ตอนที่แล้วตอนที่ 461 ต้องสู้
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 463 หัวใจไร้กังวล

ตอนที่ 462 เคลื่อนพายุวังวนกระบี่


....สู้...

เสียงเลือนรางอยู่ในอากาศเหมือนกับเสียงกระซิบ

ทั้งที่ร่างยังสั่นอยู่ เขาก้าวเดินก้าวแรกทำให้ร่างในตาพายุซวนเซ

พายุวังวนกระบี่สั่นสะเทือนอาคารที่ปะทะเหมือนกับเขย่ากล่องของเล่นมันสั่นสะเทือนจะเหมือนจะพังทลายได้ทุกเมื่อ จิ่งหาวที่ยืนอยู่ใกล้ๆ สามารถเห็นชั้นรังสีกระบี่นับไม่ถ้วนเคลื่อนตัวเหมือนกับหิมะถล่มทำให้เขาขนลุกชัน

เจ้าเด็กนี่.... จะทำอะไรกันแน่?

ใจของจิ่งหาวระวังมากขึ้นกับความรู้สึกอันตราย

ครืนๆ

พายุวังวนกระบี่ซวนไปเซมาเหมือนกับคนเมาและค่อยๆ เคลื่อนไปยังตำแหน่งหนึ่ง

จิ่งหาวตะลึง เจ้าสิ่งนั้นสามารถเคลื่อนไหวได้จริงๆ...

นะ..นี่ นี่ นี่...คือวิชาวังวนกระบี่ทอนวิญญาณจริงๆ หรือนี่?

เขาตกตะลึงเขารู้เรื่องวิชาวังวนกระบี่ทอนวิญญาณ เนื่องจากเป็นมือกระบี่คนหนึ่ง  เขาเข้าใจวิชากระบี่ของสำนักต่างๆ และวิชาวังวนกระบี่ทอนวิญญาณคือวิชาขัดเกลาวิญญาณที่รุนแรงที่สุด  แล้วเขาจะไม่รู้จักมันได้อย่างไร?  ไม่เพียงแต่เขารู้จักเท่านั้นเขายังค้นคว้าเป็นพิเศษมาช่วงเวลาหนึ่งอีกด้วย สำหรับคนที่สร้างวิถีกระบี่เองอย่างเขา เขาสนใจเคล็ดวิชาที่เกี่ยวกับกระบี่ทั้งหมด

วิชาวังวนกระบี่ทอนวิญญาณ  ข้าไม่เคยได้ยินว่ามันสามารถเคลื่อนที่...สิ่งนี้ใช้เพื่อฝึกฝนขัดเกลาจิตวิญญาณยุทธ ไม่เคยวิ่งอาละวาดไปในที่ต่างๆ

หลังจากผ่านไปสองสามนาทีจิ่งหาวก็เรียกความรู้สึกกลับมา  จริงสินะ อะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับถังเทียนถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงก็คงดูจะเป็นเรื่องผิดปกติ  และถ้าสิ่งเหล่านั้นไม่เปลี่ยนแปลงจนกลายเป็นสิ่งแปลกประหลาด  อย่างนั้นของนั้นก็คงจะเป็นสิ่งประหลาดโดยตัวมันเอง!

คุณค่าของเจ้าเด็กบ้านั่นก็คือป่วนโลกจนผิดเพี้ยนไปหมด

แต่..ยังไงก็ขอให้ปลอดภัยเถอะ

แววกังวลฉายผ่านในดวงตาของเขาเขาถือกระบี่บินไล่ตามพายุวังวนกระบี่ที่กำลังเคลื่อนไหว

เซียนนักสู้ทั้งสามที่อยู่บนเนินเขาตกตะลึง

“มันกำลังตรงมาหาเราหรือ?”  โต้วหย่งถาม

“ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้น”  สีหน้าของเหออี้หมิงซึมเซา

ไป๋ซือซือตะลึงมองดูพายุวังวนกระบี่ครืนๆและฝืนใจกล่าว “เขาเป็นตัวประหลาดแบบไหนกันแน่?”

ประโยคนั้นกระทบใจของนักสู้อีกสองคน

พายุวังวนกระบี่มีขนาดใหญ่มากส่งเสียงดังกระหึ่มตรงไปที่พวกเขา  แม้ว่าทั้งสามจะเป็นนักสู้ระดับเซียนแต่เมื่อเผชิญกับพลานุภาพที่น่ากลัวขนาดนั้น ก็ทำให้จิตใจของพวกเขาไขว้เขวได้เช่นกัน

นั่นคือพลังของสวรรค์อย่างแท้จริง...

“เราจะทำยังไงดี?”  โต้วหย่งถามตามตรง  “เจ้าตัวประหลาดนั่นกำลังตรงมาหาเรา”

“หนี!” เหออี้หมิงบอกตามตรงเช่นกัน

“หนี!” ไป๋ซือซือทวนคำพูดของเขา

โต้วหย่งมองดูอีกสองคน  “ทำแบบนั้น มันน่าขายหน้าไปหน่อย  เฮ้.. เราทั้งสามเป็นเซียนนักสู้นะ!”

“อย่างนั้นเจ้าไปลองดูก่อนไหมเล่า?”  ตาของเหออี้หมิงมองให้กำลังใจ

ดวงตาคู่งามของไป๋ซือซือมองดูโต้วหย่ง

“เผ่นเถอะ!”โต้วหย่งก้มหน้าตาวิ่งออกไปก่อน

ทั้งสามเร่งความเร็วสุดฝีเท้า จากนั้นพายุวังวนกระบี่ที่ดูเป๋ไปเป๋มาก็เร่งความเร็วเพิ่มขึ้นเช่นกันเสียงครืนๆ ด้านหลังพวกเขาอยู่ไม่ห่างเลย มีแต่จะดังใกล้เข้ามาทุกที

ทั้งสามคนถูกกดดันจนต้องเร่งความเร็วขึ้น

“ซือซือใช้พิณของเจ้า” เหออี้หมิงตะโกน

ไป๋ซือซือสั่น ดึงพิณกู่ฉินหยกขาวออกมาทันทีไม่สนใจภาพลักษณ์ของนาง มือซ้ายถือพิณ มือขวาเริ่มดีดสายพิณ

ติง ติง ติง!

เสียงเพลงนุ่มนวลชวนให้โลกทั้งใบสงบลงท่วงทำนองเพลงใคร่ครวญในความสงบ เป็นเพลงที่สร้างชื่อให้ไป๋ซือซือ นางผสานเสียงร้องของนางพร้อมกับบรรเลงทำนองเพลงเพื่อจิตวิญญาณซึ่งสามารถทำให้ใจของผู้คนสงบลง

ต่อให้เป็นภูตอสูรดวงดาวระดับเก้าที่กำลังคลั่งเมื่อได้ยินท่วงทำนองนี้ ก็ยังสงบลงได้

บ้าจริงๆ...พายุวังวนกระบี่ยังตามไล่เราเร็วกว่าเดิมอีก

ไป๋ซือซือกัดริมฝีปาก เปลี่ยนท่วงทำนองบรรเลงพิณจากใคร่ครวญในความสงบ กลายเป็นเพลงที่ดุดันมากขึ้นจนแทบทำให้เลือดลมพลุกพล่าน ด้วยเพลงมนต์ปีศาจนางสร้างภาพเทพธิดา เพื่อสร้างความสับสนและภาพลวงตา

แม้แต่นักสู้ระดับทอง ภายใต้ท่วงทำนองนี้  เส้นโลหิตของพวกเขาจะต้องระเบิดหัวใจจะเต้นแรงจนตายเนื่องจากการสันดาปของร่างกาย

บ้าจริง.. พายุวังวนกระบี่ยังคงเพิ่มความเร็วขึ้นอีก

ทั้งสามคนสามารถรู้สึกได้ถึงกระแสพายุรังสีกระบี่ไล่หลังพวกเขากำลังตัดอากาศสร้างระลอกโจมตีเป็นพลังที่แม้แต่นักสู้ระดับเซียนถึงกับเย็นสันหลังวาบ

“แยกย้ายกันหนี!” เหออี้หมิงตะโกน

ทั้งสามคนแยกย้ายกันบินไปสามทิศทาง

ทั้งสามคนสามารถรู้สึกได้ทันทีพายุหมุนกระบี่ชะงักเล็กน้อยฮ่าฮ่า เจ้าจะทำยังไงต่อไป!  ทั้งสามคนถอนหายใจโล่งอกวินาทีต่อมาพายุหมุนกระบี่ก็พุ่งเข้าหาเหออี้หมิงที่อยู่ตรงกลางอย่างไม่ลังเล

หน้าของเหออี้หมิงซีดขาว ผมตั้งชันหนังศีรษะชาเขาไม่สนใจภาพพจน์ตนเองและวิธีที่จะหนีต่อไปเขากระตุ้นปราณแท้ทั้งหมดในร่างปลดปล่อยพลังลงที่เท้า แล้วเร่งหนีสุดกำลัง

เมื่อเห็นว่าเหออี้หมิงดึงความสนใจพายุหมุนกระบี่และหายลับขอบฟ้าไปโต้วหย่งและไป๋ซือซือหันมามองหน้ากัน ทั้งสองคนมีสีหน้าดีใจ

“พี่เหอจะตายไหม?”ไป๋ซือซือห่วงใย

“ข้าจะสวดภาวนาและทำบุญกรวดน้ำให้เขาแน่”โต้วหย่งสาบาน

ไป๋ซือซือหยุดพูด

“เจ้าอยากช่วยเขาหรือ?”  โต้วหย่งถามหลังจากเห็นนางทำท่าอย่างนั้น

ไป๋ซือซือส่ายศีรษะ “ไม่, ข้ากำลังคิดว่าจะไปสวดภาวนาให้เขาที่ไหนดี”

ทั้งสองคนพูดไม่ออก

เมื่อสายลมพัดผ่านทั้งสองคนรู้สึกหนาวเล็กน้อย

โต้วหย่งมองดูสถานที่รกร้างและพูดทันที  “ข้ามีลางสังหรณ์อัปมงคล”

ไป๋ซือซือได้แต่เงียบ

“การตัดสินใจของฝ่าบาทบางทีอาจผิดพลาด” โต้วหย่งพึมพำ “ข้าไม่เคยเห็นคนแปลกประหลาดแบบนั้นมาก่อน ข้าคิดว่าถ้าถังเทียนไม่ตายตอนนี้ เขาจะกลายเป็นเหมือนราชสีห์เลโอน”

“มีแนวโน้มจะเป็นเช่นนั้น”  ไป๋ซือซือกล่าวต่อ “ถ้าถังเทียนไม่ตายภายใต้พายุหมุนกระบี่ที่ทรงพลังอย่างนั้นจิตวิญญาณยุทธจะถูกขัดเกลาจนอยู่ในสภาพที่น่ากลัว การที่เขาจะกลายเป็นนักสู้ระดับเซียนได้นั้นเป็นเรื่องของเวลา  แต่คงไม่นานแน่ ตราบใดที่เขาเข้าสู่ขอบเขตเซียนจิตวิญญาณยุทธของเขาจะแข็งแกร่งยิ่งกว่าใคร และนั่นจะทำให้เขาน่ากลัวมากขึ้น”

โต้วหย่งมองดูไป๋ซือซือ  เขาสะดุ้ง บุคลิกของไป๋ซือซือเป็นคนสงบนิ่งและนี่เป็นครั้งแรกที่โต้วหย่งได้ยินนางพูดมากมายขนาดนั้น

แต่คำพูดของนางทำให้เขาเงียบ

หลังจากนั้นชั่วขณะเขาเงยหน้าและมองดูไป๋ซือซือ “อย่างนั้นเราจะทำยังไง?”

ทั้งสองคนเงียบอีกครั้ง

ถ้าถังเทียนไม่ตาย  อย่างนั้นกลุ่มดาววาฬคงล่มสลายแน่นอน  แม้ว่าพวกเขาจะเป็นเซียนนักสู้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเขาไม่คิดถึงอนาคตของพวกเขา  การกระทำของผู้ชนะและการให้อภัยอีกฝ่ายหนึ่งพฤติกรรมของเจ้าปกครองที่ดีนั้น มีแต่เพียงในหนังสือเท่านั้น  ยิ่งเป็นเจ้านายผู้กล้าก็ชอบให้ชำระหนี้พวกเขา  ในอดีต มีเซียนนักสู้สามคนเป็นเหตุให้กองทัพของเลโอนเกิดการตายและบาดเจ็บมากมาย หลังจากที่พวกเขาพ่ายแพ้  เซียนนักสู้ทั้งสามต้องการหลบหนี แต่พวกเขาถูกทหารของเลโอนจับฆ่า

มีเซียนนักสู้ที่โดดเดี่ยวไม่กี่คนเนื่องจากพวกเขาส่วนใหญ่มีตระกูลคอยหนุนหลังเซียนนักสู้ที่ไม่มีครอบครัวก็ยังมีศิษย์คอยสืบทอดวิชา

สายลมดูเหมือนจะเย็นยะเยือกขึ้น

******

เมืองสามวิญญาณ

การต่อสู้ในมุมหนึ่งสร้างความประหลาดใจให้หลายๆคน  ทุกคนตกตะลึงกับพลังของเหวินเจียง  นักสู้ระดับสูงยี่สิบคนที่รุมล้อมเขากำลังสู้กับเขา  แต่เหวินเจียงก็ยังสามารถต้านรับได้

วิชาต่อสู้ที่ดูเหมือนธรรมดา  แต่เมื่ออยู่ในมือของเหวินเจียงกลับกลายเป็นทรงพลังมาก

นักสู้ทั้งยี่สิบคนไม่สามารถทำอะไรกับเหวินเจียงได้ นักสู้สายจักรกลหลายคนที่กำลังฝึกอยู่เตรียมช่วยเป็นกำลังเสริม  แต่ในเวลารวดเร็ว ทุกคนได้รับคำสั่งจากเบื้องบนว่าพวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้ช่วย!

คำสั่งที่ส่งลงมาทำให้พวกเขารู้สึกแปลก แต่พวกเขาทุกคนยังคงยืนดูอยู่ด้านข้างจนถึงที่สุด

ตำแหน่งของถังโฉ่วยังคงเหมือนเดิม เมื่อดูรายละเอียดการต่อสู้ทั้งหมด  ตาของเขาเป็นประกายประหลาดเขาทุ่มเทสมาธิเต็มที่ ปากกาในมือของเขายังคงถูกใช้งานด้วยความเร็วที่น่าประหลาดเขายังคงจดลงในสมุดต่อไป

นักสู้ระดับเซียนกำลังถูกถอดรหัสด้วยสายตาของเขา  การวิเคราะห์รายละเอียดทุกอย่างเป็นไปได้ดี  รายละเอียดทุกอย่าง  ทุกๆ การต่อต้านในการต่อสู้ อยู่ในใจเขาทั้งหมดทั้งหมดนั้นถูกแบ่งลงเป็นข้อมูล

การโจมตีที่น่าตื่นตาตื่นใจถูกลอกออกเป็นชั้นๆเหมือนกับเสื้อผ้ากลายเป็นสภาพล่อนจ้อนในสายตาของเขา

กระดาษขาวข้างหน้าเขาเต็มไปด้วยข้อมูลรูปแบบและการออกแบบทุกมุมกระดาษถูกเขียนไว้

การจ้องมองอย่างประหลาดเขียนอย่างเมามันของเขา กระดาษเต็มไปด้วยคำและลายมือเขียนสำเร็จลงอย่างรวดเร็ว

ขลุ่ยวิเศษปรากฏตัวด้านหลังถังโฉ่วเงียบๆโดยไม่รบกวนเขา

ถังโฉ่วหยุดทันที วางปากกาในมือเขาถามโดยไม่หันหน้ามามอง “ทำไมเจ้ามาอยู่ที่นี่?”

“เสร็จแล้วหรือ?”  ขลุ่ยวิเศษถาม

“ใช่,เสร็จแล้ว” ถังโฉ่วยืดเอวแววประหลาดในดวงตาของเขากลับสู่ความเยือกเย็นอีกครั้ง  “ข้าได้รับข้อมูลเพียงพอแล้วและต้องการศึกษาให้ดี”

“เจ้ามีบางอย่างใช้ต้านทานในระดับเดียวกันบ้างไหม?”  ขลุ่ยวิเศษหัวเราะเบาๆเสียงหัวเราะของเขาสดชื่น

“ข้าจะต้องกลายเป็นผู้นำทหารระดับชั้นผู้บัญชาการที่มีชื่อเสียงให้ได้และนักสู้ระดับเซียนคือเป้าหมายที่ข้าจะต้องเอาชนะผ่านไปให้ได้”  จากนั้นถังโฉ่วเตือน  “เจ้าต้องระวังให้มากเราจะต้องทำให้สมาพันธ์ชาวยุทธต้องเจ็บปวด พวกเขาจะต้องคิดหาทางเอาชนะเราแน่ เมื่อมีโอกาสดี พวกเขาจะต้องไม่พลาดแน่”

เมื่อถังโฉ่วพูดจบ เสียงต่อสู้ดังมาจากอีกด้านหนึ่งของฐานทัพ

“อาโฉ่ว,เจ้ารอบคอบเหลือเชื่อจริงๆ” ขลุ่ยวิเศษสรรเสริญ

“แม้ว่าข้าจะไม่ต้องการรบกวนเจ้า  แต่ครั้งนี้ เราต้องการเวลาบ้าง”  ถังโฉ่วพูดอย่างใจเย็น  “จะดีที่สุดถ้าเจ้าเปิดการแสดงที่อลังการเพื่อข่มขู่พวกเขาบ้าง”

ขลุ่ยวิเศษแนะนำเขาอย่างเป็นกันเอง  “รังสีฆ่าฟันของเจ้ารุนแรงมากเหลือเกิน”

“ขุนพลคนหนึ่งประสบผลสำเร็จเหนือพันโครงกระดูก  และข้าต้องการเป็นขุนพลที่มีชื่อแล้วข้าจะไม่ฆ่าได้ยังไง?” ถังโฉ่วไม่เงยหน้ายังคงจดจ่ออยู่กับกระดาษ “ไม่เพียงต้องฆ่าเท่านั้น แต่ข้าต้องการฆ่าพวกเขามากๆ เสียด้วย”

ขลุ่ยวิเศษหัวเราะอย่างจนใจ จากนั้นเหาะออกไป

การเลื่อนระดับพลังของถังโฉ่วทำให้บุคลิกภาพของเขายิ่งใหญ่และมุ่งมั่นมากขึ้นเทียบกับครั้งล่าสุด เขาดูสง่าขึ้นมาก และถังโฉ่วพูดถูก วิถีของทุกคนต่างกัน

ขลุ่ยวิเศษกระโจนขึ้นไปหอสูงสุดของฐานมองดูทั่วสถานที่ลูบขลุ่ยบรอนซ์เป็นประกายในมือ แววตาที่เป็นกันเองของเขาดูเยือกเย็น

ข้าไม่เคยคิดเลยว่าหลังจากตายมาหลายปีแล้วข้ายังจะมีโอกาสกลับมาแข็งแกร่งได้

ชีวิตช่างไม่แน่นอนจริงๆ

สายลมพัดผ่านหน้าเขา  เป่าผมและชุดยาวสะบัดพลิ้วตามลม

เขาดูท่าทางเหมือนกับคุณชายตระกูลสูงส่งหันหน้าเข้าหาสายลม ชุดขาวพัดพลิ้วตามสายลม

ความทรงจำทั้งหมดที่เลือนรางผุดขึ้นมาในใจเขาเขารู้สึกตื้นตันและผ่อนลมหายใจช้าๆ ความวุ่นวายในสมัยเยาว์วัยหลั่งไหลพรั่งพรู

ถ้าตอนนั้น ถ้าในยุคนั้น ข้าบรรเลงเพลงจากหัวใจข้า เพลงของข้าผ่านกระแสเวลามาหลายปี

แต่จู่ๆ ในวันนี้ แต่ในวันนี้ ข้ายืนอยู่ท่ามกลางสายลมได้บรรเลงทำนองเจ็ดสังหารอีกครา

เขาถอนหายใจช้าๆ คุณชายตระกูลชั้นสูงสงบใจเขาขมวดคิ้วและจ่อขลุ่ยบรอนซ์ที่ริมฝีปาก

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด