ตอนที่ 14-12 กลั่นกรองได้ในทันที
หลังจากเดินผ่านไปตามระเบียงทางเดินกลุ่มของลินลี่ย์เดินมาถึงโถงใหญ่อีกฝั่งหนึ่งของชั้นสามปราสาทเรดบุดที่นี่มีการจัดแสดงสินค้ามากมาย ในโถงนี้มีผู้คนมากมายขึ้นอย่างเห็นได้ชัดส่วนใหญ่เดินกันเป็นกลุ่มสามถึงห้าคนซึ่งเดินไปตามร้านขายแต่ละร้านตรวจสอบสิ่งของอย่างระมัดระวัง
“พี่ใหญ่ดูสิ” บีบีชี้ไปที่บันได “ไม่เห็นมีคนยืนเฝ้าบันไดเลย ทุกคนที่ต้องการมาที่นี่ย่อมสามารถมาได้ ไม่เหมือนกับอีกฝั่งหนึ่งที่มีคนชุดม่วงยืนเฝ้าด้วย”
เดเลียหัวเราะ “บีบี! พวกเขามีสินค้าดีดีวางขายที่นี่ ปกติพวกเขาต้องเอามาแสดงให้ผู้คนชมดู แต่อย่างที่เราเห็น...แม้ว่าจะมีหลายคนมองหาสินค้า แต่ไม่ค่อยมีคนซื้ออย่างแท้จริง”
มีภาพและตัวหนังสือติดไว้บนผนังด้านหลังร้านค้าทั้งหมดบนชั้นที่สาม
ลินลี่ย์ประหลาดใจมาก “สิ่งประดิษฐ์โจมตี สิ่งประดิษฐ์ใช้ป้องกัน, ยารักษา,วัสดุต่างๆ, อุปกรณ์ช่วยเหลือในการฝึก, ประกายเทพ...” เห็นได้ชัดว่าร้านขายของต่างๆที่มีอยู่ในชั้นสามนี้มีสินค้าไว้เพื่อขาย
“ลินลี่ย์,ดูสิ ร้านตรงนั้นขายบ้านด้วย” เดเลียชี้ไปที่ร้านหนึ่งตรงมุมโถง
“ข้ามักจะได้ยินว่าบ้านที่ก่อสร้างหลังหนึ่งในเมืองรอยัลวิงแพงมาก ไปดูกันว่าบ้านที่นี่จะราคาแพงเพียงไหน” ลินลี่ย์สงสัย เขาพาบีบีและเดเลียไปที่นั่น
มีชาวเทพหลายคนกำลังมองดูอยู่ที่นั่น
“ทุกท่านขอรับ! พวกท่านโชคดีมากแล้ว ในเมืองรอยัลวิงปัจจุบันมีบ้านเหลืออยู่สามหลังที่ไม่มีเจ้าของ! ทุกท่านมีโอกาสครอบครองแล้ว ถ้าท่านพลาดโอกาสนี้ไป จะไม่มีโอกาสอื่น” ภายในเคาน์เตอร์ร้านมีเด็กหนุ่มชุดม่วงกำลังพูดอย่างใจเย็น
“ทั่วทั้งเมืองรอยัลวิงมีบ้านว่างเพียงสามหลัง?” ลินลี่ย์ไม่อยากจะเชื่อ
ผู้ชมดูคนหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆคนหนึ่งมองดูลินลี่ย์ “สหาย! บ้านของเมืองรอยัลวิงถูกจับจองและซื้อเมื่อหลายร้อยล้านปีที่แล้ว บ้านที่ถูกนำมาขายตอนนี้ทุกหลังเจ้าของบ้านตายหมดแล้วเป็นผลให้ปราสาทเรดบุดนำบ้านมาขายทอดตลาดอีกครั้ง นั่นคือเหตุผลที่เราไม่จำเป็นต้องรีบเร่งซื้อ เจ้าต้องเข้าใจไว้ว่าเมืองรอยัลวิงอาจมีพลเมืองหลายสิบล้าน ในช่วงเวลาสั้นๆบางทีอาจมีคนอื่นตาย จากนั้นบ้านของพวกเขาก็จะเตรียมพร้อมสำหรับการซื้อใช่ไหม? แต่อนิจจา ราคามันสูงลิ่ว ข้ารอหาบ้านถูกๆ ให้ได้ก่อน”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ตอนนี้ลินลี่ย์เข้าใจแล้ว
บ้านที่พร้อมใช้งานในเมืองรอยัลวิงมีแต่เพียงบ้านที่พร้อมขายหลังจากเจ้าของเดิมตายไปแล้ว บ้านที่ไม่มีเจ้าของจะถูกริบคืนเจ้าของปราสาทเรดบุดซึ่งจากนั้นจะนำมาขายต่อไป
“นั่นค่อยสมเหตุผล เมืองรอยัลวิงแม้ว่าจะห้ามการต่อสู้แต่มีพลเมืองหลายสิบล้าน ก็คงมีผู้ที่ไม่ได้อยู่ในเมืองตลอดเวลา ตัวอย่างเช่นอสูรบางคน...พวกเขาต้องออกไปรับภารกิจ ถ้าพวกเขาตาย อย่างนั้นบ้านจะถูกริบคืนให้ทางการเรดบุด” ลินลี่ย์เพียงแต่รู้สึกงงอยู่อย่างเดียว
ปราสาทเรดบุดจะรู้ได้ยังไงว่าเจ้าของบ้านตายหรือไม่?
“บางทีพวกเขาก็มีเคล็ดลับคล้ายๆกับการผูกสัญญาโลหิตกระมัง” ลินลี่ย์คาดเดาเอาเอง
ขณะที่ไตร่ตรองถึงปัญหานี้ ลินลี่ย์เดเลียและบีบีเข้าไปใกล้เคาน์เตอร์และดูราคาของบ้านทั้งสาม เมื่อเห็นรายการราคา ทั้งสามคนรู้สึกหวาดผวา!
“ราคากินคนชัดๆ!” บีบีสูดหายใจตกตะลึง “แม้แต่บ้านราคาถูกสุดก็ปาเข้าไปหกสิบล้านศิลาดำ!”
ลินลี่ย์ตกใจเช่นกัน บรรดาบ้านทั้งสามหลังนี้หลังที่แพงที่สุดราคาเกือบสามร้อยล้านศิลาดำ ขณะที่หลังที่สองราวๆร้อยยี่สิบล้านศิลาดำ ขณะที่หลังที่ถูกที่สุดราคาหกสิบล้านศิลาดำ
“แน่นอนว่ามันแพงเกินไป ทำไมถึงไม่มีเจ้าของบ้านราคาถูกกว่าตายบ้างนะ?” เทพที่อยู่ใกล้พึมพำอย่างหงุดหงิด
“บ้านที่ถูกที่สุดในเมืองรอยัลวิงซื้อหากันราคาแปดล้านศิลาดำ อย่างไรก็ตามทันทีที่มีบ้านถูกปรากฏขึ้นก็จะถูกจับจองแทบจะทันที” เทพแท้คนหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ ถอนหายใจ “ต้องอีกนานเท่าใดกว่าข้าจะสามารถมีบ้านหกสิบล้านศิลาดำ?”
ลินลี่ย์ลอบพยักหน้ากับตนเอง
ไม่ใช่ว่าบ้านจะเหมือนกันทั้งหมด บางหลังก็แพงหน้าเลือด แต่จากที่ฟัง บ้านที่ราคาถูกที่สุดก็ราวๆแปดล้าน นั่นเป็นเรื่องของโชค ที่สำคัญทุกคนต้องการบ้านราคาถูก ทันทีที่มีปรากฏหลังหนึ่งก็อาจจะถูกจับจองซื้อหาทันที
“การได้เป็นชาวเมืองรอยัลวิงช่างยากเย็นจริงๆ” ลินลี่ย์ระบายลมหายใจ
เขามีความคิดว่าตอนนี้เขามั่งคั่งมีทรัพย์สินมากมายแล้ว แต่เมื่อเห็นราคาบ้าน เขาจึงได้ตระหนักว่าประกายเทพชั้นสูงที่เขามีอาจขายได้ราคาเจ็ดล้านศิลาดำถ้าว่ากันจริงๆ แล้วก็ไม่มีอะไร
กลุ่มลินลี่ย์สามคนออกจากเคาน์เตอร์ร้าน ที่สำคัญพวกเขายังไม่ต้องการซื้อบ้านจริงๆ ลินลี่ย์ตั้งใจจะเดินทางไปทวีปบลัดริจที่อยู่ห่างไกลเขาจะปักหลักอยู่ในเมืองนี้ได้ยังไง?
“สิ่งประดิษฐ์สำหรับต่อสู้!”
ลินลี่ย์และอีกสองคนเดินผ่านเคาน์เตอร์ยาวด้านหนึ่ง ธุรกิจที่นี่คึกคักอย่างเห็นได้ชัดและมีผู้แวะชมด้วยเช่นกัน แต่ลินลี่ย์เองก็ต้องตกใจ
“นี่ถือว่าเป็นสิ่งประดิษฐ์สำหรับโจมตีหรือ?” ลินลี่ย์ไม่ให้ความสนใจกับอาวุธธรรมดา
แต่เขาพบอาวุธที่มีลักษณะเฉพาะอย่างหนึ่ง ลูกศรดอกหนึ่ง!
ลินลี่ย์ไม่ประหลาดกับการขายธนูทอง แต่ลูกศรเพียงดอกเดียว... นี่ทำให้ลินลี่ย์อดตกใจไม่ได้
“และราคาตั้งไว้ที่ห้าหมื่นศิลาดำอะไรกัน? เจ้าต้องซื้อสิบดอกหรือนี่?” ลินลี่ย์อดส่ายศีรษะไม่ได้
พนักงานขายของชุดม่วงเมื่อเห็นลินลี่ย์จ้องมองลูกธนูบนเคาน์เตอร์ขณะที่เขาส่ายศีรษะจึงอดพูดขึ้นไม่ได้ “นี่คือธนูสังหารเทพ กล่าวโดยทั่วไปถ้าเทพแท้ถูกธนูนี้ยิงใส่ เขาจะต้องตายแน่นอน แม้แต่เทพระดับสูงเมื่อโดนยิงไปสิบดอกแม้แต่วิญญาณของเขาก็ยังจะแตกสลายได้!”
“เป็นแบบนั้นได้ยังไง?” บีบีจ้อง “ธนูนี้เป็นแค่อาวุธโจมตีธาตุหยาบมันจะใช้ฆ่าคนง่ายๆ ได้ยังไง?”
“อาวุธโจมตีธาตุหยาบ?”
คนขายชุดม่วงแค่นเสียง “ถ้าเป็นแค่ธนูธรรมดาจะเอามาวางขายที่นี่ได้ยังไง? ธนูนี้อาบยาพิษวิญญาณพิเศษที่พัฒนาโดยเทพระดับสูงสายวิถีมรณะ ฮึ่ม.. นี่ก็หมายความว่าใช้จัดการกับวิญญาณได้โดยเฉพาะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ลินลี่ย์อดแปลกใจไม่ได้
ยาพิษวิญญาณ?
“เมื่อข้าอยู่ในทวีปยูลานเมื่อข้าเผชิญหน้ากับพ่อมดผู้วิเศษนั้นเขาใช้ให้เยลใช้ยาพิษวิญญาณเพื่อฆ่าข้าไม่ใช่หรือ?” ลินลี่ย์ดื่มเหล้าจากนั้นทนทุกข์ทรมานจากยาพิษไหมวิญญาณ
ลินลี่ย์รู้มานานแล้วว่ายอดฝีมือผู้ฝึกมาทางวิถีมรณะมีทักษะในการใช้ยาพิษสังหารวิญญาณ!
พ่อมดผู้วิเศษนั้นเป็นเพียงเทียมเทพ
แต่ตอนนี้จากที่ฟังดูแล้วยาพิษนี้สร้างขึ้นโดยเทพชั้นสูงสายวิถีมรณะ อย่างนั้นพลังของยาพิษนี้ไม่สามารถดูแคลนได้อย่างแน่นอนมีแนวโน้มว่าสามารถสังหารเทพแท้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว และใช้สิบดอกสำหรับฆ่าเทพชั้นสูงเช่นกัน
“แต่แม้ว่ามันจะทรงพลังเจ้าก็ยังต้องยิงศัตรูของเจ้าให้ถูกด้วยธนูนี้” ลินลี่ย์เข้าใจหลักการนี้ ไม่ว่าจะเป็นทั้งเทพแท้ไม่ว่าจะเป็นเทพชั้นสูงคงไม่ยืนเฉยให้เจ้าโจมตีได้สบายๆ แน่นอน
อย่างไรก็ตาม...
มีคนบางส่วนที่มีความเชี่ยวชาญในการฆ่า
นอกจากนี้ เมื่อคนหมื่นคนในกองทัพยิงธนูออกมาใครก็ตามไม่ว่าจะไวเพียงไหนก็อาจจบชีวิตลงได้
ลินลี่ย์เดเลียและบีบียังคงมองดูสิ่งของต่างๆ พวกเขาพบว่า... มีวิธีใช้เงินได้มากมายก่ายกองจริงๆ สิ่งของหลายอย่างที่นี่มีผลกระทบที่น่ากลัว
พวกเขายังคงเดินหน้าต่อไป
“ยารักษา!” ลินลี่ย์เดินเข้าไปใกล้เคาน์เตอร์ เขาตกใจ “ไม่ว่าจิตวิญญาณของนักสู้จะบาดเจ็บมากเพียงใด ตราบเท่าที่วิญญาณยังไม่แตกยังไม่สลายไป ก็จะได้รับการเยียวยาได้ทันทีและพลังจิตวิญญาณจะฟื้นคืนได้อย่างสิ้นเชิง สิ่งนี้ถูกสร้างขึ้นมาด้วยการดูแลจากเทพระดับสูงผู้เชี่ยวชาญสายวิถีชีวิต”
ลินลี่ย์อ่านคำอธิบายที่ติดอยู่เหลือกระปุกยาใส เขาอดให้ความสนใจไม่ได้
เมื่อดำเนินการโจมตีทางวิญญาณราคาที่ต้องใช้ไปมากที่สุดก็คือพลังจิตของคนใช้
แต่ในไม่ช้าที่เขาเห็นราคาลินลี่ย์รู้สึกเจ็บปวดใจ
ยาเม็ดเดียว...ราคาล้านศิลาดำ!
“ไปกันเถอะไม่ต้องดูของเหล่านี้แล้ว” ลินลี่ย์รู้สึกว่าหัวใจเขาเจ็บปวด ของหลายอย่างเป็นของดี แต่ราคาก็น่ากลัวด้วยเช่นกัน
หลังจากมองดูของหลายอย่างแล้วกลุ่มของลินลี่ย์ก็ออกจากโถงชั้นที่สาม ราคาสินค้าที่นี่สูงส่งน่ากลัว ดังนั้นกลุ่มของลินลี่ย์จึงกลับลงไปที่ชั้นสอง
ชั้นที่สองมีคนมากมายและของหลายอย่างมีกระทั่งมุกวิญญาณทอง อย่างไรก็ตามในแดนนรกมุกวิญญาณทองไม่อาจนับได้ว่าเป็นของมีค่ามากโดยเฉพาะ เพราะ...
ในแดนนรก แม้ว่าจะมีเทพอยู่มากมายแต่มีเซียนมากกว่า!
หลายเผ่าพันธุ์ในแดนนรกเข้าถึงระดับเซียนในวัยผู้ใหญ่ ด้วยว่ามีเซียนมากมายขนาดนั้น..จึงมีเซียนอยู่บางคนนี้จึงถูกใช้วิญญาณมากลั่นเป็นมุกวิญญาณทอง
“มุกวิญญาณทองลูกหนึ่งมีขนาดเท่ากับลูกที่ข้าเคยได้รับมาคราวหนึ่ง ราคา... แสนศิลาดำ เฮ้อ.. ก็ยังค่อนข้างแพง” ลินลี่ย์รำพึงกับตนเอง
ขณะนั้นเองพนักงานขายชุดด้านหลังเคาน์เตอร์หัวเราะและกล่าว “มุกวิญญาณทองนี้สามารถใช้เสริมพลังวิญญาณได้เลย และสามารถดูดซับได้ง่ายไม่จำเป็นต้องกลั่นซ้ำแต่อย่างใด”
“ยังมีอัญมณีรูปแบบอื่นที่นี่ ตรงนั้นก็มี เป็นที่รู้จักกันในนามว่า ‘อเมทิสต์’! ถ้าเจ้าสามารถดูดซับพลังงานในนั้นได้หมดในแง่จำนวนผลประโยชน์ที่วิญญาณเจ้าได้รับก็เท่ากับมุกวิญญาณทองเลยทีเดียว อย่างไรก็ตามราคาของมันเพียงหมื่นศิลาดำ” พนักงานขายชุดม่วงกล่าว
ลินลี่ย์ค่อนข้างตกใจ.
บีบีที่อยู่ใกล้ๆ พูดขึ้น “เหรอ? เจ้าบอกว่ามีประโยชน์มากมายต่อการบำรุงวิญญาณเหมือนกันกับมุกวิญญาณแล้วทำไมราคาถึงแตกต่างกันสิบเท่า? มันมากเกินไปนะ”
พนักงานขายชุดม่วงหัวเราะ “นั่นเป็นเพราะการกลั่นกรองและการกลั่นกรองอเมทิสต์นี้ให้บริสุทธิ์ทำได้ยากเช่นกัน คนที่ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญในการกลั่นพลังมีแนวโน้มว่าจะสูญเสียพลังของอเมทิสต์ไปถึง80% ในการกลั่นและคงเหลือพลังไว้เพียง 20%.. และความเร็วในการกลั่นก็ทำได้ช้าเช่นกัน ต้องใช้เวลามาก ดังนั้นราคาของมันจึงอยู่ที่หมื่นศิลาดำ”
“การกลั่นและกรองให้บริสุทธิ์?” ลินลี่ย์มีความคิดอย่างหนึ่ง
ความจริงพวกเทพที่ฝึกมาทางวิถีมรณะใช้พลังวิญญาณมากมายในการกลั่นวิญญาณหรือการกลั่นอเมทิสต์เหล่านี้..
แต่ลินลี่ย์นั้นแตกต่างออกไป เขามีแหวนมังกรขนด!
“ข้าจะซื้อสักชิ้นไปลองดู แล้วดูว่าแหวนมังกรขนดจะสามารถกลั่นกรองพลังอเมทิสต์ได้ไหมก็แค่เหมือนกับที่ใช้กลั่นกรองวิญญาณ” ลินลี่ย์รำพึงกับตนเอง
ลินลี่ย์ใช้เงินหมื่นศิลาดำซื้ออเมทิสต์ชิ้นหนึ่งทันที
อเมทิสต์กึ่งโปร่งใสมีหมอกสีม่วงบรรจุอยู่ในนั้นดูงดงามมาก เพียงแค่พลิกมือลินลี่ย์เก็บอเมทิสต์เข้าไปในแหวนมังกรขนาด
“แครก....”
แทบจะในพริบตาเดียวอเมทิสต์นั้นถูกเปลี่ยนเป็นกองหิน ขณะเดียวกันพลังหมอกสีทองมหาศาลเริ่มหมุนเป็นเกลียวอยู่ภายในแหวนมังกรขนด
การกลั่นกรองสำเร็จเป็นอย่างดี!
ลินลี่ย์ดวงตาเป็นประกาย “นั่นหมายความว่าข้าสามารถซื้ออเมทิสต์และกลั่นสิ่งนี้เป็นมุกวิญญาณทองได้ไม่ใช่หรือ?” นี่ก็หมายความว่าเขาซื้ออเมทิสต์ชิ้นหนึ่งหมื่นศิลาดำและจากนั้นขายออกไปเจ็ดหมื่นศิลาดำ
นี่ทำกำไรได้ถึง 700-800%!
ปัจจุบันนี้เขามีอยู่ล้านศิลาดำ ถ้าหมุนเวียนสองสามรอบเขาก็คงทำเงินได้สักหลายสิบล้านศิลาดำ
“เดี๋ยวก่อน,แหวนมังกรขนดเพียงแต่กลั่นมันให้เป็นหมอกทอง แล้วข้าจะควบให้ตกผลึกในมุกทองได้ยังไง?” ลินลี่ย์ไม่มีความคิดขณะหาวิธีให้หมอกทองตกผลึก
หมอกทองคือแก่นวิญญาณ ลินลี่ย์ไม่มีวิธีบีบอัดแต่อย่างใด ไม่มีวิธีให้พลังเทพของเขาสามารถมีปฏิสัมพันธ์ต่อแก่นวิญญาณ พลังจิตวิญญาณของเขาสามารถทำได้ แต่เมื่อพลังจิตวิญญาณของเขาคืบเข้าไปใกล้มันจะเริ่มสูบกินหมอกทองไปเสริมพลังวิญญาณของเขา
“โชคไม่ดีเลย แม้ว่าข้าจะมีวิธีทำเงินได้ แต่ข้าไม่มีวิธีควบแน่นหมอกทองเข้าไปเก็บไว้ในมุกทอง” ลินลี่ย์ถอนหายใจรำพึง
การกลั่นให้บริสุทธิ์และการควบแน่นแก่นวิญญาณเป็นวิชาของนักสู้สายวิถีมรณะ
ลินลี่ย์เองก็ต้องการจะบรรจุหมอกทองไว้ในลูกแก้วผลึก
เขาเชื่อว่าหมอกทองที่เก็บไว้ในแก้วผลึกสามารถเอาไปขายให้ใครก็ได้ อย่างแย่ที่สุดราคาอาจจะต่ำมากกว่ามุกวิญญาณทองบ้าง แต่เขาก็ยังสามารถฆ่าได้
แต่....
“รัศมีทองนี้...แม้ว่าข้าสามารถควบคุมผ่านแหวนมังกรขนดได้และข้าสามารถปล่อยให้มันออกมาจากแหวนได้ แต่ทันทีที่ทำเช่นนั้นมันจะเริ่มสลาย หลังจากที่มันออกมาจากแหวนมังกรขนดแล้ว ข้าไม่มีวิธีการควบคุมมันเลย เป็นธรรมดาที่ข้าจะไม่สามารถทำให้มันเข้าไปในแก้วผลึกได้” ลินลี่ย์รู้สึกท้อแท้
ลินลี่ย์ไม่สามารถควบคุมหมอกทองนี้ได้
เขาไม่เข้าใจวิถีมรณะ ดังนั้นพลังวิญญาณของเขาจึงได้แต่ดูดกลืนแก่นวิญญาณทันทีที่สัมผัสได้ บางทีคนอื่นอาจเข้าใจวิถีมรณะ แต่พวกเขาไม่สามารถควบคุมได้มากเท่าแหวนมังกรขนด
“ช่างมันเถอะ นี่เป็นของดีแล้วสามารถใช้เสริมพลังวิญญาณของข้าเอง” ลินลี่ย์ไม่สนใจอะไรมาก
วัตถุประสงค์ของเขาที่มาแดนนรกก็เพื่อเติบโตและก้าวหน้า
สำหรับเงินน่ะหรือ? เขาแค่ต้องการให้พอใช้เท่านั้น
“อเมทิสต์เหล่านี้ข้าขอสิบชิ้น” ลินลี่ย์กล่าว ยิ่งพลังวิญญาณมาก ก็ยิ่งฝึกฝนได้เร็ว และพลังจิตโจมตีของเขาจะแกร่งกร้าวมากขึ้น
ลินลี่ย์ไม่ใช่คนที่ตระหนี่เกินไปนัก
“อเมทิสต์?” พนักงานขายชุดม่วงงุนงง มันคืออเมทิสต์ที่กลั่นกรองพลังได้ยาก ชิ้นเดียวก็พอแล้ว ทำไมต้องเอาไว้ตั้งมากมาย?
แต่พนักงานขายชุดม่วงไม่สนใจมาก “บางทีเขาคงยากจนเกินไป เขายอมใช้เวลามากกับการดูดกลืนพลังอเมทิสต์แทนที่จะซื้อมุกวิญญาณทอง” แต่เขาจะรู้ได้ยังไงว่าลินลี่ย์มีสมบัติมหาเทพที่สามารถกลั่นอเมทิสต์ได้บริสุทธิ์อยู่กับตัวเล่า?