ตอนที่ 339 ยืมมีดฆ่าคน(ตอนฟรีปีใหม่)
“ฉางเกอไปตำหนักม่วง!”
“ไปสมทบกับนายน้อยเร็ว!”
พลังน่ากลัวใต้ร่มฟ้าแทบทำให้ท้องฟ้าระเบิด
ฉากนี้ทำให้ขุมอำนาจเต๋ามากมายสั่นสะท้าน
พูดตรงๆ การต่อสู้นี้อย่างเดียวก็ทำให้พวกเขาสั่นแล้ว
เทียบกับกองทัพที่ส่งมาโดยภูเขาจักรพรรดิ อาณาจักรไฟและขุมอำนาจอื่น มันน่ากลัวกว่าหลายเท่า
ยิ่งไปกว่านั้น หลายคนยังสังเกตเห็นว่ามีเทพสูงสุดอย่างน้อยสิบคนถูกส่งออกมาจากตระกูลกู่ กลิ่นอายพวกเขาปกคลุมท้องฟ้า ทำให้คนใจเต้น อดอยากคุกเข่าลงกับพื้นไม่ได้
ไม่จำเป็นต้องพูดถึงกึ่งเทพสูงสุดของพวกเขา
ต้องรู้ว่าสามเทพสูงสุดของภูเขาจักรพรรดิมาถึงที่นี่แล้วและตระกูลเย่ก็ถูกส่งมาสาม
นี่ถือเป็นพลังที่ไม่มีใครเทียบได้
ทุกคนรู้กันว่าสำนักเซียนแท้จริงมีเทพสูงสุดเป็นสิบ!
แต่ตระกูลกู่กลับส่งมาถึงสิบทีเดียว!
นี่ทำให้ขุมอำนาจมากมายตัวสั่น
พวกเขารู้ว่าตระกูลเซียนมีภูมิหลังน่ากลัว มันสืบทอดมาตั้งแต่ยุคเซียนอันเก่าแก่สุดถึงปัจจุบัน และพวกเขาก็ไม่กล้าจินตนาการ
และตอนนี้ พวกเขาก็ได้ถามตัวเองว่า ถ้าตระกูลกู่โจมตีพวกเขา พวกเขาจะหยุดได้ไหม?
นอกจากขุมอำนาจเต๋าที่ดำรงอยู่มาก่อนยุคต้องห้าม แทบไม่มีใครหยุดยั้งพวกเขาได้!
พอคิดแบบนี้ พวกเขาก็สั่นสะท้าน ก่อนหน้านั้น ขุมอำนาจมากมายต่างเดาว่าตระกูลกู่ลึกล้ำแค่ไหนและทำไมพวกเขาถึงอยู่มาได้นานขนาดนี้
และตอนนี้สุดท้ายพวกเขาก็รู้เหตุผล!
หลังจากนั้น เรือรบโบราณที่ห่อหุ้มด้วยกลิ่นอายโกลาหลและหมอกเซียนก็เข้าบดขยี้ท้องฟ้า มีคราบเลือดบนเรือรบเหล่านี้และมีผู้ทรงพลังมากมายยืนอยู่
ทีละหนึ่ง ประตูแสงเปิดออก ทหารสวมเกราะนับหมื่นนายพุ่งออกมา
เกราะของพวกเขาเปล่งประกายระยิบระยับ และพวกเขาดูเหมือนจะผ่านศึกมานับไม่ถ้วน
กลิ่นอายของพวกเขาดุดันมาก
“โจมตี!”
“ทำลายตำหนักม่วงซะ!”
“แสดงให้พวกมันเห็นถึงพลังของตระกูลกู่!”
เรือรบโบราณเต็มไปด้วยเสียงกู่ร้องคำรามบดขยี้ชั้นฟ้า และเปิดอุโมงค์มิติตรงๆ
พลังเซียนเช่นนี้กว้างใหญ่เกินไป มันน่าเหลอเชื่อ สะกดดวงวิญญาณของผู้บ่มเพาะนับไม่ถ้วนให้สั่นสะท้านและอดรู้สึกอยากคุกเข่าไม่ได้
ยิ่งไปกว่านั้น ผู้บ่มเพาะบางคนดูเหมือนจะสังเกตเห็นว่านอกจากเทพสูงสุด ตระกูลกู่ยังส่งตัวตนระดับจักรพรรดิมาอีก!
ตัวตนระดับจักรพรรดิแทบจะไร้เทียมทาน!
ตอนนี้ที่วังเซียนในโลกเบื้องบนไม่อาจพบเห็นได้ อาณาจักรจักรพรรดิจึงเป็นตัวแทนของความไร้เทียมทาน
ชั่วขณะนั้น หนังศีรษะของทุกคนชาด้าน
จากนั้น กองทัพตระกูลกู่ก็หายลับไป
ในอาณาเขตที่นิกายแห่งหนึ่งตั้งอยู่ เรือรบโบราณพุ่งแหวกมิติเข้ามา จิตสังหารของพวกเขาเข้าปกคลุมทุกอาณาบริเวณ
สายตาของทั้งอาณาจักรเบื้องบนถูกลากมาที่ศึกนี้
ครั้งนี้ ตำหนักม่วงจะหยุดมันได้อย่างไร?
แต่ เนื่องจากเหตุผลนี้ กู่ฉางเกอจึงเคลื่อนตัวออกจากอาณาจักรเต่าดำได้สบาย เพราะผู้บ่มเพาะหลายคนกำลังจับตาดูตำหนักม่วง
ทางฝั่งเขา มีคนจับตาดูเขาน้อยมาก
นี่ทำให้กู่ฉางเกอรู้สึกว่าแผนการบางอย่างของเขาคิดมาเสียเปล่า
เขาไม่ต้องลงมือเอง แค่พลังนี้ก็มากเกินพอสำหรับตำหนักม่วงแล้ว พวกเขาจะยังต่อกรได้อีกเหรอ?
มันเป็นไปไม่ได้เลย
มันแค่ว่า แบบนี้ เขาจะไม่มีโอกาสได้ทดสอบกองทัพของทวีปอมตะโบราณ
ด้วยตำหนักม่วงเป็นบทเรียน แล้วขุมอำนาจเต๋าใดจะกล้าคิดตอแยเขาอีกในอนาคต?
ตอนนี้ ในจวน ไม้ไผ่เขียวส่งเสียงแผ่วเบาจากแรงลม มันดูเงียบสงบมาก
ชุดคลุมของกู่ฉางเกอสะอาดสะอ้าน และจี้ชิงเสวียนก็กำลังชงชาให้เขา
เขากำลังเขียนบางสิ่งด้วยความสนใจ
ถังว่านสวมชุดราบเรียบ นางยืนตรงหน้าเขาด้วยท่าทางเคารพและไม่สบายใจเล็กน้อย
ในความเป็นจริง หัวใจนางไม่สงบอย่างที่แสดงบนผิวเผินเลย
ยิ่งนางใกล้ชิดเขา นางยิ่งรู้สึกถึงความน่ากลัวของกู่ฉางเกอ
ถังว่านอ่านตำราโบราณมาและเดาได้ว่ากู่ฉางเกอคือผู้สืบทอดวิชามาร
ตอนนี้ มันดดูเหมือนว่าการคาดเดานี้จะเป็นจริง
ขณะที่อาณาจักรเบื้องบนกำลังปั่นป่วนเพราะการกระทำของเขา และตำหนักม่วงกำลังโดนรุมประหาร เขากลับยังมานั่งวาดตัวอักษรหน้าตาเฉยที่นี่
เงียบสงบและไม่แยแส
ช่องว่างเช่นนี้ทำให้จิตใจของถังว่านสั่นสะท้าน นางกลัวมาก
“อืม วาดยากซะจริง”
ตอนนี้ กู่ฉางเกอยิ้มเล็กน้อยและวางพู่กันในมือลง
“ตัวอักษรของนายน้อยช่างงดงามนัก”
จี้ชิงเสวียนชม
คำว่า’ฆ่า’ควรเต็มไปด้วยความหมายของการฆ่าม้าเหล็กม้าทอง แต่ภายใต้พู่กันของกู่ฉางเกอ มันกลับมีสัมผันเซียน ราวกับตัวอักษรสามารถถูกหยุดได้
แต่ถ้าเพ่งมาก มันจะพบว่าตัวอักษรนี้เต็มไปด้วยความหมายของเทพสูงสุด
คำว่าฆ่าสามารถแยกออกจากกระดาษได้ทุกเมื่อ เปลี่ยนเป็นทหารเหล็กกล้า เข่นฆ่าทุกสิ่ง!
นี่ทำให้นางตกตะลึง
“เจ้าก็พูดเกินไป”
กู่ฉางเกอยิ้มตอนได้ยินและจากนั้นก็มองถังว่านที่กำลังรอเขาอยู่
ตอนนี้ ต่อหน้ากู่ฉางเกอ ถังว่านไม่กล้าแข็งกระด้างเหมือนก่อนและหวาดกลัวจริงๆ
เพราะนางกังวลว่าหลังตำหนักม่วงถูกทำลาย ตระกูลถังของนางจะกลายเป็นตำหนักม่วงทีสองและตามรอยไป
แม้ตำหนักม่วงจะยังไม่โดนทำลาย แต่ในความคิดนาง มันก็คงอีกไม่นาน
ต่อให้ชูห่าวจะรับตำแหน่งว่าที่ประมุขถ้ำเต๋าสูงสุด แต่ต่อหน้ากู่ฉางเกอ มันมีแต่ความตายที่รอเขาอยู่
ไม่ต้องพูดถึงพลังลับของกู่ฉางเกอ แค่วิธีการมากมายที่เขาแสดงต่อโลกก็มากพอทำให้หวาดผวาแล้ว
ก่อนหน้านั้น แม้ถังว่านจะรู้ถึงพลังของตระกูลกู่ นางก็ไม่คิดว่ามันจะทรงพลังถึงระดับที่น่ากลัวเช่นนี้
ตอนนี้ทั้งอาณาจักรเบื้องบนคงเปลี่ยนไปเพราะกองทัพใหญ่ที่ส่งมาโดยตระกูลกู่
“ระหว่างนี้ ชูห่าวดูเหมือนจะยังคิดแผนจัดการข้าอยู่..”
“ข้าพูดไปแล้ว ว่าถ้าเขาไม่ริเริ่มยั่วยุข้า ข้าก็ขี้เกียจจะไปทำอะไรเขา สำหรับข้า การบดขยี้เขาควรง่ายกว่าการทำลายตำหนักม่วงซะอีก”
กู่ฉางเกอเงยหน้ามองนางและยิ้มอบอุ่น
พอได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าของถังว่านก็ขาวซีด และรู้สึกเสียวสันหลังวาบ นางไม่รู้ว่ากู่ฉางเกอรู้ได้ไง
แต่ที่เขาพูดเป็นความจริง
ระหว่างนี้ ชูห่าวไม่ฟังคำแนะนำของนางเลย
ตรงกันข้าม เขายังวางแผนจัดการกับกู่ฉางเกอ ไม่ยอมแพ้และอยากลบล้างความอัปยศในวันนั้น
เสียงของนางสั่นเครือ นางกลัวแบบที่ควบคุมไม่ได้
“ข้าได้โน้มน้าวชูห่าวแล้ว นายท่านช่วยมอบเวลาให้ข้าอีกหน่อยได้หรือไม่…”
ลมอ่อนเข้าจวนขณะที่ไม้ไผ่โน้มตัว
สภาพแวดล้อมเงียบขึ้น
“หือ?แต่ข้ารู้สึกว่าชูห่าวยังอยากฆ่าข้าอยู่ดี นี่เพราะข้าคิดเอง หรือเพราะความมั่นใจตัวเองของชูห่าว?”
“ถ้าข้าให้เวลาเจ้า เจ้าคิดว่าจะใช้เวลากี่วัน?หรือเจ้าอยากให้ข้าทำเอง?จริงๆ ข้าเกลียดปัญหา แต่ชูห่าวไม่ดูเหมือนจะเป็นคนในหมวดหมู่นั้น”
ด้านหน้าโต๊ะหิน กู่ฉางเกอพ่นควันจากถ้วยชา และถาม
ดวงตาคู่งามของจี้ชิงเสวียนเหมือนกระจก แสดงความแปลกใจเล็กน้อย
นางยืนข้างเขา นวดไหล่กู่ฉางเกออย่างเชื่อฟัง นางพอใจกับสถานะของสาวใช้นี้มาก
ในความคิดนาง ด้วยตัวตนของกู่ฉางเกอ เขาจะไปสนใจชูห่าวมากนักได้ไง?
เขาบอกว่าเพราะเขารู้สึกถูกตอแยโดยมดและรำคาญเนื้อตัว
“โปรดให้เวลาข้าอีกหน่อย มากสุดก็ครึ่งเดือน ข้าจะทำให้ชูห่าวเข้าใจทั้งหมดนี้เองและให้เขายอมแพ้”
“ชูห่าวไม่รู้จักสูงต่ำ และตอแยนายท่าน แต่ข้ายังหวังให้นายท่านใจกว้าง”
เสียงของถังว่านสั่นเครือ ดวงตาแสดงความกลัวอย่างมาก
ตัดสินจากความหมายเบื้องหลังคำพูดของกู่ฉางเกอ เขาคิดจะลงมือกับชูห่าว?
นางไม่กล้าคิดเลย ถ้ากู่ฉางเกอทำอะไรกับชูห่าวจริง เขาจะมีโอกาสรอดแค่ไหน?
มันอาจมีแต่ความตาย!
ก่อนหน้านั้น ไม่ว่านางจะพูดอะไรกับชูห่าว เขาจะเชื่อมั่นว่าไม่ช้าก็เร็ว เขาจะทวงคืนทุกอย่างจากกู่ฉางเกอและลบล้างความอัปยศได้
สำหรับการโน้มน้าวมากมายของถังว่าน มันเหมือนเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา
ด้วยความคิดเช่นนี้ในหัว ชูห่าวจึงคิดแผนการมากมาย
แต่แผนการเหล่านี้ ในความคิดของถังว่าน มันโง่มากและไม่มีทางทำอะไรกู่ฉางเกอได้เลย
เหนือสิ่งอื่นใด ชูห่าวก็แค่เจ้าชายในอาณาจักรวิหคเพลิง
เทียบกับทั้งตระกูลกู่ แม้กระทั่งขุมอำนาจเต๋าที่เล็กสุดก็ยังเหนือกว่าอาณาจักรวิหคเพลิงมาก
ด้วยช่องว่างเช่นนี้ ชูห่าวกลับยังรู้สึกว่าตัวเองมีความหวัง?โดยเฉพาะตอนที่นางไม่สามารถช่วยเหลือเขาได้แล้ว
เขายังไม่เข้าใจอีกหรือไง?
ถังว่านผิดหวังในตัวชูห่าวมาก
นางกำลังคิดหาหนทางเพื่อช่วยเหลือเขา แต่ไม่เพียงเขาจะไม่สนใจ เขากลับอยากหาที่ตาย
ถ้ากู่ฉางเกอตั้งใจจะทำลายอาณาจักรวิหคเพลิงจริง แค่ประโยคเดียวก็เกินพอ
ไม่จำเป็นที่กู่ฉางเกอต้องทำเองเลย จะมึขุมอำนาจนับไม่ถ้วนที่อยากเอาใจเขา
เขากำลังนับรวมถ้ำเต๋าสูงสุดเบื้องหลังเขามาด้วย?เขาไม่เห็นจุดจบของตำหนักม่วงหรือไง?
“ไม่ เจ้าไม่ต้องห่วงทางฝั่งชูห่าว ข้ามีอีกเรื่องให้เจ้า”
กู่ฉางเกอโบกมือขัดนาง“ระหว่างนี้ คนชื่อฉินอู่หยาอาจเข้าหาเจ้า..ตอนเขาเข้าหา ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเจ้า อย่าตื่นตระหนก แค่ทำตามที่ข้าพูดก็พอ”
“ฉินอู่หยา..”
ถังว่านตกตะลึง ด้วยเหตุผลบางอย่าง ชื่อนี้มอบความรู้สึกคุ้นเคยแปลกๆให้นาง
“มันคือศิษย์พี่ของราชาสวรรค์ใช่หรือเปล่า?เขาเป็นศัตรูของนายท่าน?”
ทันใดนั้น นางก็ตอบสนอง สีหน้านางเปลี่ยนไป นางจำได้
เนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบัน นางจึงได้ยินชื่อฉินอู่หยา และรู้สึกเหมือนนางรู้จักคนคนนี้
ทำไมกู่ฉางเกอถึงพูดว่าฉินอู่หยาจะมาหานางกัน?
“เขานั่นแหละ เจ้าคือสหายเต๋าของเขาในชาติที่แล้วขอเจ้า เขารู้ตัวตนของเจ้าและจะต้องเข้าหาเจ้าแน่.”
กู่ฉางเกอมองนาง
‘สหายเต๋าของข้าจากชาติที่แล้ว?”
พอได้ยินแบบนี้ ถังว่านก็เบิกตากว้าง นางหน้าซีด
ปัจจุบัน มีภาพคลุมเครือมากมายเริ่มปรากฏในหัวนาง นางยืนด้านหน้าประตูภูเขาโบราณ ยุคสมัยที่ห่างไกลจากทุกวันนี้มาก
ท้องฟ้าสูง โลกกว้างใหญ่ ทุกสรรพสิ่งเต็มไปด้วยพลังชีวิต
นางมีหัวใจที่เมตตาและเคารพพ่อของนาง
ยังมีศิษย์พี่ที่พึ่งพาได้และสหายเต๋า รวมถึงศิษย์น้องชายและศิษย์น้องหญิงที่แบกรับความรับผิดชอบหนักหน่วงในการฟื้นฟูสำนัก
แม้นางจะปลอบตัวเองว่าเป็นแค่ฝัน แต่นางก็อดสงสัยไม่ได้ว่ามีการเกิดใหม่จริงไหมในโลกนี้
แต่พอได้ยินคำพูดของกู่ฉางเกอ นางก็ตัวแข็ง
มันราวกับมีระเบิดถูกจุดในสมองนาง
อย่างไรก็ตาม กู่ฉางเกอรู้ได้ไง? แถมเขายังดูมั่นใจมากว่าฉินอู่หยาคือสหายเต๋าในชาติที่แล้วของนาง
นี่ทำให้ถังว่านตกตะลึง นางไม่เชื่อ
กู่ฉางเกอเป็นใคร ทำไมเขาถึงรู้เรื่องพวกนี้?
จี้ชิงเสวียนเองก็ได้ยินคำพูดของกู่ฉางเกอและตกใจมาก แต่ไม่มีอะไรปรากฏบนหน้านางขณะที่นางแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน
แต่ในใจนาง กู่ฉางเกอกลายเป็นลึกลับและคาดเดาไม่ได้มากขึ้น
“นายท่านรู้ได้อย่างไร?”
แต่ถังว่านเองก็ผ่านร้อนผ่านหนาวในสมาคมการค้าว่านเต๋ามาเยอะ
นางรีบสำรวมท่าทางและถามกลับ แต่เสียงนางก็ยังสั่นเล็กน้อยเพราะนางไม่อยากยอมรับมัน
กู่ฉางเกอมองนาง ส่ายหัว“เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้ แค่จำสิ่งที่ข้าสั่งให้ทำไปก็พอ”
“เจ้าค่ะ’
ถังว่านพยักหน้า หัวใจเต็มไปด้วยความเศร้า นางจำตัวตนอื่นของกู่ฉางเกอได้ ทายาทของจักรพรรดิสวรรค์โบราณแห่งการเกิดใหม่!
มันไม่น่าแปลกที่เขาจะสามารถทะลุผ่านกฏแห่งการเกิดใหม่และเข้าใจทั้งหมดนี้ มันแค่ว่านางคิดไม่ตกว่าทำไมชายที่ข้องเกี่ยวกับนางถึงอยู่ตรงข้ามกับกู่ฉางเกอหมด
ไม่ว่าจะเป็นชูห่าวหรือฉินอู่หยา ทั้งคู่เหมือนกัน
สุดท้าย นางจะต้องเป็นคนที่จัดการพวกเขาซะเอง ความรู้สึกนี้ทำให้นางหดหู่มาก
“เจ้ากลับไปอาณาจักรวิหคเพลิงก่อน และถ้ามีอะไร ข้าจะบอกเจ้า’
กู่ฉางเกอพูด รู้ว่าถังว่านคิดอะไร แต่เขาไม่สน
“เจ้าค่ะ นายท่าน”
ถังว่านก้มหัว ใบหน้าขุ่นมัว
หลังถังว่านออกไป กู่ฉางเกอก็โบกมือไล่จี้ชิงเสวียนออกไป
เขามองกระดาษในมือ
“ปัจจุบัน มันเป็นไปไม่ได้ที่ตำหนักม่วงจะยอมละทิ้งจื่อหยาง แม้พวกเขาจะโดนโอบล้อม พวกเขาก็จะต้องส่งคนมาช่วยเหลือเขาแน่”
“ถ้าถ้ำเต๋าสูงสุดฉลาด พวกมันควรรู้ว่าต้องทำอะไร ถ้าไม่ ก็อย่าตำหนิข้าที่ข้าต้องเคลื่อนไหวอีก…”
กู่ฉางเกออดพึมพำไม่ได้
หลังคิดเช่นนี้ เขาก็เริ่มสั่งคนของเขาให้คุมตัวคนจากตำหนักม่วงทั้งหมด รวมถึงราชาสวรรค์จื่อหยางไปอาณาจักรวิหคเพลิง
ยังไซะ เขาก็ตั้งใจจะลากหายนะไปทางตะวันออก
ถ้าเป็นแบบนี้ มันจะสามารถยั่วยุให้เกิดความขัดแย้งระหว่างถ้ำเต๋าสูงสุดกับตำหนักม่วงได้ ซึ่งจะช่วยเขาเบาแรง
ถ้าไม่ ประตูเมืองของอาณาจักรวิหคเพลิงจะลุกเป็นไฟและนำหายนะสู่ปลาภายในบ่อ มันจะถูกทำลาย
แม้กู่ฉางเกอจะอยากมุ่งเป้าไปที่ชูห่าวกับอาณาจักรวิหคเพลิง แต่ถ้าเขาทำโดยไม่มีเหตุผล เขาจะโดนวิจารณ์
เหนือสิ่งอื่นใด บนผิวเผิน เขาคือผู้นำของวิถีธรรมะ
แถม ตอนนี้ตระกูลกู่ก็เผยคมเขี้ยวของมันแล้ว ถ้าการกระทำของเขาแข็งกร้าวไป มันเลี่ยงไม่ได้ที่ขุมอำนาจอื่นจะอิจฉาตระกูลกู่และเกิดเจตนาอื่นเข้า
ภายใต้การพิจารณาต่างๆ กู่ฉางเกอรู้สึกว่ามันเหมาะสมกว่าที่จะยืมมีดฆ่าเป้าหมาย
สำหรับทางฝั่งของชูห่าว ตอนนี้กู่ฉางเกอไม่สนใจจริงๆ
เหนือสิ่งอื่นใด ภูมิหลังของชูห่าวด้อยกว่าจื่อหยางมาก
นอกจากนี้ ถ้าเขาอยากจัดการกับชูห่าว มันไม่ต้องรีบเลย
ในฐานะบุตรฟ้าประทาน บทบาทของชูห่าวมีมากกว่าจื่อหยาง
ก่อนเขาจะเค้นจนหมด มันเสียเปล่าที่จะฆ่าแบบนี้
เหนือสิ่งอื่นใด กระเทียมหอมยากจะหาพบ!
“แบบนี้ จะมีเหตุผลมากขึ้น อาณาจักรวิหคเพลิงถูกทำลายด้วยไฟโกรธของตำหนักม่วง มากสุดที่ข้าต้องทำคือโอดครวญ ร้องว่าคิดไม่ถึงว่าตำหนักม่วงจะชั่วร้ายได้ขนาดนี้”
พอคิดแบบนี้ กู่ฉางเกอก็ยิ้ม จากนั้นก็รีบมุ่งหน้าไปอาณาจักรวิหคเพลิง
จักรพรรดิเต่าดำ ผู้จับตาดูทุกการเคลื่อนไหวของกู่ฉางเกอฉีกยิ้มเป็นครั้งแรก มันราวกับทั้งอาณาจักรของเขาปลอดภัยแล้ว
ตระกูลมากมายของอาณาจักรเต่าดำเองก็โล่งใจ กลัวว่าการต่อสู้ระหว่างตำหนักม่วงกับกู่ฉางเกอจะลากพวกเขาไปด้วย
ตอนนี้ที่กู่ฉางเกอไม่อยู่ อาณาจักรเต่าดำของพวกเขาจึงถือว่าปลอดภัยแล้ว
..
“อาจารย์อา หลังว่านเอ๋อร์ไป นางไปเจอกู่ฉางเกอไหม?”
ในเวลาเดียวกัน ในเมืองหลวงของอาณาจักรเต่าดำ
ใจกลางตำหนักใหญ่โต
สองคนกำลังคุยกัน และชายที่ตั้งคำถามนี้ก็คือชูห่าวนั่นเอง
ส่วนชายชราตรงหน้าเขาที่ไว้หนวดเคราสีขาวก็ไม่ใช่ใครนอกจากอาจารย์อาของเขา ไป่หยาง
ทั้งสองออกจากอาณาจักรวิหคเพลิงและตามถังว่านมา
ชูห่าวอยากรู้จุดประสงค์การมาของนางและทำไมนางถึงมาเจอกู่ฉางเกอที่นี่
ถ้าเรื่องนี้ไม่ชัดเจน ชูห่าวรู้สึกว่าเขาจะกินไม่ได้นอนไม่หลับ
เขายังไม่สามารถบ่มเพาะได้ และยังมีมารถือกำเนิดในจิตของเขา
“ว่านเอ๋อร์ต้องไม่ทรยศข้าเป็นแน่ นางคงโดนกู่ฉางเกอข่มขู่ และกระทำไปด้วยความขมขื่น!’
ชูห่าวพึมพำ ราวกับมีหนามในใจเขา
การที่ถังว่านปกปิดเขาและแอบมาหากู่ฉางเกอในที่ส่วนตัวทำให้เขาอกแทบแตก
แม้เขาจะรู้ว่าด้วยนิสัยของถังว่าน นางจะไม่ทำอะไรที่เป็นการทรยศเขา แต่เรื่องการมาพบเจอกับชายอื่น เขาจะไปทนได้ไง?
แต่เขาก็ยังเลือกให้อภัยถังว่าน แสร้งทำเป็นเมิน
ตอนนั้น ใบหน้าของไป่หยางไม่สู้ดีมาก คิ้วของเขาขมวด เขาถอนหายใจ“ถ้าถังว่านไม่ได้เปลี่ยนเส้นทางกลางคัน นางควรจะไปพบเจอกู่ฉางเกอแล้ว”
“ตำหนักนั้นไม่มีใครอยู่ยกเว้นกู่ฉางเกอ”
เขามองชูห่าวด้วสยสายตาเสียใจและเห็นใจ เขาไม่สามารถคิดหาคำพูดมาโน้มน้าวได้อีก
“ท่านไม่ได้ตามไปหรือ?’
แม้เขาจะเดาได้นานแล้ว แต่พอได้ยินกับปาก ใบหน้าของชูห่าวก็ยังบิดเบี้ยว เขาสูดหายใจลึก บังคับให้ตัวเองสงบ
“ตอนนี้กู่ฉางเกอรายล้อมด้วยยอดฝีมืออาณาจักรจักรพรรดิ ถ้าข้าไปอย่างบุ่มบ่าม ข้าจะถูกเข้าใจผิดได้ว่าเป็นมือสังหารจากตำหนักม่วง…”
ไป่หยางอธิบายด้วยใบหน้าลำบากใจ
ตัวเขารู้เกี่ยวกับเทพสูงสุดที่ตำหนักม่วงส่งมาช่วยเหลือราชาสวรรค์จื่อหยาง
แม้พลังของเขาจะแข็งแกร่งกว่าอีกฝ่าย มันก็ไม่ได้มากขนาดนั้น
ตอนนี้ ถ้าเขาพบเจอยอดฝีมืออาณาจักรจักรพรรดิลึกลับผู้นั้น เขาจะต้องตายแน่
“ท่านอาจารย์อาคิดดีแล้ว ข้าประมาทไปเอง”
พอได้ยิน ชูห่าวก็กำหมัดแน่น และความแค้นใจก็สุมอก
เขาบ่มเพาะมาตั้งแต่เด็ก และตลอดมาก็เหมือนเรือใบที่แล่นอย่างราบรื่น พบเจอโอกาสมากมาย ยากจะมีอะไรมาหยุดยั้ง
อนาคตของเขาสดใส และตราบเท่าที่เขาไม่ล้ม เขาจะต้องเป็นคนที่ยืนบนจุดสูงสุด
แต่ตอนนี้ ต่อหน้ากู่ฉางเกอ เขากลับเสียท่าหลายครา
แม้แต่เทพสูงสุด อาจารย์อาของเขาก็ยังไม่สามารถทำอะไรกู่ฉางเกอได้ ไม่กล้าแม้แต่จะเผยตัวให้เห็น
“แต่ห่าวเอ๋อร์ เจ้าไม่ต้องห่วง ข้าเห็นถังว่านไปเจอกู่ฉางเกอและกลับออกมาเร็วมาก มันเป็นช่วงเวลาแค่ชาถ้วยเดียวเท่านั้น ไม่น่าจะมีอะไรระหว่างทั้งสอง และกลิ่นอายบริสุทธิ์ของถังว่านก็ยังไม่บุบสลาย…”
พอเห็นชูห่าวเป็นเช่นนี้ ไป่หยางก็กังวล เขาตบไหล่ศิษย์ของเขา กลัวว่าเมล็ดพันธ์ุชั้นดีจะถูกทำลาย
ผู้หญิงคนนี้ไม่คุ้มค่ากับพรสวรรค์ของชูห่าว
แต่เขาไม่ได้พูดออกมา
“ข้ารู้ ท่านอาจารย์อาไม่ต้องห่วง ข้ามีความคิดดีๆแล้ว”
ชูห่าวสงบลงและรู้ว่าครั้งนี้ เขาไม่สามารถโทษถังว่านได้
แต่เขาต้องหาทางหยุดเรื่องพวกนี้
กู่ฉางเกอไร้หัวใจ ใครจะไปรู้ว่าเขาจะทำอะไรบ้าๆเข้าสักวัน?
และพอถึงเวลานั้น ถังว่านก็จะเป็นผู้หญิงอ่อนแอไร้หนทางต่อต้าน
ทันใดนั้น ใบหน้าของชูห่าวก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง รู้สึกถึงหยกสื่อสารภายในแหวนเขาและข้อความจากอาณาจักรวิหคเพลิง
ถ้าไม่เกิดเรื่องใหญ่ขึ้น พ่อของเขาจะไม่ใช้หยกสื่อสารติดต่อเขาเป็นแน่
“เกิดอะไรขึ้น?”
ไป่หยางสังเกตเห็นสีหน้าของชูห่าวและอดถามไม่ได้
“เกิดเรื่องขึ้นในอาณาจักรวิหคเพลิง…บัดซบ..ข้าจะไม่ปล่อยกู่ฉางเกอไปแน่!”
ชูห่าวนำหยกสื่อสารออกมา รีบตรวจข้อความและใบหน้าก็พลันเปลี่ยนไป
ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นดำมืด กัดฟันจนแทบแหลก พ่นคำพูดออกมาจากลำคออย่างชิงชัง
“ท่านอาจารย์อา กลับไปอาณาจักรวิหคเพลิงกันก่อน”
หลังพูด เขาก็ตั้งใจจะเคลื่อนไหว ไม่คิดว่าขณะต่อสู้กับตำหนักม่วง กู่ฉางเกอจะยังไม่ลืมวางแผนร้ายใส่อาณาจักรวิหคเพลิงของเขาด้วย
ชั่วช้ามาก!
“หรือว่า…”
ใบหน้าของไป่หยางเปลี่ยนสี และรู้ถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้
เขาเดาอะไรได้ และอดรู้สึกเสียวสันหลังวาบไม่ได้กับแผนการของกู่ฉางเกอ
ขณะที่ชูห่าวกำลังคิดหาแผนจัดการกับกู่ฉางเกอ กู่ฉางเกอก็ได้ชิงเคลื่อนไหวก่อน
และแผนของเขาก็น่ากลัวมาก
…
ระหว่างนี้ สายตาของทั้งอาณาจักรเบื้องบนแทบจะมาบรรจบกันที่ตำหนักม่วง ไม่มีผู้บ่มเพาะคนใดจะไม่สนใจเรื่องนี้
แม้กระทั่งขุมอำนาจที่สูงส่งอย่างภูเขาพุทธเจ้ากับโถงบรรพชนมนุษย์ก็ยังจับตาดู
ในอดีตจวบถึงปัจจุบัน มีสงครามที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้เกิดขึ้นกี่ครั้งกัน?
เลือดของทุกคนเดือดพล่าน
กองทัพยิ่งใหญ่มาพร้อมเรือรบโบราณ จากภูเขาจักรพรรดิสวรรค์ ตระกูลเย่และขุมอำนาจอื่น ทั้งหมดมาภายใต้ร่มธงของการจัดการผู้สืบทอดวิชามารและราชาสวรรค์จื่อหยาง พวกเขาเปิดฉากโจมตีตรงๆ
ถ้าตำหนักม่วงถูกถอนราก พวกเขาก็จะได้แบ่งชิ้นเนื้อกัน
ตำหนักม่วงยืนยันมาเป็นแสนปีและสะสมทรัพยากรไว้มากมาย