ตอนที่แล้วตอนที่14-11 ชั้นที่สาม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 14-13 ตั้งใจก่อเหตุรุนแรง?

ตอนที่ 14-12 กลั่นกรองได้ในทันที


หลังจากเดินผ่านไปตามระเบียงทางเดินกลุ่มของลินลี่ย์เดินมาถึงโถงใหญ่อีกฝั่งหนึ่งของชั้นสามปราสาทเรดบุดที่นี่มีการจัดแสดงสินค้ามากมาย ในโถงนี้มีผู้คนมากมายขึ้นอย่างเห็นได้ชัดส่วนใหญ่เดินกันเป็นกลุ่มสามถึงห้าคนซึ่งเดินไปตามร้านขายแต่ละร้านตรวจสอบสิ่งของอย่างระมัดระวัง

“พี่ใหญ่ดูสิ”  บีบีชี้ไปที่บันได  “ไม่เห็นมีคนยืนเฝ้าบันไดเลย  ทุกคนที่ต้องการมาที่นี่ย่อมสามารถมาได้ ไม่เหมือนกับอีกฝั่งหนึ่งที่มีคนชุดม่วงยืนเฝ้าด้วย”

เดเลียหัวเราะ  “บีบี!  พวกเขามีสินค้าดีดีวางขายที่นี่  ปกติพวกเขาต้องเอามาแสดงให้ผู้คนชมดู  แต่อย่างที่เราเห็น...แม้ว่าจะมีหลายคนมองหาสินค้า แต่ไม่ค่อยมีคนซื้ออย่างแท้จริง”

มีภาพและตัวหนังสือติดไว้บนผนังด้านหลังร้านค้าทั้งหมดบนชั้นที่สาม

ลินลี่ย์ประหลาดใจมาก  “สิ่งประดิษฐ์โจมตี  สิ่งประดิษฐ์ใช้ป้องกัน, ยารักษา,วัสดุต่างๆ,  อุปกรณ์ช่วยเหลือในการฝึก, ประกายเทพ...”  เห็นได้ชัดว่าร้านขายของต่างๆที่มีอยู่ในชั้นสามนี้มีสินค้าไว้เพื่อขาย

“ลินลี่ย์,ดูสิ ร้านตรงนั้นขายบ้านด้วย”  เดเลียชี้ไปที่ร้านหนึ่งตรงมุมโถง

“ข้ามักจะได้ยินว่าบ้านที่ก่อสร้างหลังหนึ่งในเมืองรอยัลวิงแพงมาก  ไปดูกันว่าบ้านที่นี่จะราคาแพงเพียงไหน”  ลินลี่ย์สงสัย  เขาพาบีบีและเดเลียไปที่นั่น

มีชาวเทพหลายคนกำลังมองดูอยู่ที่นั่น

“ทุกท่านขอรับ!  พวกท่านโชคดีมากแล้ว  ในเมืองรอยัลวิงปัจจุบันมีบ้านเหลืออยู่สามหลังที่ไม่มีเจ้าของ! ทุกท่านมีโอกาสครอบครองแล้ว ถ้าท่านพลาดโอกาสนี้ไป จะไม่มีโอกาสอื่น”  ภายในเคาน์เตอร์ร้านมีเด็กหนุ่มชุดม่วงกำลังพูดอย่างใจเย็น

“ทั่วทั้งเมืองรอยัลวิงมีบ้านว่างเพียงสามหลัง?”  ลินลี่ย์ไม่อยากจะเชื่อ

ผู้ชมดูคนหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆคนหนึ่งมองดูลินลี่ย์  “สหาย! บ้านของเมืองรอยัลวิงถูกจับจองและซื้อเมื่อหลายร้อยล้านปีที่แล้ว บ้านที่ถูกนำมาขายตอนนี้ทุกหลังเจ้าของบ้านตายหมดแล้วเป็นผลให้ปราสาทเรดบุดนำบ้านมาขายทอดตลาดอีกครั้ง นั่นคือเหตุผลที่เราไม่จำเป็นต้องรีบเร่งซื้อ เจ้าต้องเข้าใจไว้ว่าเมืองรอยัลวิงอาจมีพลเมืองหลายสิบล้าน ในช่วงเวลาสั้นๆบางทีอาจมีคนอื่นตาย จากนั้นบ้านของพวกเขาก็จะเตรียมพร้อมสำหรับการซื้อใช่ไหม?  แต่อนิจจา  ราคามันสูงลิ่ว  ข้ารอหาบ้านถูกๆ ให้ได้ก่อน”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้  ตอนนี้ลินลี่ย์เข้าใจแล้ว

บ้านที่พร้อมใช้งานในเมืองรอยัลวิงมีแต่เพียงบ้านที่พร้อมขายหลังจากเจ้าของเดิมตายไปแล้ว บ้านที่ไม่มีเจ้าของจะถูกริบคืนเจ้าของปราสาทเรดบุดซึ่งจากนั้นจะนำมาขายต่อไป

“นั่นค่อยสมเหตุผล  เมืองรอยัลวิงแม้ว่าจะห้ามการต่อสู้แต่มีพลเมืองหลายสิบล้าน ก็คงมีผู้ที่ไม่ได้อยู่ในเมืองตลอดเวลา  ตัวอย่างเช่นอสูรบางคน...พวกเขาต้องออกไปรับภารกิจ ถ้าพวกเขาตาย อย่างนั้นบ้านจะถูกริบคืนให้ทางการเรดบุด”  ลินลี่ย์เพียงแต่รู้สึกงงอยู่อย่างเดียว

ปราสาทเรดบุดจะรู้ได้ยังไงว่าเจ้าของบ้านตายหรือไม่?

“บางทีพวกเขาก็มีเคล็ดลับคล้ายๆกับการผูกสัญญาโลหิตกระมัง”  ลินลี่ย์คาดเดาเอาเอง

ขณะที่ไตร่ตรองถึงปัญหานี้ ลินลี่ย์เดเลียและบีบีเข้าไปใกล้เคาน์เตอร์และดูราคาของบ้านทั้งสาม  เมื่อเห็นรายการราคา  ทั้งสามคนรู้สึกหวาดผวา!

“ราคากินคนชัดๆ!”  บีบีสูดหายใจตกตะลึง  “แม้แต่บ้านราคาถูกสุดก็ปาเข้าไปหกสิบล้านศิลาดำ!”

ลินลี่ย์ตกใจเช่นกัน บรรดาบ้านทั้งสามหลังนี้หลังที่แพงที่สุดราคาเกือบสามร้อยล้านศิลาดำ ขณะที่หลังที่สองราวๆร้อยยี่สิบล้านศิลาดำ ขณะที่หลังที่ถูกที่สุดราคาหกสิบล้านศิลาดำ

“แน่นอนว่ามันแพงเกินไป  ทำไมถึงไม่มีเจ้าของบ้านราคาถูกกว่าตายบ้างนะ?”  เทพที่อยู่ใกล้พึมพำอย่างหงุดหงิด

“บ้านที่ถูกที่สุดในเมืองรอยัลวิงซื้อหากันราคาแปดล้านศิลาดำ  อย่างไรก็ตามทันทีที่มีบ้านถูกปรากฏขึ้นก็จะถูกจับจองแทบจะทันที”  เทพแท้คนหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ ถอนหายใจ “ต้องอีกนานเท่าใดกว่าข้าจะสามารถมีบ้านหกสิบล้านศิลาดำ?”

ลินลี่ย์ลอบพยักหน้ากับตนเอง

ไม่ใช่ว่าบ้านจะเหมือนกันทั้งหมด  บางหลังก็แพงหน้าเลือด  แต่จากที่ฟัง บ้านที่ราคาถูกที่สุดก็ราวๆแปดล้าน นั่นเป็นเรื่องของโชค ที่สำคัญทุกคนต้องการบ้านราคาถูก ทันทีที่มีปรากฏหลังหนึ่งก็อาจจะถูกจับจองซื้อหาทันที

“การได้เป็นชาวเมืองรอยัลวิงช่างยากเย็นจริงๆ”  ลินลี่ย์ระบายลมหายใจ

เขามีความคิดว่าตอนนี้เขามั่งคั่งมีทรัพย์สินมากมายแล้ว  แต่เมื่อเห็นราคาบ้าน เขาจึงได้ตระหนักว่าประกายเทพชั้นสูงที่เขามีอาจขายได้ราคาเจ็ดล้านศิลาดำถ้าว่ากันจริงๆ แล้วก็ไม่มีอะไร

กลุ่มลินลี่ย์สามคนออกจากเคาน์เตอร์ร้าน  ที่สำคัญพวกเขายังไม่ต้องการซื้อบ้านจริงๆ ลินลี่ย์ตั้งใจจะเดินทางไปทวีปบลัดริจที่อยู่ห่างไกลเขาจะปักหลักอยู่ในเมืองนี้ได้ยังไง?

“สิ่งประดิษฐ์สำหรับต่อสู้!”

ลินลี่ย์และอีกสองคนเดินผ่านเคาน์เตอร์ยาวด้านหนึ่ง ธุรกิจที่นี่คึกคักอย่างเห็นได้ชัดและมีผู้แวะชมด้วยเช่นกัน  แต่ลินลี่ย์เองก็ต้องตกใจ

“นี่ถือว่าเป็นสิ่งประดิษฐ์สำหรับโจมตีหรือ?”  ลินลี่ย์ไม่ให้ความสนใจกับอาวุธธรรมดา

แต่เขาพบอาวุธที่มีลักษณะเฉพาะอย่างหนึ่ง  ลูกศรดอกหนึ่ง!

ลินลี่ย์ไม่ประหลาดกับการขายธนูทอง  แต่ลูกศรเพียงดอกเดียว... นี่ทำให้ลินลี่ย์อดตกใจไม่ได้

“และราคาตั้งไว้ที่ห้าหมื่นศิลาดำอะไรกัน?  เจ้าต้องซื้อสิบดอกหรือนี่?”  ลินลี่ย์อดส่ายศีรษะไม่ได้

พนักงานขายของชุดม่วงเมื่อเห็นลินลี่ย์จ้องมองลูกธนูบนเคาน์เตอร์ขณะที่เขาส่ายศีรษะจึงอดพูดขึ้นไม่ได้  “นี่คือธนูสังหารเทพ กล่าวโดยทั่วไปถ้าเทพแท้ถูกธนูนี้ยิงใส่ เขาจะต้องตายแน่นอน แม้แต่เทพระดับสูงเมื่อโดนยิงไปสิบดอกแม้แต่วิญญาณของเขาก็ยังจะแตกสลายได้!”

“เป็นแบบนั้นได้ยังไง?”  บีบีจ้อง  “ธนูนี้เป็นแค่อาวุธโจมตีธาตุหยาบมันจะใช้ฆ่าคนง่ายๆ ได้ยังไง?”

“อาวุธโจมตีธาตุหยาบ?”

คนขายชุดม่วงแค่นเสียง  “ถ้าเป็นแค่ธนูธรรมดาจะเอามาวางขายที่นี่ได้ยังไง?  ธนูนี้อาบยาพิษวิญญาณพิเศษที่พัฒนาโดยเทพระดับสูงสายวิถีมรณะ  ฮึ่ม.. นี่ก็หมายความว่าใช้จัดการกับวิญญาณได้โดยเฉพาะ”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ลินลี่ย์อดแปลกใจไม่ได้

ยาพิษวิญญาณ?

“เมื่อข้าอยู่ในทวีปยูลานเมื่อข้าเผชิญหน้ากับพ่อมดผู้วิเศษนั้นเขาใช้ให้เยลใช้ยาพิษวิญญาณเพื่อฆ่าข้าไม่ใช่หรือ?”  ลินลี่ย์ดื่มเหล้าจากนั้นทนทุกข์ทรมานจากยาพิษไหมวิญญาณ

ลินลี่ย์รู้มานานแล้วว่ายอดฝีมือผู้ฝึกมาทางวิถีมรณะมีทักษะในการใช้ยาพิษสังหารวิญญาณ!

พ่อมดผู้วิเศษนั้นเป็นเพียงเทียมเทพ

แต่ตอนนี้จากที่ฟังดูแล้วยาพิษนี้สร้างขึ้นโดยเทพชั้นสูงสายวิถีมรณะ อย่างนั้นพลังของยาพิษนี้ไม่สามารถดูแคลนได้อย่างแน่นอนมีแนวโน้มว่าสามารถสังหารเทพแท้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว  และใช้สิบดอกสำหรับฆ่าเทพชั้นสูงเช่นกัน

“แต่แม้ว่ามันจะทรงพลังเจ้าก็ยังต้องยิงศัตรูของเจ้าให้ถูกด้วยธนูนี้”  ลินลี่ย์เข้าใจหลักการนี้  ไม่ว่าจะเป็นทั้งเทพแท้ไม่ว่าจะเป็นเทพชั้นสูงคงไม่ยืนเฉยให้เจ้าโจมตีได้สบายๆ แน่นอน

อย่างไรก็ตาม...

มีคนบางส่วนที่มีความเชี่ยวชาญในการฆ่า

นอกจากนี้ เมื่อคนหมื่นคนในกองทัพยิงธนูออกมาใครก็ตามไม่ว่าจะไวเพียงไหนก็อาจจบชีวิตลงได้

ลินลี่ย์เดเลียและบีบียังคงมองดูสิ่งของต่างๆ พวกเขาพบว่า... มีวิธีใช้เงินได้มากมายก่ายกองจริงๆ  สิ่งของหลายอย่างที่นี่มีผลกระทบที่น่ากลัว

พวกเขายังคงเดินหน้าต่อไป

“ยารักษา!”  ลินลี่ย์เดินเข้าไปใกล้เคาน์เตอร์  เขาตกใจ “ไม่ว่าจิตวิญญาณของนักสู้จะบาดเจ็บมากเพียงใด  ตราบเท่าที่วิญญาณยังไม่แตกยังไม่สลายไป ก็จะได้รับการเยียวยาได้ทันทีและพลังจิตวิญญาณจะฟื้นคืนได้อย่างสิ้นเชิง สิ่งนี้ถูกสร้างขึ้นมาด้วยการดูแลจากเทพระดับสูงผู้เชี่ยวชาญสายวิถีชีวิต”

ลินลี่ย์อ่านคำอธิบายที่ติดอยู่เหลือกระปุกยาใส  เขาอดให้ความสนใจไม่ได้

เมื่อดำเนินการโจมตีทางวิญญาณราคาที่ต้องใช้ไปมากที่สุดก็คือพลังจิตของคนใช้

แต่ในไม่ช้าที่เขาเห็นราคาลินลี่ย์รู้สึกเจ็บปวดใจ

ยาเม็ดเดียว...ราคาล้านศิลาดำ!

“ไปกันเถอะไม่ต้องดูของเหล่านี้แล้ว”  ลินลี่ย์รู้สึกว่าหัวใจเขาเจ็บปวด ของหลายอย่างเป็นของดี แต่ราคาก็น่ากลัวด้วยเช่นกัน

หลังจากมองดูของหลายอย่างแล้วกลุ่มของลินลี่ย์ก็ออกจากโถงชั้นที่สาม ราคาสินค้าที่นี่สูงส่งน่ากลัว ดังนั้นกลุ่มของลินลี่ย์จึงกลับลงไปที่ชั้นสอง

ชั้นที่สองมีคนมากมายและของหลายอย่างมีกระทั่งมุกวิญญาณทอง อย่างไรก็ตามในแดนนรกมุกวิญญาณทองไม่อาจนับได้ว่าเป็นของมีค่ามากโดยเฉพาะ  เพราะ...

ในแดนนรก แม้ว่าจะมีเทพอยู่มากมายแต่มีเซียนมากกว่า!

หลายเผ่าพันธุ์ในแดนนรกเข้าถึงระดับเซียนในวัยผู้ใหญ่  ด้วยว่ามีเซียนมากมายขนาดนั้น..จึงมีเซียนอยู่บางคนนี้จึงถูกใช้วิญญาณมากลั่นเป็นมุกวิญญาณทอง

“มุกวิญญาณทองลูกหนึ่งมีขนาดเท่ากับลูกที่ข้าเคยได้รับมาคราวหนึ่ง  ราคา... แสนศิลาดำ เฮ้อ.. ก็ยังค่อนข้างแพง”  ลินลี่ย์รำพึงกับตนเอง

ขณะนั้นเองพนักงานขายชุดด้านหลังเคาน์เตอร์หัวเราะและกล่าว  “มุกวิญญาณทองนี้สามารถใช้เสริมพลังวิญญาณได้เลย  และสามารถดูดซับได้ง่ายไม่จำเป็นต้องกลั่นซ้ำแต่อย่างใด”

“ยังมีอัญมณีรูปแบบอื่นที่นี่  ตรงนั้นก็มี เป็นที่รู้จักกันในนามว่า ‘อเมทิสต์’!  ถ้าเจ้าสามารถดูดซับพลังงานในนั้นได้หมดในแง่จำนวนผลประโยชน์ที่วิญญาณเจ้าได้รับก็เท่ากับมุกวิญญาณทองเลยทีเดียว  อย่างไรก็ตามราคาของมันเพียงหมื่นศิลาดำ”  พนักงานขายชุดม่วงกล่าว

ลินลี่ย์ค่อนข้างตกใจ.

บีบีที่อยู่ใกล้ๆ พูดขึ้น “เหรอ? เจ้าบอกว่ามีประโยชน์มากมายต่อการบำรุงวิญญาณเหมือนกันกับมุกวิญญาณแล้วทำไมราคาถึงแตกต่างกันสิบเท่า? มันมากเกินไปนะ”

พนักงานขายชุดม่วงหัวเราะ  “นั่นเป็นเพราะการกลั่นกรองและการกลั่นกรองอเมทิสต์นี้ให้บริสุทธิ์ทำได้ยากเช่นกัน  คนที่ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญในการกลั่นพลังมีแนวโน้มว่าจะสูญเสียพลังของอเมทิสต์ไปถึง80% ในการกลั่นและคงเหลือพลังไว้เพียง 20%.. และความเร็วในการกลั่นก็ทำได้ช้าเช่นกัน ต้องใช้เวลามาก  ดังนั้นราคาของมันจึงอยู่ที่หมื่นศิลาดำ”

“การกลั่นและกรองให้บริสุทธิ์?”  ลินลี่ย์มีความคิดอย่างหนึ่ง

ความจริงพวกเทพที่ฝึกมาทางวิถีมรณะใช้พลังวิญญาณมากมายในการกลั่นวิญญาณหรือการกลั่นอเมทิสต์เหล่านี้..

แต่ลินลี่ย์นั้นแตกต่างออกไป  เขามีแหวนมังกรขนด!

“ข้าจะซื้อสักชิ้นไปลองดู แล้วดูว่าแหวนมังกรขนดจะสามารถกลั่นกรองพลังอเมทิสต์ได้ไหมก็แค่เหมือนกับที่ใช้กลั่นกรองวิญญาณ” ลินลี่ย์รำพึงกับตนเอง

ลินลี่ย์ใช้เงินหมื่นศิลาดำซื้ออเมทิสต์ชิ้นหนึ่งทันที

อเมทิสต์กึ่งโปร่งใสมีหมอกสีม่วงบรรจุอยู่ในนั้นดูงดงามมาก เพียงแค่พลิกมือลินลี่ย์เก็บอเมทิสต์เข้าไปในแหวนมังกรขนาด

“แครก....”

แทบจะในพริบตาเดียวอเมทิสต์นั้นถูกเปลี่ยนเป็นกองหิน ขณะเดียวกันพลังหมอกสีทองมหาศาลเริ่มหมุนเป็นเกลียวอยู่ภายในแหวนมังกรขนด

การกลั่นกรองสำเร็จเป็นอย่างดี!

ลินลี่ย์ดวงตาเป็นประกาย  “นั่นหมายความว่าข้าสามารถซื้ออเมทิสต์และกลั่นสิ่งนี้เป็นมุกวิญญาณทองได้ไม่ใช่หรือ?”  นี่ก็หมายความว่าเขาซื้ออเมทิสต์ชิ้นหนึ่งหมื่นศิลาดำและจากนั้นขายออกไปเจ็ดหมื่นศิลาดำ

นี่ทำกำไรได้ถึง 700-800%!

ปัจจุบันนี้เขามีอยู่ล้านศิลาดำ  ถ้าหมุนเวียนสองสามรอบเขาก็คงทำเงินได้สักหลายสิบล้านศิลาดำ

“เดี๋ยวก่อน,แหวนมังกรขนดเพียงแต่กลั่นมันให้เป็นหมอกทอง  แล้วข้าจะควบให้ตกผลึกในมุกทองได้ยังไง?”  ลินลี่ย์ไม่มีความคิดขณะหาวิธีให้หมอกทองตกผลึก

หมอกทองคือแก่นวิญญาณ  ลินลี่ย์ไม่มีวิธีบีบอัดแต่อย่างใด ไม่มีวิธีให้พลังเทพของเขาสามารถมีปฏิสัมพันธ์ต่อแก่นวิญญาณ  พลังจิตวิญญาณของเขาสามารถทำได้  แต่เมื่อพลังจิตวิญญาณของเขาคืบเข้าไปใกล้มันจะเริ่มสูบกินหมอกทองไปเสริมพลังวิญญาณของเขา

“โชคไม่ดีเลย  แม้ว่าข้าจะมีวิธีทำเงินได้ แต่ข้าไม่มีวิธีควบแน่นหมอกทองเข้าไปเก็บไว้ในมุกทอง”  ลินลี่ย์ถอนหายใจรำพึง

การกลั่นให้บริสุทธิ์และการควบแน่นแก่นวิญญาณเป็นวิชาของนักสู้สายวิถีมรณะ

ลินลี่ย์เองก็ต้องการจะบรรจุหมอกทองไว้ในลูกแก้วผลึก

เขาเชื่อว่าหมอกทองที่เก็บไว้ในแก้วผลึกสามารถเอาไปขายให้ใครก็ได้ อย่างแย่ที่สุดราคาอาจจะต่ำมากกว่ามุกวิญญาณทองบ้าง  แต่เขาก็ยังสามารถฆ่าได้

แต่....

“รัศมีทองนี้...แม้ว่าข้าสามารถควบคุมผ่านแหวนมังกรขนดได้และข้าสามารถปล่อยให้มันออกมาจากแหวนได้ แต่ทันทีที่ทำเช่นนั้นมันจะเริ่มสลาย  หลังจากที่มันออกมาจากแหวนมังกรขนดแล้ว  ข้าไม่มีวิธีการควบคุมมันเลย  เป็นธรรมดาที่ข้าจะไม่สามารถทำให้มันเข้าไปในแก้วผลึกได้”  ลินลี่ย์รู้สึกท้อแท้

ลินลี่ย์ไม่สามารถควบคุมหมอกทองนี้ได้

เขาไม่เข้าใจวิถีมรณะ ดังนั้นพลังวิญญาณของเขาจึงได้แต่ดูดกลืนแก่นวิญญาณทันทีที่สัมผัสได้  บางทีคนอื่นอาจเข้าใจวิถีมรณะ  แต่พวกเขาไม่สามารถควบคุมได้มากเท่าแหวนมังกรขนด

“ช่างมันเถอะ นี่เป็นของดีแล้วสามารถใช้เสริมพลังวิญญาณของข้าเอง”  ลินลี่ย์ไม่สนใจอะไรมาก

วัตถุประสงค์ของเขาที่มาแดนนรกก็เพื่อเติบโตและก้าวหน้า

สำหรับเงินน่ะหรือ? เขาแค่ต้องการให้พอใช้เท่านั้น

“อเมทิสต์เหล่านี้ข้าขอสิบชิ้น”  ลินลี่ย์กล่าว  ยิ่งพลังวิญญาณมาก  ก็ยิ่งฝึกฝนได้เร็ว  และพลังจิตโจมตีของเขาจะแกร่งกร้าวมากขึ้น

ลินลี่ย์ไม่ใช่คนที่ตระหนี่เกินไปนัก

“อเมทิสต์?”  พนักงานขายชุดม่วงงุนงง  มันคืออเมทิสต์ที่กลั่นกรองพลังได้ยาก  ชิ้นเดียวก็พอแล้ว  ทำไมต้องเอาไว้ตั้งมากมาย?

แต่พนักงานขายชุดม่วงไม่สนใจมาก  “บางทีเขาคงยากจนเกินไป เขายอมใช้เวลามากกับการดูดกลืนพลังอเมทิสต์แทนที่จะซื้อมุกวิญญาณทอง”  แต่เขาจะรู้ได้ยังไงว่าลินลี่ย์มีสมบัติมหาเทพที่สามารถกลั่นอเมทิสต์ได้บริสุทธิ์อยู่กับตัวเล่า?

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด