ข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 44 เก้าดินแดนห้าสิบแผ่นดิน
ข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 44 เก้าดินแดนห้าสิบแผ่นดิน
โฮกกกก!
พยัคฆ์ภูตสวรรค์เห็นหม่าคงไม่ล่าถอยแต่กลับพุ่งเข้าหาตัวมันแทน
มันเกรี้ยวกราดทันที
นี่เท่ากับยั่วยุพยัคฆ์!
มันรีบพุ่งเข้าใส่
หัวใจของหม่าคงเต้นระทึก มือที่ถือดาบสั่นเทา ขาเองก็สั่นสะท้านด้วยความกลัว
“ใจเย็นๆ อย่าตื่นตระหนก ด้วยผู้อาวุโสเช่นข้าคอยดูแลอยู่ไม่มีปัญหาแน่นอน”
“หม่าคง นี่คือโอกาสของเจ้า เจ้าอย่าไม่ทำให้ข้าผู้อาวุโสผิดหวัง”
แววตาของหม่าคงเปลี่ยนไปมุ่งมั่น มือที่ถือดาบหยุดสั่น ขาเองก็กลับมามั่นคง
พยัคฆ์ภูตสวรรค์พุ่งเข้ามาใกล้จะถึงตรงหน้าเขาแล้ว
“ตายซะ!”
เขาคำรามเสียงดัง
หม่าคงยกดาบขึ้นและรีบไถลไปใต้ท้องของพยัคฆ์ภูตสวรรค์!
ผลัววะ!
กรงเล็บตบเข้าที่ร่างของเขา ร่างที่เพิ่งมุดเข้าไปใต้พยัคฆ์ภูตสวรรค์ถูกตบจนหมุนติ๊วและกระเด็นออกไปข้างหลัง
เสียงของกระดูกแตกหักดังออกมาจากร่างกายของหม่าคง ตามมาด้วยความเจ็บปวดอย่างรุนแรง ดวงตาของเขาเริ่มดับแสงลง ใกล้จะหมดสติเต็มที
เลือดสดๆ กระฉูดออกมาเต็มปาก
ปัง
เขากระแทกกับพื้นอย่างแรง
หม่าคงกระอั๊กเลือดออกมาอีกหลายอึกและฝืนลุกขึ้น แต่เห็นพยัคฆ์ภูตสวรรค์ที่กำลังเดินเข้ามาทีละก้าว ใบหน้าของเขาก็ซีดเผือด
“ท่านผู้อาวุโส ช่วยข้าด้วย! ได้โปรดช่วยข้าด้วย!”
เขาร่ำร้องอยู่ในใจ ข้ากำลังจะตายด้วยวิธีการบ้าๆ นี่!
“เฮ้อ!”
ฉู่เซวียนถอนหายใจด้วยความผิดหวังแล่วกล่าวว่า “เจ้าทำให้ข้าผิดหวังเสียจริง ถือดาบไม่มั่นคง ความเร็วในการมุดก็เร็วไม่พอ จังหวะเองก็ไม่แม่นยำ!”
“ท่านผู้อาวุโส ข้ารู้ตัวว่าล้มเหลว แต่ได้โปรดช่วยข้าก่อนเถิด!” หม่าคงร่ำร้องอ้อนวอน
“สายไปแล้ว” ฉู่เซวียนส่ายหัวแล้วกล่าวว่า “เทพองค์นี้อยู่ห่างจากเจ้าหลายหมื่นลี้ พลังของข้ากว่าจะไปถึงเจ้านั้นต้องใช้เวลา”
หัวใจของหม่าคงจมดิ่งลง
“แต่ไม่ต้องห่วง ข้าจะสอนวิธีอื่นให้เจ้า มันจะช่วยชีวิตเจ้าได้อย่างแน่นอน!”
“วิธีอะไรรึ? ท่านผู้อาวุโส สอนข้าเร็วเข้า!”
แม้ว่าหม่าคงจะรู้สึกว่าวิธีการของผู้อาวุโสคนนี้ดูไม่น่าเชื่อถือเลยก็ตาม แต่ในเวลานี้มันคือความหวังเดียวของเขา
“คุกเข่าลงหน้าพยัคฆ์ภูตสวรรค์แล้วเรียกมันว่าท่านพ่อ อย่างที่ว่ากันว่าเสือจะไม่กินลูกของมันเอง เมื่อเจ้าเรียกมันว่าบิดาแล้ว มันจะทนกินเจ้าได้อย่างไร?” ฉู่เซวียนเอ่ยอย่างจริงจัง
“เอ๊ะ?”
หม่าคงตกตะลึง นี่เป็นวิธีการเช่นไรกันเนี้ย?
จะได้ผลจริงหรือ?
“ตั้งแต่สมัยโบราณ ผู้แข็งแกร่งต้องอดทนแบกรับความอัปยศอดสูเมื่อยามอ่อนแอ ในอดีตยอดฝีมือไร้เทียมทานหลายคนก็เผชิญกับความอัปยศอดสูเมื่อยามอ่อนแอ ดังนั้นอย่ารู้สึกแย่กับเรื่องนี้นักเลย”
“นี่เป็นโอกาสเดียวที่เจ้าจะรอดชีวิต เทพองค์นี้เข้าใจอสูรประเภทพยัคฆ์เป็นอย่างดี เสือจะไม่กินลูกของมันเอง ไม่ใช่เรื่องโกหกแน่นอน!”
เมื่อมาถึงจุดนี้ หม่าคงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเชื่อ
เมื่อเห็นว่าพยัคฆ์ภูตสวรรค์มาถึงตรงหน้าเขาแล้ว เขาก็คุกเข่าลงทันที แล้วน้ำตาไหลพรากพร้อมกับคำราม “ท่านพ่อ ท่านพ่อ นี่ลูกเอง!”
พยัคฆ์ภูตสวรรค์ที่ยกกรงเล็บขึ้นข้างหนึ่งก็หยุดชะงัก ดวงตาพยัคฆ์ของมันเบิกกว้าง
เมื่อหม่าคงเห็นเช่นนี้ เขาก็เต็มไปด้วยความปลาบปลื้ม ท่านผู้อาวุโสไม่ได้โกหกข้า!
อย่างที่คาดเอาไว้ เสือจะไม่กินลูกของมันเอง!
“ท่านพ่อ ข้าเป็นลูกของท่าน ข้าชื่อหม่าหู!”
ความฉลาดของพยัคฆ์ภูตสวรรค์คงไม่ต่ำเกินไปใช่ไหม? เขาเรียกมันว่าพ่อแล้วก็ควรจะปล่อยเขาไปใช่ไหม?
เมื่อหม่าคงเห็นพยัคฆ์ภูตสวรรค์ลดอุ้งเท้าที่ยกขึ้นลง เขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
การเรียกพ่อมีประโยชน์จริงๆ!
พยัคฆ์ภูตสวรรค์ค่อยๆ หันหลังกลับ ทำท่าราวกับว่ากำลังวางแผนที่จะจากไป
หม่าคงตื่นเต้นมากเสียจนน้ำตาไหลพราก
ในที่สุดเขาก็รอดชีวิตมาได้
“ท่านพ่อ ค่อยๆ เดินนะขอรับ!”
“ลูกคนนี้ขอส่งท่านพ่อด้วยความเคารพ!”
พยัคฆ์ภูตสวรรค์ขนลุกฟู มันรู้สึกขยะแขยงหม่าคงถึงขีดสุด
ในขณะที่หันหลังให้หม่าคง หางของมันก็ม้วนขึ้น
ผวัวะ!
หางสะบัดลงมาอย่างรุนแรงและกระแทกศีรษะของหม่าคง
ศีรษะของหม่าคงพลันระเบิดกระจุย
“เอ่อ เอ่อ ท่านผู้อาวุโส...”
หม่าคงตกตะลึง
'ข้าเรียกเจ้าว่าท่านพ่อแล้ว! ทำไมเจ้ายังคงฆ่าข้า?'
'ไอ้ผู้อาวุโสที่ไม่น่าเชื่อถือ!'
ผวัวะ!
พยัคฆ์ภูตสวรรค์ยกขาหลังแล้วย่ำศพของหม่าคงอย่างต่อเนื่อง
โฮก!
มันแหงนหน้าขึ้นแล้วคำรามเสียงดัง แต่เมื่อคำรามไปได้ครึ่งทาง เสียงคำรามของมันก็ติดอยู่ในลำคอ
มันเบิกตากว้างพลางมองไปที่วงกลมแสงเหนือหัวของมัน
บุรุษที่อาบไล้แสงเทวะเจ็ดสีกำลังนั่งอยู่ในวงกลมแสง
อึก!
พยัคฆ์ภูตสวรรค์พลันกลายเป็นแมวตาขาว
มันหมอบนิ่งอยู่กับพื้น ขาสี่ข้างค่อยๆ ตะกายเพื่อพยายามคลานออกไปอย่างเงียบๆ
“เจ้าอยู่ที่ไหน?”
เสียงหนึ่งดังออกมาจากวงกลมแสง
พยัคฆ์ภูตสวรรค์คำรามอย่างแผ่วเบาแล้วส่งเจตจำนงวิญญาณออกไป
“ดินแดนเป๋ย”
ฉู่เซวียนรู้สึกประหลาดใจ คราวนี้สถานที่ที่เขาเชื่อมต่อคือดินแดนเป๋ย
เมื่อสัมผัสถึงการใช้พลังวิญญาณ เขารีบตัดการส่งพลังวิญญาณ หลังจากนั้นภาพบนกระจกหมื่นสวรรค์ก็จางหายไป
“การเปิดใช้งานกระจกหมื่นสวรรค์ใช้พลังวิญญาณจำนวนมาก”
“ผู้อยู่ต่ำกว่าขอบเขตจักรพรรดิไม่มีทางเปิดใช้กระจกหมื่นสวรรค์ได้เลย แม้แต่ผู้อยู่ขอบเขตจักรพรรดิก็ใช้ได้ไม่นาน”
ฉู่เซวียนวางกระจกหมื่นสวรรค์แล้วกินโอสถจักรพรรดิเพื่อฟื้นพลังวิญญาณของตนเองอย่างเงียบๆ
หลังจากฟื้นฟูพลังวิญญาณแล้ว ฉู่เซวียนส่งพลังวิญญาณเข้าสู่กระจกหมื่นสวรรค์อีกครั้ง ผิวกระจกเกิดการกระเพื่อมก่อนภาพจะปรากฏขึ้นอย่างช้าๆ
ซา!
ภาพตรงหน้าเต็มไปด้วยเกลียวคลื่น ราวกับว่าฉู่เซวียนเชื่อมต่อกับมหาสมุทร
เมื่อเลื่อนภาพไปรอบๆ เพื่อสำรวจพื้นที่ที่กระจกหมื่นสวรรค์เชื่อมต่ออยู่ แต่สิ่งที่เห็นก็ยังเป็นเกลียวคลื่น เขาไม่เห็นปลาแม้แต่ตัวเดียว
ฉู่เซวียนรู้สึกผิดหวัง เปิดใช้งานกระจกครั้งที่สอง โชคของเขาไม่ค่อยดีนัก ไม่พบสิ่งใดเลย
เขาอยากเชื่อมต่อกับยอดฝีมือแล้วหลอกลวงอีกฝ่ายต่างหาก
ไม่ว่าอย่างไร อีกฝ่ายไม่สามารถรับรู้ความแข็งแกร่งของเขาได้ เขาถูกอาบไล้แสงเทวะเจ็ดสี เจ้าสิ่งนี้ช่วยสร้างความสับสนได้อย่างมาก มองจากภายนอกจะเห็นว่าฉู่เซวียนเป็นยอดฝีมือผู้ไร้เทียมทานนั่นเอง
พลังวิญญาณหนึ่งในสามถูกใช้หมดไป แต่ยังไม่พบสิ่งมีชีวิตบนจอภาพ สิ่งเดียวที่เขาเห็นคือเกลียวคลื่น
เปิดใช้งานกระจกครั้งที่สาม ฉู่เซวียนเชื่อมต่อกับสถานที่ที่เต็มไปด้วยสีเทาและกลิ่นอายไร้ชีวิต บ้านศิลาโบราณสีน้ำตาลอมเทาจำนวนมากปรากฏขึ้นมาตรงหน้าเขา
สถานที่นี่ก็ไม่มีสิ่งมีชีวิตเช่นเคย
ฉู่เซวียนขมวดคิ้วเล็กน้อย สถานที่นี้ดูค่อนข้างผิดปกติ
ฉู่เซวียนสะบัดนิ้ว เขาโยนสมุนไพรวิญญาณลงไป
สมุนไพรวิญญาณตกลงไป แต่ชั่วพริบตาก็เหี่ยวเฉาและเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลอมเทา
เขาลองเลื่อนภาพไปรอบๆ
“สถานที่นี้ดูเหมือนเป็นพื้นที่ปิด”
“หรือว่าอาจเป็นเขตแดนลับ?”
“ไร้ซึ่งชีวิตและดูเหมือนสุสาน”
บ้านศิลาหลังใหญ่ปรากฎขึ้นปรากฏบนภาพ บ้านศิลาสีน้ำตาลอมเทาหลังนี้ ทำให้ฉู่เซวียนสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแห่งความตายอันรุนแรง กลิ่นอายแห่งความตายนี้ยังเต้นเป็นจังหวะราวกับบ้านหินกำลังหายใจอยู่
ฉู่เซวียนขยายภาพเข้าไปใกล้ประตูของบ้านศิลา
ทันใดนั้นประตูบ้านศิลาก็เปิดออก
เมื่อภาพฉายเข้าไปในบ้านศิลา เขาเห็นร่างหนึ่งนั่งขัดสมาธิโดยไร้ซึ่งชีวิตอยู่ในบ้านศิลา
ร่างกายเหี่ยวแห้ง สวมเสื้อคลุมสีน้ำตาลอมเทา กลิ่นอายแห่งความตายพุ่งเข้าออกทางรูจมูก ภายในเบ้าตาจมลึกมีแสงสีขาวกระพริบอยู่
ฉู่เซวียนซึ่งอาบไล้แสงเทวะเจ็ดสีราวกับเทพเซียนกำลังจ้องมองไปยังตัวตนปริศนาในบ้านศิลา
ฉู่เซวียนไม่ได้ตื่นตระหนกแต่อย่างใด เนื่องจากอีกฝ่ายไม่มีทางสัมผัสถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขา
ไม่ต้องเอ่ยถึงว่าอีกฝ่ายไม่มีทางโจมตีหรือพบตัวเขาผ่านกระจกหมื่นสวรรค์
“เจ้าเป็นใคร?”
ตัวตนปริศนาในบ้านศิลาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย
สายตาของมันจับจ้องไปยังฉู่เซวียน
“เทพองค์นี้กำลังตรวจตราพิภพหมื่นสวรรค์และบังเอิญผ่านมาที่นี่”
เสียงอันน่าเกรงขามดังออกมาจากแสงเทวะเจ็ดสี ร่างเหี่ยวแห้งนิ่งเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงที่สับสน “พิภพหมื่นสวรรค์?”
“เจ้าไม่รู้จักพิภพหมื่นสวรรค์?”
“ข้าไม่เคยได้ยินชื่อนี้ ข้ารู้จักแค่เก้าดินแดนห้าสิบแผ่นดิน”
จิตใจของฉู่เซวียนปั่นป่วน เก้าดินแดนห้าสิบแผ่นดินอาจจะหมายถึงการแบ่งพื้นที่ของโลกอันกว้างใหญ่นี้
เขาไม่รู้ว่าแผ่นดินหนานโจวตั้งอยู่ในดินแดนไหนของเก้าดินแดน
“เก้าดินแดนห้าสิบแผ่นดินนั้นอยู่สุดขอบมุมของพิภพหมื่นสวรรค์ พิภพเช่นนี้ไม่เป็นเช่นไรเลย”
ฉู่เซวียนกล่าวอย่างลึกซึ้ง
เขาแค่กล่าวพล่อย ๆ เพื่อคุยโม้เท่านั้น