ตอนที่ 468 พลังเกลียวอยู่ไหน
ร่างของถังเทียนมีพลังงานในกายเป็นศูนย์ซึ่งหาได้ยาก แต่จิตวิญญาณยุทธของเขายังคงบริสุทธิ์เรื่องนี้ในสายตาทุกคนเป็นเรื่องที่มิอาจหยั่งถึงได้เลย
แม้จนถึงบัดนี้นักสู้ก็ยังไม่เข้าใจแก่นแท้ของจิตวิญญาณยุทธอย่างเต็มที่ แต่ไม่มีข้อสงสัยเลยว่ามีความเกี่ยวโยงกันอย่างสูงระหว่างจิตวิญญาณยุทธกับพลังภายใน ตัวอย่างเช่นสนามพลังวิญญาณของเซียนนักสู้ก็คือการใช้จิตวิญญาณยุทธแทนกฎธรรมชาติและเลียนแบบพลังงาน
และสิ่งที่ทำให้ทุกคนรู้สึกงงงันก็คือถังเทียนจะสู้ได้อย่างไร? ไม่สำคัญว่าจิตวิญญาณยุทธจะบริสุทธิ์แค่ไหน เมื่อไม่มีพลังงานก็ไม่มีทางสร้างสนามพลังวิญญาณได้ อย่างนั้นจะใช้อะไรได้?
อย่างไรก็ตาม ถังเทียนแสดงให้พวกเขาเห็นอย่างรวดเร็วความสามารถในการรบที่น่ากลัวของเขา
คนแรกที่ต้องเจ็บตัวภายใต้มือมารของเขาก็คือเหออี้หมิง
การเสียทีเมื่อตอนถูกไล่ล่านานแล้วนั้น ถือว่าทำให้เขาเสียศักดิ์ศรีและเมื่อเหออี้หมิงได้ยินว่าถังเทียนต้องการให้เขาเป็นคู่ซ้อมมือ เขาวิ่งเข้าไปอาสาโดยไม่พูดอะไรต่อไป
นอกจากจะพิสูจน์ตนเองแล้วเซียนกระบี่เหอยังมีแผนการของตนเอง เนื่องจากมีเซียนนักสู้มากมายนั่นคือวิธีที่เขาจะพิสูจน์ตนเอง มันมีข้อสงสัยที่น่าคิด วิธีที่ง่ายที่สุดก็คือให้หนุ่มน้อยถังยอมรับความสามารถของเขา
เนื่องจากเกี่ยวข้องกับการแก้แค้นและสามารถฉวยโอกาสเอาเปรียบได้ เหออี้หมิงต้องการสู้จริงๆเพื่อแสดงฝีมือของเขา
แม้ว่าถังเทียนจะแปลกประหลาดมาก แต่เหออี้หมิงก็ยังเชื่ออย่างหนักแน่นการเป็นเซียนคือจุดหมายปลายทางของชีวิตนักสู้
เหออี้หมิงฝึกวิชากระบี่ และสนามพลังวิญญาณของเขาเรียกว่าคล้อยลม เมื่อสนามพลังวิญญาณเริ่มทำงาน เขาสามารถรู้สึกได้ถึงความปั่นป่วนในอากาศรอบตัวระยะห้าร้อยฟุตและวิชากระบี่ของเขามีนามว่ากระบี่คล้อยลมเขาสามารถหาจุดอ่อนของคู่ต่อสู้ได้จากความผันผวนในอากาศแม้เพียงเล็กน้อย
วิชากระบี่ของเขาสามารถปลดปล่อยพลังที่น่าอัศจรรย์ได้ตราบเท่าที่ยังมีอากาศ
เขาไม่กล้าประมาทกระตุ้นสนามพลังวิญญาณจนถึงระดับสูงสุด เขาชี้ปลายกระบี่มาที่ถังเทียน และมีสีหน้าเคร่งขรึม
ถังเทียนกระตือรือร้นมากเมื่อเร็วๆ นี้เขาก็เพิ่งถูกทุกคนทรมานมาเหมือนกันและการทดสอบแปลกประหลาดทั้งหมดทำให้เขารู้สึกตัวเหมือนเป็นสัตว์ในคณะละครสัตว์ มีการทดสอบมากมายที่น่าเบื่อระอา ที่สำคัญที่สุดยิ่งผ่านการทดสอบมากก็ยิ่งทำให้เขาคุ้นเคยกับร่างใหม่ของเขามากขึ้น
ความต้องการสู้ของเขารุนแรงมาก
จะเกิดอะไรขึ้นกับความต้องการสู้อย่างกะทันหันของข้า...
เขาจ้องมองเหออี้หมิงจริงจัง หมัดของเขากำแน่นจนเสียงกระดูกลั่นเขาตะโกนลั่น “ข้าบุกละนะ”
ก่อนเขาพูดจบ อากาศต่อหน้าเขาระเบิดออกทันทีและคลื่นหมอกขาวระเบิดสนั่นกระจายตัวขยายเป็นวงออกไป
มันเป็นการทะลุผ่านกำแพงเสียง
แม้ว่าทุกคนจะรู้ว่าความเร็วของถังเทียนทะลุผ่านกำแพงเสียงไปแล้วแต่เมื่อเผชิญหน้ากับความรู้สึกถึงแรงกดดันที่รุนแรง นั่นทำให้แม้แต่เหออี้หมิงต้องหรี่ตา
เร็วมาก!
กระแสอากาศที่ปั่นป่วนและบ้าคลั่งในสายตาของเหออี้หมิงสามารถเห็นได้ชัดเจน เขาสามารถตัดสินจุดอ่อนของถังเทียนได้ชัดเจนเขาสะบัดข้อมือเพื่อควงกระบี่
แม้ว่าถังเทียนจะไม่มีปราณแท้ทำให้เขาไม่สามารถสร้างสนามพลังวิญญาณได้ แต่จิตวิญญาณยุทธที่บริสุทธิ์ของเขาทำให้สัญชาตญาณและการตัดสินใจของเขาถึงระดับที่มิอาจคาดคิดได้
ข้อมือเหออี้หมิงเพิ่งจะขยับก่อนที่กระบี่จะสามารถพุ่งออกมา สายตาถังเทียนเบิกกว้างอย่างรวดเร็ว เขาเห็นจุดที่กระบี่เล็งเป้าหมายเขาสลับก้าวและหมอบลงทันที
การเปลี่ยนแปลงของถังเทียนทำให้เหออี้หมิงพูดไม่ออก กระบี่นี้ยังไม่ทันเคลื่อนไหวด้วยซ้ำ!
อย่างไรก็ตามเขายังเป็นเซียนนักสู้คนหนึ่งและมีประสบการณ์ต่อสู้โชกโชนจึงยังสงบอยู่ได้ ถังเทียนมีจุดอ่อนมากมาย ไม่มีสนามพลังวิญญาณตลอดทั้งร่างของเขาก็เต็มไปด้วยช่องว่าง เหออี้หมิงสะบัดข้อมืออีกครั้ง ปลายกระบี่สั่นและเตรียมโจมตี
สายตาของถังเทียนมีประกายยิ่งกว่าเดิม ร่างของเขาเหมือนกับใบไม้ในสายลมเคลื่อนไหวได้เกินกว่าจะบรรยาย
ไม่ว่าจะมองในแง่ไหน ก็ไม่นับว่าเป็นการตอบโต้ที่ดี ในการสู้จริงการทำตัวให้ใหญ่กว่าหมายถึงการเปิดเผยช่องว่างมากขึ้นเพราะถังเทียนทำเช่นนั้น จึง...
จุดอ่อนบนปลายกระบี่ของเหออี้หมิงหายไป
เหออี้หมิงรู้สึกยากจะทนทานได้ เขาสะบัดข้อมือตำแหน่งปลายกระบี่เปลี่ยนไปอีกครั้งหนึ่ง
นึกไม่ถึงว่าถังเทียนเป็นเหมือนมนุษย์สปริง เขากลับมาอยู่ในท่าปกติและเหมือนกับเป็นนักทำนาย เขาคาดการณ์ความเคลื่อนไหวครั้งต่อไปได้ ปลายกระบี่ของเหออี้หมิงแค่ชะงักก็เคลื่อนไหวได้ต่อเนื่อง
ในช่วงเวลาสั้นๆทั้งสองคนเคลื่อนไหวรวดเร็วราวกับสายฟ้า พวกเขาเปลี่ยนวิชาต่อเนื่องกันถึงห้าครั้งเหงื่อปรากฏที่หน้าผากของเหออี้หมิง กระบี่ในมือไม่อาจแทงออกไปข้างหน้าได้
ถังเทียนพุ่งเข้ามาข้างหน้าเขาและใช้หมัดโจมตีใส่อย่างไม่มีอะไรซับซ้อน
สีหน้าของเหออี้หมิงเปลี่ยน เขายกกระบี่ตั้งป้องกันไว้ หมัดกระแทกใส่กระบี่อย่างรุนแรง
เหออี้หมิงรู้สึกเหมือนกับว่ากำลังทนต่อสู้กับสัตว์ป่าที่ดุร้าย ในที่สุดเขาก็รู้สึกได้ถึงพลังที่สามารถโจมตีใส่เป้าหมายเลขสิบสามที่หนาถึงสิบสองเซนติเมตร
ร่างของเขาปลิวละลิ่ว
ถังเทียนกระแทกพื้นทันใดระเบิดพลังพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วปัง.. เขาทลายกำแพงเสียงอีกครั้ง บังเกิดเป็นภาพเงาวิ่งตามและเขามาปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าเหออี้หมิง
ปล่อยหมัดและเตะ!
ทั้งหมดนั้นเป็นวิชาหมัดมวยพื้นฐาน แต่กลับต่อยออกมาด้วยความถี่สูงที่ตาของเหออี้หมิงก็มองไม่ทัน และที่ย่ำแย่ที่สุดก็คือทุกๆการโจมตีนั้นรุนแรงและหนักหน่วงขึ้น เหออี้หมิงรู้สึกว่าร่างของเขากำลังถูกฝูงสัตว์ป่าเหยียบย่ำอย่างบ้าคลั่ง
จู่โจม
คลื่นความเจ็บปวดแล่นออกมาจากปลายคาง ก่อนที่เขาจะหมดสติเหออี้หมิงก็ยังไม่เข้าใจว่าเขาแพ้ได้อย่างไร
ปัง!
เหออี้หมิงปลิวออกไปราวกับกระสอบทรายลอยโด่งร่วงลงมากระแทกกับพื้นหมดสติทันที
พื้นที่รอบๆ เงียบราวกับป่าช้า
ทุกคนตกตะลึง ปากของพวกเขาอ้าค้างกว้าง ขณะที่พวกเขาจ้องมองถังเทียนอย่างว่างเปล่า เงียบขนาดได้ยินเสียงเข็มตก
นาฬิกาจับเวลาของหวังซวนบอกเวลาต่อสู้ไว้ชัดเจน 6.8 วินาที!”
ไม่มีใครเข้าใจว่าถังเทียนชนะได้อย่างไร พวกเขาเห็นข้อมือของเหออี้หมิงสั่นเหมือนกับว่าเกร็งค้าง จากนั้นก็ไม่ขยับ เขาเป็นเหมือนเสาหลักที่ถูกถังเทียนต่อยใส่
เอาชนะเซียนนักสู้ใน 6.8 วินาทีไม่เคยมีใครได้ยินเรื่องแบบนี้มาก่อน ต้องเป็นเหออี้หมิงที่มีปัญหาแน่
สายตาทุกคนหันไปมองโต้วหย่งและไป๋ซือซือ
“เล่าเหอ...” โต้วหย่งคิดถึงความเป็นไปได้ เขามีสีหน้าที่ดูน่าสงสาร “บางทีสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครั้งล่าสุดคงมีผลฝังใจเขาอยู่ลึกๆเป็นแน่...”
ทุกคนตระหนักได้ทันทีว่า คำอธิบายของโต้วหย่งสมเหตุผล
เมื่อคิดดูแล้ว ถ้าพวกเขาถูกพายุวังวนกระบี่ไล่กวดทั้งวันทั้งคืนถึงสองสามวัน ทั้งเห็นประจักษ์ตอนที่พายุหมุนกระบี่กำจัดและทำลายทุกคนเลือดท่วมไปหมด ไม่ว่าจะเป็นคนที่อดทนเพียงไหนก็ต้องได้รับผลทางจิตใจอยู่บ้าง
ถังเทียนรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นทันใดนั้นเขาตระหนักว่าดูเหมือนว่าเขาจะไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อก่อนมากนักเขาคิดได้ทันทีว่าเมื่อก่อนนี้เขาก็โจมตีกำจัดเซียนนักสู้ผู้ไม่มีความคิดเอาแต่โจมตีล้างแค้น
แม้ว่าจะไม่มีปราณแท้อยู่ในร่างกาย แต่มาตรฐานร่างหยาบของเขาก็มีประสิทธิภาพพลังมากขึ้น ด้วยการต่อสู้อย่างไม่คิดอะไรพลังของเขากลับจะแข็งแกร่งขึ้น
เลือดลมของเขาพลุกพล่านทันที “ใครต่อไป?”
ภาพร่างเงาที่เยือกเย็นถือดาบเดินเข้ามาในที่ต่อสู้ “ข้าเอง”
เซียนดาบฟงเยี่ยที่เหลียงฟงเชิญมาตกเป็นที่สนใจของทุกคนทันที นักสู้ระดับเซียนที่ไม่คุ้นเคยในกลุ่มพวกเขาเองและทุกคนเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นสนามพลังของผู้อื่น
ฟงเยี่ยก้าวเข้าในสนามต่อสู้ ใต้ขาของเขาเป็นมีดวงเดือนมีลักษณะโค้งเหมือนพระจันทร์เต็มดวง ฟองอากาศเริ่มลอยออกมาจากดาบวงพระจันทร์ฟองแล้วฟองเล่าและลอยอยู่รอบตัวเขาเหมือนกับฟองน้ำเดือด
สนามพลังวิญญาณของฟงเยี่ยมีความโดดเด่นเฉพาะตนมากมีนามว่าพระจันทร์เดือด
เซียนนักสู้อื่นแสดงสีหน้าประหลาดใจ พลังงานในพื้นที่รอบตัวฟงเยี่ยหนาแน่นดูมีชีวิตชีวา
ดาบในมือของฟงเยี่ยสั้นมากราวๆ ห้าฟุตรูปร่างโค้งเหมือนวงพระจันทร์
ทันทีที่ถังเทียนเห็นว่าฟงเยี่ยเตรียมตัวเสร็จแล้ว เขาตะโกนลั่น “เริ่มกันเลย!”
เขาทำลายกำแพงเสียงอีกครั้ง!
ร่างของถังเทียนกลายสภาพเป็นพร่าเลือน
ฟงเยี่ยไม่ตื่นเต้นดาบวงพระจันทร์ในมือของเขาเคลื่อนไหวแผ่วเบาฟองน้ำรอบตัวเขาถูกดูดเข้าหาดดาบวงพระจันทร์ของเขาทันทีและดาบวงพระจันทร์ตวัดฟันใส่ถังเทียน!
ปัง!
ทันใดนั้นรังสีดาบแพรวพราวพุ่งออกจากมือของฟงเยี่ยและตรงเข้าหาถังเทียนทันที
ทุกคนตกตะลึง รังสีดาบมีขนาดเท่าฝ่ามือแต่มีจำนวนนับไม่ถ้วน แต่ละรังสีจะมีความคมและเยือกเย็น
ถังเทียนตกตะลึงเช่นกัน แต่ทันใดนั้นเขามีปฏิกิริยาทำให้ทุกคนสะดุ้ง
ในกลางอากาศถังเทียนแนบกำปั้นไว้ข้างตัวทันที ร่างของเขาโค้งเหมือนคันธนู ดวงตาของเขามีประกายร้อนแรง เขาพุ่งเข้าหารังสีดาบโดยไม่หลบเลี่ยง
ช่วงเวลาที่ทั้งสองจะปะทะสัมผัสกันถังเทียนตวาดลั่นทันทีและปล่อยหมัดออก
ปัง!
เสียงเหมือนกับทุบใส่แนวปะการัง รังสีดาบแตกสลายในพริบตา
เพล้ง เพล้ง เพล้ง!
เป็นวิชาหมัดพื้นฐานที่เรียบง่าย แต่ไวที่สุดมีอำนาจทำลายล้างที่รุนแรงเหมือนพายุ จนรังสีดาบกระจายไปต่อหน้าถังเทียนกลายเป็นโล่โปร่งแสง รังสีดาบกระดาบกระแทกใส่เกิดเสียงกระทบดังลั่น แต่ไม่สามารถทำลายโล่นั้นได้
ฟงเยี่ยไม่รู้สึกประหลาดใจดาบวงพระจันทร์ใต้เท้าเขาเปล่งแสงสว่างมากขึ้นรังสีดาบกลายเป็นคมกล้ามากขึ้นและมีพลังควงสว่านเพิ่มขึ้นทะลักเข้าหาถังเทียนอย่างดุดัน
ถังเทียนรู้สึกเครียดทันที ทุกๆ รังสีดาบจะมีพลังหมุนเกลียวซึ่งเพิ่มพลังให้มันทันที
ถังเทียนปล่อยหมัดอย่างบ้าคลั่งแต่เขาไม่สามารถยั้งร่างเขาไว้ได้ เนื่องจากเขาค่อยๆ ถูกรังสีดาบดันถอยหลังไม่ว่าเขาจะใส่ความสามารถเช่นใดก็ตาม ร่างของเขาค่อยๆ ถูกดันถอยหลัง
บัดซบเอ๊ย!
คิดว่าเจ้าเป็นคนเดียวที่รู้จักพลังเกลียวหรือ?
ถังเทียนหวั่นไหวและโกรธ เมื่อมองดูด้วยความโกรธการใช้พลังเกลียวของเด็กหนุ่มผู้นี้คือสิ่งที่เขาเชี่ยวชาญที่สุด ก็ว่าได้การตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเพราะเคล็ดวิชาที่เขาเชี่ยวชาญนั้นทำให้ถังเทียนไม่พอใจและความโกรธในใจเขาเริ่มเพิ่มมากขึ้น ย้อนกลับไปเมื่อตอนที่เขาสร้างพลังงานเกลียวตอนนั้น เขาปิติภูมิใจและดื่มด่ำกับความสำเร็จนั้นนานมาก
ไม่มีทาง! ข้าจะใช้พลังงานเกลียวเหมือนกัน!”
ทันทีที่ความคิดนี้ปรากฏขึ้นในใจ ใจของถังเทียนก็กวาดคิดอื่นๆ ออกไปหมด
แต่ในตอนนี้เขาเป็นคนที่มีพลังกายเป็นศูนย์ไม่มีปราณแท้แม้แต่นิดเดียวในร่างเลย เมื่อไม่มีปราณแท้แล้วเขาจะมีพลังเกลียวได้อย่างไร?
ถังเทียนไม่เคยคิดเรื่องนั้นตั้งแต่แรก ความคิดเช่นนั้นไม่สมเหตุสมผล ไม่ว่าทฤษฎีพื้นฐานนั้นจะจริงหรือไม่พลังจะมีหรือไม่ก็ตาม เขามีเพียงความคิดเดียวคือ เขาต้องใช้พลังเกลียว
และต้องเป็นพลังเกลียวที่แข็งแกร่งมากกว่าของฟงเยี่ย
ถ้าฟงเยี่ยรู้ความคิดของถังเทียนทันที เขาคงหัวเราะจนน้ำตาเล็ดแน่
อย่างไรก็ตาม ถังเทียนเริ่มประยุกต์ความคิดของเขา เขาเริ่มพยายามส่งพลังเกลียวไปที่หมัดของเขา แต่ผลที่ออกมายังไม่ดี เพราะมันทำให้ความถี่ของหมัดของเขาลดลงอย่างมาก เขาพยายามใช้วิธีอื่นหลายวิธี ในที่สุดเขาก็ได้ตระหนักว่า ไม่มีปราณแท้ ก็เป็นไปไม่ได้ที่พลังงานเกลียวจะก่อตัวขึ้น
ไม่มีปราณแท้.... ไม่มีปราณแท้...
ถังเทียวควงหมัดไปตามสัญชาตญาณป้องกันรังสีดาบของฟงเยี่ยไว้ปากพึมพำบางอย่าง ทันใดนั้น นัยน์ตาเขาแข็งค้าง
รังสีแตกกระจาย...
รังสีเจิดจ้าแตกกระจายอยู่รอบตัวของเขาดูเหมือนจะก่อตัวเป็นหมอกซึ่งเหมือนจะสร้างเป็นรูปหมอกซึ่งถูกสร้างขึ้นโดยรังสีดาบที่โจมตีใส่เขา รังสีถูกต่อยแตกกระจาย รังสีที่แผ่กระจายก็ยังคงเป็นพลังงานเช่นกัน..
ความคิดที่ชัดเจนเริ่มก่อตัวในใจของเขา เหมือนกับมีไฟฟ้ากระตุ้นในหัวใจเขา