ตอนที่ 461 ต้องสู้
“ข้าขอร้องท่าน! ท่านต้องฆ่านางให้ได้!”
เสียงอ่อนโยนและนุ่มนวลดังขึ้นพร้อมกับความเศร้าเสียใจของนางทำให้เขายินดีทำทุกอย่างเพื่อนาง
บางทีข้าจะต้องตายในครั้งนี้ ข้าได้ยินว่าเมืองสามวิญญาณแข็งแกร่งมาก
เหวินเจียงฝืนยิ้ม แต่ก้าวย่างของเขามั่นคง เขาไม่สามารถปฏิเสธคำขอร้องของนางได้เขาปกป้องนางมาทั้งชีวิต มองดูนางเติบโตกลายเป็นภรรยาคนอื่น ให้กำเนิดธิดาและในที่สุดเขาสามารถปกป้องนางจนกระทั่งนางตายจากไปจนถึงตอนนั้นเขากลายเป็นคนเฝ้าสุสานของนาง
แต่น่าเสียดาย
คดีเก่าของปีนั้นถูกพลิกอีกครั้งเด็กหญิงที่ถูกขับออกไปในปีนั้น กลายเป็นปรมาจารย์สายจักรกลผู้อาวุโสต้องการใช้ชีวิตซูซี่ชดใช้ให้เซรีน ดังนั้นเขาไม่สามารถนั่งเฉยโดยไม่ทำอะไร เขารู้ว่าเขาเองไม่มีโอกาสเข้าใกล้ผู้อาวุโส แม้ว่าเขาจะเป็นเซียนนักสู้ไปแล้ว แต่เรื่องของตระกูลอีวานลึกซึ้งมาก
ในบ้านหลังน้อยที่ดูทรุดโทรมเขาสามารถรู้สึกได้ถึงปราณเลือนราง
งั้นก็ต้องจัดการเซรีน
สายตาของเขาเย็นยะเยือก สำหรับเขาคนเดียวที่ไม่อาจตายก็คือซือซือ เขาคิดเรื่องอดีต ผู้หญิงคนหนึ่งที่คล้ายกับซูซี่สตรีที่เขารักอย่างลึกซึ้งอุ้มทารกหญิงมาให้เขาขณะที่ใกล้ตายอยู่ที่ประตูบีบบังคับให้เขาต้องสาบานว่าจะปกป้องทารกหญิงเพื่อชีวิตนาง
แม้แต่ความโหดร้ายก็คล้ายกัน
หัวใจของเขาแข็งเหมือนหินมานาน แต่เมื่อคิดย้อนไปกลับทำให้ใจของเขารู้สึกเจ็บปวด
ข้าไม่มีทางลืมนาง
นั่นยอดเยี่ยม
กำแพงบรอนซ์ที่สง่างามมีไฟส่องอยู่ภายในแยกออกจากภายใน เขาสามารถได้ยินเสียงตะโกนระหว่างฝึกฝนได้ชัด สีหน้าของเขายังคงเย็นชา ผนังบรอนซ์สูงไม่มีผลอะไรต่อเขา เขาพุ่งขึ้นไปบนกำแพงเมืองอย่างเงียบเหมือนกับเกลียวควัน
ร่างของเขายืนอยู่ในเงาอย่างเงียบงันไม่เผยปราณหรือแม้แต่การเคลื่อนไหวในอากาศ เขาเดินไปตามแนวมืดอย่างเงียบและไม่ได้ใช้ความพยายามอะไร แต่เคลื่อนไหวด้วยความเร็วมากเขาสามารถมองเห็นทุกอย่างได้ชัดเจนในความมืด ด้วยพลังสายตาของเขามีความแหลมคมมาก
เขาไม่เห็นเซรีน
นางต้องซ่อนตัวอยู่ลึกเข้าไปข้างใน
เขาลงมาจากกำแพงเมืองอย่างเงียบกริบ เหมือนกับว่าเขาไม่มีน้ำหนักร่อนลงมาบนพื้นอย่างแผ่วเบา ไม่มีฝุ่นละอองฟุ้งแม้แต่น้อย
เมื่อเขาลงมาอยู่ที่พื้น เขาพบว่าตนเองตกอยู่ในวงล้อมแล้ว
ช่างระวังตัวกันเสียจริง
เขาลอบชมเชยดูเหมือนระบบรักษาความปลอดภัยของเมืองสามวิญญาณจะเข้มงวดกว่าที่ข้าคิด แต่คนแปดคนที่ล้อมตัวเขาไม่อาจทำให้เขาแตกตื่นได้ เหตุผลที่เขาเลือกจะไถลตัวลงมาก็เพื่อประหยัดเวลา เนื่องจากการแทรกซึมไม่ประสบความสำเร็จข้าก็แค่ตะลุยต่อไป ไม่มีอะไรแตกต่างกัน
สำหรับเขาการฆ่าคนเดียวหรือฆ่ายกเมืองไม่มีอะไรต่างกัน
นัยน์ตาของเขาเปลี่ยนเป็นเย็นชาร่างของเขาหายไปทันที
วินาทีต่อมาเขามาปรากฏอยู่ต่อหน้าหนึ่งในนักสู้ นอกจากนักสู้ทั้งแปดแล้ว เขาแข็งแกร่งที่สุดอีกเพียงก้าวย่างเดียวเขาก็จะเข้าสู่ระดับเซียน แต่เพียงก้าวย่างเดียวในฐานะเซียนนักสู้ก็ต่างกันราวฟ้ากับดินแล้ว
นิ้วทั้งห้าของเขาเปลี่ยนสภาพเป็นกรงเล็บไม่มีความเคลื่อนไหวมาก แต่รวดเร็วปานสายฟ้า
คู่ต่อสู้ช้ากว่าอย่างเห็นได้ชัด และมีแค่เพียงเวลายกพลองบรอนซ์ป้องกันไว้ข้างหน้าเขา จากนั้นนิ้วทั้งห้ากางอยู่ในท่ากรงเล็บกลายเป็นสภาพเป็นอ่อนหยุ่นดุจสายลมชำแรกผ่านพลองและตรงเข้าอกของเขาทันที
ความเคลื่อนไหวคล่องแคล่วรัดกุมดังนั้นจึงกลายเป็นความเร็วที่เปลี่ยนแปลงได้ดังใจนึก ไม่ว่านักสู้ระดับทองจะแข็งแกร่งมากเพียงไหนในกระบวนท่าเดียว เขาก็ตกอยู่ในสถานการณ์ร้ายแรงทันที
ติง
กระบี่คู่มือกระแทกเข้ามาทันที มือกระบี่ที่อยู่ด้านข้างเขาใช้ปราณแท้คอยเกื้อหนุนส่งเสริมเขา
เหวินเจียงประหลาดใจความเร็วของกระบี่นับว่าดีทีเดียว แต่น่าเสียดายพลังยังอ่อนแอเกินไป
เขาเหยียดนิ้วสะบัดรับปลายกระบี่ด้วยนิ้วของเขา
ปง!
พลังมากกว่าหมื่นชั่งถูกปลดปล่อยออกมาทันทีกระบี่ร่วงทันที มือกระบี่ถูกกระแทกได้รับบาดเจ็บหนักและกระเด็นทันที
แต่ด้วยช่วงที่เสียเวลานี้เองนักสู้คนอื่นก็ฉวยโอกาสลงมือเคลื่อนไหว
เหวินเจียงไม่ตื่นเต้น ฝ่ามือของเขาทั้งรุกและรับในรูปแบบรัดกุม แต่พลังของเขาน่าทึ่ง หลังจากผ่านไปห้าหรือหกท่าเหวินเจียงรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ
กระประสานงานของพวกเขามีแผนรัดกุมชัดเจนและมีมาตรฐานบางอย่าง...
ในช่วงสองสามท่าแรกเหวินเจียงรู้สึกเหมือนกับว่าเขาตกลงไปในใยแมงมุมเหมือนกับว่าเขายิ่งดิ้นรนมากขึ้น ก็ไม่สามารถใช้เคล็ดวิชาของเขาได้อีกต่อไปเหมือนกับว่ามีเครื่องพันธนาการที่มองไม่เห็นอยู่รอบตัวของเขา
เขาไม่รู้ว่าในบริเวณใกล้เคียงยังมีสายตาอีกคู่หนึ่งกำลังดูการต่อสู้ ถังโฉ่วอยู่ในนั้นกำลังเพ่งสมาธิเต็มที่ นักสู้ระดับเซียนได้รับการยกย่องว่าเป็นกองทัพที่ทรงพลัง และสามารถส่งผลมีอิทธิพลต่อสงครามได้ง่ายและเขาจะต้องต่อต้านนักสู้ระดับเซียนให้ได้
ถังโฉ่วมีกระดาษอยู่ข้างหน้าเขาแผ่นหนึ่ง บนนั้นเขียนหัวข้อเอาไว้
“กลยุทธที่จำเป็นเพื่อหยุดยั้งเซียนนักสู้”
เป็นกรณีศึกษาที่ดี...
ไข่หมี
ถังเทียนสามารถรู้สึกได้ถึงทุกอย่างที่เกิดขึ้นในภายนอก
เมื่อคนหมื่นคนหยุดฝึกฝนกะทันหัน ก็ต้องมีความหมายอย่างเดียวคือมีเรื่องเกิดขึ้น ถังเทียนกระวนกระวายทันที แต่วังวนกระบี่ดูเหมือนจะยังไม่หยุด
โธ่เว้ย!
แม้จะเจ็บปวดจากการขัดเกลาจิตวิญญาณยุทธแต่ก็ไม่สามารถเก็บรั้งความกังวลไว้ได้ เขาเกลียดที่เขาไม่สามารถหยุดและออกไปสู้ร่วมกับทุกคนทันที
ทุกคนออกไปรบแล้วข้าจะยืนอยู่ที่นี่มองดูเฉยๆ ได้อย่างไร?
เป็นเวลาสี่สัปดาห์แล้วนักสู้หมาป่ายังไม่เคยกลับมาเลย และถังเทียนรู้ว่าสถานการณ์ย่ำแย่ ตรงกันข้าม ใจที่กระสับกระส่ายของเขาสงบลงม่านตาของเขาที่มีรังสีกระบี่อยู่ภายในเป็นประกายแวววาวด้วยความมุ่งมั่น
จิตวิญญาณยุทธกำลังถูกขัดเกลาเหมือนกับสัมผัสรังสีกระบี่ด้วยมือเปล่า เหมือนกับว่ามือของเขากำลังจับอยู่บนคมกระบี่มันเจ็บปวดลึกจนทำให้เขาแทบสลบ ความปวดร้าวไม่ทราบว่ารุมล้อมมาจากที่ใดแต่มันหลั่งไหลมาจากวิญญาณของเขาตรงเข้าใส่จิตวิญญาณยุทธของเขา
เขาหยุดคิดสองสามวินาที ก่อนที่จะค่อยๆ ใช้มัน เขาได้แต่ปรับตัวให้เข้ากับความเจ็บปวดจากจิตวิญญาณยุทธของเขาและไม่สามารถหันเหความสนใจไปที่อื่นได้
ทุกๆรายละเอียดความเจ็บปวดนั้น แหลมคมและชัดเจน
นี่คือความเจ็บปวดจริงๆ...ถ้าเพียงแต่คนอื่นมาลองดูบ้าง...
“อ๊าาาาา...”
ถังเทียนเลือดขึ้นกรีดเสียงร้องสุดเสียง
จิ่งหาวที่นั่งคุ้มกันอยู่ใกล้ๆถังเทียนลืมตาเขาทันที เขาได้ยินเสียงร้องของถังเทียนแตกต่างออกไปจากปกติ เกิดอะไรขึ้น?
ในเวลาอันรวดเร็ว เขาสังเกตเห็นความปั่นป่วนในวังวนกระบี่...มันเพิ่มความเร็วขึ้น
ไม่กี่วินาทีต่อมาเขาก็เข้าใจในที่สุด ถังเทียนคลั่ง!
“อ๊า.......”
เสียงร้องโหยหวนที่อธิบายไม่ได้เต็มไปด้วยความเจ็บปวด แต่ก็มีแรงปรารถนาที่มิอาจอธิบายได้
จิ่งหาวตะลึง
ถังเทียน....
ความเร็วของวังวนกระบี่ยังคงเพิ่มขึ้นต่อไป จำนวนปริมาณรังสีกระบี่ที่น่าทึ่งยังคงหมุนอยู่รอบตัวถังเทียน รังสีกระบี่ทุกชิ้นพอกวาดผ่านจิตวิญญาณยุทธทำให้เขาสะดุ้ง
เผียะประกายแวววาวในดวงตาสว่างวาบทันที จิตวิญญาณยุทธของถังเทียนสั่นสะท้านหนักขึ้นทำให้ความเจ็บปวดหนักขึ้นและทำให้ถังเทียนความคิดว่างเปล่า
รอยประกายยังคงเพิ่มขึ้นต่อไป
ขณะที่วังวนกระบี่ยังคงเพิ่มความเร็วต่อไป ประกายไฟก็ยังคงระเบิดออกมาจากจิตวิญญาณยุทธของเขา ร่างของเขางอลงและสั่นรุนแรงเป็นเจ้าเข้า
มีเพียงม่านตาของเขาที่ยังเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและระห่ำ
ข้ารู้ว่าตอนนี้ข้าควรรอให้การขัดเกลาสำเร็จ ข้ารู้ว่าตอนนี้ข้าปลอดภัยมาก แต่เพราะเหตุนี้ นั่นจะกลายเป็นเรื่องที่มีเหตุผลยิ่งกว่า
แต่....
การฝึกอยู่ที่นี่อย่างสงบและมองดูพวกเจ้าทุกคนสู้ ข้าทำเช่นนั้นไม่ได้!
ในช่วงเวลาที่อันตราย การมองดูพวกเจ้าทุกคนขัดขวางและป้องกันให้ข้า ข้าทำแบบนั้นไม่ได้!
ข้ามันคนงี่เง่ามากอยู่แล้ว
เนื่องจาก..เนื่องจากข้ามันระห่ำ พวกเจ้าทุกคนอยากหัวเราะเยาะข้าก็เชิญเลย!
“อ๊าาาาาา...”
ความคลั่งและความบุ่มบ่ามเสียงกรีดร้องมุ่งมั่นมันช่างกระชากใจและเสียดแก้วหูนัก
กระดูกหมีเดียวดายที่ลอยอยู่เหนือหัวถังเทียนและพลังดวงดาวหนาแน่นขึ้นกะทันหันทันที เหล่านักสู้ผู้กำลังสังเกตการณ์จากท้องฟ้าในสวรรค์วิถีประหลาดใจพบว่าเจ็ดดาวเหนือตรงส่วนที่เป็นรูปด้ามกระบวยมีการขยับอย่างเงียบๆ
พลังดวงดาวเพิ่มขึ้นพรวดพราด
วังวนกระบี่ระเบิดออก
จิ่งหาวถอยออกมาอย่างร้อนรนวังวนกระบี่ขยายออกมาเหมือนกับกลุ่มพายุหมุนรุนแรงทำลายทุกอย่างรอบตัว เชือกที่ขึงอยู่ในไข่หมีขาดสะบั้นทันทีเศษเชือกปลิวว่อนอยู่ในอากาศและถูกบดทำลายทันที
แท่นเวทีถูกกระแทกพัง
ภายในไข่หมีอภิมหาวังวนกระบี่ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว
จิ่งหาวถอยห่างออกไปเกินกว่าสามสิบเมตรพายุวังวนกระบี่ยังคงขยายออกมาในระดับที่น่าตกใจความหนาแน่นของพลังกลุ่มดาวยังคงไหลเวียนเข้ามา ความเข้มข้นของพลังดวงดาวของกลุ่มดาวหมีใหญ่ดิ่งฮวบอย่างรวดเร็ว
จิ่งหาวถอยอีกครั้ง!
ปัง!
พายุวังวนกระบี่ทำลายไข่หมีหมดสิ้น ทุกอย่างที่อยู่ภายในพายุถูกบดทำลายเรียบ
เมื่อเห็นประจักษ์ฉากภาพมหึมาข้างหน้า ไม่ว่าจิ่งหาวจะแข็งแกร่งมากเพียงใดก็ยังอดสูดหายใจหนาวเหน็บมิได้
พลเมืองเมืองพญาหมีใหม่รู้สึกได้ถึงความเคลื่อนไหวที่แปลกประหลาดพากันเดินออกมาทุกคน
หลงโส่วจิงขากรรไกรอ้าค้างเมื่อเห็นวังวนกระบี่ขยายออกมาจากระยะไกล ด้านข้างเขานักสู้ทุกคนกำลังสั่นสะท้านสีหน้าเต็มไปด้วยความเคารพเทิดทูน
ห่างจากไข่หมีไปราวๆห้าสิบลี้ บนเนินเขาเล็กเซียนนักสู้สามคนมองดูพายุวังวนกระบี่ขนาดมหึมา หน้าของพวกเขาซีดเผือด
“เจ้านั่น...เป็นคนหรือเปล่า?” เซียนหมัดโต้วหย่งตะลึง สีหน้าขาวซีด
ไป๋ซือซือหน้าไม่มีสีเลือดเลยนางหันไปถามเหออี้หมิง “พี่เหอ, วิชาวังวนกระบี่ทอนวิญญาณสามารถทำให้มีอานุภาพมากขนาดนั้นเชียวหรือ?”
เหออี้หมิงมีท่าทางหวาดกลัวเขารู้สึกได้แต่เพียงว่าปากและคอของเขาแห้งผาก “ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้มาก่อน... นี่มันเกินคาด.. เกินกว่าจะคิดออกมันเป็นไปได้ยังไง? คนที่อยู่ข้างใน เขาไม่กลายเป็นเนื้อปั่นได้ยังไง?”
ปริมาตรของไข่หมีว่าน่าอัศจรรย์แล้วแต่ปริมาณของพายุวังวนกระบี่กลับทำลายไข่หมีจนพินาศสิ้น
ปิงเพิ่งนำยาพิษชุดใหม่มาจากเมืองสามวิญญาณตกตะลึงอยู่กับที่กับฉากภาพที่เห็นประจักษ์
ถังเทียนถูกกีดกันจากด้านนอกอย่างสมบูรณ์พายุวังวนกระบี่หนาแน่นทำให้เขาไม่สามารถเห็นหรือได้ยินอะไร มีแต่เพียงแสงรัศมีที่ฉายออกมาจากกระดูกหมีเดียวดายด้านบนหัวของเขาซึ่งเป็นเหมือนแสงอาทิตย์ฉายลงมายังตัวของเขาทำให้เขารู้สึกอบอุ่น
จิตวิญญาณยุทธของเขามีประกายปกคลุม
สติของเขาเลือนรางแม้จะถูกความเจ็บปวดรุมกระหน่ำ ร่างของเขากระตุก แต่หน้าของเขาไม่มีร่องรอยว่าเจ็บปวดเหมือนเมื่อก่อนตาที่ยังหลับของเขายังดูราบเรียบเช่นกัน
เขารู้สึกเหมือนกับว่าดิ้นรนอยู่ในทะเล เหมือนกับช่วงที่จมอยู่ในน้ำช่วงถัดมาก็ผุดขึ้นสูดอากาศ จากนั้นก็สำลักน้ำทำให้เขามึนงงอยู่ในหัว
ภายในความยุ่งเหยิงยังมีเสียงเลือนรางเสียงหนึ่ง
“....สู้...”
สู้...
เปลือกตาถังเทียนกระตุก ในช่วงขณะต่อมาเขาก็ลืมตาที่ขาวโพลนอย่างสิ้นเชิง
สู้....สู้....
ร่างของเขาสั่นรุนแรงอย่างต่อเนื่อง ในทันใดเหมือนกับช่วงเวลาที่สัตว์ร้ายได้กลิ่นเหยื่อ เขาเงยหน้าและตีลังกากลับหลัง
สายตาที่ไร้ชีวิตของเขาหันหน้าไปยังด้านหนึ่ง เป็นด้านที่สามเซียนนักสู้ซ่อนตัวอยู่ที่เนินเขาเล็ก