ข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 43 ไม่ต้องตกใจ หันคมดาบขึ้นแล้วกรีดผ่าท้องของมัน
ข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 43 ไม่ต้องตกใจ หันคมดาบขึ้นแล้วกรีดผ่าท้องของมัน
ในตอนแรก มีเพียงผู้ฝึกยุทธ์มารใกล้หมดอายุขัยเท่านั้นที่บุกพระราชวังมาร แต่ต่อมา แม้แต่ผู้ฝึกมารอายุน้อยเลือดร้อนก็ตัดสินใจเข้าร่วมด้วย
ศักดิ์ศรีของจักรวรรดิต้าเชี่ยลดฮวบลง
แน่นอนว่าคนที่ท้าทายศักดิ์ศรีของจักรวรรดิต้าเชี่ยไม่มีใครรอดชีวิตมาได้
พวกเขาทุกคนล้วนมาด้วยความตั้งใจที่จะตาย
แต่ไม่รู้เหตุใด สหายของคนที่ท้าทายจักรวรรดิต้าเชี่ยต่างพากันรู้สึกเป็นเกียรติ
“เจ้ารู้ไหมรึว่าผู้ยอดเยี่ยมคนนั้นเป็นใคร? ข้าขอบอกเจ้าแล้วกันว่าคนที่บุกพระราชวังมารเมื่อวันก่อนคือพี่ชายของข้า เจ้าเข้าใจไหม?”
ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ในหมู่ผู้ฝึกยุทธ์มารต่างพากันภูมิใจที่มีสหายซึ่งบุกเข้าไปในพระราชวังมาร พวกเขารู้สึกเกิดอารมณ์จนกลายเป็นเรื่องที่น่าโอ้อวด
บางคนถึงกับสหายให้บุกพระราชวังมารก็มี
ทันใดนั้น อีกคนหนึ่งก็ถือมีดพร้าเล่มใหญ่มุ่งหน้าไปยังพระราชวังมาร
เหล่าผู้ฝึกยุทธ์มารมารวมตัวกันเพื่อรับชมการแสดงด้วยความตื่นเต้น
“นามของข้า...”
“ลงนรกไปซะ!”
ก่อนที่เขาจะทันได้เอ่ยนาม เสียงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวก็ดังออกมาจากส่วนลึกของพระราชวังมาร
ฝ่ามือโลหิตขนาดใหญ่พุ่งเข้ามาบดขยี้อีกฝ่าย
ฝ่ามือโลหิตยังพุ่งไปตบผู้ฝึกยุทธ์มารที่ทำท่าจะลองอีกด้วย
ผวัวะ! ผวัวะ!
ในพริบตา คนหลายสิบคนก็ถูกฝ่ามือโลหิตสังหาร
“หนีเร็ว!”
ผู้ฝึกยุทธ์มารที่กำลังรับชมการแสดงต่างพากันตกใจก่อนหนีไปทุกทิศทุกทาง
จักรพรรดิมารบ้าไปแล้ว!
“ตายซะ! ตายซะ!”
ฝ่ามือโลหิตไล่สังหารผู้ฝึกยุทธ์มารไปทีละคน
จักรพรรดิมารรู้สึกโกรธจัด คนพวกนี้พากันมากระตุกหนวดเขาทีละคน
ทำให้เขาจักรพรรดิมารอันเกรียงไกรถูกหน้าตบเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์
เขากลั้นความโกรธเอาไม่ไหวจนลงมือด้วยตนเอง
ในตอนแรก เขาคิดว่าหากลงมือด้วยตนเอง เขาจะสามารถสร้างความหวาดกลัวและข่มขู่ผู้ฝึกยุทธ์มารได้ น่าเสียดายที่ไม่เป็นเช่นนั้น
ยังมีพวกไม่กลัวตายบุกเข้ามาในพระราชวังมาร
“ข้ากล้าบอกเจ้าว่าคนที่ถูกจักรพรรดิมารตบตายนั่นคือพี่ชายของข้า”
“ว่าไงนะ? พี่ชายของเจ้า? บ้าไปแล้ว!”
ในแวดวงผู้ฝึกยุทธ์มาร มันกลับกลายเป็นเกียรติอันยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับคนที่บุกเข้าไปในพระราชวังมารเพื่อให้จักรพรรดิมารสังหารด้วยตนเอง!
ไม่มีใครรู้ว่าสิ่งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไรหรือเหตุใด
จักรพรรดิมารโมโหจนแทบกระอั๊กเลือด
เขาถึงกับสงสัยว่ามีวิชายุทธ์มารแบบใหม่โผล่ขึ้นมา วิชายุทธ์มารนี้ทำให้เกิดปัญหากับสมองของผู้ฝึก
มิเช่นนั้นจะมีคนบ้ามากมายได้อย่างไร?
“คุนหวู่!”
จักรพรรดิมารกัดฟันกรอด ต้นตอทั้งหมดล้วนเกิดจากผู้ฝึกยุทธ์มารตัวเล็กๆ ที่ชื่อคุนหวู่
…
“โฮสต์เก็บตัวอยู่บ้าน แต่ด้วยคำสั่งเดียว โฮสต์กลับสร้างกระแสใหม่ในหมู่ผู้ฝึกยุทธ์มาร โฮสต์ได้รับรางวัลคือกระจกหมื่นสวรรค์”
ฉู่เซวียนรู้สึกหดหู่ใจ เขตแดนลับแห่งวาสนาอยู่ในบ้านหลังนี้มาเกือบสองเดือนแล้ว แต่ก็ยังดึงดูดบุตรแห่งโชคชะตาสักใครไม่ได้เลย
เป็นไปได้ไหมว่าแผ่นดินหนานโจวไม่มีบุตรแห่งโชคชะตา?
แม้ว่าเขตแดนลับจะไม่ได้เปิดใช้งาน แต่ก็ยังมีความสามารถในการดึงดูดบุตรแห่งโชคชะตา
หรือเพราะบุตรแห่งโชคชะตาเหล่านี้อยู่ไกลไปจนต้องใช้เวลานานกว่าจะมาถึง?
จู่ๆ รางวัลจากระบบก็ปรากฏขึ้น
“???”
เขาตกตะลึงไปชั่วขณะ ด้วยคำสั่งเดียวทำให้เกิดกระแสใหม่ในหมู่ผู้ฝึกยุทธ์มาร?
ทำให้เกิดกระแสใหม่อะไรวะ
เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับคุนหวู่แน่
แต่ฉู่เซวียนไม่รู้ว่าคุนหวู่ทำอะไรกันแน่ถึงทำให้เกิดกระแสใหม่?
นี่คือข้อเสียของการไม่มีหน่วยลับ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีเรื่องใหญ่เช่นนี้เกิดขึ้นในแผ่นดินหนานโจว
เขาจำเป็นต้องคิดหาวิธีควบคุมหอจันทร์ทมิฬ
หลังจากนั้นฉู่เซวียนก็ตรวจสอบกระจกหมื่นสวรรค์
“กระจกหมื่นสวรรค์สามารถสุ่มเชื่อมต่อกับหมื่นพิภพ สามารถโอนย้ายวัตถุสิ่งของ...”
ฉู่เซวียนรู้สึกประหลาดใจ
กระจกหมื่นสวรรค์สามารถสุ่มเชื่อมต่อกับดินแดนอื่น และยังสามารถโอนย้ายวัตถุสิ่งของได้อีกด้วย แต่เวลานี้มันไม่มีความสามารถในการถ่ายโอนสิ่งมีชีวิต มันจะทำได้ก็ต่อเมื่อฉู่เซวียนมีพลังยุทธ์ในขอบเขตสวรรค์
ความสามารถในการสุ่มเชื่อมต่อนี้ใช้ได้เพียงสามครั้งต่อวัน และกระจกหมื่นสวรรค์ยังสามารถสร้างตราประทับบนสถานที่หรือสิ่งมีชีวิตได้สามตำแหน่ง หลังจากสร้างตราประทับแล้ว เขาจะสามารถตรวจสอบตราประทับเหล่านั้นได้ตลอดเวลา
เมื่อสิ่งมีชีวิตเคลื่อนที่ ตราประทับของหมื่นกระจกสวรรค์ก็จะเคลื่อนที่ด้วย
ฉู่เซวียนแทบอดทนรอไม่ไหวที่จะเปิดใช้กระจกหมื่นสวรรค์
ในขณะที่เขาใส่พลังวิญญาณเข้าไปในกระจกหมื่นสวรรค์ ระลอกคลื่นก็ปรากฏขึ้นบนผิวกระจกหมื่นสวรรค์ หลังจากนั้นไม่นานภาพก็ปรากฏขึ้นบนผิวกระจก
สิ่งแรกที่ฉู่เซวียนเห็นคือภูเขาสูงเสียดฟ้าและป่าโบราณ เขายังได้ยินเสียงสัตว์อสูนคำรามอยู่แว่วๆ
ฉู่เซวียนไม่รู้ว่ากระจกเชื่อมต่อกับสถานที่ใด แต่เมื่อภาพปรากฏขึ้น ฉู่เซวียนก็เห็นร่างๆ หนึ่ง
เขาเพ่งกระจกไปยังร่างนั้นแล้วขยายภาพ
หม่าคงทรุดลงกับพื้น หอบหายใจอย่างหนักราวกับว่าได้รับบาดเจ็บสาหัส
“หม่าคง เจ้าไหวไหม”
ชายหนุ่มชุดดำข้างๆ เขากำลังหอบหายใจเช่นกัน ทั่วตัวของชายหนุ่มเต็มไปด้วยบาดแผล เขาคุกลงเพื่อดูอาการบาดเจ็บของหม่าคง
จากที่ดูพวกเขาน่าจะเพิ่งผ่านศึกใหญ่มา
ฉึก!
ทันใดนั้น ประกายแสงเย็นวาบปรากฏขึ้น ดาบเล่มหนึ่งแทงเข้าที่หน้าอกของชายหนุ่มชุดดำ
“เจ้า!”
ดวงตาของชายหนุ่มชุดดำเบิกกว้างพลางมองหม่าคงด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
“เหตุใด?”
เขาไม่เคยคิดว่าสหายของตนเองจะลอบโจมตีเขา
ในขณะที่ชายหนุ่มชุดดำใกล้จะตาย เขาอยากจะสวนกลับไป แต่เนื่องจากเพิ่งจะเผชิญกับศึกใหญ่จนใช้พลังวิญญาณของตนเองไปเกือบหมด บวกกับดาบของหม่าคงได้ตัดเส้นลมปราณของเขา
ความมืดคืบคลานเข้ามา สติของชายหนุ่มชุดดำค่อยๆ เลือนหาย
“เหตุใดรึ?”
หม่าคงตอบด้วยสีหน้ามุ่งร้าย “แน่นอน เพื่อข้าจะได้เพลิดเพลินไปกับสมบัติเป็นคนเดียวไง ข้าขอโทษนะน้องชาย พรสวรรค์ของเจ้าดีกว่าของข้า แต่ข้าก็เป็นผู้หัวเราะคนสุดท้าย”
ด้วยการบิดดาบ ชีวิตของชายหนุ่มชุดดำก็จบลงทันที
หม่าคงเอื้อมมือหยิบถุงเก็บของของชายหนุ่มชุดดำ หลังจากเปิดดู เขาก็เอามาเก็บอย่างมีความสุขก่อนจะหันร่างจากไป
คำราม!
ทันใดนั้น ก็มีเสียงคำรามดังขึ้น
ต้นไม้โบราณล้มครืน ผืนดินสั่นไหว กลิ่นอายอันทรงพลังถาโถมเข้าใส่เขาราวกับคลื่นยักษ์
สีหน้าของหม่าคงเปลี่ยนไปอย่างมาก
“แย่แล้ว พยัคฆ์ภูตสวรรค์!”
หม่าคงคลานแล้วพยายามลุกขึ้นหนี แต่ก็ไปได้ไม่ไกลก่อนเสือดำทมิฬขนาดใหญ่จะปรากฏตัวขึ้นด้านหลังเขา
ใบหน้าของหม่าคงซีดเผือด
เขาเต็มไปด้วยสีหน้าสิ้นหวัง
หม่าคงอยู่เพียงขอบเขตห้วงลี้ลับขั้นที่เก้า ส่วนพยัคฆ์ภูตสวรรค์อย่างน้อยอยู่ในขอบเขตว่างเปล่าขั้นที่เจ็ด
ทันใดนั้น เขาก็วงกลมแสงลึกลับบนท้องฟ้า
ผ่านวงกลมนั้นไป เขามองเห็นเรือนสี่ประสานขนาดเล็กหลังหนึ่ง
ภายในเรือนสี่ประสาน ร่างหนึ่งได้นั่งอาบไล้แสงเทวะเจ็ดสีอยู่ราวกับเทพเซียน!
“ท่านผู้อาวุโส ช่วยข้าด้วย!”
ปั๊ก
หม่าคงคุกเข่าลงแล้วร้องกล่าว
ฉู่เซวียนคิดไม่ถึงว่าใช้กระจกหมื่นสวรรค์ครั้งแรก เขาก็ได้เห็นกับพี่แทงข้างหลังน้อง สังหารสหายเพื่อแย่งชิงสมบัติ
เขาเปิดใช้แสงเทวะเจ็ดสี ทำให้ดูเหมือนกับอาบไล้แสงศักดิ์สิทธิ์
“ไม่ต้องตกใจ!”
“เดี๋ยวข้าจะสอนวิธีทะลวงขอบเขตให้แก่เจ้า และเจ้าจะสังหารพยัคฆ์ภูตสวรรค์r ได้อย่างง่ายดาย!”
หม่าคงมีความสุขอย่างยิ่ง
“ขอบคุณท่านผู้อาวุโส รีบสอนวิธีนั้นให้ข้าเร็วเถิด!”
ฉู่เซวียนถูกอาบไล้แสงเทวะเจ็ดสีทำให้ไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของเขา เสียงของเขายังคล้ายกับของยอดฝีมือผู้ไร้เทียมทาน “เมื่อเสือกระโจนเข้าใส่เจ้า ให้กระชับดาบด้วยมือทั้งสองข้างและแทงเข้าไปใต้ท้องของมัน หันคมดาบขึ้นแล้วกรีดผ่าท้องของมัน”
“จำเอาไว้ ท้องเป็นจุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดของสัตว์อสูรทุกตน”
หม่าคงมึนงงไปชั่วขณะ เขาหันกลับมามองพยัคฆ์ภูตสวรรค์ที่กำลังใกล้เข้ามา เขาเหงื่อตกแล้วถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ท่านผู้อาวุโส วิธีนี้จะได้ผลหรือ”
“ไม่ต้องห่วง จะไม่มีปัญหาอันใด มันไม่มีทางคาดฝันหรอกว่าเจ้าจะพลันมุดเข้าไปใต้ท้องของมัน ดังคำกล่าวที่ว่าหากเจ้าจับทางมันได้ เจ้าย่อมสังหารมันได้ในบัดดล!”
ฉู่เซวียนให้กำลังใจหม่าคง “เมื่อเทพเซียนคอยเฝ้ามองจะเกิดสิ่งผิดพลาดขึ้นได้อย่างไร”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หม่าคงก็สงบลงแล้วคิดกับตนเองว่า 'ท่านผู้อาวุโสกำลังทดสอบข้า ใช่ มันต้องเป็นเช่นนั้นแน่!'
กระชับดาบด้วยมือทั้งสองข้าง หม่าคงหันกลับมามองพยัคฆ์ภูตสวรรค์ด้วยสายตาอันมุ่งมั่น แทนที่จะถอยกลับ เขากลับก้าวไปข้างหน้า