Chapter 68 : ฉายา
โจวเฉินและหญิงสาวผมยาวสังเกตเศษซากของร่างที่ไหม้เกรียมบนพื้นอยู่ซักพักก่อนจะจากไปทันทีหลังจากที่ยืนยันได้ว่ามันได้สลายหายไปจนหมด
ครึ่งชั่วโมงให้หลังพวกเขาก็เดินทะลุถ้ำมาโผล่ที่สิ่งก่อสร้างคล้ายกับราชวังใต้ดินแห่งหนึ่ง
ประตูของสิ่งก่อสร้างหน้าตาคล้ายราชวังแห่งนี้ถูกเปิดเอาไว้ก่อนแล้ว เมื่อลองใช้สกิลกระหายเลือดตรวจสอบดูโจวเฉินก็สัมผัสได้ถึงมอนสเตอร์หลายตัวอยู่ใกล้ๆประตู
หลังจากเข้ามาในราชวังและสังหารมอนสเตอร์อ่อนแอไปจำนวนหนึ่งเขาก็พบเข้ากับประตูทองแดงที่ถูกปิดเอาไว้อย่างแน่นหนา
ประตูทองแดงนี้ดูหนักเป็นอย่างมาก รูกุญแจของประตูเป็นตัวบ่งชี้อย่างชัดเจนว่าถ้าอยากจะเปิดก็ต้องใช้ลูกกุญแจที่เข้ากันได้
โจวเฉินหยิบกุญแจที่เขาได้มาจากห้องกับดักและลองพยายามเปิดประตูดูแต่ก็พบว่ามันไม่เข้ากัน
“ไม่ได้อีกแล้ว?”
เขารู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยจากนั้นจึงเดินจากออกมาเพื่อมองหากุญแจของประตูบานนี้ต่อ
สิบนาทีให้หลังเขากลับไม่พบร่องรอยของกุญแจประตูทองแดงเลยแต่กลับพบประตูทองแดงอีกแห่งแทน หนนี้ประตูนี้กลับสามารถเปิดได้ด้วยกุญแจที่เขามีอยู่ในมือ
เมื่อประตูทองแดงถูกเปิดออกโจวเฉินก็สังเกตเห็นทางเดินหินอ่อนลาดยาวเข้าไปภายใน สุดปลายของเส้นทางนั้นมีประตูอยู่อีกบานหนึ่งซึ่งเป็นประตูที่ทำขึ้นมาจากแสงสีเขียว
“สื่อว่าให้เข้าไปด้านในสินะ?”
โจวเฉินมองเข้าไปภายในประตูทองแดงและก้าวเท้าลงไปบนกระเบื้องหินอ่อนและเดินตรงไปยังประตูแสงสีเขียว
หลังจากเดินมาถึงประตูแสงเขาก็ลองใช้หอกแทงเข้าไปดูก่อนแต่กลับไม่มีแรงเสียดทานเลยซักนิด ด้านล่างของประตูแสงเองก็ดูเหมือนจะเป็นพื้นดินไม่ต่างกัน จากนั้นเขาก็ลองยื่นมือไปสัมผัสกับประตูแสงดูและพบว่าไม่ต่างอะไรจากการสัมผัสอากาศเลยซักนิด เขาจึงตัดสินใจเดินเข้าไป
หลังจากเดินเข้ามาในประตูแสงสีเขียวโจวเฉินก็พบเข้ากับห้องน่าสงสัยที่มีขนาดราวๆ500ตารางเมตร ในส่วนลึกสุดของห้องมีเงาร่างประหลาดสูงบางในชุดคลุมยืนพิงกำแพงอยู่ ด้านหลังเงาร่างสูงบางนั้นเป็นประตูแสงอีกบาน
“เจ้านี่ดูเหมือนจะไม่มีเลือดในร่าง...แต่เป็นมอนสเตอร์แน่ๆ”
เมื่อเห็นมอนสเตอร์ชนิดใหม่โผล่ออกมาเบื้องหน้าโจวเฉินจึงพุ่งเข้าไปหามันด้วยหอกในมืออย่างไม่รีรอ
เงาร่างสูงบางในชุดคลุมตอบสนองทันทีเมื่อเห็นโจวเฉินพุ่งเข้าใส่ ขาของมันเริ่มขยับและพาร่างหายไปจากจุดที่ยืนในชั่วพริบตา เพียงเสี้ยวพริบตาเท่านั้นมันก็เขาถึงตัวโจวเฉินแล้ว
“เร็วมาก!”
โจวเฉินประหลาดใจยิ่งนัก นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขาเจอกับมอนสเตอร์ที่มีความเร็วสูงถึงเพียงนี้ มือซ้ายของเขารีบเรียกขวานออกมาขวางการโจมตีจากมีดที่ถูกแทงลงมาโดยมอนสเตอร์ในชุดคลุมอย่างรวดเร็ว
มอนสเตอร์ในชุดคลุมเมื่อเห็นการกระทำของโจวเฉินก็เลือกที่จะวนอ้อมไปและพยายามแทงมีดใส่โจวเฉินจากด้านหลังแทน
โจวเฉินควงหอกแทงกลับหลังอย่างรวดเร็วเพื่อบีบให้มันถอยออกไป จากนั้นเขาก็รีบเปิดใช้งานสกิลย่างก้าวสายลมในทันที
มอนสเตอร์ชุดคลุมตนนี้ทำให้เขารู้สึกกดดันยิ่งนัก ถ้าเขาไม่ใช้ย่างก้าวแห่งสายลมแล้วล่ะก็การจะจับจังหวะการโจมตีของมันให้ได้คงเป็นเรื่องยาก
เมื่อเขาเปิดใช้งานสกิลย่างก้าวแห่งสายลม ทั่วทั้งร่างของโจวเฉินก็พลันถูกปกคลุมเอาไว้โดยกระแสลมไร้สีที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นมาถึง3ส่วนและกระทั่งสามารถเคลื่อนที่กลางอากาศได้ด้วย
หลังจากใช้งานย่างก้าวแห่งสายลมเขาก็สามารถไล่ทันความเร็วของมอนสเตอร์ชุดคลุมได้ในที่สุด ถ้าบอกว่าอีกฝ่ายมีเทคนิคการใช้มีดแพรวพราวถ้างั้นเขาก็มีความเร็วที่เพิ่มขึ้นและความสามารถในการลอยตัวช่วงสั้นๆซึ่งทำให้สามารถสวนกลับอย่างคาดไม่ถึงได้เช่นกัน อย่างเช่นการดึงระยะห่างและใช้หอกกระหน่ำโจมตี
หลังจากข้อได้เปรียบด้านความเร็วของมอนสเตอร์ในชุดคลุมหมดไปมันจึงค่อยๆถูกโจวเฉินข่มทีละน้อย พริบตาหนึ่งนั้นโจวเฉินใช้ความสามารถในการลอยตัวเพื่อหลอกให้มันเผยจุดอ่อนและใช้จังหวะนั้นแทงหอกเข้าที่หัวของมันส่งผลให้มันได้รับบาดเจ็บสาหัสและล้มลงไป
สองวินาทีหลังจากที่มอนสเตอร์ชุดคลุมล้มลงบนพื้นมันก็กลับกลายเป็นฝุ่นและสลายหายไปทำให้โจวเฉินไม่มีโอกาสได้เห็นลักษณะที่แท้จริงของมัน
[พรสวรรค์ช่วงชิงสกิลติดตัวทำงาน : ท่านได้ทำการช่วงชิงสกิลติดตัวของโครงกระดูกนักฆ่า ‘เสริมแกร่งความเร็ว(ระดับ1)’ - ระบบตรวจพบว่าสกิลติดตัวนี้ทรงพลังกว่าที่ท่านครอบครองอยู่จึงทำการแทนที่โดยอัตโนมัติ]
[พรสวรรค์ช่วงชิงสกิลติดตัวทำงาน : ท่านได้ทำการช่วงชิงสกิลติดตัวของโครงกระดูกนักฆ่า ‘ศาสตร์การใช้มีด(ระดับ1)’ ต้องการดูดซับหรือไม่?]
“จัดไปเลย!”
โจวเฉินเลือกดูดซับอย่างไม่ลังเล ดังที่กล่าวกันว่าการที่ทักษะเพิ่มซักอย่างสองอย่างนั้นหาได้เป็นภาระไม่ ดังนั้นต่อให้เขามีสกิลพวกนี้มากกว่านี้ก็ไม่ใช่ปัญหา
[ระบบตรวจพบว่าท่านได้ทำการสังหารโครงกระดูกนักฆ่า - ได้รับฉายา ‘นักลอบสังหาร’]
โจวเฉินต้องประหลาดใจอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงแจ้งเตือนที่ไม่เหมือนที่ผ่านๆมาจากทางระบบที่บอกเขาว่าเขาได้รับฉายามาครอง
‘ฉายา?’
โจวเฉินสับสนไปชั่วขณะ จากนั้นเขาก็รีบเปิดหน้าต่างตัวละครขึ้นมาเพื่อตรวจสอบในทันที
[ชื่อ : โจวเฉิน]
[ร่างกาย : 2.1]
[ความเร็ว : 2.0]
[จิตวิญญาณ : 2.1]
[พรสวรรค์ : ช่วงชิงสกิลติดตัว]
[สกิลเรียกใช้งาน : ย่างก้าวสายลม (ระดับ2)]
[สกิลติดตัว : พิษซากศพ(ระดับ1) , พิษงู(ระดับ1) , เสริมแกร่งความเร็ว(ระดับ1) , เสริมแกร่งจิตวิญญาณ(ระดับ1) , เสริมแกร่งกายา(ระดับ1) , พลังช้างสาร(ระดับ1) , ศาสตร์การต่อสู้(ระดับ1) , ศาสตร์การใช้หอก(ระดับ1) , ศาสตร์การใช้มีด(ระดับ1) , มองเห็นในที่มืด(ระดับ1) , ฟื้นฟูพลังชีวิต(ระดับ1) , หายใจใต้น้ำ(ระดับ1) , กลั้นลมหายใจ(ระดับ1) , ฟื้นฟูร่างกาย(ระดับ1) , แปลงพลังงานแสง(ระดับ1) , ผิวทองแดงกระดูกเหล็ก(ระดับ1) , โมโนลิธ(ระดับ1) , ทรหด(ระดับ1)]
[พลังรบโดยรวม : ทองแดงขั้นกลาง]
พอลองสังเกตดูเขาก็พบว่าในหน้าต่างตัวละครนั้นมีช่องฉายาเพิ่มขึ้นมาใหม่ ซึ่งเมื่อเขาลองเพ่งสมาธิไปที่ฉายาดูระบบก็ได้ให้คำอธิบายดังนี้
[นักลอบสังหาร]
[ประเภท : ฉายาระดับทองแดงขั้นต่ำ]
[คำอธิบาย : เมื่อท่านสวมใส่ฉายานี้ความเสียหายทางกายภาพที่ทำได้จะเพิ่มขึ้น12% , ความเร็วในการเคลื่อนที่และความเร็วในการโจมตีเพิ่มขึ้น8%]
“ฉายาเป็นแบบนี้เองสินะ เพิ่มค่าสถานะให้ด้วยแบบนี้ก็ไม่เลว”
โจวเฉินคิดว่างานนี้มีแต่ได้ไม่มีเสีย ความพยายามในการเคลียร์ห้องกับดักที่ชั้นแรกของเขาถือว่าไม่ได้สูญเปล่าแล้ว ฉายาที่เพิ่มค่าสถานะเป็นเปอร์เซ็นต์เช่นนี้มีค่ามากกว่าอุปกรณ์สวมใส่ทั่วๆไปเป็นไหนๆ
ขณะที่โจวเฉินกำลังตรวจสอบสิ่งที่ได้มานั้นเขาก็สัมผัสได้ว่ามีใครบางคนเดินเข้ามาจากประตูที่อยู่ด้านหลังของเขา นั่นคือหญิงสาวผมยาวนั่นเอง
หญิงสาวผมยาวดูเหมือนจะถูกประตูแสงสีเขียวขวางกั้นเอาไว้เมื่อครู่ตอนที่เขากำลังต่อสู้อยู่และหลังกจามอนสเตอร์ภายในห้องถูกเขาสังหารไปประตูแสงจึงหายไปและเจ้าหล่อนจึงเข้ามาได้
“ดูเหมือนนี่จะเป็นบันไดที่นำไปสู่ชั้นถัดไป”
ดวงตาของหญิงสาวเปล่งประกายเมื่อสังเกตเห็นบางอย่าง
โจวเฉินหันไปมองรอบๆและพบว่าประตูแสงบนกำแพงที่อยู่ส่วนลึกของห้องเองก็หายไปแล้วเช่นกันและเผยให้เห็นบันไดที่นำลงไปสู่ชั้นล่าง
“ชั้นสองจบง่ายๆแบบนี้เลย?”
โจวเฉินรีบวิ่งไปดูและพบว่าบันไดนี้ดูเหมือนจะนำไปสู่ชั้นสามจริงๆ
“ฉันยังสำรวจชั้นสองไม่เสร็จเลยยังไม่คิดจะลงไปตอนนี้แน่ๆ”
โจวเฉินค่อนข้างคิดหนักเพราะเขาอยากจะกวาดชั้นสองให้เรียบเสียก่อนที่จะไปยังชั้นสาม
ยังไงก็ตามหญิงสาวผมยาวกลับไม่สนใจความคิดของเขา เจ้าหล่อนเดินตรงลงไปยังบันไดอย่างไม่รีรอ ด้วยลักษณะนิสัยของเจ้าหล่อนแล้วเธอคงอยากจะจบภารกิจให้ไวที่สุด
“ของที่อยู่ชั้นสามยังไงก็คงดีกว่า ลงไปเลยก็ได้มั้ง”
โจวเฉินที่เดิมทียังคงลังเลอยู่บ้างเพียงพริบตาก็รีบสลัดความลังเลทั้งหมดทิ้งไปเพราะไม่อยากให้หญิงสาวได้ไอเทมจากชั้นที่สามไปครอง แม้ว่าเจ้าหล่อนจะดูไม่เหมือนคนที่ชอบสู้กับมอนสเตอร์ก็ตามที