ตอนที่ 464 เหออี้หมิงเอาชีวิตรอด
ความรู้สึกมึนงงอ่อนล้าแผ่กระจายเข้าไปในสนามพลังวิญญาณของเหวินเจียง...
หญิงสาวงดงามปรากฏร่างจากอากาศยิ้มหวานให้เขา
เหวินเจียงสะท้านใจใบหน้านั้นที่เขาโหยหาทั้งวันและคืน ดูเหมือนจริงและมีชีวิตชีวามาก เขาเหยียดแขนต้องการจะยื่นไปสัมผัสใบหน้าที่ปรากฏอยู่ในความฝันของเขานับครั้งไม่ถ้วน
แย่แล้ว!
ภาพลวงตา!
สัมปชัญญะที่เหลือเตือนให้เหวินเจียงกัดลิ้นตัวเองความเจ็บปวดและรสของเลือดทำให้เขาได้สติตื่นขึ้น สตรีที่อยู่ต่อหน้าเขาเปลี่ยนสภาพเป็นหมอกควันและเพราะเหตุผลบางอย่างเขารู้สึกปวดหัวใจ
หน้าของเขาซีดขาวความรู้สึกอ่อนแออย่างประหลาดมาจากส่วนลึกในร่างกายเขา
นั่นเป็นไปได้อย่างไร!
เขาขับไล่สิ่งที่กัดกร่อนออกไปจากสนามพลังวิญญาณของเขา...
เหวินเจียงเงยหน้าขึ้นมองจ้องดูร่างสีขาวที่ลอยอยู่ยอดหอคอยเหมือนกับว่าเขาอาจพัดหายไปกับสายลมได้ทุกเมื่อ
ร่างขาวนั้นค่อยๆพร่าเลือนในสายตาเขา ม่านควันที่ถูกปล่อยออกมาแปรสภาพเป็นรูปหญิงงามอีกครั้งหัวใจเหวินเจียงสั่นสะท้านอย่างมีความสุข ขณะที่ม่านควันล้อมรอบเขาไปทุกซอกมุมของสนามพลังวิญญาณ
เป็นสนามพลังวิญญาณที่ทรงพลังจริงๆ....
นั่นคือความคิดสุดท้ายของเหวินเจียง ขณะที่หน้าที่ขาวซีดของเขามีรอยยิ้มที่เป็นสุข
ตายในภาพลวงตานี้รู้สึกดีมากเหมือนกัน...
ขลุ่ยวิเศษมองดูเหวินเจียงที่ชีวิตค่อยๆหลุดลอยไปจากร่างอย่างเงียบงันหน้าของเขาไม่มีแววกระหยิ่มในชัยชนะหรือดีใจแม้แต่น้อยดวงตาของเขาเป็นประกายเหมือนดาวในท้องฟ้า
สายลมพัดผ่านไล้ใบหน้าเขาชุดยาวโบกสะบัด น้ำตาหยดหนึ่งไหลออกจากหางตาของเขาร่วงหายไปในสายลม
ท่วงทำนองที่เจ็ดหัวใจไร้กังวลคือไม้ตายที่ใช้สังหารเซียนนักสู้ ทำนองขลุ่ยเหมือนเมล็ดพิษ เมื่อเข้าไปในหัวใจผู้คนแล้วเพาะปลูกในหัวใจที่โหยหาเหมือนกับดินที่อุดมสมบูรณ์ พิษจะค่อยๆกัดกร่อนสนามพลังวิญญาณของผู้ใช้
ในที่สุดทำนองเพลงที่เจ็ดก็ปรากฏออกมาเป็นครั้งแรก แต่หน้าของขลุ่ยวิเศษยังคงสงบมาก
นั่นคือพลังของเสียงเพลงซึ่งเป็นพลังของหัวใจ
ขลุ่ยวิเศษดูท่าทีค่อนข้างผิดหวังอารมณ์ทั้งหมดในหัวใจ หัวใจเป็นพื้นที่อ่อนไหวที่สุดและเป็นที่ซ่อนพิษร้ายแรงที่สุดไว้
เขาหัวเราะเยาะตัวเอง ทำไมข้าถึงได้รู้สึกพลุกพล่านกับความตายของศัตรูข้าด้วย?
มันเป็นการเสแสร้งโดยแท้...โชคดีที่เจ้าเด็กห้าวถังไม่อยู่ที่นี่..
นึกไม่ถึงเลยว่าคนที่ข้าไม่อยากเผชิญหน้ามาที่สุดก็คือเจ้าเด็กโง่นั่น...
ขลุ่ยวิเศษหัวเราะลั่นหมอกควันในใจค่อยสลายออกไป สายตาเขามองดูจางหมิงเฮ่อซึ่งอดทนอย่างขื่นขมเขาดูคล้ายกับคนเป็นไข้จับสั่น บัดเดี๋ยวหนาว บัดเดี๋ยวร้อน
บทบรรเลงหัวใจไร้กังวลส่งผลต่อเซียนนักสู้เป็นพิเศษและจะกล้าแข็งมากขึ้นเมื่อเผชิญกับเซียนนักสู้ ความมุ่งมั่นและความสุขุมของเซียนนักสู้จะแข็งแกร่งมากกว่านักสู้ธรรมดาทั่วไปมากมายนัก และพวกเขาบรรลุระดับการควบคุมตนเองได้อย่างน่าทึ่ง
อย่างไรก็ตาม แม้แต่คนที่แข็งแกร่งที่สุดเด็ดเดี่ยวที่สุดก็ยังมีจุดอ่อนในหัวใจ
และพิษแห่งความปรารถนาถูกซ่อนเร้นอยู่ในหัวใจพวกเขายิ่งเก็บกดเอาไว้มากเท่าใด ถ้ามันปะทุออกมาก็จะมีพลังรุนแรงมากเท่านั้น และพิษแบบนี้จะกัดกร่อนสนามพลังวิญญาณของเซียนนักสู้ได้ซึ่งเป็นจุดสำคัญอีกอย่างหนึ่ง
นั่นคือที่ซึ่งปราณแท้ของบทเพลงหัวใจไร้กังวล ยิ่งศัตรูแข็งแกร่งก็จะส่งผลรุนแรงขึ้น
แม้ว่าจางหมิงเฮ่อจะไม่อ่อนแอ แต่เขาก็ไม่ใช่นักสู้ระดับเซียนและไม่มีสนามพลังวิญญาณ ความมุ่งมั่นของเขายังไม่รุนแรงพอ ดังนั้นบทเพลงหัวใจไร้กังวลจึงไม่ส่งผลต่อเขามากเหมือนกับเหวินเจียงและเขายังมีสมบัติวิเศษสุนัขคำนึงอยู่ในครอบครอง
เพราะเป็นเช่นนั้นเขาจึงสามารถทนอยู่ได้ ขณะที่คนอื่นตายกันหมด
ทันใดนั้นกรงเล็บเงินบินออกมาและคว้าสมบัติสุนัขคำนึงจากมือของจางหมิงเฮ่อพอออกแรงกระตุกดึง สมบัติสุนัขคำนึงก็หลุดออกมาจากจางหมิงเฮ่อ
แสงของสมบัติสุนัขคำนึงเปล่งแสงเจิดจ้า แต่กรงเล็บเงินก็ยึดมันไว้อย่างแน่นหนา ไม่ว่ามันจะดิ้นรนยังไงก็ไม่สามารถหลุดออกมาได้
เมื่อสูญเสียการป้องกันจางหมิงเฮ่อก็ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป ร่างของเขาล้มลงและเขาหมดสติ เมื่อเห็นเช่นนั้น ขลุ่ยวิเศษได้แต่ส่ายศีรษะ ตัวเขาเองมาจากตระกูลสูงส่งและรู้ว่าศิษย์ของตระกูลสูงส่งมักจะอ่อนประสบการณ์กำลังใจของพวกเขาอ่อนแอเป็นธรรมดา ความโหยหาในใจของพวกเขาไม่มาก และนั่นคือข้อผิดพลาดที่พบได้บ่อยในพวกเขา
ตวนมู่มองดูสุนัขคำนึงอย่างระมัดระวัง กรงเล็บเงินเป็นของเขานั่นเอง สมบัติชั้นสูงอย่างนั้น แค่เขามองดูก็รู้แล้ว
ชี่กวงที่อยู่ด้านข้างมองดูอย่างอิจฉา เจ้าเด็กนั่นไม่ซื่อแล้วเอาของไปเยอะแยะได้ยังไง...
ขณะที่ทุกคนรู้สึกตัวจากอาการตกใจ พวกเขามองดูขลุ่ยวิเศษด้วยสายตาเทิดทูน แม้ว่าส่วนใหญ่จะไม่รู้จักเหวินเจียง แต่เหวินเจียงปลดปล่อยสนามพลังวิญญาณได้ นั่นนับว่าเป็นของจริง
ระดับเซียน คุณชายขลุ่ยวิเศษฆ่านักสู้ระดับเซียนได้จริงๆ
ขุนพลวิญญาณสามารถฆ่านักสู้ระดับเซียนได้...
ผู้เห็นเหตุการณ์การต่อสู้มากมายขณะที่สมาพันธ์ชาวยุทธและกลุ่มดาววาฬค่อยๆ สูญเสียจากสงครามพิษ ผู้คนที่มีเชาว์ปัญญาไวสามารถคาดเดาได้ทันทีว่าสมาพันธ์ชาวยุทธจะต้องลงมือกับเมืองสามวิญญาณแน่นอน
ก่อนหน้านั้นแม้ว่าเมืองสามวิญญาณจะเริ่มแสดงคุณค่าของพวกเขาออกมาบ้างแล้ว แต่หลายคนก็ยังไม่ถึงกับยกย่องให้เป็นมหาอำนาจขนาดเล็ก จนกระทั่งเมื่อเมืองสามวิญญาณและสมาคมยอดปราชญ์แห่งกลุ่มดาวคันชั่งเริ่มมีความร่วมมือกันทำให้เมืองสามวิญญาณเดินออกมาสู่เวทีใหญ่จนได้ และเมื่อความเกี่ยวโยงระหว่างเมืองสามวิญญาณและถังเทียนเผยแพร่ออกไปก็ยิ่งดึงดูดคนเข้ามามาก
เมืองสามวิญญาณจะขยายตัวอย่างเงียบๆจึงเป็นไปไม่ได้อีกต่อไป
เมื่อการต่อสู้เริ่มขึ้นภายในฐาน จึงมีทั้งหน่วยสอดแนมและหน่วยสังเกตการณ์ตามดูอยู่ด้วย บทบรรเลงเพลงหัวใจไร้กังวลของขลุ่ยวิเศษทำให้ทั้งเมืองเหมือนตกอยู่ในความโง่งมแต่เมื่อข้อมูลมาถึงหน่วยสังเกตการณ์ของกลุ่มอำนาจกลับเป็นเรื่องน่าทึ่งที่เหตุการณ์กลับกลายเสียได้
เพลงขลุ่ยที่ไพเราะและเต็มไปด้วยรังสีสังหารคือสิ่งที่ตรวจพบได้ยาก
ขลุ่ยวิเศษแข็งแกร่งขนาดนั้นจริงๆ!
หน่วยสังเกตการณ์ตกใจเนื่องจากพวกเขาได้เริ่มประเมินความแข็งแกร่งของขลุ่ยวิเศษไว้ ทุกตระกูลลงความเห็นเป็นเอกฉันท์ แม้ว่าพลังของขลุ่ยวิเศษจะไม่ลึกล้ำมากเหมือนเมื่อตอนเขามีชีวิต เพราะเขาเป็นขุนพลวิญญาณพลังของเขาสูงล้ำกว่านั้นมาก พลังในปัจจุบันของเขาน่าจะเทียบได้กับนักสู้ในทำเนียบสวรรค์วิถีระดับที่7000
แต่...
เมื่อเวลาผ่านไปอย่างเงียบงันไม่มีเสียงต่อสู้ภายในฐาน แม้แต่เหวินเจียง, จางหมิงเฮ่อและคนที่เหลือก็ไม่ออกมา คนสังเกตการณ์ทุกคนตกตะลึงการคาดเดาที่น่าสะพรึงกลัวปรากฏขึ้นในหัวพวกเขา
ผู้บุกรุกตายหมดทุกคน
ด้วยพลังของเหวินเจียงและจางหมิงเฮ่อ พวกเขาเชื่อว่าเมืองสามวิญญาณจะถูกทำลายได้อย่างง่ายดาย แต่ไม่มีเสียงเคลื่อนไหวอะไร ทำให้ทุกคนรู้สึกเลือดเย็นเฉียบ
ในฐานแห่งนี้ยังมีความลับซ่อนไว้ภายในอีกเท่าใด?
คำขอของถังโฉ่วที่ให้ข่มขวัญศัตรูสำเร็จลงอย่างงดงาม เนื่องจากทั่วทั้งเมืองสามวิญญาณแม้แต่ขโมยก็ถูกกำจัดสิ้น นักสู้ที่ดุร้ายแต่เดิมที่เดินเตร็ดเตร่หาโอกาสตอนนี้ต้องซื้อหาข้อมูลอย่างระมัดระวังด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
แต่เมื่อพูดถึงคุณชายขลุ่ยวิเศษไม่ได้หยุดยั้งอยู่เพียงแค่นั้น เมื่อคุณชายขลุ่ยวิเศษเหาะขึ้นไปบนหอคอยสูงสุดตามลำพัง ชุดขาวของเขากระพือตามสายลมอยู่ในท้องฟ้าราวกับเทพบุตรในภาพวาดเขากลายเป็นคนรักในฝันขวัญใจของสาวๆ หลายคนไปแล้ว
และบทเพลงหัวใจไร้กังวลนี้ได้รับการยกย่องจากปรมาจารย์สายดนตรีกลายเป็นเพลงติดอันดับยอดนิยมอย่างรวดเร็ว นักดนตรีอื่นๆเริ่มเล่นเพลงหัวใจไร้กังวล ท่วงทำนองที่ไพเราะทำให้พวกเขาหลงใหลบทเพลงนี้และนักสู้สายดนตรีทุกคนเริ่มพยายามทำความเข้าใจท่วงทำนอง แม้แต่ระดับเซียนก็ยังพยายามเข้าใจ แต่นักสู้สายดนตรีที่สามารถปล่อยท่วงทำนองที่สามารถฆ่าเซียนนักสู้ได้แทบจะนับนิ้วได้ การใช้ท่วงทำนองฆ่าเซียนนักสู้ได้ ในประวัติศาสตร์ดนตรีหาพบได้ยากและทุกคนกลายเป็นตำนาน
และด้วยสถานะขลุ่ยวิเศษเป็นขุนพลวิญญาณยิ่งทำให้เขากลายเป็นตำนานมากขึ้นอีก ผู้คนเริ่มขุดคุ้ยค้นหาอดีตของเขา
จากนั้นทุกคนจึงได้ตระหนักว่าหนังสือประวัติที่เกี่ยวกับชื่อคุณชายขลุ่ยวิเศษมีอยู่น้อยพบแค่เพียงสองสามบรรทัด แต่กลับทำให้ผู้คนต้องการรู้เรื่องชีวิตของเขายิ่งขึ้น
แน่นอนว่าเรื่องเหล่านี้ไม่เกี่ยวข้องกับขลุ่ยวิเศษ สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกรำคาญก็คือทุกๆวันที่ทางเข้าฐานทัพ จะมีกลุ่มสาวงามมาส่งเสียงวี้ดว้ายอยู่หน้าฐาน
“คุณชายขลุ่ยวิเศษขา! ข้าอยากแต่งงานกับท่าน!”
“คุณชายขลุ่ยวิเศษเจ้าขา! โปรดรับข้าเป็นศิษย์ด้วยเถิด!”
……
ขลุ่ยวิเศษนั่งอยู่เงียบๆมีสีหน้าสงบ ถังโฉ่วเดินผ่านเขาไปและบังเอิญได้ยินสาวๆ ข้างนอกส่งเสียงกรี๊ดกร๊าด “คุณชายขา, คุณชาย... ข้ารักท่าน!”
ถังโฉ่วชะงักกึกชำเลืองมองที่ประตู จากนั้นรั้งสายตากลับและพึมพำ “น่าเสียดายนะ คนกับผีเดินกันคนละเส้นทางแล้ว”
ขลุ่ยวิเศษทำหน้าเมื่อย
ถังโฉ่วสะบัดแขนเสื้อและเดินออกไป เมื่อเห็นด้านหลังของถังโฉ่วขลุ่ยวิเศษเกือบเอาขลุ่ยในมือปาหัวถังโฉ่วเสียแล้ว
คุณชายมีชื่อเสียงโด่งดัง!
แต่ยามนั้นความสนใจของทุกคนในฐานมุ่งไปที่สงครามในกลุ่มดาวหมีใหญ่
**************************
เหออี้หมิงกำลังจะบ้า ทำไมต้องเป็นข้า? ทำไมเจ้าต้องเจาะจงข้าด้วย?เสียงพิณไม่ใช่ของข้าสักหน่อย บอกมา..เจ้าชอบพิณไม่ใช่หรือ?
พายุหมุนกระบี่ยังคงไล่หลังเขาส่งเสียงหวีดหวิวน่ากลัวทำให้ขนสันหลังลุกชัน
เหออี้หมิงเห็นกับตาตัวเองว่าภูเขาสูง300 เมตรถูกบดขยี้เป็นชิ้นๆ ทันที เศษหินโปรยลงมาเหมือนฝนไล่หลังเขาและตกกระทบใส่หลังเขาจนรู้สึกเจ็บ ความเร็วของพายุหมุนกระบี่ยังไม่ตกลงแม้แต่น้อย...
มีเซียนนักสู้คนไหนเคยตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนั้นมาก่อนบ้างไหม? อย่างไรก็ตาม ข้าเป็นเซียนนักสู้คนหนึ่งเหออี้หมิงรู้สึกเจ็บและเกลียดตนเอง ทำไมข้าต้องฝึกฝนวิชากระบี่ด้วยนะ? ทำไมข้าถึงไม่เป็นเซียนด้านวิชาตัวเบา?
ใครก็ได้ช่วยข้าที...
ทันใดนั้นหัวใจของเหออี้หมิงเต้นแรง มีคนมากมายอยู่ข้างหน้าเขา ตาของเขาเป็นประกาย หน้าของเขามีความสุข
สวรรค์ในที่สุดท่านก็แหกตาดูเสียที! สวรรค์เอย, ท่านไม่อาจทนได้อีกแล้ว!
เหมือนกับว่าเหออี้หมิงพี้บ้ามาเต็มที่ เขาวิ่งเข้าหากลุ่มคนอย่างไม่คิดชีวิต
กองพลวาฬขาวเดินทัพไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ด้านข้างเขาเป็นกองพลวาฬดำและกองพลวาฬน้ำเงินคอยปกป้องอีกด้านหนึ่ง กองกำลังของฝูเยี่ยนอยู่ข้างหน้า เขามั่นใจฝีมือตนเองเต็มที่และไม่กลัวแม้แต่นักสู้ระดับเซียน
กองทัพมีกำแพงคิงคองขนาดใหญ่ที่กระตุ้นการทำงานแล้ว ทั่วทั้งกองทัพสามารถต้านพิษได้
“สั่งกองพลทั้งสาม เตรียมเร่งความเร็ว!” ฝูเยี่ยนตะโกนลั่น“เราต้องเพิ่มความเร็วของเราและไปให้ถึงไข่หมีเร็วขึ้น ยึดไข่หมีและทำลายถังเทียนถึงจะสามารถได้ชัยชนะอย่างแท้จริง!”
เมื่อคิดถึงว่าไม่กี่สัปดาห์ที่กองทัพเผชิญอุปสรรค เขายังคงมีความกลัวอยู่เรื่อยๆ เขาไม่ต้องการเผชิญหน้ากับสงครามแบบนั้นอีกต่อไป แม้ว่าเมื่อคิดถึงตอนนี้ เขาก็ยังรู้สึกอารมณ์ไม่ดี
ที่สำคัญที่สุด พวกเขามีเวลาน้อย ยิ่งลากเวลายาวนานออกไป ความได้เปรียบของเขาจะน้อยลง
แต่ฝูเยี่ยนยังไม่วางใจแม้แต่น้อยและสามกองพลยังคงเดินหน้าต่อไป พวกเขายังคงรอบคอบ กองทัพหมาป่าที่สามารถปรากฏตัวและหายอย่างคาดหมายไม่ได้และยังมีกองพลทหารราบอีกทัพหนึ่ง ดูเหมือนจะหายไปในอากาศเบาบางนั่นไม่ทำให้ฝูเยี่ยนและทหารของเขาวางใจ แต่กลับเพิ่มแรงกดดันให้พวกเขาแทน ความเหนื่อยล้าของสภาพร่างกายมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว
ทันใดนั้นฝูเยี่ยนตวาดลั่น “หยุด!”
กองทัพทั้งสามหยุดทันทีแสดงสีหน้าสงสัย
หน้าของฝูเยี่ยนเคร่งขรึม ดูเหมือนเขาได้ยินเสียงประหลาดนั่นคือเสียงของทหารม้าหรือเปล่า? ไม่นะ ไม่ใช่!
แล้วนั่นคือเสียงอะไร?