ตอนที่ 2 : โลกใบใหม่
ศิลาข้ามโลกพังทลายในท้องนภาและสร้างแสงสีเขียวอมม่วงเปล่งประกายล้อมรอบดวงวิญญาณของเทียนหลง แสงสว่างนั้นพุ่งทะยานไปยังทิศทางหนึ่งอย่างรวดเร็วยิ่งกว่าความเร็วของแสง
ในสถานที่แห่งหนึ่งที่ไกลจากศิลาข้ามโลกไม่กี่กิโลเมตรนั้นคือสถานที่ที่เพิ่งจะปรากฏขึ้นมาจากความว่างเปล่าเมื่อไม่กี่วินาทีก่อน
“แย่แล้ว เขาไม่รอดแน่…”
ชายวัยกลางคนถอนหายใจ สีหน้าของเขามีแต่ความหม่นหมอง นัยน์ตาสั่นระริกแต่มันก็ดูเหมือนเกิดจากความกลัวมากกว่าความเศร้า
ชายวัยกลางคนสวมชุดเกราะสีฟ้าและมีภาพพยัคฆ์พิมพ์เอาไว้ นอกเหนือจากชุดเกราะที่ดูน่ากลัวมันก็ดูเสียหายและผุพัง
“เขาอยู่ในขีดอันตรายตั้งแต่ที่เจอตัว มันคุ้มค่าแล้วรึที่ต้องดูแลเด็กที่เจ้าไม่ได้มีสายสัมพันธ์ด้วยเลยขนาดนี้ เกร?”
ชายวัยกลางคนอีกคนที่สวมชุดเกราะแบบเดียวกันถาม
“ข้าเป็นคนอุ้มเขามาตามอำเภอใจ และข้าก็ควรเป็นคนที่ดูแลเขา หุบปากซะ เมล”
เกรสวนกลับ
เส้นผมแดงปรกหน้าทำให้เห็นดวงตาเพียงข้างเดียว เขามีสีหน้าหงุดหงิดและทำให้สีหน้าของเมลเหยเกในทันที
“ก็ใช่น่ะสิ! ข้าเบื่อคุณธรรมของเจ้ามามากพอแล้วเกร เจ้าไม่ทำสิ่งที่ผู้นำควรจะทำด้วยซ้ำ ที่เจ้าทำก็แค่ดูแลเด็กนั่น เด็กนั่นเป็นลูกเมียน้อยเจ้ารึไง?!”
เมลตะโกนด้วยความโกรธ
แต่ถึงอย่างไร สำหรับเกร เมลแค่อดทนไม่ได้ที่จะก่อเรื่องอีกครั้ง
สายตาเกรเย็นชาลงเล็กน้อย เขาชักดาบออกมาจากฝัก ใบดาบสะท้อนกับแสงอาทิตย์
“เมล ข้ารู้ว่าเจ้าไม่พอใจข้า หยุดจับผิดข้าครั้งแล้วครั้งเล่าเถอะ ถ้าเจ้ากล้าก็มาจบเรื่องนี้กัน”
“คิดว่าข้ากลัวเจ้าเรอะ? ข้าจะแสดงให้เห็นว่าใครจะได้ตำแหน่งหัวหน้าหลังจากหัวหน้าเกษียณจากทหารรับจ้างพยัคฆ์คราม!”
เมลเองก็ชักดาบออกมาตั้งท่าต่อสู้เช่นกัน
เมื่อเห็นเมลตอบรับการต่อสู้ทางอ้อม เกรก็กระโดนไปด้วยพลังที่เหลือเชื่อจากพลังบ่มเพาะของเขา เขาสร้างแสงสว่างจ้าด้วยดาบและปกคลุมทั่วพื้นที่ด้วยแสงสว่างทันที
‘อะรไกัน!? วิชาต่อสู้ใหม่เรอะ?’
เมลตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะ
เขาเกือบจะฉี่ราดเมื่อการมองเห็นถูกขัดขวางด้วยแสง เขาไม่ขยับตัวเพราะมองอะไรไม่เห็นเมื่อดวงตาบอดพร่าและเจ็บปวดที่ดวงตาเพราะแสงสว่าง
และในชั่วขณะเวลานี้เอง แสงประหลาดที่หม่นลงจากแสดงสว่างของวิชาดาบก็ได้พุ่งมาใส่เด็กที่เพิ่งจะหยุดหายใจไป
ทั้งคู่ต่อสู้กันอย่างดุเดือดจึงไม่ทันเห็นปรากฏการณ์ประหลาดนี้
เมลลืมตาขึ้นและได้เห็นดาบที่จ่อคอ เขารู้สึกได้ถึงชีวิตที่หลุดลอยไปจากมือหรือพูดว่าคอคงดีกว่า เขาเริ่มตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ด้วยความกลัวตาย เขาปากสั่นเพราะอยากจะพูดแต่ทำไม่ได้
“ข้าคิดว่าข้าทนเจ้ามามากพอแล้วล่ะ ไอ้เวรเอ้ย…”
เกรพูดอย่างเย็นชา แขนของเขาขยับและในทันทีที่เขากำลังจะสะบั้นศีรษะของเมล เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นให้เขาหยุด
“ช้าก่อน!”
“ชิ หัวหน้าเรอะ…”
เกรพึมพำและถอยกลับ
นี่เป็นเวลาสำคัญ และเขาไม่มีเวลาจะมายุ่งกับเมลหรือหัวหน้าเลย
ในขณะเดียวกัน เทียนหลงที่ได้เข้าสู่ร่างของเด็กก็เริ่มรู้สึกอบอุ่นแต่สับสนในเวลาเดียวกัน เทียนหลงนั้นไม่พบการต่อต้านเมื่อเข้าสู่ร่างกายนี้เลย ราวกับว่าดวงวิญญาณของเด็กไม่ได้อยู่ในร่างกายนี้มาตั้งแต่แรก
แต่เขารู้สึกอ่อนแออย่างมาก และในขณะเดียวกันที่ภายใน ความอบอุ่นก็ได้แผ่เข้ามาทำให้เขาสบายกายขึ้น
‘ศิลาข้ามโลกกำลังฟื้นฟูร่างอ่อนแอของเด็กนี่รึ?’
ในเวลาเดียวกัน เทียนหลงมิอาจเชื่อว่าร่างของเด็กจะกลายเป็นร่างกายของเขาแล้ว! มันเป็นเรื่องเพ้อฝันที่แม้แต่เขาก็รู้สึกสับสนมันจากความเป็นจริงไปชั่วขณะ!
แต่เขายังคงคิดอ่านได้อย่างดีแม้จะเจอกับเรื่องเหนือจริงเช่นนี้
“ฮ่าฮ่า ข้ารอดแล้ว! รอดแล้ว! หัวหน้า เกรคิดจะฆ่าข้าจริง ๆ ฆ่ามันเลย! มันเป็นคนทรยศ!”
เมลตะโกนออกมาด้วยความดีใจและใส่ร้ายเกรโดยไม่สนใจภาพลักษณ์ของตัวเองแม้แต่น้อย ราวกับว่าเขาบ้าคลั่งไปชั่วขณะ
“อย่างนั้นรึ?”
หัวหน้าเดินมาหาเมลที่กำลังตะโกนอย่างน่าสมเพช
เพียงแค่ตอนที่เมลคิดว่าเขาจะได้แก้แค้น หมัดก็ปะทะกับใบหน้าทำให้เขาเบิกตากว้าง!
*ตู้ม~*
หัวหน้าชกหน้าเขาอย่างไม่ออมแรงแม้แต่น้อย
แก้มของเมลเป็นรอยกำปั้นและตัวเขากระเด็นไปสองเมตรกระแทกกับกำแพง กำแพงไม่ได้พังและแบกร่างของเมลเอาไว้
เกรกระพริบตาเพราะไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เขาสับสนว่าทำไมหัวหน้าถึงไม่ปกป้องเมลในคราวนี้
“ทำไมกัน!?”
เมลที่ฝังอยู่ในกำแพงพูดด้วยความงุนงงขณะที่เจ็บปวดจนรู้สึกอัปยศ
“เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้แผนของเจ้าเรอะ? ต้องให้ข้าบอกเจ้ากี่ครั้งว่าอย่าไปยุ่งกับเกร?”
หัวหน้าเดินไปที่เมลและหันมามองเกร
“เกร ยกโทษให้หลานเมลข้าด้วยเถอะ มันจะไม่ทำแบบนี้อีก และข้าจะลงโทษมันด้วยตัวเอง”
เขาโค้งศีรษะเล็กน้อย
เกรพยักหน้าและไม่พูดอะไร เขาเพียงแค่แบกรับความยากลำบากและพยายามสุดความสามารถในตอนนี้ แต่สถานการณ์กำลังสิ้นหวังมานาน ด้วยสภาพของเด็กที่อ่อนแอตลอดหลายปีที่ผ่านมา
หัวหน้าถอนหายใจก่อนจะคิดอะไรได้
“ว่าแต่ว่า เจ้าเห็นแสงส่องสว่างแถวนี้บ้างหรือไม่?”
“ที่มันสว่างที่นี่ก็มีแต่ดาบข้า…”
เกรพูดในคอ
“ไม่ใ…เอาเถอะ”
หัวหน้าหยุดพูด เขาคิดว่าเขาเจอสมบัติและไม่เต็มใจจะบอกคนอื่น
เทียนหลงที่สิงร่างใหม่เริ่มเหงื่อออกเมื่อได้ฟังที่พวกเขาคุยกัน ไม่ใช่เพราะหัวหน้าพูดถึงแสงสว่างแต่เป็นเพราะเขาไม่เข้าใจสิ่งที่ทุกคนคุยกันเลย
‘โชคชะตาอะไรกันเนี่ย? มีคนอ่อนแออายุต่ำกว่ายี่สิบปีตั้งเยอะ ทำไมถึงเป็นเด็กนี่ล่ะ? แบบนี้ดูแลตัวเองยังไม่ได้เลย ตายแล้ว!’
เทียนหลงทำหน้าหมดอาลัย
เขาเงยหน้ามองท้องฟ้าที่มีเมฆครึ้มไม่ต่างกับโชคชะตาที่หม่นหมองของเขาอย่างเคย แสงตะวันน้อยนิดที่ทอดลงมาบนใบหน้าของเขามิอาจสร้างความอบอุ่นได้เลย
ในตอนนั้นเขาก็ทำหน้ามุ่งมั่นที่จะอยู่รอดให้ได้ในโลกใบนี้ซึ่งนับว่าน่ารักสำหรับใบหน้าของเด็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องรอเวลาห้านาที เขาได้แต่รอ
แม้ว่าบันทึกมรณะจะสลายไปแล้ว ความเสียหายกับดวงวิญญาณของเขาก็เกิดขึ้นไปแล้วด้วย เขายังคงสงสัยว่าเขาจะอยู่รอดหลังจากผ่านเวลาห้านาทีไปหรือไม่
เกรหันมาและเดินกลับมายังเด็กที่นอนหงายอยู่ เขาอึ้งในทันทีที่เห็นเด็กตื่นขึ้นมา!
“เจ้าหนู! ได้ยินข้ารึเปล่า? เจ้าไม่เป็นอะไรแล้วงรึ?”
เกรตะโกนด้วยความตื่นเต้น เขาคุกเข่าข้างตัวเด็ก
“ใจเย็นก่อนเกร เขาเป็นแค่เด็กที่อยู่ในขีดอันตรายตั้งแต่ที่เจ้าเจอ เจ้าคิดว่าเขาจะพูดได้รึ?”
หัวหน้าหัวเราะเบา ๆ
“อ๊ะ จริงด้วย ข้าดีใจจนลืมตัว ขอโทษที…”
เกรตอบด้วยความเขินอายเล็กน้อย
“เอาล่ะ ดูแลเด็กนั่นไป ข้ามีเรื่องต้องทำ…”
หัวหน้าบอกลาและเดินจากไป เขาตาเป็นประกายและเดินทั่วไปซ้ายทีขวาทีเพื่อมองหาต้นกำเนิดแสงที่เห็น
‘เจ้าพวกบ้านี่พูดอะไรกัน? ไม่เห็นจะเข้าใจเลย…นี่มันภาษาบ้าอะไรเนี่ย?’
เทียนหลงใจเย็นลงก็เมื่อเขาพยายามจะคิดถึงสถานการณ์ตอนนี้
‘แล้วที่จริง นี่มันที่ไหนแล้วเด็กคนนี้คือใคร?’
เขามองชายวัยกลางคนที่ดูเป็นห่วงเป็นใยเขา
‘หรือว่าเจ้านี่จะเป็น…พ่อของเด็กคนนี้?’
ในตอนนั้นเอง ที่กลางระหว่างติ้วของเทียนหลงก็เริ่มเจ็บแปลบอย่างรุนแรง
“อ๊ากกกกก!”
“เจ้าหนู! เจ้าเป็นอะไร?”
เกรตื่นตระหนกเมื่อมองเด็กที่ตะโกนด้วยความเจ็บปวด
“ไม่นะ!”
เขารู้สึกว่าร่างกายกำลังเย็นลง!
‘ของดำ ๆ ตรงหน้าเรานี่มันอะไร?’
เทียนหลงเห็นภาพน่ากลัวตรงหน้า ภาพของเขาดับหายไปและกลายเป็นความดำสนิทราวกับไม่เหลือแสงจากที่ใดเลย แต่ต่อมาความดำสนิทก็กลายเป็นความผิดปกติในสิ่งที่เขาเห็น
แต่มันเป็นความผิดปกติในแบบที่คุ้นเคยถ้าเขาจะพูด…
เทียนหลงกรีดร้องอย่างทุกข์ทรมานและใช้มือจับศีรษะจนกระทั่งหมดสติไปเพราะความเจ็บปวดรุนแรง
เกรที่แตกตื่นเริ่มหวาดกลัวในทันทีที่เห็นว่าเด็กหยุดดิ้นรน เขาดูชีพจรและถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“เขาแค่สลบไป ขอบคุณจริง ๆ …บางทีอาจจะแค่กลัวหน้าข้าก็ได้…นั่นก็สมเหตุสมผล ยังไงนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นเขาลืมตา…”
‘เจ้าเด็กนี่ชอบแขวนข้าไว้บนเส้นด้ายเสียจริง’
เขาหัวเราะแห้ง ๆ และถอนหายใจเมื่อคิดถึงความยากลำบากที่เขาเผชิญมาถึงตอนนี้
‘นี่ก็เกือบถึงวันเกิดรอบที่สามของเด็กนี่แล้ว ดีจริง ๆ ที่เขาตื่นมาก่อน ไม่งั้นข้าคงโดนบั่นคอแน่…’
เกรขอบคุณสวรรค์เมื่อรู้สึกถึงความบังเอิญ
เขาแบกเทียนหลงไปที่ห้องของเขาและจัดให้เทียนหลงนอนบนเตียงของเขาเอง จากนั้นเขาก็นั่งหน้าโต๊ะและเขียนจดหมายอย่างไร้คำผิด ตลอดด้วยรูปแบบที่คล้ายกับผนึกลับที่ออกแบบมาอย่างดี
เขายืนข้างหน้าต่างและผิวปาก นกพิราบงดงามตัวหนึ่งบินผ่านหน้าต่างและยืนบนไหล่เกร ดวงตาของมันเฉียบคมและดูน่ากลัวถ้าเทียบกับขนาดตัวที่เล็กของมัน
เกรผูกจดหมายกับขาพิราบ จากนั้นมันก็บินออกไปจากไหลเขาไปสู่จุดหมายที่เขาตั้งใจไว้
‘ดีจริง ๆ ในที่สุดภารกิจของข้าก็เกือบจบลงแล้ว…ถ้าหากทุกอย่างราบรื่น ข้าเดานะ..’
เกรได้เผชิญกับความยากลำบากมามากเกินไปแล้วเป็นเวลาเกินสองปีที่ผ่านมานี้ เขาใช้เงินทั้งหมดที่มีดูแลเด็กคนนี้ทำให้เขายากจนเสียยิ่งกว่าขอทาน
เขาไม่มีทางเลือกนอกจากเข้าร่วมกลุ่มทหารรับจ้างเพื่อดูแลเด็กคนนี้และเลี้ยงตัวเอง
“เกือบสามปีแล้วตั้งแต่ที่ข้าออกจากอาณาจักร หวังว่ากระแสนั้นจะข้ามไปแล้ว มิเช่นนั้นเราทั้งคู่คงต้องตาย”
เขาหัวเราะแห้ง ๆ อีกครั้งและนอนแผ่กับพื้น ดวงตาหลับสนิทราวกับคนตาย แต่เขาก็ปล่อยเสียงกรนออกมาในเวลาไม่กี่วินาที
นี่เป็นครั้งแรกหลังจากที่เกรได้รับภารกิจมาและได้หลับอย่างเป็นสุข