ตอนที่ 465 - ราชาฉลาม หนึ่งในสี่ราชันย์
“เป็นไปไม่ได้….” ทหารรับจ้างคนหนึ่งหวาดกลัวอย่างหนัก เขาชี้เย่ว์หยางด้วยนิ้วมือสั่นเทา ไม่อาจยอมรับความจริงว่าคู่หูของเขาถูกฆ่าฉับพลัน อย่างไรก็ตามในวินาทีต่อมาพลังทวนที่เยียบเย็นปานน้ำแข็งก็พุ่งผ่านริมฝีปากเปิดกรามและทะลวงลิ้นทะลุคอหอยของเขา เขารู้สึกเจ็บปวดที่หลังศีรษะเล็กน้อย จากนั้นก็หมดความรู้สึกโดยสิ้นเชิง
“ยังมีผู้ใดอยากได้สมบัติของข้าอีกไหม? ถ้าพวกเจ้าคิดว่าทวนทองฆ่ามังกรใหญ่เกินไป ข้ายังคงมีมีดทองล่ามังกรอีกเล่ม ใครอยากได้บ้าง?”
เย่ว์หยางพุ่งทวนทองฆ่ามังกรไปปักใส่ทหารรับจ้างที่กำลังหนีตรึงไว้กับพื้น สังหารเขาในทันที จากนั้นเขาชักมีดทองฆ่ามังกรออกมาจากเอว เคลื่อนตัวไปอยู่ด้านหลังทหารรับจ้างคนหนึ่งยันเขาลงกับพื้นก่อนที่จะจับศีรษะของเขา เย่ว์หยางใช้มีดแทงขมับของทหารรับจ้างทีละนิดๆ เป็นกระบวนการที่เป็นไปช้ามาก ทหารรับจ้างคนนั้นทั้งตกใจและเจ็บปวด เขาร้องออกมาด้วยความกลัว ถึงกับฉี่ราดรดกางเกงด้วยความหวาดหวั่นพรั่นพรึงและพยายามดิ้นรน
แต่ไม่ว่าเขาจะทำยังไงก็ตามก็ไม่อาจหลบหนีพ้นความตายได้
คนที่เหลือคนสุดท้ายคือไป่จูที่อ้างว่าเป็นหลานเขยหัวหน้าเผ่าปูเสฉวน หลางเยี่ย
เขาหวาดกลัวแล้วไปสะดุดตรงที่ขุนพลหัวปลา เขาร้องด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว “ช่วยด้วย, ช่วยข้าด้วย”
เย่ว์หยางเก็บมีดทองฆ่ามังกรและชักทวนทองที่เสียบตรึงศพของทหารรับจ้างออกมาก่อนที่จะจับขึ้นมาอย่างไม่รีบร้อน สำหรับฝีมือฆ่าคนอย่างต่อเนื่องสี่คน ขุนพลทะเลทั้งสามถึงกับสั่นหลังจากที่เห็นเช่นนั้น ว่ากันในเรื่องของฝีมือ ฝีมือของเจ้าหนุ่มหน้ากากนี้ไม่ถึงระดับปราณก่อกำเนิด ไม่ใช่ระดับเตรียมปราณก่อกำเนิด แต่เป็นฝีมือของนักสู้ระดับเจ็ดธรรมดา
มีเหตุผลอยู่สองประการที่ทำให้เขาสามารถฆ่าคนทั้งสี่ในทันทีได้อย่างง่ายดาย
ประการแรกความเร็ว
พวกเขาสันนิษฐานว่าเย่ว์หยางใช้อสูรเพิ่มความเร็ว แต่พวกเขาไม่รู้ว่าเป็นอสูรชนิดใดที่สามารถเพิ่มความเร็วจนถึงระดับที่ไวกว่านักสู้ปราณก่อกำเนิด
เป็นความเร็วจัดถึงขนาดที่ไม่มีเวลาตั้งตัว
ประการที่สอง ก็คือเขาเป็นเจ้าของอาวุธวิเศษ ทวนทองฆ่ามังกรเป็นอาวุธที่มีพลังวิเศษในตัวเองสามารถสังหารได้ภายในวินาทีเดียว ผนวกกับความรวดเร็วจัดของเจ้าหนุ่มหน้ากาก พลังทวนทองฆ่ามังกรสมบัติระดับทองแสดงพลังให้เห็นว่านักรบในระดับเดียวกันก็ไม่สามารถต่อกรได้ อย่าว่าแต่นักรบระดับเจ็ดหรือระดับแปดเลย ต่อให้เป็นเตรียมนักสู้ปราณก่อกำเนิดอาจจะต้องลำบากเมื่อรับมือพลังโจมตีรุนแรงอย่างนี้
ขุนพลหัวปลาลอบกลืนน้ำลายตนเอง
เขาไม่กลัวคนที่แข็งแกร่ง แต่เพราะความเร็วของเขาค่อนข้างช้า เขาพบว่าพวกที่เคลื่อนไหวได้รวดเร็วอย่างฝ่ายตรงข้ามผู้นี้สร้างความหนักใจได้มากที่สุด
แม้แต่ขุนพลทะเลที่สวมเกราะเกล็ดปลาและดูแข็งแกร่งที่สุดก็ยังพบว่าสถานการณ์น่าลำบากใจ
แม้ว่าเกราะเกล็ดปลาจะมีระดับป้องกันที่สูง และยังคงเป็นสมบัติระดับทอง แต่จะสามารถทนต่อการจู่โจมของทวนทองฆ่ามังกรสมบัติระดับทองได้หรือ? คำตอบก็คือ ไม่ได้ แม้ว่าเกราะเกล็ดปลาสามารถทนต่ออาวุธธรรมดาได้ แต่ทวนทองฆ่ามังกรแม้แต่มังกรยักษ์ก็ยังหยุดไม่ได้ ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่เกราะเกล็ดปลาไม่สามารถต้านรับได้แน่นอน นี่คือสาเหตุที่ขุนพลปลาทูน่าผู้แข็งแกร่งที่สุดและสถานะสูงที่สุดจึงเพิกเฉยต่อเสียงร้องขอความช่วยเหลือของไป่จู เขาเลือกจะทำเป็นปิดตาและปฏิเสธจะช่วยเขา มีแต่เลิกความอาฆาตของทั้งสองฝ่ายจึงจะช่วยชีวิตของตัวเขาเองได้
มีแต่ขุนพลปลิงตัวผอมที่สวมชุดเปียกยังคงลังเลใจอยู่
ดูเหมือนเขาไม่กลัวทวนทองฆ่ามังกรในมือของเย่ว์หยางเท่าใดนัก แต่เขาค่อนข้างกลัวความเร็วสุดยอดในการโจมตีของเย่ว์หยางอยู่บ้าง เนื่องจากความเร็วเป็นพื้นฐานเบื้องต้นในการโจมตี
อย่างไรก็ตามไห่อิงอู่รู้สึกแปลก เกี่ยวกับนิสัยสัมผัสที่หกของสตรี นางเริ่มตระหนักว่าบุรุษหน้ากากผู้นี้ไม่ธรรมดา
บางที เขาแค่เพียงแสดงความสามารถเล็กน้อยจากพลังความสามารถเต็มของเขาก็ได้
เป็นไปได้มากว่าบุรุษผู้นี้อาจเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิด
“เห็นแก่หน้าข้า ท่านไว้ชีวิตเขาจะได้ไหม? มันเป็นการหลีกเลี่ยงความแค้นเมื่อทุกคนกำลังฝึกฝนตนเองอยู่ที่หอทงเทียน มีความแค้นก็ไม่ใช่ว่าจะคลี่คลายไม่ได้ ถ้าท่านยินยอม ข้าจะช่วยให้ท่านได้รับค่าไถ่ซื้อชีวิตคืน ขอเพียงเสนอราคามา” ขุนพลหัวปลายอมออกตัวไกล่เกลี่ยสถานการณ์
“ข้า ข้า ข้ายินดีจะใช้สมบัติของข้าให้ทั้งหมด ข้าจะให้ไข่มุกทะเลลึก, ผลึกเวทแก่ท่าน แค่ไว้ชีวิตข้า ได้โปรดไว้ชีวิตที่ต่ำต้อยอย่างข้าด้วย ข้าแค่สับสนไปชั่วขณะ ข้าไม่ควรโลภอยากได้สมบัติของท่าน ข้าผิดไปแล้ว ได้โปรดไว้ชีวิตข้าด้วยเถิด” หน้าของไป่จูเต็มไปด้วยน้ำมูกน้ำตา เขาซ่อนตัวอยู่หลังขุนพลหัวปลาและทรุดตัวลงกับพื้น เขาคุกเข่าคำนับครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งขอความเมตตาจากเย่ว์หยางและด้วยความช่วยเหลือของขุนพลหัวปลาช่วยพูดเพื่อปกป้องชีวิตของเขา
“…..” ไห่อิงอู่ดูถูกเกลียดชังคนอย่างนี้ที่สุด
ถ้าเขาใช้ไม่ได้ อย่างนั้นเขาก็ควรประพฤติตัวให้ดี ริจะเป็นโจรปล้นจากคนอื่น แม้เมื่อเขาไม่มีฝีมือ ก็มิเท่ากับหาที่ตายหรอกหรือ?
ตอนนี้สายเกินกว่าจะเสียใจ
ขุนพลหัวปลายอมให้ไป่จู่กอดขาที่ผิดธรรมดาและร้องให้ ในขณะนั้นหัวใจเขาอ่อนโยน และคิดว่าพวกเขาเป็นสหายกัน
เย่ว์หยางเดินสบายๆ และควงทวนทองฆ่ามังกรอย่างสง่างามเป็นการบ่งชี้ว่าขุนพลหัวปลาไม่จำเป็นต้องเปิดปากยอมรับ “วันนี้ นายน้อยผู้นี้อารมณ์ไม่ดีมาก พวกท่านทุกคนจากไปทันทีและอย่ามายุ่งจะดีกว่า ถ้าไม่มีใครต่อต้าน นายน้อยผู้นี้จะฆ่าคนบนเกาะนี้ระบายความโกรธอย่างมากไม่เกินร้อยคน มิฉะนั้น ข้าจะฆ่าโดยไม่มีความปราณี…. สำหรับค่าไถ่น่ะหรือ นายน้อยผู้นี้เรื่องเงินไม่เคยขาดมือ ภูตผีที่ยากจนเก็บเงินเอาไว้ใช้จ่ายค่าโลงศพของเจ้าเถอะ”
คำพูดเหล่านี้ทำให้สามขุนพลทะเลสะอึก และสำลักแทบตาย
นอกจากนี้ ไห่อิงอู่รู้สึกว่าคำพูดเหล่านี้สามหาวเกินไปหน่อย
เกาะอัคคีเป็นสถานที่เช่นไร?
อยู่ภายใต้การควบคุมของจักรพรรดิสมุทร แม้ตัวจักรพรรดิเองจะมิได้มาเป็นประจำ แต่เกาะอัคคีก็ยังเป็นตัวแทนท้าทายที่ไม่มีใครเอาชนะได้
คำพูดเหล่านั้นบังอาจมากเกินไป เขาคิดว่าจักรพรรดิสมุทรเป็นใคร? จักรพรรดิสมุทรเป็นหนึ่งในห้าจักรพรรดิ เขาคิดว่าเกาะอัคคีที่อยู่ภายใต้การควบคุมของจักรพรรดิสมุทรเป็นที่ซึ่งเขาสามารถฆ่าคนได้ตามใจชอบอย่างนั้นหรือ?
คนเราสามารถหยิ่งลำพองได้ได้ แต่เขาต้องมีความสามารถเพียงพอต่อการหยิ่งลำพอง
ถ้าเขาสามารถเอาชนะจักรพรรดิสมุทรได้ อย่างนั้นทุกคนก็จะต้องฟัง ไม่ว่าคำพูดเขาจะหยิ่งผยองเพียงไรก็ตาม
ปัญหาก็คือว่าปัจจุบันนี้เขาไม่มีความสามารถเช่นนี้ ขุนพลหัวปลาถึงกับอารมณ์ปั่นป่วน หน้าที่น่าเกลียดของเขาแดงก่ำ “หุบปาก, คำพูดของเจ้าถือว่าท้าทายศักดิ์ศรีของจักรพรรดิสมุทร สำหรับครั้งนี้ เราจะถือว่าไม่มีเจตนา แต่ว่าในครั้งต่อไป เราจะปกป้องศักดิ์ศรีของจักรพรรดิสมุทรแน่นอน อย่านึกว่าคำพูดของข้าแค่เพียงข่มขู่เจ้า พ่อหนุ่ม นี่คือคำแนะนำที่ดีที่สุดของข้า”
“เจ้า, ไสหัวไปจากเกาะอัคคีเดี๋ยวนี้ เราไม่ขอต้อนรับเจ้าอีกต่อไป” ขุนพลทะเลผู้แข็งแกร่งที่สุดผู้สวมเกราะเกล็ดปลาได้พูดและทำการยืนยันในที่สุด
“หึหึ ถ้าเจ้าไม่เชื่อ ข้าสามารถร่วมสู้กับเจ้าและแสดงให้เจ้าเห็นว่า นี่ไม่ใช่ที่ๆ เจ้าจะมาทำป่าเถื่อนได้” ขุนพลผอมหัวเราะชั่วร้าย “ขณะที่คนอื่นอาจจะกลัวทวนทองฆ่ามังกรของเจ้า แต่ข้าสามารถบอกเจ้าได้เลยว่าไม่มีผลต่อร่างกายข้าเลยสักนิด”
“…..” ไป่จูตระหนักว่าทั้งสองฝ่ายขัดแย้งกันแล้ว เขาลอบยินดี ถ้าพวกเขาเริ่มต่อสู้กัน นั่นหมายความว่าโอกาสลอบหนีของเขามาถึงแล้ว
อย่างไรก็ตาม ไห่อิงอู่รู้สึกว่าขุนพลทะเลทั้งสามโง่มาก
คำพูดของศัตรูไม่มีความหมายอะไรเลย ไม่ได้ต่อต้านจักรพรรดิสมุทร ถ้าคำพูดของขุนพลหัวปลายังคงมีเหตุผล อย่างนั้นคำพูดของขุนพลปลาทูน่าก็เกินไปเล็กน้อย จะดีที่สุดถ้าเกาะอัคคีคงความเป็นกลางเอาไว้ ไปแบกรับเงื่อนไขที่น่ากลัวแทนคนโกหกอย่างไป่จูนับว่าเป็นเรื่องที่โง่สิ้นดี
สำหรับขุนพลปลิง ไห่อิงอู่สามารถเข้าใจได้ถึงสาเหตุที่เขายั่วยุศัตรู
ในใจของเขา คนผู้นี้ไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของเกาะอัคคีและภาพพจน์ของจักรพรรดิสมุทร เขากลับใช้ชื่อของจักรพรรดิสมุทรและฝีมือของเขาไปรังแกคนอื่น
วัตถุประสงค์ของเขา มีความเป็นไปได้มากที่สุดก็เพราะเขาจับตามองสมบัติของคู่ต่อสู้
พูดง่ายๆ ขุนพลปลิงก็เหมือนกับไป่จู และความโลภเริ่มครอบงำความคิดของเขา
ไห่อิงอู่ลอบบดมุกทะเลแห่งการร้องเรียกทันที
นี่เป็นเสียงร้องขอความช่วยเหลือที่สูงกว่าภัยพิบัติทางทะเล ตราบใดที่มุกทะเลร้องถูกบด สำนักงานใหญ่ของเกาะอัคคีจะส่งยอดฝีมือระดับสูงมาจัดการกับวิกฤตินี้ทันที ไห่อิงอู่รู้สึกว่าสถานการณ์ตอนนี้ไม่สามารถรับมือได้และอาจส่งผลต่อแผนการใหญ่ของจักรพรรดิสมุทร นางไม่รู้ว่าเย่ว์หยางตั้งใจมาก่อความยุ่งยาก มิฉะนั้นเขาคงไม่ทำตัวหยิ่งผยองและไม่ปล่อยวางปัญหาเรื่องทหารรับจ้าง ถ้าโดยปกติ เขาคงจะฆ่าทันทีและจากไป ใครเล่าต้องการจะหาเรื่องกับขุนพลทะเลเล่า?
เขาจงใจก่อเรื่องทั้งหมดนี้
จักรพรรดิสมุทรเจ้าเล่ห์มากและเบี่ยงเบนตบตาให้คนที่มาถึงเพิ่อผจญภัย เขาทำให้ทุกคนคิดว่าสมบัติถูกขุดเอาไปเรียบร้อยแล้ว
แม้ว่าเหตุการณ์จะเงียบสงบลง แต่เย่ว์หยางไม่สามารถปล่อยให้เกาะอัคคีสงบได้ เขาต้องก่อเหตุวุ่นวาย
ยิ่งเกาะอัคคีวุ่นวายมากเท่าใดจักรพรรดิสมุทรก็จะไขว้เขวมากขึ้นเท่านั้น ด้วยวิธีอย่างนี้โอกาสที่อันซีจะลอบสังหารจักรพรรดิสมุทรได้สำเร็จย่อมมีมากขึ้น อย่างไรก็ตาม เย่ว์หยางจะต้องทำอะไรก็ได้ที่ทำให้จักรพรรดิสมุทรไม่มีความสบายใจ นี่เป็นแค่การตีคนให้ล้มแล้วผลักดันให้เขาไปสู่ความตาย…
“จะลงมาร่วมสู้กับข้าใช่ไหม? เล่นได้แน่นอน แต่เล่นน้องสาวเจ้าเถอะ” แค่เพียงเย่ว์หยางพูดจบ เขาก็เทเลพอร์ตไปอยู่ที่ด้านหลังขุนพลปลิง
ขุนพลปลิงที่อยู่ในชุดเปียกเมือก พุ่งขึ้นท้องฟ้าทันที
ปฏิกิริยาของเขาไวมาก
พอเห็นพลังโจมตีของศัตรู ขุนพลปลาทูน่าระเบิดพลังโจมตี
ขุนพลปลาหัวโตมีปฏิกิริยาช้าที่สุดไม่มีเวลาทันได้โต้ตอบ ไห่อิงอู่กลับตรงกันข้ามทั้งที่มีโอกาสโจมตี อย่างไรก็ตาม นางยังคงนิ่งและไม่ยินดีจะเข้าร่วมการต่อสู้ที่ไม่มีจุดหมายอย่างนั้น
หัวมนุษย์โชกเลือดปลิวอยู่ในอากาศ ไป่จูที่เตรียมจะวิ่งหนีถูกตัดศีรษะขณะที่เลือดฉีดพุ่งเป็นน้ำพุ
ขณะที่นางมองเห็นไม่ชัด ไห่อิงอู่รู้ว่านี่คือฝีมือของบุรุษหน้ากาก ในท้องฟ้าเมื่อขุนพลปลิงเตรียมจะพุ่งลงมา ทันใดนั้นเขาตระหนักได้ว่ามือข้างหนึ่งกดลงบนศีรษะของเขา เขาบิดตัวเป็นเกลียวต้องการจะหลบหนีจากการโจมตี แค่เพียงเมื่อเขาภูมิใจตนเองจากการหลบหลีกการโจมตีของฝ่ายตรงข้ามได้ เขาก็ตระหนักได้ว่าหมัดเปลวเพลิงนับไม่ถ้วนระดมต่อยมาทางเขาเหมือนกับฝนดาวตก เขาไม่อาจทำอะไรได้ นอกจากร้องโหยหวน….
“โอว” ขุนพลปลาทูน่าต้องการจะบินขึ้นไปในอากาศเพื่อรับตัวขุนพลปลิง แต่เขากลับเอนไปด้านข้างล้มบนพื้นขณะที่กุมซี่โครงด้านซ้ายด้วยความเจ็บปวด
“โอว..แย่แล้ว” ไห่อิงอู่รู้ได้ว่าเกราะเกล็ดปลาด้านซ้ายของขุนพลปลาทูน่ากลายเป็นน้ำแข็ง เมื่อเขาปล่อยหมัดใส่ศัตรูก่อนหน้านั้น เขาไม่เคยมีความคิดว่าเขาไม่ถูกโจมตีตอนลงพื้น แต่เขากลับถูกศัตรูโจมตีที่ซี่โครงซ้าย พลังโจมตีนั้นรวดเร็วมากจนเขาไม่รู้ตัว เขาไม่สามารถพยุงตัวเองได้ เมื่อพลังของหมัดระเบิดออกมาและแช่แข็งได้
ขุนพลปลิงร่วงลงมาจากท้องฟ้าเหมือนดาวตกกระแทกลงพื้นด้วยความเจ็บปวด
ร่างผอมของเขาก่อให้เกิดรูในพื้นดิน
เขาส่งเสียงครางด้วยความเจ็บปวด
เขาไม่มีความหยิ่งอีกต่อไป
ถ้าเขาถูกโจมตีด้วยทวนทองฆ่ามังกร ร่างกายที่ไม่เหมือนใครของเขาและชุดที่เรียบลื่นทำให้เขาไม่กลัวคมดาบใดๆ อย่างไรก็ตามเย่ว์หยางไม่ได้ใช้ทวนทองฆ่ามังกรโจมตี แต่ใช้เพลิงม่วงแทน ขณะที่ขุนพลปลิงไม่สนใจดาบกระบี่ใดๆ ร่างที่พิเศษของเขาไม่ถูกกันกับไฟ เมื่อเขาถูกเผา ชีวิตของเขาก็แขวนอยู่ในห้วงเป็นตายเท่ากันทันที
เย่ว์หยางลอยตัวลงมากับพื้นและใช้ทวนทองฆ่ามังกรแทงร่างของขุนพลปลิง จากนั้นใช้ปลายทวนยกร่างเขาขึ้น “เจ้าต้องการแสดงฝีมือของเจ้าใช่ไหม? ฮืม.. สิ่งที่นายน้อยผู้นี้เกลียดที่สุดก็คือคนที่หยิ่งกว่าข้า แม้กระทั่งปลิงงี่เง่าอย่างเจ้ายังกล้าหรือ? คิดว่าเจ้าเป็นใครกัน?”
ขุนพลปลิงบิดตัวด้วยความเจ็บปวด เขาไม่กลัวถูกแทง แต่เขากลัวไฟที่น่าสยดสยองต่างหาก
เพียงเมื่อเขาจะเอ่ยปากขอความเมตตา เปลวเพลิงก็พุ่งออกมาจากคอของเขา เขาไม่สามารถส่งเสียงได้แต่อย่างใด
ทันใดนั้นบุรุษคนหนึ่งมีร่างกายใหญ่มหึมาร่วงลงมาบนพื้นเสียงดังสนั่น เขาสูงห้าเมตร ประดับด้วยเกราะฉลามเงิน ที่เอวของเขาเป็นดาบผ่าคลื่น อาวุธชั้นแพลตตินัม นิ้วมือทั้งสิบกับแขนมหึมาของเขาสวมแหวนที่ทำจากเขี้ยวฉลาม ร่างกายทรงพลังของเขาคล่องแคล่ว และหน้าของเขานัยน์ตาเหมือนปีศาจ เขากำลังแสดงออกถึงความกล้าหาญและทรงพลัง ถ้าขุนพลปลาทูน่าไปเทียบกับเขา ขุนพลทูน่าดูเหมือนจะกลายเป็นเด็กน้อย
บุรุษผู้นี้คือเจ้าผู้ปกครองเกาะอัคคี อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่แต่เพียงแค่นั้น ราชาฉลามยังเป็นผู้รับผิดชอบอาณาเขตทะเลทั้งหมดในหอทงเทียนชั้นที่เจ็ด
เขาเป็นหนึ่งในสี่ราชันย์ภายใต้อาณัติของจักรพรรดิสมุทร
*******************