ตอนที่แล้วตอนที่ 459 ประชันผลงานชั้นยอด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 461 ต้องสู้

ตอนที่ 460 สี่สัปดาห์


วังกลุ่มดาววาฬ  บรรยากาศอึมครึม

รายงานการรบทุกฉบับถูกส่งมาอยู่ต่อหน้าพวกเขาล้วนเขียนจำนวนตัวเลขเป็นสีแดงเหมือนกับหยดเลือด เป็นฉากภาพที่น่าตกใจ

ในสัปดาห์แรก  พวกเขามีนักสู้ชาววาฬเสียชีวิตเกินกว่าสี่พันคน  สมาพันธ์ชาวยุทธมีจำนวนน้อยกว่า  โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักสู้ระดับสูงของพวกเขาด้วยจำนวนผู้เสียชีวิต 67 คน แต่นักโลหิตวิทยาถูกกำจัดออกไปถึง 70%

ในสัปดาห์ที่สองอัตราการตายเกินกว่าหนึ่งหมื่นสองพันคนสมาพันธ์ชาวยุทธเพียงแต่เพิ่มจำนวนนักโลหิตวิทยาเข้ามาจำนวนลูกกลุ่มที่สนับสนุนเข้ามาลดลงมาก ฝ่ายตรงข้ามใช้พิษที่มากมายหลากหลาย และพวกเขายังคงเปลี่ยนยาพิษอีกด้วย ทำให้นักโลหิตวิทยาของสมาพันธ์ชาวยุทธตั้งตัวไม่ทัน

ในสัปดาห์ที่สามสมาพันธ์ชาวยุทธใช้เงินจำนวนมหาศาลเชื้อเชิญอคินสันปรมาจารย์นักโลหิตวิทยาผู้โด่งดังมีชื่อเสียง  แต่ใครจะรู้กันว่านักโลหิตวิทยาผู้คลั่งไคล้งานวิจัยขององค์การวิญญาณมืดทุกคนถูกยุแหย่จนเดือดดาล ผลงานพิษรุ่นใหม่ล่าสุดถูกส่งไปอยู่ในมือของผู้เฒ่าเฟ่ย

จะมีอะไรที่ดีกว่าการย่ำยีเอาชนะปรมาจารย์ภายใต้การจับตาดูของสายตานับพัน?

วีรบุรุษจะไม่สามารถต่อต้านแรงกดดันของคนหลายคนได้  ปรมาจารย์อาคินสันได้รับสมบัติชั้นทองอย่างดีในที่สุดก็ล้มเหลวไม่เป็นท่าด้วยพิษนิรนาม พิษนั้นถูกขนามว่า ‘จุมพิตปรมาจารย์’ กลายเป็นชื่อที่โด่งดังเป็นพลุแตก คนที่ผลิตขึ้นมาก็คือฮั่วเอ๋อซึ่งต่อมากลายเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงอย่างแท้จริงหลังจากศึกนี้ และเขาถูกองค์การวิญญาณมืดดึงเข้าไปทันทีให้รับตำแหน่งผู้อาวุโสสำนักและมูลค่าพิษ ‘จุมพิตปรมาจารย์’ พุ่งพรวดจากราคาขวดละหมื่นเหรียญดาวขึ้นไปเป็นพันห้าร้อยล้านเหรียญดาว

คนนับไม่ถ้วนกำมือและถอนหายใจ  คนอีกนับไม่ถ้วนรู้สึกอิจฉาและอีกนับไม่ถ้วนพยายามต่อไปเช่นกัน

แต่ในช่วงเวลานั้นสมาพันธ์ชาวยุทธที่มีอิทธิพลอำนาจไม่สามารถจ้างปรมาจารย์โลหิตวิทยาได้อีก ไม่มีใครยอมตกเป็นขี้ปากให้สาธารณชนวิจารณ์  เหมือนกับอคินสันที่ใช้ชีวิตตัวเองกลายเป็นหินรองเท้าให้ฮั่วเอ๋อก้าวข้ามผ่านไป  ในความมืดมีคนอีกนับไม่ถ้วนรอโอกาสกลายเป็นฮั่วเอ๋ออีกคนหนึ่ง  สายตาของพวกเขาทุกคนเขียวแวววาวด้วยความริษยา

ต่อให้เป็นปรมาจารย์โลหิตวิทยาที่โดดเด่นที่สุดก็กลายเป็นเหยื่อฝูงหมาป่าที่หิวโหยได้

การรบที่กลุ่มดาวหมีใหญ่มาถึงทางตันเนื่องจากนักสู้ชาววาฬมากกว่า 80% กลับมายังกลุ่มดาววาฬ  แม้ว่าการยกเว้นค่าธรรมเนียมการใช้พลังดวงดาวฟรีสามปีจะดึงดูดใจก็ตามแต่เมื่อเทียบกับชีวิตแล้ว จะเอามาเทียบกันได้อย่างไร?

ในช่วงเวลาสั้นๆสองสัปดาห์ยอดผู้เสียชีวิตเกินกว่าสองหมื่นคน นั่นคือจำนวนที่ทำให้หัวใจของหลายๆคนถึงกับเย็นเฉียบ  มีความคิดล่าถอยเกิดขึ้นในหัวของพวกเขา คนกลุ่มใหญ่ถึงพันคนตายโดยไร้สุ้มเสียง ถูกฟันยับเหมือนข้าวสาลีไม่มีทางได้ลุกขึ้นมาอีก ความกลัวที่เกิดขึ้นกระทันหันทำให้คลื่นมนุษย์เผ่นกลับไปยังกลุ่มดาวของพวกเขา

ผ่านมาอีกหลายปีเมื่อใดก็ตามที่มีคนพูดถึงฉากภาพนี้ นัยน์ตาพวกเขาจะเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

กลุ่มดาววาฬไม่มีอารมณ์รื่นเริงยินดีอีกต่อไป  ทุกคนตระหนักว่าการรบถลำไปไกลเกินกว่าพวกเขาจะควบคุมได้ พวกที่เตรียมตัวรับเงินรางวัลใหญ่ล้วนคอตกกลับมาทุกคน  ในเวลานั้นกลุ่มดาววาฬเข้าสู่ภาวะถดถอย

“เมืองสามวิญญาณ!”  ผู้เฒ่าจางกัดฟันและกล่าว“เราจำเป็นต้องกวาดล้างเมืองสามวิญญาณก่อน!  ไม่มีพวกมัน กลุ่มดาวหมีใหญ่ก็ไม่มีศูนย์กลางสั่งการและเราจะได้ตั้งหน้าตั้งตาเอาชนะกลุ่มดาวหมีใหญ่”

หน้าของกงชิงดูเหมือนแก่ขึ้นในทันใด

แม้ว่าพวกเขาจะยังไม่สูญเสียการติดต่อกับกองทัพทั้งสาม  แต่ความสูญเสียของพวกเขาร้ายแรง

ตอนนี้ยุทธการใช้พิษของกลุ่มดาวหมีใหญ่รุนแรงจนไม่มีใครคาดคิด  ในองค์การวิญญาณมืดตอนนี้นักโลหิตวิทยาผู้ค้นคว้าพิษทุกคนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้สถานะของพวกเขาพุ่งทะยานและมหาอำนาจใหญ่ได้ขยายสัญลักษณ์สันติภาพของพวกเขา  ทุกคนรู้ เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะมีส่วนร่วมในสงครามพิษอีกต่อไป แต่ถ้ามีใครต้องการเก็บนักโลหิตวิทยาผู้ค้นคว้าพิษ  พวกเขาจะถูกกำจัดออกไป

ฉากภาพความตายที่เงียบงันในภาพจอทำให้ทุกคนสั่นด้วยความกลัว

และนักโลหิตวิทยาผู้ค้นคว้าพิษผู้พิสูจน์ตัวเองในการรบทุกคนจะมีสถานะที่เพิ่มขึ้น

มหาอำนาจที่สังเกตการณ์รบต่างก็คิดกันอย่างหนักจะรับมือสถานการณ์นี้ได้อย่างไร ไม่มีความแน่นอน แม้ว่าพิษจะทรงพลัง แต่ก็ต้องมีวิธีตอบโต้แน่นอน

สมาพันธ์ชาวยุทธมีข้อมูลเชิงลึกผุดขึ้นมาทันที

กำแพงคิงคอง วิชาต่อสู้นอกสารบบและง่ายดายสามารถสร้างอัดพลังปราณแท้ครอบคลุมทั้งร่างป้องกันไม่ให้พิษส่วนใหญ่เข้ามาได้  มีการค้นพบว่าสามารถป้องกันพิษรูปแบบต่างๆได้ถึง 90% หลังจากได้รับคำแนะนำจากผู้อาวุโสคนหนึ่งแล้วก็จะสมบูรณ์แบบทันที  โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับกองทัพภายใต้การควบคุมของผู้บัญชาการทหาร พวกเขาสามารถสร้างกำแพงคิงคองขึ้นได้ง่ายๆ

แม้ว่ากำแพงคิงคองสร้างขึ้นมาเพื่อให้กองทัพใช้ป้องกันการโจมตี  แต่ก็ยังมีผลมากต่อการใช้หยุดยั้งพิษด้วย

ในสัปดาห์ที่สี่จำนวนผู้เสียชีวิตของนักสู้ชาววาฬลดลงอย่างเห็นได้ชัดและกองทัพทั้งสามที่ไม่สามารถเคลื่อนกำลังได้ ก็สามารถเดินหน้าได้อีกครั้ง

ความคิดเล็กๆ ก็สามารถทำให้ความโน้มเอียงทางสงครามเปลี่ยนไปอย่างมาก

ไม่มีพิษช่วยเหลือ พลังก่อกวนรังควานของนักสู้ชาวหมาป่าก็ลดลงอย่างรวดเร็ว  แม้ว่ากองทัพทั้งสามจะได้รับบาดเจ็บแต่ความเสียหายก็ยังอยู่ในระดับต่ำ

ทั่วทั้งกลุ่มดาววาฬกลับฟื้นคืนความมั่นใจอีกครั้ง

กองทัพทั้งสามแค่กำจัดเมืองดูเหมือนมีข้อตกลงว่าจะเดินหน้าอย่างเดียวเป้าหมายของพวกเขาคือตรงเข้าหาตัวถังเทียนที่ไข่หมี

*******

ฐานบรอนซ์เมืองสามวิญญาณ

ผู้เฒ่าเฟ่ยและพวกหดหู่ใจไปตามๆกัน การรบครั้งก่อน พวกเขากำลังจะคว้าชัยชนะแท้ๆ แต่พวกเขาไม่คาดเลยว่าจะสลายไปในพริบตา วิชากำแพงคิงคองที่เอาชนะพวกเขาได้ ไม่ใช่วิชาระดับสูง  มันเป็นแค่ชั้นพลังปราณแท้ครอบคลุมร่างป้องกันพิษมีปฏิกิริยา เทียบกับการคลุมด้วยปราณแท้อื่นกลับได้ผลมากกว่า

ถ้าคนที่ไม่ได้ฝึกกำแพงคิงคองในระดับลึกซึ้งการป้องกันของมันก็ระดับซี่โครงไก่พื้นๆ แม้ว่ากำแพงคิงคองจะทน มันขาดพลังพื้นที่ป้องกันแข็งแกร่งทำให้อีกฝ่ายหนึ่งไม่สามารถโจมตีได้  แต่ชั้นอ่อนหยุ่นของกำแพงคิงคอง มีประโยชน์มากในการป้องกันพิษ

ปิงปลอบใจพวกเขาอย่างหนัก

“งานของทุกคนสำเร็จเป็นอย่างดีแล้ว  พวกเขาช้าไปถึงสี่สัปดาห์และสี่สัปดาห์นี้มีค่าต่อเรามาก”

“ตอนนี้พิษของเราไร้ประโยชน์ไปแล้ว”  ผู้เฒ่าเฟ่ยท้อแท้

“นั่นเป็นธรรมดาของสงคราม  ใช้วิธีที่มีประสิทธิภาพเพียงวิธีเดียวก็จะถูกตอบโต้อย่างแน่นอน และพวกท่านทุกคนทำงานในสี่สัปดาห์สำเร็จดีแล้ว!  แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว”ตาของปิงเป็นประกายเยือกเย็น

ผู้เฒ่าเฟ่ยรู้ว่าสิ่งที่ปิงพูดนั้นมีเหตุผล  แต่อารมณ์ของเขายังไม่ดี  ดังนั้นเขาตอบเสียงอ่อย“ข้าจะไปค้นคว้าต่ออีกเล็กน้อย ข้าต้องการดูว่ามีวิธีอะไรที่ใช้ทำลายกำแพงคิงคองได้?”

พูดจบเขาหมุนตัวเดินจากไป

ปิงไม่ห้ามเขามีแรงบันดาลใจเป็นเรื่องที่ดี  สงครามมีเพื่อแสดงความแข็งแกร่งและระเบียบวินัยและจำเป็นต้องใช้วิธีการใหม่ๆสร้างบางอย่าง ดังนั้นประโยชน์จะต้องวางอยู่บนรากฐาน

ตัวอย่างเช่น สี่สัปดาห์

ตระกูลม่อมาปักหลักอยู่ในฐานไม่ทันสร้างที่พักอาศัย  แต่กลับสร้างห้องปฏิบัติการของตระกูลม่อ ตระกูลม่อสามารถกลายเป็นตระกูลจักรกลระดับสูงได้เนื่องมาจากวิชาจักรกลของพวกเขา และห้องปฏิบัติการของตระกูลม่อเป็นหนึ่งในนั้น

ห้องปฏิบัติการของตระกูลม่อมีวิธีผลิตอาวุธจักรกลเฉพาะแบบตนทำให้พวกเขาสามารถควบคุมคุณภาพและมาตรฐานได้ ด้วยประโยชน์เช่นนั้นแม้ว่าในช่วงที่วิชาจักรกลตกต่ำลงและตระกูลจักรกลทุกตระกูลรู้สึกได้รับผลกระทบ แต่ตระกูลม่อกลับปลอดภัยไร้เรื่องราว

คนรุ่นก่อนของตระกูลม่อเข้าใจไปก่อนว่าอาวุธจักรกลตกสมัยไปแล้วไม่สามารถหยุดยั้งได้จึงผลิตแต่อาวุธจักรกลระดับต่ำและอสูรจักรกลเป็นผลผลิตหลักและการควบคุมต้นทุนผลิตก็คือการควบคุมความเป็นความตายอย่างมิต้องสงสัย ตระกูลม่อได้สะสมความรู้และวิจัยการผลิตมานับไม่ถ้วนและสร้างวิธีผลิตของตนเองและนั่นคือห้องปฏิบัติการของตระกูลม่อ

ห้องปฏิบัติการตระกูลม่อมีไฟสว่างไสวมีเสียงอื้ออึง อาวุธจักรกลมีเสียงกระหึ่ม ประกายไฟกระจายไปทั่วเหล็กหลอมเหลวสีแดงจัด อากาศเต็มไปด้วยบรรยากาศของเหล็กช่างฝีมือกล้ามเป็นมัดกระตุ้นปราณแท้ทำให้ทั่วทั้งร่างสะท้อนแสงมือถือค้อนเหล็กใหญ่กว่าตัวเขาเสียกทำการหวดโลหะนายช่างอื่นมีสมาธิสีหน้าเคร่งขรึมถือเครื่องมือคล้ายใบมีด  พวกเขาตัดชิ้นส่วนบรอนซ์ ใยบรอนซ์ขึ้นรอบเหมือนถูกตัดเป็นเส้นบางๆ

ช่างผู้มีประสบการณ์ทุกคนเป็นสมบัติที่ล้ำค่าของตระกูลม่อ

ม่อเว่ยเทียนดูแลควบคุมด้วยตนเอง  เขายากจะปรากฏตัว แต่ปัจจุบันนี้เขามีสีหน้าเข้มงวด เดินตระเวนสำรวจดูไปรอบๆ

ตระกูลม่อไม่ได้มีงานยุ่งแบบนี้มาหลายปีแล้ว  ตั้งแต่ห้องปฏิบัติการตระกูลม่อถูกสร้างขึ้นมาไม่เคยถูกใช้เต็มรูปแบบอย่างแท้จริง แต่คนในตระกูลม่อไม่โกรธเคือง เนื่องจากนี่คือสงครามครั้งแรกของพวกเขาแม้ว่าพวกเขาจะห่วงชีวิตตนเองก็ตาม  นอกจากนี้ เมื่อเห็นเหล็กหลอมสีแดงเมื่อเห็นฉากที่ทำให้เลือดเดือด สมาชิกตระกูลม่อเต็มไปด้วยความต้องการสู้

เมื่อม่อเว่ยเทียนเห็นประจักษ์การผลิตอาวุธจักรกลวิญญาณรุ่นใหม่ล่าสุดกับตาตนเองและประทับตราเครื่องหมายห้องปฏิบัติการตระกูลม่อ  เขาแทบน้ำตาร่วง

มันกี่ชั่วคนมาแล้วที่ห้องปฏิบัติการตระกูลม่อถึงจะได้ผลิตอาวุธจักรกลวิญญาณที่แข็งแกร่งออกมาในรุ่นนี้ได้

เป็นความฝันของคนหลายรุ่นจริงๆ

เขาลูบอาวุธจักรกลวิญญาณสีเขียวเข้มมันเปล่งประกายอบอุ่นจากกระบวนการผลิต ปุ่มบนผิวยังไม่ได้ขัดเกลาให้สม่ำเสมอยังไม่มีการลงสี ไม่มีความสวยงาม แต่ในสายตาของม่อเว่ยเทียน มันเป็นผลงานศิลปะอย่างสมบูรณ์แบบทำให้เขาหลงรักอย่างสุดซึ้ง

อาวุธจักรกลวิญญาณค่อนข้างน่าเกลียดภายใต้โลหะอุ่นที่ปกคลุม ม่อเว่ยเทียนรู้สึกได้ถึงชีพจรที่ทรงพลัง

เฮ้อ,นี่คือชีพจรรุ่นใหม่ล่าสุด!

ม่อเว่ยเทียนรู้สึกกล้าหาญทันที  ข้าจะให้พวกเจ้าทุกคนได้เจอผลงานของห้องปฏิบัติการของตระกูลม่อที่ทรงพลัง

หลังจากผ่านไปสี่สัปดาห์  นักสู้ยี่สิบคนต่างก็รู้สึกทึ่งถังโฉ่ว  ใช้เวลาสามวันถังโฉ่วได้ยืนยันการจับคู่ของพวกเขายี่สิบคนจัดเป็นกลุ่มเล็กห้ากลุ่ม นั่นไม่มีอะไร แต่สิ่งที่ทำพวกเขารู้สึกนึกไม่ถึงภายในช่วงเวลาสั้นๆถังโฉ่วให้คู่มือกลยุทธการฝึกหกสิบหน้าแก่ทุกกลุ่ม

คู่มือการฝึกกลยุทธของทุกกลุ่มแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

ยี่สิบคนเกือบร้องไห้

พวกเขาคือนักสู้ผู้ถือกำเนิดในแผ่นดินที่ยากลำบากและในที่สุดได้ประสบกับสิ่งที่เรียกว่ามืออาชีพอย่างลึกซึ้งมือดีในการวางกลยุทธที่พวกเขาได้พบเห็นในอดีต กลยุทธที่พวกเขาออกแบบยังกลายเป็นดิบเรียบง่ายเมื่อเทียบกับกลยุทธของถังโฉ่ว

และการฝึกตามที่เขาได้รับมอบหมายทำให้พวกเขาเข้าใจลึกซึ้งยิ่งขึ้น

จุดเด่นของพวกเขาโดดเด่นมีประสบการณ์มากมาย  เมื่อพวกเขาเริ่มฝึกร่วมกัน  พวกเขาจึงสามารถรู้สึกถึงพลังของกลยุทธของถังโฉ่วได้ทันที

ทุกกลยุทธถูกออกแบบผ่านการไตร่ตรองและวางแผนอย่างระมัดระวัง แม้แต่จุดอ่อนข้อผิดพลาดยังได้ออกแบบอย่างระมัดระวัง

เพราะได้รับการออกแบบมาสำหรับพวกเขาโดยเฉพาะการประสานของพวกเขาเข้ากันได้อย่างรวดเร็ว การฝึกฝนกลยุทธต่างๆ  พวกเขารู้สึกเหมือนกับว่าเป็นปลาที่อยู่ในน้ำ สิ่งที่พวกเขาจำเป็นต้องปรับปรุงก็คือความเข้าใจกันและกัน

หลังจากผ่านไปสี่สัปดาห์ ในที่สุดพวกเขาก็มีความเข้ากันได้ในเบื้องต้น  แม้ว่าถังโฉ่วจะยังไม่พอใจมากนัก  แต่พวกเขากระตือรือร้นจะทดสอบหลายอย่าง

สถานการณ์กลุ่มดาวหมีใหญ่เหมือนกับไฟลามทุ่งทำไมที่นี่ถึงได้เงียบนักเล่า?

ทันใดนั้นยามที่อยู่รอบๆ สั่นและส่งสัญญาณเตือนเงียบๆ

พวกเขาสะดุ้งกันทุกคนมีประกายแวววาวในดวงตาทันที

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด