Chapter 62 : กับดัก
หลังจากผ่านทางเดินยาวมาแล้วโจวเฉินก็เข้าสู่ห้องโถงขนาดใหญ่ที่อยู่อีกฝากของสะพานและได้เห็นห้องนี้อย่างชัดเจนถนัดตา
โจวเฉินที่เคยเห็นคร่าวๆมาก่อนหนนึงก็คิดอยู่แล้วว่าห้องนี้ค่อนข้างกว้างแต่พอเข้ามาจริงๆเขาก็พบว่ามันกว้างกว่าที่เห็นจากภายนอกเยอะมาก พื้นที่ด้านในห้องนั้นเทียบกับได้โถงใหญ่ของพระราชวังเลยทีเดียว
ยังไงก็ตามสถานที่น่าสงสัยเช่นนี้ย่อมไม่มีทางไร้พิษภัย ภายในห้องนี้มีลูกกรงเหล็กถูกกั้นขวางเอาไว้เป็นชั้นๆดูราวกับคุกโบราณอยู่เล็กน้อย ยิ่งไปกว่านั้นภายในเส้นทางเดินที่ถูกจำกัดเอาไว้โดยลูกกรงเหล็กเหล่านี้ยังเต็มไปด้วยกับดักนานาชนิด
มีทั้งหลุมใบมีดที่โจวเฉินเห็นมาแล้วหลายครั้งด้านนอก เสาที่เต็มไปด้วยหนามแหลมและคอยหมุนไปหมุนว่าโดยไม่รู้ว่ามันอาศัยแรงใดในการหมุน ค้อนขนาดยักษ์ที่แกว่งไกวไปมาและอุปสรรคอื่นๆอีกมากมายที่แค่มองก็รู้เลยว่าไม่ง่ายที่จะผ่านไปได้
ยังไงก็ตามกับดักพวกนี้ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะผ่านไปได้ รูปแบบการทำงานของพวกมันมักจะมีระยะปลอดภัยเหลืออยู่เล็กน้อย ตราบใดที่คุณรวดเร็วและตัดสินใจได้อย่างแม่นยำมากพอก็สามารถหลบเลี่ยงไปได้
“โถงที่เต็มไปด้วยกับดักสินะ...”
เมื่อมองไปยังกับดักมากมายท่ามกลางเส้นทางคดเคี้ยวที่ถูกออกแบบโดยลูกกรงเหล็กเหล่านั้นแล้วโจวเฉินก็รู้สึกหนักอึ้งในจิตใจเล็กน้อย ในเวลาเดียวกันเมื่อเขามองไปยังส่วนลึกของห้องโถง บริเวณที่เป็นสุดทางของเส้นทางเดินที่ถูกขวางกั้นเอาไว้โดยลูกกรงเหล็กเขาก็สังเกตเห็นว่ามันมีกล่องเหล็กขนาดเล็กกล่องหนึ่งวางอยู่บนแท่นหิน ขนาดของมันไม่ได้ใหญ่มากนักแต่ดูแล้วน่าล่อตาล่อใจยิ่งนัก
“ห้องนี้มีแค่เราคนเดียว ผู้หญิงสองคนนั่นน่าจะยอมแพ้ไปแล้ว”
โจวเฉินไม่เชื่อหรอกว่าสตรีทั้งสองคนนั้นจะไม่มุ่งหน้ามายังที่แห่งนี้แต่ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ได้อยู่ที่นี่และกล่องสมบัติก็ยังคงอยู่ดีนั่นก็หมายความว่าทั้งสองคนนั้นยอมแพ้ที่จะเอามันไปแล้ว
“ลองดูหน่อยแล้วกัน ถึงแม้มันจะดูอันตรายไปซักหน่อยแต่ด้วยสภาพร่างกายของเราตอนนี้บวกกับความสามารถย่างก้าวสายลมการจะผ่านกับดักไปได้น่าจะไม่ใช่ปัญหา”
โจวเฉินคิดเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้นก็ตัดสินใจได้ทันทีว่าเขาจะเคลียร์ห้องที่เต็มไปด้วยกับดักนี้เพราะเขาค่อนข้างมั่นใจในความแข็งแกร่งของตัวเองและเชื่อมั่นยิ่งนักว่าต่อให้เขาบังเอิญทำผิดพลาดเล็กน้อยๆขึ้นมาก็ไม่มีทางตกอยู่ในสถานการณ์สิ้นหวังแน่นอน
เขาเดินไปบนเชือกที่ขึงเอาไว้เหนือหลุมใบมีดอย่างมั่นคงและใช้เวลาไม่นานนักก็มาถึงพื้นทีที่เต็มไปด้วยเสาหนาม หลังจากตรวจสอบรูปแบบการเคลื่อนที่ของเสาอยู่ซักพักเขาก็ย่างเท้าเข้าไปอย่างมั่นใจและเริ่มขยับไปซ้ายทีขวาที หลบเลี่ยงจากเสาที่หมุนเข้ามาหาจากทุกทิศทุกทางไปได้อย่างไม่ยากเย็นและมาจนถึงสุดปลายทางในไม่ช้า
แม้จะดูเหมือนว่าโจวเฉินสามารถผ่านมาได้อย่างง่ายดายแต่ในความเป็นจริงแล้วเขาจำเป็นต้องคงประสาทรับรู้และสมาธิเอาไว้แทบจะตลอดเวลา เมื่อเขามาถึงปลายทางบริเวณชายเสื้อตรงแขนข้างซ้ายของเขาก็บังเกิดรอยบาดขึ้นมารอยหนึ่ง เสาหนามเมื่อครู่บังเอิญเฉียดผ่านแขนซ้ายของเขาเข้านั่นเอง
นี่ไม่ใช่เพราะการเคลื่อนไหวของเขายังปราดเปรียวไม่พอหรือตัวเขาไม่คิดจะหลบแต่อย่างใดหากเป็นเพราะการคาดเดาการเคลื่อนไหวของเสาหนามของเขาคลาดเคลื่อนไปจังหวะหนึ่งส่งผลให้เขาได้ของฝากมาเป็นที่ละลึกบนแขนซ้ายเช่นนี้
ถ้าเป็นคนอื่นเผลอๆแขนซ้ายอาจจะใช้การไม่ได้ไปแล้วก็เป็นได้
ยังไงก็ตามเมื่อโจวเฉินลองตรวจสอบดูก็พบว่านอกจากเสื้อผ้าที่ถูกบาดจนขาดแล้วก็มีเพียงรอยกรีดสีขาวจางๆเหลือทิ้งเอาไว้เท่านั้น สกิลติดตัวอย่างหนังทองแดงกระดูกเหล็กและโมโนลิธดูเหมือนจะแสดงผลได้ดีไม่น้อย
“กับดักพวกนี้ไม่เป็นอันตรายต่อเราอย่างที่คิดจริงๆ”
โจวเฉินยิ่งมั่นใจเข้าไปอีกเมื่อเห็นเช่นนี้และเดินหน้าผ่านกับดักต่อไปเรื่อยๆ
ในระหว่างกระบวนการเหล่านี้ตัวเขาไม่ได้ใช้ร่างกายอันอึดถึกทนของตนฝ่ากับดักแต่อย่างใดและยังคงใช้วิธีการหลบเลี่ยงความเสียหายจากกับดักให้ได้มากที่สุดเหมือนเดิม
สิบนาทีให้หลังเขาก็มาถึงอุปสรรคด่านสุดท้าย อุปสรรคที่ว่านี้ก็คือบ่อน้ำบ่อหนึ่ง ของเหลวภายในบ่อนั้นดูคล้ายกับโลหะหลอมเหลว ความร้อนภายในบ่อนั้นสูงจนน่าไม่เชื่อและมีเสากลมๆขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางราวๆสิบเซ็นติเมตรลอยอยู่ภายในบ่อเหล็กหลอมแห่งนี้ อุปสรรคด่านนี้เห็นได้ชัดเลยส่าเป็นการทดสอบความกล้าหาญและความเร็วของผู้ที่เข้ามา เป้าหมายของมันก็คือเซอร์ไวเวอร์จะต้องผ่านบ่อเหล็กหลอมเหลวนี้ไปให้ได้โดยเหยียบลงไปบนเสากลมๆเหล่านั้น
“ด้วยความแข็งแกร่งของเราก็น่าจะทำได้ไม่ยากแต่คงไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น”
โจวเฉินเปิดใช้งานสกิลย่างก้าวสายลมโดยไม่ต้องคิด จากนั้นเขาก็กระโดดขึ้นไปด้านบนและเหยียบอากาศข้ามบ่อไปโดยใช้ความสามารถในการลอยตัวของสกิลย่างก้าวสายลมจนสามารถผ่านบ่อเหล็กหลอมที่มีขนาดความยาวกว่าสิบเมตรมาจนถึงอีกฝั่งได้อย่างง่ายดาย
เมื่อมาถึงเขาก็ลองเคาะกล่องเหล็กบนแท่นหินดูด้วยหอกในมือ หลังจากยืนยันแล้วว่าไม่ใช่มิมิคเขาก็เปิดมันออกทันที
ภายในกล่องเหล็กนั้นมีกุญแจดอกเล็กๆวางเอาไว้
“แค่นี้? โคตรจอกหลอกลวง!”
โจวเฉินใช้ไปทั้งแรงกายและแรงใจกับห้องกับดักแห่งนี้ เดิมทีเขาคิดว่าอย่างน้อยก็น่าจะได้รางวัลในระดับเดียวกับคัมภีร์อัพเกรดแต่ไม่คิดเลยว่ากลับมีเพียงแค่กุญแจดอกเล็กๆเท่านั้น
“กุญแจนี่น่าจะเป็นกุญแจของประตูเหล็กที่เราเจอก่อนหน้านี้ บางทีภายในนั้นอาจจะมีอะไรดีๆอยู่ก็ได้”
เมื่อคิดได้ดังนี้เขาก็ทำการเก็บกุญแจลงไปและเตรียมจะเดินกลับไปยังทางเข้า แต่ทันใดนั้นเองกำแพงเบื้องหน้าของเขาก็พลันสั่นไหว ส่วนหนึ่งของกำแพงยุบตัวลงเผยให้เห็นพื้นที่ว่างเปล่าที่ดูคล้ายกับทางออก
ดูจากช่องว่างที่โผล่ให้เห็นแล้วเขาก็พอจะสังเกตเห็นทางเดินหินด้านนอกนั้น ดูแล้วมันน่าจะเชื่อมกับทางเดินอย่างไม่ต้องสงสัย
“กำลังจะบอกว่าถ้าใครก็ตามที่ผ่านกับดักมาได้แล้วก็ไม่จำเป็นต้องฝ่ากับดักอีกงั้นสิ? เป็นการออกแบบที่ไม่เลวนี่!”
หลังจากตรวจสอบแล้วว่าไม่ใช่กับดักโจวเฉินก็เดินผ่านช่องว่างนั้นไปและเข้ามายังอีกฝากหนึ่งของทางเดิน หลังจากเดินมาอีกซักพักเขาก็สังเกตเห็นสัญลักษณ์ที่เขาทำเอาไว้บนกำแพงทำให้เขารู้แล้วว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ที่ไหน
จากนั้นใช้เวลาอีกซักพักหนึ่งเขาก็วกกลับมาถึงประตูเหล็กที่เขาพบเมื่อไม่นานมานี้
แม้ว่าประตูเหล็กจะยังอยู่ดีแต่มันกลับถูกเปิดออกแล้ว ภายในนั้นเผยให้เห็นกล่องเปล่าๆใบหนึ่งวางอยู่
“มีคนแซงเราไปแล้วหรอเนี่ย?”
โจวเฉินลองหยิบกุญแจที่พึ่งได้มาออกมาดูและยัดเข้าไปในรูกุญแจของประตูเหล็กก่อนจะพบว่ามันไม่เข้ากัน
“โชคดีที่กุญแจนี้ไม่ใช่กุญแจสำหรับประตูนี้ สงสัยจริงว่าใครที่ได้ของรางวัลจากห้องนี้ไป”
แม้โจวเฉินจะไม่คิดครอบครองรางวัลทั้งหมดที่นี่แต่เมื่อเห็นว่ารางวัลที่เขาหมายตาถูกคนอื่นชิงไปก่อนเขาก็ยังรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยอยู่ดี
“ลองค้นหามากกว่านี้แล้วกัน ภายในชั้นนี้น่าจะยังเหลือรางวัลอยู่อีกไม่น้อยแหละ”
หลังจากออกจากห้องนี้เขาก็ออกเดินทางค้นหาต่อไป
เนื่องจากเขาทิ้งสัญลักษณ์เอาไว้ตลอดเวลาการค้นหาของเขาจึงไม่ได้ทำไปอย่างไม่รู้เหนือรู้ใต้ เขาหลีกเลี่ยงพื้นทีที่เขาเคยสำรวจแล้วทั้งหมดและมุ่งเป้าไปที่พื้นที่ที่ตกสำรวจเท่านั้น
ครึ่งชั่วโมงต่อมาโจวเฉินก็มายืนอยู่หน้าประตูบานหนึ่ง เมื่อเขามาถึงก็บังเอิญเป็นเวลาเดียวกับที่ประตูนั้นถูกเปิดออกพอดี เขาเห็นชายหนุ่มผมสีเทาคนหนึ่งวิ่งออกมาจากด้านในและโยนเสื้อที่ติดไฟทิ้งลงไปบนพื้น
โจวเฉินได้กลิ่นควันลอยออกมาจากหัวของชายผู้นั้นอย่างชัดเจน ดังนั้นเขาจึงพยายามมองอีกฝ่ายอยู่อีกหลายครั้ง
คนผู้นี้ไม่ได้ใส่ใจสายตาของเขาแล้วแต่กลับหันมาเอ่ยเตือนโจวเฉินแทน
“ทุกการเคลื่อนไหวที่นี่จะทำให้เกิดเปลวไฟพวยพุ่งออกมา ไม่เพียงแต่ไม่มีทางผ่านไปได้เท่านั้นแต่ยังอันตรายมากด้วย ฉันนำให้นายไปสำรวจที่อื่นดีกว่า!”
พอกล่าวจบเขาก็เดินเข้าไปยังส่วนลึกของทางเดินโดยไม่หันกลับมามองอีก