Chapter 67 : ฟื้นคืนชีพ
หลังจากเดินอยู่ในเขตไหล่ผามาได้ซักพักเบื้องหน้าก็โจวเฉินและหญิงสาวผมยาวก็ปรากฏถ้ำหลายแห่งให้ได้เห็น
โจวเฉินลองใช้การตรวจจับจากสกิลกระหายเลือดดูเพื่อยืนยันว่าในถ้ำมีมอนสเตอร์หรือไม่ จากนั้นเขาก็มุ่งหน้าเข้าไปในถ้ำเพราะอยากจะสังหารมอนสเตอร์ชนิดใหม่ๆเพื่อหาสกิลติดตัวที่พอใช้งานได้
ไม่นานนักเขาก็พบเข้ากับมอนสเตอร์หลายตัวที่มีหน้าตาคล้ายกับหนูขนาดใหญ่และอีกตัวหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายลิงบาบูนแต่ไม่นานนักพวกมันก็ถูกเขากับหอกของเขาทำลายทิ้งจนสิ้นซาก
เขาเดินลึกเข้าไปเรื่อยๆและถูกโครงกระดูกเข้าโจมตี โครงกระดูกพวกนี้ใช้ธนูและลูกธนูในการลอบโจมตีเขา
ประสาทสัมผัสอันทรงพลังของโจวเฉินทำให้ในช่วงเวลาอันตรายเขาสามารถสังเกตเห็นความผิดปกติได้ทันเวลา เขาหลบการโจมตีของพวกมันและฉีกกระชากพวกมันจนกลายเป็นชิ้นๆอย่างรวดเร็ว
ใกล้ๆกับพวกมอนสเตอร์โครงกระดูกนั้นเขาพบกับหีบสมบัติวางอยู่ใบนึง ภายในหีบนี้มีขลุ่ยที่ทำจากกระดูกวางเอาไว้
[ขลุ่ยกระดูก]
[ประเภท : อาวุธระดับทองแดงขั้นต่ำ]
[คำอธิบาย : เสียงของขลุ่ยกระดูกนี้สามารถทำให้ผู้ฟังนอกจากผู้ใช้งานที่มีระดับทองแดงเกิดความรู้สึกกระวนกระวายใจได้อย่างรุนแรง ยิ่งฟังนานเท่าไหร่ยิ่งได้รับความเสียหายมากเท่านั้นจนถึงขั้นอาจจะสลบและเสียชีวิตได้เลย]
“อาวุธชิ้นนี้แปลกจริงๆ...”
โจวเฉินรู้สึกว่าอาวุธชิ้นนี้แปลกไม่น้อย โชคไม่ดีนักที่เขาไม่รู้วิธีเป่าขลุ่ยไม่อย่างนั้นเขาคงจะลองทดสอบดูไปแล้ว
หลังจากเก็บขลุ่ยกระดูกเอาไว้ในช่องเก็บของเขาก็มุ่งหน้าตรงเข้าไปในถ้ำต่อพร้อมๆกับหญิงสาวผมยาวที่ตามมาอย่างเงียบๆ
หลังจากสังหารมอนสเตอร์ไปอีกหลายกลุ่มโจวเฉินก็ได้พบกับคนคุ้นหน้าคุ้นตา : ชายหนุ่มผมสีเทานั่นเอง
โจวเฉินเคยเจอคนผู้นี่ที่ห้องกับดักเปลวเพลิงในชั้นแรกมาแล้วหนหนึ่ง หลังจากนั้นเขาก็บังเอิญช่วยเหลือคนผู้นี้ที่ถูกตัวกินสมองไล่ล่าเอาไว้อีกครั้ง เรียกว่าได้ค่อนข้างคุ้นน้าคุ้นตากันไม่น้อย
“ดีใจที่ได้เจอนายอีกนะเพื่อน มาร่วมทีมกันเถอะ”
ชายหนุ่มผู้นี้เมื่อได้เห็นโจวเฉินภายในถ้ำก็แสดงสีหน้ายินดีและรีบเอ่ยปากชักชวนให้ไปด้วยกัน
“ค่อยคุยเรื่องร่วมทีมทีหลัง ช่วยบอกมาก่อนได้ไหมว่านายมาจากไหน?”
โจวเฉินไม่ได้ตอบรับคำเชิญของคนผู้นี้แต่กลับถามเขากลับด้วยสีหน้าจริงจังแทน
“ฉันมาจากไหน? ฉันก็เป็นเซอร์ไวเวอร์เหมือนนายไง?”
ชายหนุ่มตอบกลับด้วยท่าทีฉงน
“แต่ตอนเริ่มภารกิจฉันจำได้ว่าไม่เคยเห็นหน้านายมาก่อนเลยนะ”
โจวเฉินเอ่ยจุดบกพร่องออกมาตรงๆ
“ในภารกิจหนนี้มีผู้ชายอยู่เจ็ดคนและมีผู้หญิงอยู่สามและนายไม่ใช่หนึ่งในผู้ชายทั้งเจ็ดคนที่ว่า”
“นายน่าจะจำผิดมากกว่า...”
ชายหนุ่มขบคิดซักพักหลังจากได้ยินคำกล่าวของโจวเฉิน
“ตอนเริ่มต้นเห็นกันอยู่ชัดๆว่าพวกเรามีอยู่หกคน มีผู้ชายสามผู้หญิงหนึ่ง”
เสียงของเขาแผ่วเบาลงเรื่อยๆและสีหน้าเองก็ค่อยๆมืดครึ้มลง
“จำได้แล้วใช่ไหม?”
โจวเฉินไม่ได้แปลกใจนักที่เห็นความเปลี่ยนแปลงทางสีหน้าของอีกฝ่าย จากนั้นเขาก็ทิ้งบอมบ์ลงไปอีกลูก “ลองจับที่หน้าอกของตัวเองดูสิว่าหัวใจยังเต้นอยู่ไหม”
เหตุผลที่เขากล่าวเช่นนี้ก็เพราะเขาสัมผัสไม่ได้ถึงเลือดที่ไหลเวียนอยู่ในกายของคนผู้นี้จากสกิลกระหายเลือดเลย คนผู้นี้แท้จริงได้ตายไปแล้ว!
“ไม่จำเป็นหรอก...”
สีหน้าของชายหนุ่มผมเทาแปรเปลี่ยนเป็นสีเทาซีด นี่ไม่ใช่เพียงแค่คำอุปมาเท่านั้นแต่ลักษณะของเขาเกิดการเปลี่ยนแปลงจริงๆ ร่างกายของเขาแปรเปลี่ยนไปอยู่ในสภาพราวกับถ่านที่ถูกเผาจนเกรียมดูแล้วน่าหวาดหวั่นยิ่งนัก
“ฉันจำได้แล้ว ฉันถูกผลักเข้าไปในห้องกับดักไฟนั่นโดยเพื่อนร่วมทางและถูกเผาจนตาย”
เสียงของเขาแปรเปลี่ยนเป็นทุ้มลึกราวกับเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกฟ้าภายในตัว
“บอกฉันมาได้ไหมว่านายคืนชีพได้ยังไง?”
โจวเฉินกระชับด้ามหอกเอาไว้ในมือแน่นและถามออกมาด้วยน้ำเสียงสงบ
“ฉันไม่รู้แต่ถ้าให้เดาก็คงเป็นเพราะระบบนั่นแหละ”
เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
“ถ้างั้นทำไมระบบถึงได้ชุบชีวิตนายขึ้นมา?”
โจวเฉินยิงคำถามที่สำคัญที่สุดใส่ตรงๆ
“ชุบชีวิต? เรื่องแบบนั้นมันไม่มีจริงหรอก! ฮ่าๆๆๆ!”
จู่ๆชายหนุ่มก็พลันเริ่มหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง
“ข้าไม่ใช่มัน! ข้าคือผู้ได้รับมอบชีวิตใหม่! เขาคือตัวตนที่สูงส่งยิ่งกว่า!”
ร่างดำถ่านของอีกฝ่ายดูเหมือนใกล้จะระเบิดเต็มที
“นี่มัน...ดูเหมือนจะคุยยากแล้วสิ...”
เมื่อเห็นเช่นนี้โจวเฉินก็แทงหอกในมือเข้าใส่หน้าอกของชายร่างไหม้ในทันที
“ไร้ประโยชน์! บาดแผลเช่นนี้ไม่มีความหมายสำหรับข้าหรอก!”
ชายร่างไหม้ที่ถูกหอกของโจวเฉินเจาะทะลุหน้าอกหัวเราะออกมาอย่างชั่วร้าย จากนั้นมันก็เหยียดกงเล็บสีดำมาคว้าโจวเฉินเอาไว้โดยไม่สนใจหอกที่ยังคงเสียบคาหน้าอกของตนอยู่เลย
โจวเฉินที่ต้องเผชิญหน้ากับชายหนุ่มผมเทาที่กลายเป็นอสูรไปแล้วกลับไม่ได้ตื่นตระหนก เขารีดเร้นพลังในกายยกร่างของมอนสเตอร์ขึ้นด้วยหอกแล้วเหวี่ยงมันไปติดกับผนังถ้ำ
จากนั้นเขาก็พุ่งตัวตามไปอย่างรวดเร็ว หอกในมือของเขาทิ่มทะลุศรีษะและลำคอของมอนสเตอร์ร่างดำถ่านที่ยังไม่ทันได้ลุกขึ้นยืนเข้าอย่างจังและก่อนถอยออกมาเขาก็ยังไม่วายตัดแขนของมันออกมาอีกข้าง
มอนสเตอร์ตัวนี้แม้จะได้รับบาดเจ็บเพิ่มเติมกลับยังไม่ตกตายแต่ความคล่องตัวและสติปัญญาดูเหมือนจะลดลงไปไม่น้อย มันเงยหน้าที่ไหม้เกรียมของตนมองมาทางโจวเฉินก่อนจะคำรามลั่นและพุ่งเข้าใส่เขาอย่างบ้าคลั่ง
“ความทนทานกับความเร็วอยู่ในระดับทั่วๆไปแต่ดูเหมือนจะไม่มีจุดตายเลย”
โจวเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อยและถอยไปพลางเปลี่ยนหอกในมือเป็นขวาน
ยังไงก็ตามก่อนที่เขาจะได้เข้าไปโรมรันกับมอนสเตอร์ร่างดำถ่ายนั้นอีกครั้ง หญิงสาวผมยาวที่ยืนอยู่ใกล้ๆจู่ๆกลับพุ่งเข้ามา
เจ้าหล่อนฟาดค้อนสงครามในมือเข้าใส่หัวที่ถูกหอกเจาะทะลุของมอนสเตอร์ร่างไหม้จนทำให้ศรีษะที่พังยับอยู่แล้วนั้นแตกออกเป็นเสี่ยงๆ จากนั้นเจ้าหล่อนก็รัวฟาดค้อนใส่ร่าง กงเล็บและขาของมันไม่ยั้ง เปลี่ยนมันจนกลายเป็นกองขี้เถ้า
“แฮ่กๆ น่าจะตายแล้วแหละ”
หญิงสาวผมยาวถอยออกมาสองก้าวก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อตั้งสติ จากนั้นเจ้าหล่อนก็หันมามองโจวเฉิน
“น่าจะแต่รอดูอีกซักหน่อยดีกว่า”
โจวเฉินจ้องเขม็งไปที่กองขี้เถ้าบนพื้นแล้วพยักหน้ารับคำ
“ไม่ใช่ว่าคิดจะอยู่เฉยๆอย่างเดียวรึไง? ทำไมจู่ๆถึงได้ขยันขึ้นมา?”
เขายิ้มให้กับอีกฝ่ายแล้วเอ่ยปากถาม
“เจ้านี่มันชั่วร้ายเกินไปพวกเราจะปล่อยให้มันออกไปจากที่นี่ไม่ได้”
หญิงสาวตอบกลับเสียงเรียบ
“หืม...นี่เป็นครั้งแรกจริงๆนั่นแหละที่ฉันเห็นอะไรแบบนี้ สงสัยเหมือนกันว่าพวกมันสามารถกลับไปยังดาวขั้วน้ำเงินแบบพวกเราได้รึเปล่า ถ้าได้ก็คงวุ่นวายน่าดู”
ในความรู้ของโจวเฉินนั้นดาวขั้วน้ำเงินไม่เคยปรากฏมอนสเตอร์มาก่อน เป็นสถานที่ที่โดยรวมแล้วสงบสุขอย่างยิ่งแต่ถ้าเกิดสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดที่สามารถฟื้นคืนชีพได้เหล่านี้สามารถกลับไปยังดาวขั้นน้ำเงินได้ล่ะก็ถ้างั้นคงได้เกิดความวุ่นวายกันแน่
บางทีเจ้ามอนสเตอร์ร่างไหม้ตนนี้อาจจะไม่ได้ทรงพลังซักเท่าใดนักแต่ถ้าจำนวนของมันมีมากๆหรือมีตัวที่ทรงพลังเป็นพิเศษปรากฏขึ้นบนโลกล่ะก็คงได้เกิดหายนะครั้งใหญ่เป็นแน่แท้
‘ในภารกิจนี้น่าจะยังเหลือตัวแบบนี้อยู่อีกสองตัว หวังว่าจะได้เจอพวกมันแล้วกัน’
โจวเฉินไม่อยากให้สถานที่ปลอดภัยอย่างจักรวรรดิมังกรถูกทำลาย ดังนั้นเขาจึงจะพยายามอย่างยิ่งยวดเพื่อขจัดปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นเหล่านี้..และแม้ว่าการกระทำของเขามันอาจจะเป็นเพียงการลดจำนวนของพวกมันเท่านั้นแต่ก็ยังถือว่าดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย