นเป็นเรื่องยาก และเขาจะยกเลิกเกราะต่อหน้าสาวๆ ไม่ได้
อืม… หรือเอาจริงๆ คือ เขาไม่อยาก
ซันนี่พร้อมก้อนไขมันขนาดใหญ่ของสัตว์อสูรในมือกระโดดลงไปยังกองใบไม้
การทำเทียนจากไขมันสัตว์นั้นไม่ใช่เรื่องยาก เขาก็แค่ต้องการไฟ น้ำ และเวลา ไส้เทียนนั้นสามาถทำมาจากสาหร่ายได้ และแม้มันอาจจะดูไม่สวย แต่เขาก็ไม่สนใจเรื่องความสวยงาม
เขาทิ้งเนฟฟีสและแคสซี่เอาไว้ และรุดกลับไปที่แคมป์
ดวงตะวันขึ้นสูงกลางฟ้าแล้ว
เขาใช้เวลาที่เหลือของวันเพื่อทำอยู่สองสิ่ง เฝ้าดูความคืบหน้าของเทียน และวนไปรอบๆ เกาะเพื่อหาใบไม้ที่ร่วงให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
และเป็นระยะ เขาก็จะผ่านตาเนฟฟีสที่กำลังทำเรืออยู่ ซึ่งบางครั้งก็เรียกให้แคสซี่ไปช่วยงานเธอเล็กๆ น้อยๆ จากที่เห็น การสร้างเรือนั้นกำลังไปได้สวย ดาราผันแปรรู้ดีว่าตัวเองกำลังทำอะไร
แน่นอนว่า ที่มันเป็นไปได้นั้นเพราะเขาโน้มน้าวในเธอเชื่อว่าสิ่งนี้ทำเพื่อความสนุกเท่านั้น หากว่าสาวๆ รู้ว่าซันนี่วางแผนจะสร้างเรือเพื่อหลบหนีไปจากเนินขี้เถ้ายักษ์ ผลของแรงสะกดจะคอยลบความทรงจำของพวกเธอ ทำให้ไม่มีทางจะทำเสร็จได้
และเพราะมันเป็นอย่างนี้ ซันนี่จึงเป็นคนๆ เดียวที่รู้จุดประสงค์ที่แท้จริงของเรือ นั่นเป็นเหตุว่าทำไมเขาจึงต้องรับภาระทางจิตใจจากต้นไม้วิญญาณเต็มที่เพียงลำพัง
ราวกับว่าเขาจะตายให้ได้จากความอ่อนแรง ภายในหัวนั้นราวกับเต็มไปด้วยโลหะเหลว ภาพเบื้องหน้าเริ่มพร่ามัว
แต่ถึงอย่างนั้น ซันนี่ก็ไม่ไม่ยอมแพ้ ไม่ว่าจะเหนื่อยแค่ไหน ถึงเขาอยากจะปล่อยวางความเจ็บปวดนี้และกลับไปไม่รู้เรื่องรู้ราวเหมือนเดิมมากเพียงไหน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ตั้งความคิดไปอยู่ที่อย่างเดียวและอย่างเดียวเท่านั้น
การหนีไปให้พ้นจากเงื้อมมือของผู้กลืนวิญญาณ
ในที่สุด พร้อมกับกลางคืนที่ใกล้เข้ามา เรือก็เสร็จพอดี
ซันนี่ในตอนนี้ที่ดูเหมือนกับซากศพเดินได้ ค่อยๆ เดินเข้าไปที่ซากของสัตว์อสูรที่ตอนนี้ถูกผ่าแบ่งและแยกเป็นชิ้นๆ ราวกับมีนักแยกส่วนสติเฟื่องมาแยกส่วนสิ่งมีชีวิตยักษ์นี้และลืมเย็บมันกลับ
เนฟฟีสมองมาทางเขาด้วยความกังวล
"ซันนี่… นายโอเครึเปล่า?"
เขายิ้มด้วยความอ่อนแรง ยักไหล่
“ฉันสบายดี ถ้าเทียบกันแล้วล่ะนะ”
แต่เขาไม่ได้บอกว่าเทียบกับอะไร
ซันนี่หันไปมองเรือด้วยสีหน้าพึงพอใจแต่มืดหม่น
มันไม่ใช่… อย่างที่เขาจินตนาการไว้
ตัวเรือทำมจากแผ่นโลหะขัดเงา มีหนามแหลมยื่นออกมาทุกทิศทาง แผ่นโลหะถูกยึดด้วยเชือกสีทองที่มัดแน่น ดาราผันแปรทำให้ช่องว่างระหว่างแต่ละชิ้นส่วนนั้นเล็กมากจนน้ำซึมเข้าไม่ได้
เสากระโดงเรือทำมาจากสันหลังและซี่โครงของอสูร และมีเสื้อคลุมเสริมเวทมนตร์ของแคสซี่ที่ทำหน้าที่เป็นใบเรือ มันมีกระทั่งใบพายเพื่อบังคับทิศทางเป็นหางเรือ โดยใช้ส่วนปลายของเคียวยักษ์
ตอนแรกเขาคิดว่าน่าจะได้เห็นแพชั่วคราว แต่สิ่งที่เขาเห็นตรงหน้านั้นมันคือเรือจริงๆ ก็ใช่มันดูหยาบ… แต่มันก็แข็งแรง ดูน่าขนลุกและยอดเยี่ยมอย่างน่าประหลาด
‘ล่องในทะเลต้องสาปบนเรือกระดูกอสูร… เหมือนเป็นจุดเริ่มต้นตำนานยังไงยังงั้น’ เขาคิด ถูกดึงดูดใจโดยเรือกระดองอสูรนี้
เนฟฟีสมองเขาด้วยความพึงพอใจ
“พอใจหรือยัง? แล้วไงต่อ?”
ซันนี่รวบรวมความคิด
‘ตอนนี้…’
ทันทีที่เขาพยายามคิดว่าจะทำอะไรต่อไป จู่ๆราวกับว่ามีอะไรบางอย่างมาปิดกั้นความคิด ปกปิดไม่ให้คิดต่อได้อีก
'ตอนนี้ เรา… เรา… '
ไม่ว่าเขาจะพยายามแค่ไหน ซันนี่ก็จำไม่ได้ว่าเขาต้องการทำอะไร
ขมวดคิ้ว เขากัดลงไปที่ฝ่ามือโทรมๆ ของตน รสของเลือดกลบอยู่ในปาก
แต่กระทั่งความเจ็บปวดก็ไม่ช่วยอะไร
ซันนี่ยิ้มอย่างขมขื่นและคุกเข่าลง วางมือลงบนพื้น ก่อนจะเรียกเสี้ยวกึ่งราตรีออกมา เขายกมืออีกข้างขึ้นและกระแทกด้ามดาบลงเข้าใส่โดยไม่ลังเล
ในตอนที่กระดูกนิ้วเธอแตกเป็นเสี่ยงๆ คลื่นความเจ็บปวดก็ถ่าโถมเข้าใส่จิตใจของเขา ทำลายอุปสรรคในหัวออกไป
‘ตอนนี้เราต้องออกไปจากที่นี่!’
PS: วันนี้ได้ตอนเดียวเองนะครับ
PS2: ต่อไปจะกำหนดเวลาลงเป็น 19.30 น. ทุกวันนะครับ 2 ตอนเป็นอย่างต่ำ ถ้าน้อยกว่า 2 ตอน จะแจ้งให้ทราบนะครับ