ตอนที่ 3 : การตื่น
หลังจากสามวันผ่านไป เทียนหลงก็ยังคงไม่ตื่น
การที่ต้องแบกรับความเจ็บปวดในหัวอย่างสม่ำเสมอไม่หยุดพักตลอดเวลาที่ผ่านมาทำให้เขาเหมือนกับผู้ที่ทุกข์ทรมานกับฝันร้าน
“เกิดอะไรขึ้นกับเด็กคนนี้กัน? เขาป่วยงั้นรึ? แต่หมอที่จ้างมาก็บอกว่าเขาสุขภาพดีสมบูรณ์กับอายุเท่านี้นี่ ซึ่งมันก็แปลกอยู่แล้วเพราะว่าเขาไม่เคยได้สติมาก่อนเลยตั้งแต่เกิดมา…”
“สวรรค์ช่วยเราจริง ๆ รึ?”
เกรพึมพำเพราะยากที่เขาจะเข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้
‘ช่างเถอะ ก็แค่รายงานให้คนอื่นรับรู้…’
เขาเปิดประตูออกจากห้องไป
หลังจากไม่นานเมื่อห้องเงียบสงบ…
เด็กในยห้องลืมตาขึ้นมาอย่างมึนงง
‘นี่เราอยู่ไหน? ที่นี่ที่ไหนกัน? ทำไมถึงยังไม่ตายล่ะ?’
เทียนหลงมีความสงสัยและคำถามมากมายในหัวแต่ที่สำคัญที่สุดก็คือ…
‘ไอของดำ ๆ ในวิญญาณเรามันคืออะไรกันแน่?’
‘เอ๋…เดี๋ยวก่อน! เรารู้สึกถึงวิญญาณตัวเองเรอะ?’
เทียนหลงรู้สึกสับสนและถึงกับกลัวอยู่เล็กน้อย ความรู้สึกที่ระหว่างคิ้วของเขามันคือความรู้สึกใหม่อย่างไม่ต้องสงสัย
วิญญาณอยู่ตรงบริเวณระหว่างคิ้ว…นี่เป็นสิ่งที่เขาคิดขึ้นเอง ดังนั้นเขาจึงคิดไปเองเลยว่านี่คือความรู้สึกของดวงวิญญาณ
เขาใจสั่นเป็นการตอบสนองกับการค้นพบครั้งใหม่
เทียนหลงกัดริมฝีปากกระซิบกับตัวเองเป็นภาษาจีน
“เอาล่ะ ใจเย็นก่อนตัวเรา! ถ้าค่อย ๆ คิดให้ดี บางทีมันอาจจะสมเหตุสมผลกับสถานการณ์ตอนนี้ก็ได้!”
เขาหายใจเข้าลึกเพื่อให้ตัวเองใจเย็นลงแต่มันก็ไม่พอ เขาทำใจให้ว่างและหายใจเข้าอีกหลายครั้งเพื่อให้ใจเย็นลง จากนั้นสีหน้าของเขาก็กลับมาค่อนข้างใจเย็น เขาเริ่มเชื่อมโยงเรื่องต่าง ๆ ทีละเรื่อง
‘บันทึกมรณะถูกทำลายในอุโมงค์มิติ แล้วเราก็ได้เห็นเรื่องทั้งหมดกับตา เรามั่นใจมาก แล้วของสีดำในวิญญาณที่เหมือนกับหนังสือมันคืออะไรล่ะ?’
‘หรือว่ามันคือบันทึกมรณะ? มันก็คล้ายกันอยู่นะ…’
เทียนหลงกัดริมฝีปากอย่างแรงอย่างแรงแต่ก็หยุดเพราะรู้ว่ามันอาจจะเป็นอันตรายกับร่างเด็กแต่ก็รู้ตัวว่ามันคือตัวเขาเอง เขาคิดต่อไปด้วยความรู้สึกย้อนแย้งนี้
‘แต่ถ้าบันทึกมรณะตามเรามาในโลกนี้ มันก็น่าจะฆ่าเราได้หลังจากที่ออกมาจากอุโมงค์มิติแล้วได้ร่างนี้ ถ้ามันไม่ฆ่าเรา เราก็คิดถูก… บันทึกมรณะอาจจะโดนจำกัดพลังไว้ด้วยกฎเกณฑ์ของโลกใบนี้!’
เทียนหลงรู้สึกดีใจมาก! เขาหวังพึ่งแค่ดวงตัวเองและการเข้ามาในต่างโลกควรจะทำลายหรือไม่ก็ล้างบันทึกมรณะขึ้นใหม่!
เขาไม่เคยฆ่าหรือควบคุมสัตว์ด้วยบันทึกมรณะมาก่อน ดังนั้นภายในตรรกะที่ว่าบันทึกมรณะทำงานตามหลักการนั้น มันก็น่าจะมีกฎเกณฑ์แบบนั้นในโลกใบนี้ด้วย
เขายังเตรียมคิดเผื่อว่าบันทึกมรณะจะไม่ทำงานบนโลกใบนี้ ดังนั้นเขาจึงรู้สึกเชื่อได้ยากที่มันอยู่ในดวงวิญญาณเขา
‘โลกใบนี้อาจจะต้องการเวลาตรวจพบการมาถึงของสิ่งที่ไม่รู้จัก บันทึกมรณะน่าจะทำตามเงื่อนไขของเราที่ให้หาร่างอ่อนแออายุต่ำกว่ายี่สิบปี แต่มันก็ฆ่าเราไม่ได้หลังจากห้านาทีที่เราจะต้องตายด้วยบันทึกมรณะ เพราะมันน่าจะถูกทำลายหรือรีเซ็ตด้วยกฎของโลกนี้’
‘ถ้าอย่างนั้น ถ้าวัตถุสีดำนี่คือบันทึกมรณะ แล้วมันมาหลอมรวมกับวิญญาณเราได้ยังไง? หรือเพราะว่าในตอนนี้เราคือเจ้าของมัน?’
‘ใช่แล้ว น่าจะเป็นอย่างนั้น ถ้าเป็นแบบนี้ก็สมเหตุสมผล’
แม้ว่าเทียนหลงจะมีสิ่งที่สงสัยมากมายแต่มันก็ฟังดูมีเหตุผลกับเวลาแบบนี้ แม้ว่ามันอาจจะเป็นเรื่องที่ผิดเพี้ยนไปหมด เขาก็รู้สึกว่าเขาอยู่ไม่ไกลจากความจริงนัก
เทียนหลงลงจากเตียง และเขาก็ล้มลงในตอนที่พยายามจะเดิน
‘อะไรกันเนี่ย!?’
เขาพยายามลุกขึ้นยืนแต่ก็ทำไม่ได้ เขาคลานไปจนถึงหน้าต่างที่มุมห้อง เขาใช้แรงทั้งหมดที่มีที่สามารถรวบรวมได้
‘อ่อนแอจริง ๆ!’
เขาบ่นแต่ก็เข้าใจได้เพราะเขาอยู่ในร่างของเด็ก เขาเป็นคนขอให้เข้ามาในร่างที่อ่อนแอเองเพื่อที่จะสิงร่างได้อย่างไม่ยาก แต่ดูเหมือนว่าสำหรับเด็กคนนี้แล้ว เขาไม่ควรตั้งเงื่อนไขแบบนั้นเลย
เขามองร่างสูงเก้าสิบเอ็ดเซนติเมตรด้วยผิวเนียน ดวงตาสีไพลินดูน่ารัก แต่ใบหน้านั้นดูอ่อนแอและซูบผอมเหมือนกับร่างกาย ผมสั้นสีบลอนด์ยุางเหยิงกับร่างเล็กที่เป็นปกติสำหรับเด็ก 3 ขวบ เขาดูไม่ต่างจากเด็กที่ไม่ได้รับการดูแลหรือเด็กกำพร้าเท่าไหร่
แต่เขาก็ดูสะอาดสะอ้านโดยไม่มีคราบเปื้อนแม้สภาพร่างกายจะเป็นเช่นนี้ บางทีเขาอาจจะถูกดูแลโดยชายวัยกลางคนคนนั้นและเขาน่าจะเป็นพ่อของเด็กคนนี้เมื่อได้เห็นครั้งแรก
แต่ในตอนนี้ เขารู้สึกว่าเด็กคนนี้ไม่เหมือนกับชายวัยกลางคนเลยแม้แต่น้อย
‘เด็ก 2 หรือ 3 ขวบ? เด็กกำพร้า? จะเป็นยังไงก็ช่าง ถ้าเราเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่นี้ได้…’
‘ไม่รู้ว่าแกเป็นใคร แต่ขอโทษนะที่มายึดร่างไปแบบนี้ คงไม่มีข้ออ้างอะไรเพราะฉันเป็นคนฆ่าแกทางอ้อม…’
เทียนหลงไม่รู้ว่าเด็กคนนี้หลับใหลไม่ได้สติมานานตั้งแต่เกิดและกำลังจะตายเมื่อสามวันก่อน เขาต้องแบกรับความรู้สึกซับซ้อนในเรื่องที่เขาเป็นคนฆ่าเด็กบริสุทธิ์ แต่นั่นไม่ได้หยุดเขาจากการใช้ชีวิตนี้ต่อ
‘ขอสาบานว่าจะใช้ชีวิตในส่วนที่เหลือของแกให้ดี’
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็รู้สึกลักลั่นเพราะเด็กคนนี้กลายเป็นความสูญเสียแรกในโลกใบนี้จากเขา
=====
หลังจากที่เกรออกจากห้อง เขามุ่งหน้าไปยังห้องที่หัวหน้าอยู่
*ก๊อก!~*
“เข้ามา…”
เสียงดังมาจากในห้อง
*เอี๊ยด!~*
เกรเปิดประตูเดินเข้าไป ฝีเท้าของเขาทำให้พื้นไม้ส่งเสียงแหลม
“โอ้ เกร มีอะไรรึ?”
“หัวหน้า ถึงเวลาที่ข้าจะเลิกเป็นทหารรับจ้างแล้ว…”
ในห้องมีเพียงความเงียบ
“เฮ่อ เวลาสองปีหมดลงแล้วหรือ? เวลาผ่านไปเร็วนัก…”
หัวหน้านึกถึงอดีตเมื่อถอนหายใจ
“ใช่ ขอบคุณที่คอยดูแลข้าในกลุ่มทหารรับจ้าง เรื่องการชดเชย จะได้ก็ต่อเมื่อคนจากอาณาจักรมารับข้า”
“ดูแลเจ้าเรอะ? ปกป้องชายที่พลังบ่มเพาะมากกว่าข้าเนี่ยนะ? เจ้าล้อข้าเล่นแน่ ๆ หรือว่าเด็กคนนั้น?”
หัวหน้าหัวเราะ
“รู้แล้วงั้นเหรอ?”
เกรพูด แต่เขาไม่ได้ดูแปลกใจ
“ข้าอยู่กับเจ้ามาเกือบสองปี ใช่ ถ้าข้าไม่รู้ ข้าก็น่าจะเลิกเป็นทหารรับจ้างได้แล้วล่ะ…”
เกรกระพริบตา
“ดีที่บอกข้าตั้งแต่ตอนนี้ ถ้าเป็นเมื่อเดือนก่อน ข้าอาจต้องฝืนฆ่าเจ้า…”
“เป็นคำสั่งรึ?”
หัวหน้ายิ้มแหย
“ใช่…”
เกรเอียงคอตอบไปราวกับว่ามันเป็นเรื่องที่ต้องทำอยู่แล้ว
“ราชวงศ์ลอเรตน่ากลัวจริง ๆ ตั้งแต่ที่เอาตัวรอดมาได้และประหารตระกูลขุนนางที่เข้าร่วมในการก่อกบฏ”
“ว่าไงนะ? ตระกูลลอเรตปราบพวกกบฏได้แล้วรึ?”
“ใช่ ข้าเพิ่งจะได้ข่าวเมื่อสองวันก่อน”
หัวหน้าพยักหน้า
เกรยืนตัวสั่นด้วยความตื่นเต้น!
‘ถ้าเป็นแบบนี้ เราสองคนก็รอดแล้ว…’
เกรถอนหายใจด้วยความโล่งอกและใจเย็นลง
“เช่นนั้น ข้าจะกลับแล้ว หัวหน้า!”
“โชคดีล่ะ…”
หัวหน้าถอนหายใจ เป็นอีกครั้งที่เขาคิดว่าเขากำลังจะต้องสูญเสียลูกน้องที่ดีและแข็งแกร่งที่สุดไป แต่เขาก็รู้อยู่แล้วว่ามันเป็นสิ่งที่มิอาจเลี่ยงได้
=======
*เอี๊ยด!~*
เกรเปิดประตูห้องและเดินเข้ามา แต่เขาก็เกือบหัวใจวาย
“เด็กหายไปไหน?”
เกรชักดาบออกจากฝักและวิ่งเข้ามาอย่างตื่นตระหนกทันที
เทียนหลงลรีบหันไปที่มุมห้องและเห็นเกรวิ่งเข้ามาในห้อง
‘เรย์ โนแลน คือชื่อของเขางั้นเหรอ?’
‘ดูเหมือนว่าข้ายังมีเนตรเทพมรณะอยู่ ก็หมายความว่าข้ายังมีบันทึกมรณะอยู่กับตัว…’
ด้วยเหตุนี้ เทียนหลงจึงยืนยันว่าเขายังมีบันทึกมรณะอยู่กับเขา แต่เขารู้สึกว่าบันทึกมรณะอยู่ในตัวเขามากกว่า
เรย์ โนแลนถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นว่าเด็กปลอดภัย แม้ว่าเขาพยายามจะทำบางอย่างอยู่
“เนเยย…เยย…อุเดล…”
เทียนหลงเริ่มแสร้งทำหน้าตาน่ารัก
‘ดูจากที่เรานอนบนเตียง ชายคนนี้น่าจะเป็นคนดูแลเรา และก็ไม่แปลกด้วยที่เด็กกำพร้า 3 ขวบจะยังพูดไม่เป็น!’
เรย์ โนแลนเดินเข้ามาหาเด็กและอุ้มเขาทันที
“หา ข้าต้องโดนบั่นหัวแต่น่าพวกเขารู้ว่าเจ้าชายไม่รู้วิธีพูดน่ะ?”
เรย์ โนแลนกลัวเล็กน้อยแต่เมื่อคิดให้ถี่ถ้วนแล้ว
‘ก็อาจจะไม่…’
เทียนหลงไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายพูดอะไรเพราะเขาไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อย
เนตรเทพมรณะแสดงเพียงแค่ชื่อและอายุขัย ยกเว้นแต่อย่างหลังที่ดูเหมือนจะแสดงเป็นอย่างอื่นแทน
‘เจ้าหมอนี่ พูดภาษาที่ฟังรู้เรื่องหน่อยสิฟะ…’
เทียนหลงอ้อนวอนด้วยใจจริงและความเศร้า
“เจ้าหนู ถึงเวลาที่เจ้าจะกลับอาณาจักรแล้ว และที่นั่นเจ้าจะได้เริ่มเรียนภาษาซักที”
เรย์ โนแลนเริ่มบรรยายและสอนเด็กคนนี้แม้เขาจะรู้ว่าเด็กคนนี้ไม่มีทางเข้าใจเขาเพราะชีวิตเขาขึ้นอยู่กับเด็กคนนี้
“...”
การบรรยายดำเนินต่อไปสิบนาที ทิ้งใบหน้าเทียนหลงที่เต็มไปด้วยรอยขมวด