ตอนที่ 14-21 ชุลมุนวุ่นวาย
ทางเดินขึ้นเต็มไปด้วยหมอกชมพูและมีสิ่งที่ซ่อนรออยู่ข้างหน้าพวกเขา
“แครก...”
ชุดธาตุดินที่คลุมตัวลินลี่ย์เพียงแต่ครอบคลุมร่างเกือบทั้งหมดอย่างไรก็ตามในตอนนี้มือของลินลี่ย์ก็คลุมไปด้วยชั้นพลังสีเหลืองด้วยเช่นกัน คอของเขาและแม้แต่หน้าของเก็ยังคลุมไปด้วยเยื่อชั้นพลังสีเหลืองดินเช่นกัน
นี่เป็นส่วนของเกราะชีพจรป้องกันของเขาทั้งหมด
มีเพียงจุดเปิดเผยเพียงจุดเดียวก็คือดวงตาของเขา
ไม่เพียงแต่ลินลี่ย์เท่านั้นหลังจากถูกธนูลอบยิงโจมตี เทพแท้ทั้งหมดในกลุ่มของลินลี่ย์เข้าใจว่าเมื่อธนูเหล่านั้นยิงออกมาหนาแน่นจะครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด นอกจากนี้ยิงมาด้วยความเร็วสูงมากจนไม่มีเวลาตั้งตัวแม้แต่น้อย
แน่นอนว่าเงื่อนไขเดียวก็คือปกป้องทั้งตัว!
หัวแขน ขา คอ... ทั่วทั้งร่างต้องได้รับการปกป้อง!
แม้ว่าในกลุ่มจะมีคนเกินแปดสิบคน แต่ทุกคนคืบหน้าผ่านไปตามระเบียงเงียบๆโดยไม่ได้ส่งเสียงแม้แต่น้อย มีแต่เสียงที่น่าหงุดหงิดของแคลมป์ตันดังขึ้นเป็นครั้งคราว ‘ไปข้างหน้าเร็วๆ เข้า!” แต่เสียงตะคอกของเขาดังก้องไปทั้งทางเดิน ทำให้ทั้งปราสาทดูเหมือนจะมีแต่ความเงียบ
“อ๊า...” เสียงร้องโหยหวนหลายเสียงดังขึ้นพร้อมกัน ขณะเดียวกันจากที่ไกลมีเสียงตะโกนกร้าวสาปแช่งด้วยความโกรธดังขึ้นให้ได้ยิน
กลุ่มของลินลี่ย์อดหยุดเดินหน้าไม่ได้
“กลุ่มอื่นก็ยังถูกลอบทำร้ายเช่นกัน” ทุกคนเข้าใจ
“งั้นนี่คือวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของเจ้าปราสาทที่ปล่อยหมอกพิษนี้สินะ” ตอนนี้ลินลี่ย์เข้าใจ เพราะหมอกชมพูมีอยู่ทั่วทุกที่ ลินลี่ย์และคนอื่นไม่กล้าใช้สำนึกเทพของพวกเขาค้นหา ที่สำคัญถ้าหมอกชมพูปนเปื้อนกับวิญญาณแม้แต่เล็กน้อย ก็จะส่งผลทันที
ต่อให้พวกเขาไม่บ้าแต่ประสิทธิภาพในการสู้รบของพวกเขาลดลง
กลุ่มของลินลี่ย์ไม่กล้าใช้สำนึกเทพของพวกเขา และศัตรูก็ไม่ใช่เหมือนกัน อย่างไรก็ตาม ศัตรูคุ้นเคยกับพื้นที่ในปราสาทมากกว่า และเป็นไปได้ที่พวกเขากำลังนอนรออยู่ในพื้นที่ลับนี่ทำให้ฝ่ายลินลี่ย์เสียเปรียบอย่างสิ้นเชิง
“พวกเจ้าที่อยู่ข้างหน้ารีบด้วย!” เสียงตะคอกดังมาจากอสูรที่อยู่ด้านหลัง “เกิดอะไรขึ้นกับพวกเจ้ากันแน่? หรือว่ากลัวจนแข้งขาอ่อนหมดแล้ว?”
กลุ่มคนที่อยู่ข้างหน้าโกรธจัด ด้านหน้าของกลุ่มคือพื้นที่อันตรายที่สุด และพวกเขาถูกเร่งให้เพิ่มความเร็ว? นี่เท่ากับบังคับให้พวกเขาไปตายหรือเปล่า? แต่พวกเขาไม่กล้าขัดขืนพวกอสูร ที่สำคัญอสูรที่อยู่ในภารกิจนี้ล้วนเป็นเทพชั้นสูง
“ถึงทางเลี้ยวแล้ว!”
กลุ่มเดินมาถึงทางเลี้ยวที่ระเบียงทางเดินและพวกเขาทุกคนเดินไปในทางเลี้ยวต่างๆ
ทหารชุดทองสิบคนที่หมอบซ่อนอยู่ในความมืดเหนี่ยวธนูรออยู่แล้ว
“เกี่ยวกับเวลา พวกเขาเลี้ยวไปแล้ว!” หัวหน้ากลุ่มทหารชุดทองพูดเบาๆ “ทุกคนเตรียมโจมตี!”
“เข้าใจแล้วหัวหน้า” ดวงตาของทหารชุดทองฉายประกาย พวกเขาถือธนูเตรียมพร้อมยิง ธนูห้าดอกอยู่ในมือของพวกเขา พวกเขาจะยิงธนูครั้งละห้าดอก สำหรับทหารชุดทองเหล่านี้แม้ว่าจะคำนวณได้ถูกต้อง อย่างไรก็ตาม..
พวกเขาต้องยิงสุ่มโดยมองไม่เห็นเพราะระเบียงทางเดินเป็นแนวตรง แน่นอนว่าทั้งหมดที่พวกเขาต้องทำก็คือยิงเป็นแนวตรง
“พวกเจ้ารู้สึกแย่มากจริงๆ” หัวหน้าใช้เพียงธนูดอกเดียว
“ใครก็ตามที่โดนธนูของท่านหัวหน้ายิงใส่ จะต้องตายอย่างแน่นอน”
หัวหน้าหน่วยหัวเราะอย่างใจเย็น
ความจริงตามรายงานข่าวกรองของปราสาทอสูรไม่ได้แม่นยำเสียทีเดียว ปราสาททะเลสาบจันทราพวกทหารชุดดำทั้งหมดเป็นเทพชั้นสูงที่ทรงพลัง เรื่องนั้นก็จริง แต่ทหารชุดทอง...
พวกเขาไม่ใช่เทพแท้ทั้งหมด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งส่วนใหญ่ของพวกเขาเป็นเทพแท้ ขณะที่มีส่วนน้อยที่เป็นเทพชั้นสูง พวกเขาไม่ได้เป็นทหารชุดดำเพราะพวกเขาถูกส่งไปเป็นหัวหน้าหน่วยของทหารชุดทอง
ทหารชุดทองในทางกลับกันมีเพียงสองระดับ สมาชิกธรรมดาและหัวหน้ากลุ่ม กล่าวโดยทั่วไปกลุ่มหัวหน้าจะฟังคำสั่งทหารชุดดำ ทหารชุดดำทั้งสิบจะรับผิดชอบดูแลทหารชุดทองทั้งหมดหัวหน้าของกลุ่มทหารชุดทองผู้หมอบรอลอบโจมตีกลุ่มของลินลี่ย์เป็นเทพชั้นสูง!
อย่างไรก็ตามเขาเป็นผู้กลายเป็นเทพผ่านการหลอมรวมกับประกายศักดิ์สิทธิ์
“หลังจากข้าเปิดม่านผนังแล้ว ฟังสัญญาณจากข้าจากนั้นยิงทันที
“ควั่บ!” ทันใดนั้นในความมืดผนังหินเปิดออกอย่างรวดเร็วราวสายฟ้าทันทีมองเห็นทหารชุดทองสิบคนซ่อนอยู่ด้านหลัง
แต่เพราะหมอกชมพูอำพรางไว้ กลุ่มของลินลี่ย์จึงไม่รู้ว่าที่ท้ายระเบียงทางเดินมีทหารชุดทองสิบคน
บุรุษชุดทองจ้องผ่านหมอกชมพูข้างหน้าอย่างเย็นชา
“ยิง!” หัวหน้าหน่วยสั่งผ่านสำนึกเทพกับพวกเขาทั้งหมด เพราะเขาเป็นคนเปิดผนังหิน เขาจึงเป็นคนสุดท้ายที่จะยิง
“ควั่บ!” “ควั่บ!” “ควั่บ!” .....
ทันใดนั้นธนูหกสิบดอกพุ่งออกมาเหมือนกับพายุฝนครอบคลุมไปทั้งทางเดินทันทีที่พวกเขายิงเสร็จ ผนังหินก็ปิดลงทันที จากด้านนอกไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าผนังหินนี้มีการเคลื่อนไหว
กลุ่มของลินลี่ย์ตอนนี้เดินไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง
ลินลี่ย์จ้องมองอย่างระมัดระวังแต่ทันใดนั้นม่านตาของลินลี่ย์หดแคบและสีหน้าของเขาเปลี่ยน....
ห่าธนูหนาแน่นกำลังพุ่งแหวกอากาศใส่ลินลี่ย์และกลุ่มคนข้างหน้าอย่างไร้ความปราณีและผ่านช่องว่างไปถึงคนด้านหลัง ธนูเหล่านี้ดูเหมือนยิงออกมาอย่างรวดเร็ว และบางครั้งลินลี่ย์และพวกก็มองเห็นลูกธนู มีระยะห่างเพียงไม่กี่สิบเมตร
ระยะห่างไม่กี่สิบเมตรไม่เพียงพอให้ลินลี่ย์และพวกพ้องได้หลบทันเวลา
“เดเลีย!”
ในช่วงเวลาสั้นๆลินลี่ย์ทำได้แต่เพียงเคลื่อนไหวครั้งเดียวเขาเหยียดแขนพยายามบังอยู่ด้านหน้าเดเลียป้องกันนางจากลูกธนู
“ฉึก!” “ฉึก!”
แม้ว่าลินลี่ย์จะไม่ใช่คนแรกที่อยู่ด้านหน้าแต่ธนูสองดอกก็พุ่งใส่ร่างของเขา ธนูกระทบใส่ร่างของลินลี่ย์เหมือนกับสายฟ้า แต่ชุดธาตุดินบนตัวลินลี่ย์เปล่งระลอกพลังเทพนับไม่ถ้วนและสลายพลังของลูกธนูได้ทันที
บีบีก็ถูกธนูยิงใส่ดอกหนึ่งด้วยเช่นกัน
“แคล้ง!”เสียงโลหะกระทบดังขึ้นสามารถได้ยินได้ และธนูที่ยิงมาระเบิดและแตกเป็นชิ้นๆ ร่วงลงพื้น
“อ่อนเกินไป” บีบีหัวเราะดีใจ
“เราปลอดภัยกันหมด” ลินลี่ย์สามารถบอกได้ทันทีว่าเดเลียและบีบีปลอดภัยทั้งคู่ เขารู้สึกโล่งใจไม่ได้
แต่หลังจากนั้นหน้าของลินลี่ย์ก็เปลี่ยนไปทันที ในสายตาของเขาเขาเห็นธนูที่น่ากลัวดอกหนึ่งยิงมาแต่ไกล!
“มีธนูอีกดอกกำลังพุ่งมาถึง!”
นี่คือธนูซึ่งถูกยิงออกมาเป็นดอกสุดท้าย!
แต่นี่เป็นธนูที่น่ากลัวที่สุด ธนูของเทพชั้นสูง! ธนูสังหารเทพเปล่งพลังที่น่ากลัวขณะพุ่งตัดอากาศแหวกมิติทำให้มิติเป็นระลอก ทำให้ลินลี่ย์ไม่มีโอกาสตั้งตัวขณะที่มันปะทะโดยตรงเข้าที่หน้าอกของลินลี่ย์
“ปัง!”
พลังทะลุทะลวงของธนูดอกนี้รุนแรงมาก แม้แต่ระลอกพลังนับไม่ถ้วนของพลังเทพของเขาพยายามจะลดสลายพลังโจมตีทะลุทะลวง แต่ในที่สุดพลังทะลุทะลวงก็ทะลุผ่านไปได้
“อ๊า!” ลินลี่ย์คุกเข่ากับพื้นข้างหนึ่งอย่างไร้พลัง
บีบีที่เก็บรวบรวมศพที่อยู่ใกล้ๆหันขวับทันที สีหน้าของเขาเปลี่ยน “พี่ใหญ่!” เดเลียที่เพิ่งจะถอนหายใจโล่งอกตกใจทันที
“ฮึ่ม.. ในที่สุด..ก็ตายหรือเปล่า?” ที่ด้านหลังของหน่วยเจ้าโล้นแคลมป์ตันจ้องมองลินลี่ย์ตลอดเวลา เมื่อเขาเห็นลินลี่ย์คุกเข่าข้างหนึ่ง ใบหน้าของเขามีรอยยิ้ม “ข้าไม่ต้องฆ่าเจ้า ก็มีคนอื่นฆ่าเจ้าฮ่าฮ่า...”
เขาตื่นเต้นดีใจ
ตัวธนูเองไม่น่ากลัว สิ่งที่น่ากลัวอย่างแท้จริงก็คือพิษที่อาบอยู่บนลูกธนู
กระแสพลังสีเทาเข้าโจมตีสมองของลินลี่ย์พลังทะลุทะลวงตรงเข้าหาวิญญาณของลินลี่ย์!
“ปัง!”
มันปะทะกับเยื่อพลังใสอย่างรุนแรง เยื่อพลังเกล็ดใสก็คือสมบัติมหาเทพสำหรับป้องกันวิญญาณ นอกจากจะเข้าไปถึงแล้ว ส่วนอื่นๆของพลังป้องกันไม่ได้เสียหายและกระแสพลังงานทะลุทะลวงสีเทาก็เหือดหายไปมากกว่าครึ่งจากการปะทะกัน
พลังงานสีเทาที่ยังเหลือเหมือนกับว่ามันมีจิตใจเป็นของตนเองซึ่งรู้ว่าเยื่อพลังโปร่งใสยากจะรับมือได้ ทันใดนั้นมันแตกกระจายกลายเป็นจุดแสงสีเทาซึ่งครอบคลุมเยื่อพลังไว้ ตามธรรมดาพลังที่รุกล้ำเข้ามาจะถูกลินลี่ย์ใช้พลังจิตปิดคลุมไว้เหมือนเป็นผ้าพันแผล
“นี่มันอะไรกัน?” ลินลี่ย์ตกใจ เขารู้สึกว่าจุดสีเทามีจิตใจ
“ควั่บ!”
ทันใดนั้นจุดสีเทาทั้งหมดเหมือนกับพบว่าผ้าพันแผลนั้นอ่อนแอและเริ่มโจมตีผ้าพันแผลอย่างบ้าคลั่งทันที ส่วนที่เหลือของพลังทั้งหมดเริ่มรุกล้ำเข้าไปในทะเลจิตสำนึกของลินลี่ย์
ขณะนั้นเอง...
จุดสีเทาหลายจุดแบ่งออกเป็นสาม จุดสีเทาอ่อนเหล่านี้บุกเข้าโจมตีประกายเทพของลินลี่ย์ร่างแยกธาตุลม และร่างหลักของเขาทันที
“มันโจมตีวิญญาณของข้าพร้อมกัน!” ลินลี่ย์ตกใจหนัก
แต่แม้ว่าเขาจะตกใจแต่ลินลี่ย์ยังคงควบคุมพลังจิตในทะเลจิตสำนึกสร้างชีพจรป้องกัน! ระลอกพลังจิตมหาศาลปะทะกับจุดแสงสีเทา ครู่ต่อมา จุดสีเทาทั้งหมดก็ดับไปขณะที่พลังจิตของลินลี่ย์ใช้หมดไปกว่าครึ่งเช่นกัน
“นั่นอันตรายมากจริงๆ”
ตอนนี้ลินลี่ย์ถอนหายใจโล่งอก
“พี่ใหญ่ พี่ใหญ่!”
“ลินลี่ย์! ลินลี่ย์!” เดเลียและบีบีอยู่ข้างเขาทั้งคู่และร้องเรียกเขาเบาๆ
แม้ว่าจะใช้เวลาอธิบายกันยาวนานเกี่ยวกับพิษที่เข้าสู่ร่างกายของเขา แต่ความจริงสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเวลาเพียงหนึ่งหรือสองวินาทีหลังจากนั้นลินลี่ย์ก็ลืมตา
“ข้าไม่เป็นไร” ลินลี่ย์ยิ้มให้พวกเขา
เพียงแต่ตอนนี้เดเลียและบีบีจึงได้ถอนหายใจโล่งอก อย่างไรก็ตามลินลี่ย์รู้สึกไม่สบายใจ “พิษนั่นน่ากลัวจริงๆ มิน่าเล่าสมาชิกที่ปราสาทเรดบุดจึงบอกว่าธนูสังหารเทพนี้สามารถฆ่าเทพแท้ได้เกือบทั้งหมด แปลกประหลาดเกินไป น่ากลัวเกินไป”
ขณะที่ลินลี่ย์เห็นอยู่นั้นพิษของธนูสังหารเทพมีเจตจำนงเป็นของตนเอง
แม้ว่ามันจะไม่สามารถคิดได้จริงๆ แต่มันมีความสามารถหลบจุดแข็งและแสวงหาจุดอ่อนได้
“อย่างไรก็ตาม สำหรับพิษนี้ วิญญาณมีพลังดึงดูดมันอย่างทรงพลัง” ลินลี่ย์รู้เรื่องนี้เพราะว่าพิษสามารถคิดได้ มันจะเพ่งความพยายามไปที่การทำลายวิญญาณดวงหนึ่ง แต่พิษนี้ไม่ทำอย่างนั้น มันพยายามโจมตีวิญญาณทั้งสามของลินลี่ย์พร้อมกัน!”
“เขายังไม่ตายอีกหรือ?” แคลมป์ตันที่ด้านหลังของกลุ่มเห็นลินลี่ย์ยืนขึ้นอีก เขาอดถลึงตามองไม่ได้และจากนั้นหน้าของเขาดูดุร้าย “ฮึ่ม...เขารอดชีวิตได้อีกครั้ง ข้าต้องการดูนักว่าเขายังจะรอดไปได้อีกกี่ครั้ง ต่อให้เจ้ารอดพลังโจมตีวิญญาณของธนูสังหารเทพ ข้าคิดว่าเจ้าคงใช้พลังจิตไปจนเกือบหมดสิ้น”
“เร็วเข้า!” แคลมป์ตันตะโกนอีกครั้ง
คราวนี้คนในหน่วยตายไปราวๆ สิบคน หลังจากถูกลอบทำร้ายสองครั้งมีเทพแท้เหลืออยู่เพียงหกสิบ กลุ่มลินลี่ย์สามคนในตอนนี้อยู่หน้าสุดของหน่วย
“พี่ใหญ่, เราไม่อาจปล่อยไปอย่างนี้ได้อีก” บีบีเริ่มกังวล
“ข้ารู้” ลินลี่ย์เข้าใจเรื่องนี้ดี
ใครจะรู้ว่าศัตรูวางแผนจะใช้กลอุบายอะไรอีก? ถ้าพวกเขายังคงอยู่ในสถานการณ์อย่างนี้ที่ทำได้แต่เพียงป้องกัน ในไม่ช้าเมื่อการป้องกันของพวกเขาไม่สามารถรับมือได้อีกต่อไปพวกเขาจบสิ้นแน่
“เราอยู่ที่ชั้นสามแล้ว!” กลุ่มของลินลี่ย์เริ่มนำลงบันได
“ทุกคน, ระวังให้ดี” เทพแท้คนหนึ่งร้องขึ้น “ชั้นที่สามจะต้องอันตรายมากกว่าชั้นที่สองแน่นอน”
ในห้องกว้างใหญ่บนชั้นที่สามของปราสาททหารชุดทองเดินเข้ามาจากด้านบนผ่านประตูลับ
“เจ้านายของเราโหดจริงๆ ในครั้งนี้ เขาเอาโกเลมมัจจุราชออกมาใช้ด้วย” ทหารชุดทองตื่นเต้นมาก
“แต่เรามีโกเลมมัจจุราชทั้งหมดแค่ยี่สิบตัวเท่านั้น หน่วยของเราโชคดีมากแล้วที่มีอยู่ตัวหนึ่ง”
หัวหน้าหน่วยชุดทองหัวเราะอย่างใจเย็น “อีริค, เจ้าสามารถควบคุมโกเลมมัจจุราชได้ ข้าไม่ต้องการมัน!” ที่สำคัญคือหัวหน้าหน่วยชุดทองเป็นเทพชั้นสูง แม้ว่าโกเลมมัจจุราชจะทรงพลังมากแต่ก็เพียงเสมอกับเขา
ชั้นที่สามใหญ่โตมาก และชั้นของปราสาทก็ดูยุ่งเหยิงมาก จนเมื่อคนหนึ่งเดินเขาอาจจะลืมเส้นทางที่เดินมาก็ได้ พวกเขาได้แต่เลือกเดินสุ่มๆ
“เราไม่อาจปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้!” ลินลี่ย์เดินช้าๆแต่ข้างหน้ามีแต่หมอกสีชมพู ไม่มีใครรู้ว่าจะมีอะไรปรากฏข้างหน้า
ทันใดนั้น...
“หยุดนะ!”เสียงดังลั่นตะโกนออกมา
“พี่น้อง, หนี!”
จู่ๆเสียงดังสับสนที่สามารถได้ยินมาจากทุกที่ในปราสาทคนในกลุ่มของลินลี่ย์กว่าหกสิบคนตะลึงกันหมด
แววดีใจปรากฏอยู่ในใบหน้าลินลี่ย์
ลินลี่ย์แผ่สำนึกเทพคลุมคนสี่สิบถึงห้าสิบคนข้างหน้าเขา “พี่น้อง, ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปเราจะตายกันหมด เราต้องแยกย้ายกระจายตัวกันหนี วิธีนั้น เราจะไม่ถูกจับและถูกคนในปราสาทฆ่ากวาดล้าง!”
“พี่น้อง, หนี!” จู่ๆ ลินลี่ย์ตะโกนเสียงดังทันที
ในขณะเดียวกันเทพแท้ทุกคนเหมือนกับผ่านการฝึกฝนมาด้วยกัน ต่างรีบหนีเข้าไปในห้องใกล้ๆ ทันทีหรือเข้าลึกไปในหมอกชมพูตามทางผ่าน
ในพริบตาเดียว!
เทพแท้มากกว่าหกสิบคนเผ่นหนีหายไปหมด
อสูรสามคนในกลุ่มของแคลมป์ตันได้แต่ตะลึง
“เรา...เราควรจะไล่ตามใครดี?” แคลมป์ตันหันไปมองอสูรอีกสองคนข้างตัวเขา
“ตามตูดข้ามาสิโว้ย!” อสูรคนหนึ่งสบถด่า