ตอนที่แล้วตอนที่ 463 หัวใจไร้กังวล
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 465 ละเลงเลือด

ตอนที่ 464 เหออี้หมิงเอาชีวิตรอด


ความรู้สึกมึนงงอ่อนล้าแผ่กระจายเข้าไปในสนามพลังวิญญาณของเหวินเจียง...

หญิงสาวงดงามปรากฏร่างจากอากาศยิ้มหวานให้เขา

เหวินเจียงสะท้านใจใบหน้านั้นที่เขาโหยหาทั้งวันและคืน ดูเหมือนจริงและมีชีวิตชีวามาก เขาเหยียดแขนต้องการจะยื่นไปสัมผัสใบหน้าที่ปรากฏอยู่ในความฝันของเขานับครั้งไม่ถ้วน

แย่แล้ว!

ภาพลวงตา!

สัมปชัญญะที่เหลือเตือนให้เหวินเจียงกัดลิ้นตัวเองความเจ็บปวดและรสของเลือดทำให้เขาได้สติตื่นขึ้น สตรีที่อยู่ต่อหน้าเขาเปลี่ยนสภาพเป็นหมอกควันและเพราะเหตุผลบางอย่างเขารู้สึกปวดหัวใจ

หน้าของเขาซีดขาวความรู้สึกอ่อนแออย่างประหลาดมาจากส่วนลึกในร่างกายเขา

นั่นเป็นไปได้อย่างไร!

เขาขับไล่สิ่งที่กัดกร่อนออกไปจากสนามพลังวิญญาณของเขา...

เหวินเจียงเงยหน้าขึ้นมองจ้องดูร่างสีขาวที่ลอยอยู่ยอดหอคอยเหมือนกับว่าเขาอาจพัดหายไปกับสายลมได้ทุกเมื่อ

ร่างขาวนั้นค่อยๆพร่าเลือนในสายตาเขา ม่านควันที่ถูกปล่อยออกมาแปรสภาพเป็นรูปหญิงงามอีกครั้งหัวใจเหวินเจียงสั่นสะท้านอย่างมีความสุข ขณะที่ม่านควันล้อมรอบเขาไปทุกซอกมุมของสนามพลังวิญญาณ

เป็นสนามพลังวิญญาณที่ทรงพลังจริงๆ....

นั่นคือความคิดสุดท้ายของเหวินเจียง  ขณะที่หน้าที่ขาวซีดของเขามีรอยยิ้มที่เป็นสุข

ตายในภาพลวงตานี้รู้สึกดีมากเหมือนกัน...

ขลุ่ยวิเศษมองดูเหวินเจียงที่ชีวิตค่อยๆหลุดลอยไปจากร่างอย่างเงียบงันหน้าของเขาไม่มีแววกระหยิ่มในชัยชนะหรือดีใจแม้แต่น้อยดวงตาของเขาเป็นประกายเหมือนดาวในท้องฟ้า

สายลมพัดผ่านไล้ใบหน้าเขาชุดยาวโบกสะบัด น้ำตาหยดหนึ่งไหลออกจากหางตาของเขาร่วงหายไปในสายลม

ท่วงทำนองที่เจ็ดหัวใจไร้กังวลคือไม้ตายที่ใช้สังหารเซียนนักสู้ ทำนองขลุ่ยเหมือนเมล็ดพิษ เมื่อเข้าไปในหัวใจผู้คนแล้วเพาะปลูกในหัวใจที่โหยหาเหมือนกับดินที่อุดมสมบูรณ์ พิษจะค่อยๆกัดกร่อนสนามพลังวิญญาณของผู้ใช้

ในที่สุดทำนองเพลงที่เจ็ดก็ปรากฏออกมาเป็นครั้งแรก แต่หน้าของขลุ่ยวิเศษยังคงสงบมาก

นั่นคือพลังของเสียงเพลงซึ่งเป็นพลังของหัวใจ

ขลุ่ยวิเศษดูท่าทีค่อนข้างผิดหวังอารมณ์ทั้งหมดในหัวใจ หัวใจเป็นพื้นที่อ่อนไหวที่สุดและเป็นที่ซ่อนพิษร้ายแรงที่สุดไว้

เขาหัวเราะเยาะตัวเอง  ทำไมข้าถึงได้รู้สึกพลุกพล่านกับความตายของศัตรูข้าด้วย?

มันเป็นการเสแสร้งโดยแท้...โชคดีที่เจ้าเด็กห้าวถังไม่อยู่ที่นี่..

นึกไม่ถึงเลยว่าคนที่ข้าไม่อยากเผชิญหน้ามาที่สุดก็คือเจ้าเด็กโง่นั่น...

ขลุ่ยวิเศษหัวเราะลั่นหมอกควันในใจค่อยสลายออกไป  สายตาเขามองดูจางหมิงเฮ่อซึ่งอดทนอย่างขื่นขมเขาดูคล้ายกับคนเป็นไข้จับสั่น บัดเดี๋ยวหนาว บัดเดี๋ยวร้อน

บทบรรเลงหัวใจไร้กังวลส่งผลต่อเซียนนักสู้เป็นพิเศษและจะกล้าแข็งมากขึ้นเมื่อเผชิญกับเซียนนักสู้ ความมุ่งมั่นและความสุขุมของเซียนนักสู้จะแข็งแกร่งมากกว่านักสู้ธรรมดาทั่วไปมากมายนัก  และพวกเขาบรรลุระดับการควบคุมตนเองได้อย่างน่าทึ่ง

อย่างไรก็ตาม  แม้แต่คนที่แข็งแกร่งที่สุดเด็ดเดี่ยวที่สุดก็ยังมีจุดอ่อนในหัวใจ

และพิษแห่งความปรารถนาถูกซ่อนเร้นอยู่ในหัวใจพวกเขายิ่งเก็บกดเอาไว้มากเท่าใด ถ้ามันปะทุออกมาก็จะมีพลังรุนแรงมากเท่านั้น และพิษแบบนี้จะกัดกร่อนสนามพลังวิญญาณของเซียนนักสู้ได้ซึ่งเป็นจุดสำคัญอีกอย่างหนึ่ง

นั่นคือที่ซึ่งปราณแท้ของบทเพลงหัวใจไร้กังวล   ยิ่งศัตรูแข็งแกร่งก็จะส่งผลรุนแรงขึ้น

แม้ว่าจางหมิงเฮ่อจะไม่อ่อนแอ  แต่เขาก็ไม่ใช่นักสู้ระดับเซียนและไม่มีสนามพลังวิญญาณ ความมุ่งมั่นของเขายังไม่รุนแรงพอ ดังนั้นบทเพลงหัวใจไร้กังวลจึงไม่ส่งผลต่อเขามากเหมือนกับเหวินเจียงและเขายังมีสมบัติวิเศษสุนัขคำนึงอยู่ในครอบครอง

เพราะเป็นเช่นนั้นเขาจึงสามารถทนอยู่ได้ ขณะที่คนอื่นตายกันหมด

ทันใดนั้นกรงเล็บเงินบินออกมาและคว้าสมบัติสุนัขคำนึงจากมือของจางหมิงเฮ่อพอออกแรงกระตุกดึง สมบัติสุนัขคำนึงก็หลุดออกมาจากจางหมิงเฮ่อ

แสงของสมบัติสุนัขคำนึงเปล่งแสงเจิดจ้า  แต่กรงเล็บเงินก็ยึดมันไว้อย่างแน่นหนา  ไม่ว่ามันจะดิ้นรนยังไงก็ไม่สามารถหลุดออกมาได้

เมื่อสูญเสียการป้องกันจางหมิงเฮ่อก็ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป ร่างของเขาล้มลงและเขาหมดสติ เมื่อเห็นเช่นนั้น ขลุ่ยวิเศษได้แต่ส่ายศีรษะ ตัวเขาเองมาจากตระกูลสูงส่งและรู้ว่าศิษย์ของตระกูลสูงส่งมักจะอ่อนประสบการณ์กำลังใจของพวกเขาอ่อนแอเป็นธรรมดา ความโหยหาในใจของพวกเขาไม่มาก และนั่นคือข้อผิดพลาดที่พบได้บ่อยในพวกเขา

ตวนมู่มองดูสุนัขคำนึงอย่างระมัดระวัง  กรงเล็บเงินเป็นของเขานั่นเอง  สมบัติชั้นสูงอย่างนั้น แค่เขามองดูก็รู้แล้ว

ชี่กวงที่อยู่ด้านข้างมองดูอย่างอิจฉา  เจ้าเด็กนั่นไม่ซื่อแล้วเอาของไปเยอะแยะได้ยังไง...

ขณะที่ทุกคนรู้สึกตัวจากอาการตกใจ  พวกเขามองดูขลุ่ยวิเศษด้วยสายตาเทิดทูน  แม้ว่าส่วนใหญ่จะไม่รู้จักเหวินเจียง  แต่เหวินเจียงปลดปล่อยสนามพลังวิญญาณได้  นั่นนับว่าเป็นของจริง

ระดับเซียน  คุณชายขลุ่ยวิเศษฆ่านักสู้ระดับเซียนได้จริงๆ

ขุนพลวิญญาณสามารถฆ่านักสู้ระดับเซียนได้...

ผู้เห็นเหตุการณ์การต่อสู้มากมายขณะที่สมาพันธ์ชาวยุทธและกลุ่มดาววาฬค่อยๆ สูญเสียจากสงครามพิษ  ผู้คนที่มีเชาว์ปัญญาไวสามารถคาดเดาได้ทันทีว่าสมาพันธ์ชาวยุทธจะต้องลงมือกับเมืองสามวิญญาณแน่นอน

ก่อนหน้านั้นแม้ว่าเมืองสามวิญญาณจะเริ่มแสดงคุณค่าของพวกเขาออกมาบ้างแล้ว  แต่หลายคนก็ยังไม่ถึงกับยกย่องให้เป็นมหาอำนาจขนาดเล็ก  จนกระทั่งเมื่อเมืองสามวิญญาณและสมาคมยอดปราชญ์แห่งกลุ่มดาวคันชั่งเริ่มมีความร่วมมือกันทำให้เมืองสามวิญญาณเดินออกมาสู่เวทีใหญ่จนได้ และเมื่อความเกี่ยวโยงระหว่างเมืองสามวิญญาณและถังเทียนเผยแพร่ออกไปก็ยิ่งดึงดูดคนเข้ามามาก

เมืองสามวิญญาณจะขยายตัวอย่างเงียบๆจึงเป็นไปไม่ได้อีกต่อไป

เมื่อการต่อสู้เริ่มขึ้นภายในฐาน จึงมีทั้งหน่วยสอดแนมและหน่วยสังเกตการณ์ตามดูอยู่ด้วย  บทบรรเลงเพลงหัวใจไร้กังวลของขลุ่ยวิเศษทำให้ทั้งเมืองเหมือนตกอยู่ในความโง่งมแต่เมื่อข้อมูลมาถึงหน่วยสังเกตการณ์ของกลุ่มอำนาจกลับเป็นเรื่องน่าทึ่งที่เหตุการณ์กลับกลายเสียได้

เพลงขลุ่ยที่ไพเราะและเต็มไปด้วยรังสีสังหารคือสิ่งที่ตรวจพบได้ยาก

ขลุ่ยวิเศษแข็งแกร่งขนาดนั้นจริงๆ!

หน่วยสังเกตการณ์ตกใจเนื่องจากพวกเขาได้เริ่มประเมินความแข็งแกร่งของขลุ่ยวิเศษไว้   ทุกตระกูลลงความเห็นเป็นเอกฉันท์  แม้ว่าพลังของขลุ่ยวิเศษจะไม่ลึกล้ำมากเหมือนเมื่อตอนเขามีชีวิต  เพราะเขาเป็นขุนพลวิญญาณพลังของเขาสูงล้ำกว่านั้นมาก พลังในปัจจุบันของเขาน่าจะเทียบได้กับนักสู้ในทำเนียบสวรรค์วิถีระดับที่7000

แต่...

เมื่อเวลาผ่านไปอย่างเงียบงันไม่มีเสียงต่อสู้ภายในฐาน แม้แต่เหวินเจียง, จางหมิงเฮ่อและคนที่เหลือก็ไม่ออกมา  คนสังเกตการณ์ทุกคนตกตะลึงการคาดเดาที่น่าสะพรึงกลัวปรากฏขึ้นในหัวพวกเขา

ผู้บุกรุกตายหมดทุกคน

ด้วยพลังของเหวินเจียงและจางหมิงเฮ่อ พวกเขาเชื่อว่าเมืองสามวิญญาณจะถูกทำลายได้อย่างง่ายดาย  แต่ไม่มีเสียงเคลื่อนไหวอะไร ทำให้ทุกคนรู้สึกเลือดเย็นเฉียบ

ในฐานแห่งนี้ยังมีความลับซ่อนไว้ภายในอีกเท่าใด?

คำขอของถังโฉ่วที่ให้ข่มขวัญศัตรูสำเร็จลงอย่างงดงาม  เนื่องจากทั่วทั้งเมืองสามวิญญาณแม้แต่ขโมยก็ถูกกำจัดสิ้น  นักสู้ที่ดุร้ายแต่เดิมที่เดินเตร็ดเตร่หาโอกาสตอนนี้ต้องซื้อหาข้อมูลอย่างระมัดระวังด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

แต่เมื่อพูดถึงคุณชายขลุ่ยวิเศษไม่ได้หยุดยั้งอยู่เพียงแค่นั้น เมื่อคุณชายขลุ่ยวิเศษเหาะขึ้นไปบนหอคอยสูงสุดตามลำพัง ชุดขาวของเขากระพือตามสายลมอยู่ในท้องฟ้าราวกับเทพบุตรในภาพวาดเขากลายเป็นคนรักในฝันขวัญใจของสาวๆ หลายคนไปแล้ว

และบทเพลงหัวใจไร้กังวลนี้ได้รับการยกย่องจากปรมาจารย์สายดนตรีกลายเป็นเพลงติดอันดับยอดนิยมอย่างรวดเร็ว นักดนตรีอื่นๆเริ่มเล่นเพลงหัวใจไร้กังวล ท่วงทำนองที่ไพเราะทำให้พวกเขาหลงใหลบทเพลงนี้และนักสู้สายดนตรีทุกคนเริ่มพยายามทำความเข้าใจท่วงทำนอง  แม้แต่ระดับเซียนก็ยังพยายามเข้าใจ  แต่นักสู้สายดนตรีที่สามารถปล่อยท่วงทำนองที่สามารถฆ่าเซียนนักสู้ได้แทบจะนับนิ้วได้ การใช้ท่วงทำนองฆ่าเซียนนักสู้ได้ ในประวัติศาสตร์ดนตรีหาพบได้ยากและทุกคนกลายเป็นตำนาน

และด้วยสถานะขลุ่ยวิเศษเป็นขุนพลวิญญาณยิ่งทำให้เขากลายเป็นตำนานมากขึ้นอีก ผู้คนเริ่มขุดคุ้ยค้นหาอดีตของเขา

จากนั้นทุกคนจึงได้ตระหนักว่าหนังสือประวัติที่เกี่ยวกับชื่อคุณชายขลุ่ยวิเศษมีอยู่น้อยพบแค่เพียงสองสามบรรทัด แต่กลับทำให้ผู้คนต้องการรู้เรื่องชีวิตของเขายิ่งขึ้น

แน่นอนว่าเรื่องเหล่านี้ไม่เกี่ยวข้องกับขลุ่ยวิเศษ  สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกรำคาญก็คือทุกๆวันที่ทางเข้าฐานทัพ จะมีกลุ่มสาวงามมาส่งเสียงวี้ดว้ายอยู่หน้าฐาน

“คุณชายขลุ่ยวิเศษขา!  ข้าอยากแต่งงานกับท่าน!”

“คุณชายขลุ่ยวิเศษเจ้าขา! โปรดรับข้าเป็นศิษย์ด้วยเถิด!”

……

ขลุ่ยวิเศษนั่งอยู่เงียบๆมีสีหน้าสงบ  ถังโฉ่วเดินผ่านเขาไปและบังเอิญได้ยินสาวๆ ข้างนอกส่งเสียงกรี๊ดกร๊าด “คุณชายขา, คุณชาย... ข้ารักท่าน!”

ถังโฉ่วชะงักกึกชำเลืองมองที่ประตู จากนั้นรั้งสายตากลับและพึมพำ “น่าเสียดายนะ คนกับผีเดินกันคนละเส้นทางแล้ว”

ขลุ่ยวิเศษทำหน้าเมื่อย

ถังโฉ่วสะบัดแขนเสื้อและเดินออกไป  เมื่อเห็นด้านหลังของถังโฉ่วขลุ่ยวิเศษเกือบเอาขลุ่ยในมือปาหัวถังโฉ่วเสียแล้ว

คุณชายมีชื่อเสียงโด่งดัง!

แต่ยามนั้นความสนใจของทุกคนในฐานมุ่งไปที่สงครามในกลุ่มดาวหมีใหญ่

**************************

เหออี้หมิงกำลังจะบ้า  ทำไมต้องเป็นข้า?  ทำไมเจ้าต้องเจาะจงข้าด้วย?เสียงพิณไม่ใช่ของข้าสักหน่อย บอกมา..เจ้าชอบพิณไม่ใช่หรือ?

พายุหมุนกระบี่ยังคงไล่หลังเขาส่งเสียงหวีดหวิวน่ากลัวทำให้ขนสันหลังลุกชัน

เหออี้หมิงเห็นกับตาตัวเองว่าภูเขาสูง300 เมตรถูกบดขยี้เป็นชิ้นๆ ทันที เศษหินโปรยลงมาเหมือนฝนไล่หลังเขาและตกกระทบใส่หลังเขาจนรู้สึกเจ็บ ความเร็วของพายุหมุนกระบี่ยังไม่ตกลงแม้แต่น้อย...

มีเซียนนักสู้คนไหนเคยตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนั้นมาก่อนบ้างไหม?  อย่างไรก็ตาม ข้าเป็นเซียนนักสู้คนหนึ่งเหออี้หมิงรู้สึกเจ็บและเกลียดตนเอง ทำไมข้าต้องฝึกฝนวิชากระบี่ด้วยนะ?  ทำไมข้าถึงไม่เป็นเซียนด้านวิชาตัวเบา?

ใครก็ได้ช่วยข้าที...

ทันใดนั้นหัวใจของเหออี้หมิงเต้นแรง มีคนมากมายอยู่ข้างหน้าเขา  ตาของเขาเป็นประกาย หน้าของเขามีความสุข

สวรรค์ในที่สุดท่านก็แหกตาดูเสียที!  สวรรค์เอย, ท่านไม่อาจทนได้อีกแล้ว!

เหมือนกับว่าเหออี้หมิงพี้บ้ามาเต็มที่  เขาวิ่งเข้าหากลุ่มคนอย่างไม่คิดชีวิต

กองพลวาฬขาวเดินทัพไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ด้านข้างเขาเป็นกองพลวาฬดำและกองพลวาฬน้ำเงินคอยปกป้องอีกด้านหนึ่ง  กองกำลังของฝูเยี่ยนอยู่ข้างหน้า เขามั่นใจฝีมือตนเองเต็มที่และไม่กลัวแม้แต่นักสู้ระดับเซียน

กองทัพมีกำแพงคิงคองขนาดใหญ่ที่กระตุ้นการทำงานแล้ว  ทั่วทั้งกองทัพสามารถต้านพิษได้

“สั่งกองพลทั้งสาม เตรียมเร่งความเร็ว!” ฝูเยี่ยนตะโกนลั่น“เราต้องเพิ่มความเร็วของเราและไปให้ถึงไข่หมีเร็วขึ้น   ยึดไข่หมีและทำลายถังเทียนถึงจะสามารถได้ชัยชนะอย่างแท้จริง!”

เมื่อคิดถึงว่าไม่กี่สัปดาห์ที่กองทัพเผชิญอุปสรรค  เขายังคงมีความกลัวอยู่เรื่อยๆ เขาไม่ต้องการเผชิญหน้ากับสงครามแบบนั้นอีกต่อไป  แม้ว่าเมื่อคิดถึงตอนนี้  เขาก็ยังรู้สึกอารมณ์ไม่ดี

ที่สำคัญที่สุด  พวกเขามีเวลาน้อย  ยิ่งลากเวลายาวนานออกไป  ความได้เปรียบของเขาจะน้อยลง

แต่ฝูเยี่ยนยังไม่วางใจแม้แต่น้อยและสามกองพลยังคงเดินหน้าต่อไป พวกเขายังคงรอบคอบ  กองทัพหมาป่าที่สามารถปรากฏตัวและหายอย่างคาดหมายไม่ได้และยังมีกองพลทหารราบอีกทัพหนึ่ง ดูเหมือนจะหายไปในอากาศเบาบางนั่นไม่ทำให้ฝูเยี่ยนและทหารของเขาวางใจ แต่กลับเพิ่มแรงกดดันให้พวกเขาแทน  ความเหนื่อยล้าของสภาพร่างกายมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว

ทันใดนั้นฝูเยี่ยนตวาดลั่น “หยุด!”

กองทัพทั้งสามหยุดทันทีแสดงสีหน้าสงสัย

หน้าของฝูเยี่ยนเคร่งขรึม  ดูเหมือนเขาได้ยินเสียงประหลาดนั่นคือเสียงของทหารม้าหรือเปล่า? ไม่นะ ไม่ใช่!

แล้วนั่นคือเสียงอะไร?

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด