ตอนที่ 463 - บรรลุระดับใหม่
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เย่ว์หยางตกใจกับความอุกอาจของนางพญากระหายเลือดยิ่งนัก
นางเปลี่ยนไปจนเหมือนมนุษย์ขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน?
เย่ว์หยางคิดว่านางคงต้องใช้เวลาสำหรับวิวัฒนาการเป็นมนุษย์ผู้ใหญ่โดยสมบูรณ์ แต่เขาไม่เคยคาดเลยว่าทั้งกายและใจของนางเป็นผู้ใหญ่เต็มที่แล้ว เย่ว์หยางใช้จักษุญาณทิพย์ตรวจสอบนางและเห็นว่าอาหงมีความเป็นมนุษย์สมบูรณ์มากกว่าหญิงมนุษย์ธรรมดาเสียอีก นางพญากระหายเลือดหงวิวัฒนาการก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดดในการกลายรูปเป็นมนุษย์
พัฒนาการทางร่างกายของนางรวดเร็วแบบก้าวกระโดดก็จริง แต่จิตใจนางเล่า?
ควรทราบว่าสัตว์อสูรจะต้องใช้เวลามากกว่าหลายสิบปีจนถึงสองร้อยปี เพื่อวิวัฒนาการร่างกายเป็นมนุษย์ วิวัฒนาการของจิตใจพวกเขานั้นจะต้องใช้เวลามากกว่าสองถึงสามร้อยปีก่อนที่พวกเขาจะมีลักษณะเหมือนมนุษย์อย่างสมบูรณ์
อาหงทำสัญญาได้นานเท่าใดกันแน่?
เย่ว์หยางไม่เข้าใจว่านางวิวัฒนาการด้วยความเร็วที่น่าตระหนกขนาดนั้นได้อย่างไร เทียบกับโคเงา นางวิวัฒนาการเป็นมนุษย์ได้ไวกว่ามาก มากเหนือกว่านางพญาดอกหนามมงกุฏทองเสียอีก
“เจ้านายกับนายหญิงสอนหงไว้มาก….” นางพญากระหายเลือดหงก้มหน้าอาย ความจริงเหตุผลแรกที่ทำให้นางพัฒนาการก้าวกระโดดก็คือพลังที่ผิดธรรมดาของเย่ว์หยาง นอกจากนี้ยังมีการแข่งขันกับเหล่าสหายของนางทำให้สติปัญญานางก้าวหน้าขึ้นมาก มีการแข่งขันจากโคเงา ตามมาด้วยนางพญาดอกหนามมงกุฎทอง จากนั้นก็เป็นภูตเพลิงปฐพี การแข่งขันทั้งหมดนี้ช่วยให้นางวิวัฒนาการได้เร็ว ไม่มีทางที่อาหงจะไม่พากเพียรอย่างหนักและเป็นผู้ใหญ่ได้เร็ว เพื่อที่ว่านางจะได้ไม่ล้าหลังผู้ใด
อิทธิพลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็คือทักษะผสานกายของเย่ว์หยาง
ตอนแรกเมื่อเขาผสานกายกับสตรีอื่น, อาหงก็สามารถเรียนรู้อารมณ์และวิธีการของมนุษย์สตรี นี่เป็นผลให้นางก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้น ก็เป็นการปรากฏตัวของนางพญาซัคคิวบัส อสูรพิทักษ์ของนางเซียนหงส์ฟ้า และการปรากฏตัวของสาวมังกรไร้เขา
นางพญาซัคคิวบัสไม่เพียงแต่ทรงพลังเท่านั้น แต่ยังช่วยปรนนิบัติเย่ว์หยางพร้อมกับนางเซียนหงส์ฟ้า การกระทำของนางเปิดปัญญาความรู้ให้กับนางพญากระหายเลือดหง และพวกนางเปิดประตูแห่งความเป็นไปได้ให้กับอาหง
นอกจากนี้ เรื่องนี้ทำให้นางรู้ว่า นางก็สามารถทำได้
การปรากฏตัวของสาวมังกรไร้เขาเจี้ยงอิง ทำให้นางพญากระหายเลือดหงรู้สึกเหมือนถูกคุกคาม
อย่างน้อยที่สุด นางพญาซัคคิวบัสก็ยังเป็นอสูรพิทักษ์ของนางเซียนหงส์ฟ้า อย่างไรก็ตามเจี้ยงอิงกลายเป็นอสูรพิทักษ์ของเย่ว์หยางและตอนนี้นางจะอยู่เคียงคู่กับเย่ว์หยางเสมอ ถ้าเจี้ยงอิงสามารถเดินล้ำหน้านางพญากระหายเลือดหงได้ อย่างนั้นนางคงจะรู้สึกว่ามีสถานะตกต่ำในหัวใจเย่ว์หยาง.. การแข่งขัน การพิสูจน์ตนและการรู้สึกถูกคุกคามทั้งสามประการนี้ทำให้นางพญากระหายเลือดมีความเปลี่ยนแปลงในจิตใจ และทำให้นางมีพัฒนาการก้าวกระโดด
จากที่เป็นเป็นอสูรนางพญากระหายเลือด นางวิวัฒนาการก้าวใหญ่กลายเป็นมนุษย์คนหนึ่ง
เป็นก้าวย่างที่เหล่าอสูรหลายร้อยล้านตนมิอาจทำสำเร็จได้ทั้งชีวิต สำหรับนางพญากระหายเลือดหง กลับใช้เวลาสั้นๆ ไม่กี่วันกับการก้าวย่างวิวัฒนาการ
“อย่าห่วงเลยอาหง! เจ้าจะเป็นนางพญากระหายเลือดที่รักของข้าเพียงคนเดียวไม่มีใครทดแทนได้” เย่ว์หยางรู้สึกได้ถึงความรู้สึกของอาหง เขาเชยคางนางขึ้นและจูบที่ริมฝีปากของนางอย่างนุ่มนวล
“ค่ะ” สายน้ำตาไหลพรากเต็มหน้าของนางพญากระหายเลือด เมื่อนางได้ยินคำพูดของเย่ว์หยาง
ความวิตกกังวลใจตลอดสองสามวันมานี้พลันเสื่อมหายทันที
ภาระถ่วงในหัวใจนางเบาและถูกยกออกไป ในทันใดนั้น นางรู้สึกเป็นสุขที่รู้ว่านางมีพื้นที่พิเศษในหัวใจของเย่ว์หยาง แม้ว่า เย่ว์หยางจะมีอสูรแตกต่างหลากหลายรายล้อมเขาอยู่ มีปีศาจอสรพิษน้อยธิดาคนโปรด, โคเงาผู้ภักดีที่สุดและนางพญาดอกหนามมงกุฎทองที่มีการเปลี่ยนแปลงมาโดยตลอด นางพญากระหายเลือดหงยังคงมีพื้นที่พิเศษสำหรับเขา
นางพญากระหายเลือดรับสัมผัสและกอดเย่ว์หยางอย่างปลาบปลื้มใจพลางซบหน้ากับอกเขา
น้ำตาอุ่นๆ ไหลนองหน้านาง
จากนั้นนางเงยหน้าที่ยังเปื้อนน้ำตา มองดูเย่ว์หยางและพยักหน้าแข็งขัน “หงจะพยายามอย่างหนักในอนาคต”
นางจูบเย่ว์หยางด้วยความหลงใหล และเขาก็จูบนางตอบด้วยความรัก
พวกเขาฝึกผสานร่างต่อไป
แน่นอนว่า ในการฝึกฝนวิธีเดียวกันนี้ เมื่อใช้กับอาหง ย่อมสร้างผลลับที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
เจี้ยงอิงนั้นแข็งทื่อนิ่งเฉย, กลัวจะขยับและว่านางจะก่อให้เกิดผลต่อเย่ว์หยาง เนื่องจากนางไม่ประสีประสาเกี่ยวกับสัมพันธ์กับเพศตรงข้าม นางกังวลมากและเกร็งไม่คลายจนกระทั่งสูญเสียความเป็นตัวเอง ส่วนอาหงนั้นแตกต่าง นางเห็นเย่ว์หยางฝึกผสานร่างกับเจ้าเมืองโล่วฮัวและนางเซียนหงส์ฟ้ามาแล้วหลายครั้งและเห็นเขาขึ้นเตียงกับพวกนาง เมื่อเป็นเช่นนี้นางจึงรู้วิธีส่งเสริมการฝึกผสานร่างกับเย่ว์หยาง
มีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงระหว่างการร่วมและการไม่ให้ความร่วมมือ
แม้ว่าที่สุดแล้วจะสามารถตอบสนองโดยไม่มีการร่วมมือก็ได้, เทียบกับความเข้าใจร่วมกัน ผลของการฝึกฝนผสานร่างจะมากเป็นสองเท่า
ก็เหมือนกับความแตกต่างระหว่างเสวี่ยอู๋เสียกับเย่ว์หวี่ เสวี่ยอู๋เสียยกระดับได้เร็ว เนื่องจากนางสามารถร่วมประสานอย่างสมบูรณ์แบบเมื่อพวกเขาฝึกฝนด้วยกัน เมื่อองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเห็นพวกเขาก็ยังคงอิจฉาเช่นกัน ตรงกันข้าม เย่ว์หวี่ยอมฝึกผสานร่างกับเย่ว์หยาง เนื่องจากนางรู้ว่าพลังที่อ่อนหยุ่นของนางจะช่วยเขาได้เต็มที่ นางต้องการช่วยให้เขาได้ยกระดับ แต่นางยังคงแข็งขืนระหว่างฝึกฝนและจะถอนกลับเมื่อใดก็ตามที่มีความเคลื่อนไหวพัวพันที่รุนแรง ดังนั้นนางจึงยกระดับในอัตราที่ช้ากว่าเสวี่ยอู๋เสีย
แม้ว่าเย่ว์หวี่ดูเหมือนว่านางจะก้าวหน้าได้รวดเร็วในโลกภายนอก แต่ความก้าวหน้าของนางก็ยังนับว่าช้าเมื่อเทียบกับเสวี่ยอู๋เสีย
อาหงเปิดโอกาสให้เย่ว์หยางอย่างสิ้นเชิง
แม้ว่าร่างกายของพวกเขายังไม่เข้ากันนัก แต่นางพร้อมแล้วที่จะฝึกผสายกายคู่รักขั้นสุดท้ายกับเย่ว์หยาง
เย่ว์หยางยังมิได้ผสานร่างขั้นสุดท้ายกับอาหงทันที เพราะเขารู้สึกว่าเขาเพิ่งเตรียมจะยกระดับ ถ้าเขายกระดับระหว่างดำเนินการ ไม่มีทางทำนายได้เลยว่า อาจจะมีผลกระทบต่อนางพญากระหายเลือดยังไงและเขาไม่ต้องการที่จะเสี่ยง
ยิ่งกว่านั้น ถ้าการผสานร่างเกิดขึ้นขณะที่จะบรรลุขอบเขตใหม่ ก็อาจจะมีผลที่คาดไม่ถึงต่อเขาก็เป็นได้ ยกตัวอย่าง สาวมังกรไร้เขาควบพลังจนงวดลงจนสับสนกับสภาพปัจจุบัน และเพราะนางยกระดับมากเกินไป ผลกระทบจากการบรรลุขอบเขตใหม่บังคับให้นางต้องเข้าสู่สภาวะจำศีล ถ้าสิ่งเดียวกันนั้นเกิดขึ้นกับเย่ว์หยาง แผนที่เขาเตรียมฆ่าจักรพรรดิสมุทรคงจะล้มเหลว
นอกจากนี้ สิ่งที่เย่ว์หยางต้องการที่สุดก็คือเพื่อให้นางพญากระหายเลือดหงมีความสุข และเพลิดเพลินกับการผสานกายขั้นสุดท้าย เขาต้องการให้เป็นช่วงเวลาที่งดงามแทนที่จะเป็นเครื่องมือฝืกฝนเพื่อความก้าวหน้าของเขา
คงจะเป็นรางวัลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับนางพญากระหายเลือดหงสำหรับความรู้สึกเป็นมนุษย์ของนาง
อาหงก้มหน้าลงกับตัวเย่ว์หยางและพยายามเลียนแบบอย่างที่นายหญิงของนางทำ
เย่ว์หยางได้รับสนับสนุนจากพลังของนางและผสานพลังรวมกัน เขาใกล้จะระเบิดพลังปราณก่อกำเนิดเพื่อบรรลุเข้าขอบเขตปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ระดับหก
แรงอัดกระแทกจากพลังระเบิดที่ไร้เสียงส่งผลให้นางพญากระหายเลือดกระเด็นออกไปทันที น่าอัศจรรย์ที่นางไม่ได้รับบาดเจ็บ ทุกอย่างภายในรัศมีห้าเมตรรอบตัวเย่ว์หยางกลายเป็นฝุ่น แม้แต่มิติก็ยังมีการแตกร้าว เพลิงอมฤตจากร่างของเย่ว์หยางก่อตัวเป็นแท่งเพลิงขนาดยักษ์พุ่งเป็นลำขึ้นไปบนท้องฟ้า ขณะที่ปีกเพลิงอมฤตบนหลังของเขาพาเขาบินเข้าไปในใจแท่งเพลิง
ปราณกระบี่ยิงออกมาจากนิ้วเย่ว์หยางครอบคลุมท้องฟ้าและกระบี่ทุกเล่มตัดผ่านมิติได้
ปราณที่แข็งแกร่งที่สุดสามารถตัดผ่านกระทั่งมิติว่างเปล่า
หงส์เพลิงที่สง่างามเป็นรูปร่างที่เกิดจากเพลิงอมฤต บินโฉบลงมาจากท้องฟ้าพร้อมกับเย่ว์หยางที่อยู่บนหลังของมัน ในเสี้ยววินาทีต่อมา โลกคัมภีร์ทั้งหมดก็สั่นสะท้านไปทั่ว
บึ้ม
หงส์เพลิงพาเย่ว์หยางลงมาบนพื้นพร้อมกับระเบิดแล้วกลับเข้าไปในร่างของเย่ว์หยางทันที อย่างไรก็ตาม เย่ว์หยางคงหยั่งเท้าเป็นรูจมลึกในพื้น เขาก้มตัวลงและปีกเพลิงอมฤตของเขาพุ่งสูงขึ้นไปในท้องฟ้าสิบเมตร
จากนั้นเย่ว์หยางยืดตัว และยกมือทั้งสองพร้อมกับตะโกน “ฮ่าห์”
ทั่วทั้งโลกคัมภีร์โยกไหวรุนแรง
ปรากฏภาพยักษ์ทองสูงพันเมตรขยายโตแยกออกมาจากร่างของเย่ว์หยาง มันเลียนแบบการกระทำของเย่ว์หยางและท้องฟ้าของโลกคัมภีร์รู้สึกเหมือนกับกำลังจะแตกระเบิด ภายใต้แรงกดดันขณะที่ปรากฏรอยเท้าลึกอยู่บนพื้น แสงสว่างเจิดจ้าฉายออกมาจากร่างของเย่ว์หยางและคัมภีร์อัญเชิญก็ลอยออกมาก “โลก” ยังคงดูดกลืนพลังงานที่เย่ว์หยางแผ่ออกมา จากนั้นม่านพลังงานแสงขยายออกจาก 60 เมตรเป็น 80 เมตร
นางพญากระหายเลือดกรีดร้องขณะที่ร่างของนางยังคงแช่อยู่ในแสงสว่างและพลังงานของนางเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ร่างของนางสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
เหลือเพียงอีกเล็กน้อยเท่านั้นนางจะบรรลุขอบเขตใหม่
อย่างน้อยที่สุด นางพญากระเลือดหงจะบรรลุขอบเขตใหม่ได้ ถ้าพวกเขาฝึกร่วมกันในครั้งต่อไป
เย่ว์หยางต้องการปล่อยหมัดเขาต่อไป แต่ทันใดนั้นเสี่ยวเหวินหลีปรากฏตัวออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
มือน้อยๆ ทั้งหกของเธอจับหมัดของเขาไว้
เธอใช้ดวงตากลมโตสีดำมองเขาด้วยท่าทางวิงวอน
แทนที่จะใช้ทักษะแฝงเร้นโซ่ล่องหนกับเย่ว์หยาง เสี่ยวเหวินหลียังคงเผชิญหน้ากับเย่ว์หยางที่ยังขาดสติทั้งยังบรรลุอยู่ในขอบเขตใหม่ เธอยอมเจ็บตัวมากกว่าที่จะทำร้ายเขา
“ฮ่าาาาาห์!” เย่ว์หยางตอบสนองตามสัญชาตญาณ และยื่นมือข้างหนึ่งคว้าคอเสี่ยวเหวินหลี ขณะที่อีกมือหนึ่งเตรียมจะต่อยออกไป เสี่ยวเหวินหลีไม่กลัวและยังยึดแขนของเขาไว้แน่น ทันใดนั้น ประกายแสงทองในดวงตาของเย่ว์หยางลดลงและนัยน์ตาเขากระจ่างใสอีกคราว ภาพเสี่ยวเหวินหลีคลี่ยิ้มหวานปรากฏอยู่ในสายตาของเขา นัยน์ตาของเธอโค้งเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว
“ฮิฮิ!” เธอทำได้ เธอใช้วิญญาณของเธอเรียกสติของเย่ว์หยางกลับมาได้สำเร็จ
“ลูกพ่อ!, อย่าทำอย่างนั้นอีกนะ, จะเป็นยังไงถ้าข้าพลั้งมือทำร้ายเจ้า” เย่ว์หยางรีบคลายมือหลังจากเขากลับได้สติ เขาดึงเธอเข้ามากอดและจูบเธออย่างดุเดือดพลางลูบศีรษะน้อยๆ ของเธอด้วยความรู้สึกเจ็บปวดใจ ต้องบอกว่าเกือบไปแล้ว เขาสูญเสียการควบคุมตนเองจนเกือบทำร้ายเธอ
“อา…” เสี่ยวเหวินหลีส่ายศีรษะแสดงว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ เธอจับหน้าเย่ว์หยางแล้วจุ๊บเขาอย่างน่าเอ็นดู
นางพญากระหายเลือดหงมีความรู้สึกอิจฉาอยู่ในใจ แต่นางไม่ทะเลาะกับเสี่ยวเหวินหลีเพื่อแย่งกอดเย่ว์หยางแน่
นางกลับกอดเย่ว์หยางจากด้านหลังรวมทั้งเสี่ยวเหวินหลีไว้ด้วยกัน
นางแนบใบหน้าที่เปี่ยมสุขกับหลังของเย่ว์หยาง
โคเงาอาหมันวิ่งตึกตักออกมาด้วยความตื่นเต้น นางใช้แรงถึกของนางโอบเย่ว์หยาง, อาหง, เสี่ยวเหวินหลียกขึ้นและโดดหมุนตัวไปรอบๆ ที่ห่างออกไป ตั๊กแตนมัจจุราชบินอยู่กลางอากาศด้วยความดีใจ ขณะที่มันตื่นเต้นที่เย่ว์หยางยกระดับ มีเพียงภูตเพลิงปฐพีที่หมกตัวอยู่ในบ่อลาวาในภูเขาไฟในที่ไกลออกไปไม่เข้าใจเรื่องอะไรเหล่านี้
ความรู้สึกทั้งหลายยังคงซับซ้อนเกินกว่านางจะเข้าใจ
นางชำเลืองมองเย่ว์หยาง จากนั้นมองดูนางพญากระหายเลือดที่มีความสุขและโคเงาอย่างมึนงง เหมือนกับนางไม่เข้าใจว่า อะไรคือความสุขมากเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น หรืออาจบางทีนางไม่สามารถเข้าใจแนวคิดเรื่องความสุขของมนุษย์ก็เป็นได้
ความสุขคืออะไร?
ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกระบวนการ ภูตเพลิงปฐพีก็แค่เป็นเหมือนอย่างที่โคเงาเคยเป็นมาก่อน
อย่างไรก็ตาม โคเงาอาหมัน เนื่องจากนางใกล้ชิดกับมนุษย์ นางจึงไม่ใช่โคเงาเถื่อนที่ไม่รู้อะไรอย่างที่เคยเป็นอีกต่อไป
โชคดีที่นางพญาดอกหนามมงกุฏทองยังไม่ตื่น
ไม่อย่างนั้น โลกคัมภีร์คงครึกครื้นมีชีวิตชีวามากกว่าเดิม เนื่องจากนางสวาปามนักสู้ปราณก่อกำเนิดมากมายเกินไปตั้งแต่ครั้งก่อน และเย่ว์หยางยังคงถ่ายเทปราณก่อกำเนิดให้นางต่อเนื่อง นางต้องเติบโตกลายเป็นนางพญาที่งดงามซึ่งมีพลังทำลายล้าง นางจะตื่นขึ้นเมื่อใดกันแน่? สิ่งที่ยืนยันได้แน่ก็คือนางจะสมบูรณ์แบบมากกว่าแต่ก่อน เพราะร่างมนุษย์ของนางวิวัฒนาการจนสมบูรณ์มากที่สุด
ระดับของนางจะพุ่งพรวดทุกครั้งที่นางถือกำเนิดใหม่
สองชั่วโมงต่อมา
หลังจากได้พักเล็กน้อย เพราะว่ามีเวลาไม่พอ เย่ว์หยางรีบไปยังเกาะอัคคี แม้ว่าก่อนนั้นเขาเพิ่งได้รับพลังปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ขั้นที่หกเต็มที่
เป็นเพราะอุทกแม่พระธรณีหมื่นปีจะถือกำเนิดในอีกห้าชั่วโมง ถ้าเย่ว์หยางไม่เตรียมตัวเองให้พร้อมไว้ก่อน เขาอาจพลาดได้
หลังจากพลังของเขาแข็งแกร่งขึ้น เย่ว์หยางมั่นใจมากว่าเขาสามารถเอาชนะจักรพรรดิสมุทรได้
อย่างน้อยที่สุด เย่ว์หยางมั่นใจว่า เขาสามารถครอบครองอุทกแม่พระธรณีได้ ถ้าเขาได้กินอุทกแม่พระธรณี พลังของเขาจะแข็งแกร่งเพิ่มยิ่งขึ้น ยังเป็นไปได้อีกหรือที่จักรพรรดิสมุทรจะไม่ตายหลังจากนั้น? หลังจากที่เขากำจัดจักรพรรดิสมุทรแล้ว ถึงตอนนั้นจะได้เวลาส่งราชาเฮยอวี้คนทรยศจากเมื่อหกพันปีที่แล้วไปนรกเสียที….
********************