Chapter 61 : โมโนลิธ – อัพเกรด
เมื่อสตรีทั้งสองเห็นว่าโจวเฉินไม่สนใจคำขู่ของพวกเธอพวกเธอก็ทำการตัดเชือกที่ขึงบันไดอยู่ทันที
เชือกของสะพานนั้นไม่ได้หนาหรือแข็งแรงอะไรตั้งแต่กรอยู่แล้ว ภายใต้การร่วมแรงของคนทั้งคู่มันจึงขาดอย่างง่ายดายและสะพานทั้งเส้นก็เริ่มโคลงเคลงจวนเจียนจะดิ่งพื้นตามแนวทแยง
ในเวลาเดียวกันโจวเฉินก็พึ่งจะเลยกลางสะพานมาได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ร่างกายของเขาล่วงหล่นตามสะพานไปอย่างรวดเร็ว เขารีบคว้าเชือกของสะพานเอาไว้แต่กลับพบว่าเจ้านักรบศิลาตนนั้นมันดันตามขึ้นมาบนสะพานด้วย!
กระทั่งในช่วงที่กำลังล่วงเช่นนี้เจ้ามอนสเตอร์นี่ก็ยังคงเลือกที่จะใช้กระบี่ยาวในมือของมันแทงเข้าใส่โจวเฉินอยู่ดีจนทำให้เขาจำเป็นต้องยอมปล่อยเชือกและหลบการโจมตีของมัน
“ย่างก้าวแห่งสายลม!”
ที่โจวเฉินกล้าจะเมินไม่สนใจคำขู่ของสตรีทั้งสองก็เพราะเขามีสกิลย่างก้าวแห่งสายลมนี่แหละ
สกิลนี้จะทำให้ร่างกายของเขาเบาดุจปุยนุ่น ลดความอันตรายจากการตกจากที่สูงลงไปอย่างมหาศาล ยิ่งไปกว่านั้นเขายังตรวจสอบพื้นที่ด้านล่างด้วยสกิลมองเห็นในที่มืดแล้ว บริเวณก้นเหวด้านล่างนั้นลึกเพียง30เมตรเท่านั้นและเต็มไปด้วยหินมากมาย ตัวแปรทั้งหลายเหล่านี้เมื่อรวมกันแล้วจึงทำให้เขาสามารถตกลงไปด้านล่างได้อย่างปลอดภัยโดยไม่ยากเย็น
หลังจากหลบการโจมตีของนักรบศิลามาได้โจวเฉินที่เปิดใช้งานสกิลย่างก้าวแห่งสายลมก็ประคองร่างกายล่อนลงบนพื้นได้อย่างปลอดภัยหลังจากที่นักรบศิลาตนนั้นตกถึงพื้นก่อนไม่กี่วินาที
โจวเฉินเพียงย่อขาลงเพื่อลดแรงกระแทกเท่านั้นก็สามารถล่อนลงบนพื้นได้อย่างปลอดภัยหากแต่นักรบศิลานั้นกลับตกกระทบอย่างแรงจนแตกเป็นชิ้นๆ
แขนขาของมันแตกหักและร่างกายเองก็แตกออกเป็นสองสว่นตั้งแต่ช่วงเอว ชิ้นส่วนหัวหลายชิ้นเองก็หายไปเช่นเดียวกัน แต่ถึงกระนั้นแล้วมันกลับยังไม่ตายและยังคงพยายามดิ้นรนราวกับต้องการจะขยับเข้าหาโจวเฉินให้จงได้
“แกนี่หัวรั้นจริงๆนะ....”
โจวเฉินอดยินดีไม่ได้เมื่อเห็นเช่นนี้ เมื่อตอนที่เจ้านักรบศิลาตนนี้ยังมีร่างกายครบถ้วนสมบูรณ์ตัวเขาอาจจะทำอะไรมันไม่ได้ก็จริงแต่ถ้าเป็นตอนนี้เขามั่นใจว่าเขาสามารถบดขยี้มันได้อย่างง่ายดายแน่นอน
หอกในมือของโจวเฉินถูกเก็บกลับและเปลี่ยนเป็นขวานอย่างรวดเร็ว เขาเยื้อย่างเข้าหานักรบศิลาที่ร่างกายไม่สมประกอบอย่างช้าๆและใช้ด้านทู่ของขวานฟาดเข้าไปที่หัวของมันซ้ำๆเป็นการบดขยี้มันอย่างช้าๆแต่ชัวร์
นักรบศิลาแม้ต้องการจะตอบโต้แต่เนื่องจากแขนขาหักไปหมดแล้วและกระบี่เองก็ตกอยู่ไกลๆมันจึงทำอะไรไม่ได้
ปัง ปัง ปัง
หลายสิบวินาทีให้หลังในที่สุดนักรบศิลาก็ถูกโจวเฉินสังหาร ระบบเองก็ส่งแจ้งเตือนมาในเวลาเดียวกัน
[พรสวรรค์ช่วงชิงสกิลติดตัวทำงาน : ท่านได้ทำการช่วงชิงสกิลติดตัวของนักรบศิลา ‘โมโนลิธ(ระดับ1)’ ต้องการดูดซับหรือไม่?]
โจวเฉินขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยินชื่อของสกิลติดตัวจากนั้นเขาก็ทำการตรวจสอบคำอธิบายสกิลอย่างระมัดระวัง
[โมโนลิธ(ระดับ1)]
[ประเภท : สกิลติดตัวระดับทองแดงขั้นต่ำ]
[คำอธิบาย : ลดความเสียหายทางกายภาพและเวทย์มนตร์ลง15%]
“ของดีนี่หว่า! ดูดเลย!”
กระบวนการดูดซับสกิลนั้นยังคงรวดเร็วเหมือนเช่นเคย หลังจากดูดกลืนเสร็จสิ้นเขาก็ลองตรวจสอบร่างกายดูอย่างระมัดระวังเพื่อสังเกตดูว่าลักษณะภายนอกของเขานั้นมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้างหรือเปล่า
เพื่อตรวจสอบร่างกายให้แน่ใจ นอกจากใช้สกิลมองเห็นในที่มืดแล้วเขายังกระทั่งยอมจุดไฟแช็กขึ้นมาเลยด้วยซ้ำ
“ลักษณะทางกายภาพไม่เปลี่ยน...”
เขารู้สึกโล่งอกขึ้นมาทันที เขารู้แค่ว่าตอนนี้ไม่เพียงแต่เขาสามารถต้านทานการโจมตีได้มากขึ้นเท่านั้นแต่ยังคงเป็นชายหนุ่มรูปหล่อเหมือนเดิมอีกด้วย
“รู้สึกอยากจะลองใช้มือเปล่ารับดาบหรือมีดดูเลยแฮะ...”
สกิลโมโนลิธของโจวเฉินจะลดความเสียหายทางกายภาพที่เขาได้รับลง15% ผิวทองแดงกระดูกเหล็กเองก็ลดได้อีก20% ด้วยการผสมผสานอย่างลงตัวของทั้งสองความสามารถทำให้ความเสียหายทางกายภาพที่เขาได้รับนั้นลดลงไปกว่าสามส่วน ด้วยอัตราการลดความเสียหายสูงลิบเช่นนี้บวกกับความแข็งแกร่งทางร่างกายที่สูงมากเนื่องจากค่าสถานะร่างกายยิ่งทำให้เขารู้สึกราวกับว่าตนเองเป็นรถถังขนาดย่อมๆคันนึง
“ทีนี้ก็มาดูม้วนคัมภีร์ที่ได้มาดีกว่า”
ท่ามกลางหุบเขาอันมืดมิดโจวเฉินหยิบคัมภีร์สีทองที่เขาได้มาเมื่อครู่ออกมาและทำการตรวจสอบมัน
[คัมภีร์ยกระดับ]
[ประเภท : คัมภีร์ระดับทองแดงขั้นต่ำ]
[คำอธิบาย : คัมภีร์นี้ใช้ในการยกระดับอุปกรณ์ระดับทองแดงขั้นต่ำหรือสกิลระดับทองแดงขั้นต่ำให้เป็นทองแดงขั้นกลาง]
“คัมภีร์อัพเกรดงั้นหรอ สามารถใช้อัพเกรดได้ทั้งอุปกรณ์สวมใส่แล้วก็สกิลด้วย...นี่มันของดีนี่หว่า!”
โจวเฉินรู้สึกว่าคุ้มค่าแล้วจริงๆที่เขาลงแรงไปจนได้คัมภีร์อันนี้มา
“เก็บเอาไว้ก่อนหรือใช้เลยดีนะ? แล้วถ้าใช้จะใช้มันกับอะไรดี?”
เขาขบคิด
“แม้มันจะอัพเกรดได้ทั้งอาวุธและสกิลแต่มีเพียงสกิลเท่านั้นที่จะอยู่กับเราไปตลอด...”
“ดูเหมือนจะอัพเกรดได้ทั้งสกิลติดตัวและสกิลเรียกใช้งานด้วย ถ้างั้นก็เอางี้แหละ”
โจวเฉินฉีกคัมภีร์ในทันทีพร้อมกับกล่าวขึ้นมาในใจว่า ‘ยกระดับสกิลย่างก้าวสายลมระดับ1’
ไม่นานนักเขาก็สัมผัสได้ถึงพลังงานลึกลับที่แทรกซึมเข้าสู่ร่างกาย เขาเปิดหน้าต่างตัวละครขึ้นมาและพบว่ามันมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น
[ชื่อ : โจวเฉิน]
[ร่างกาย : 2.1]
[ความเร็ว : 1.7]
[จิตวิญญาณ : 1.8]
[พรสวรรค์ : ช่วงชิงสกิลติดตัว]
[สกิลเรียกใช้งาน : ย่างก้าวสายลม (ระดับ2)]
[สกิลติดตัว : พิษซากศพ(ระดับ1) , พิษงู(ระดับ1) , เสริมแกร่งความเร็ว(ระดับ1) , เสริมแกร่งจิตวิญญาณ(ระดับ1) , เสริมแกร่งกายา(ระดับ1) , พลังช้างสาร(ระดับ1) , ศาสตร์การต่อสู้(ระดับ1) , ศาสตร์การใช้หอก(ระดับ1) , มองเห็นในที่มืด(ระดับ1) , ฟื้นฟูพลังชีวิต(ระดับ1) , หายใจใต้น้ำ(ระดับ1) , กลั้นลมหายใจ(ระดับ1) , ฟื้นฟูร่างกาย(ระดับ1) , แปลงพลังงานแสง(ระดับ1) , ผิวทองแดงกระดูกเหล็ก(ระดับ1) , โมโนลิธ(ระดับ1)]
[พลังรบโดยรวม : ทองแดงขั้นกลาง]
[ย่างก้าวสายลม(ระดับ2)]
[ประเภท : สกิลเรียกใช้งานระดับทองแดงขั้นกลาง]
[คำอธิบาย : ดูดกลืนพลังจิตวิญญาณของท่านเพื่อแปรเปลี่ยนเป็นคำอำนวยพรแห่งสายลม ความเร็วในการเคลื่อนที่เพิ่มขึ้น30%และร่างกายของท่านจะเบาดุจขนนก ท่านสามารถกระโดดข้ามหลังคาหรือวิ่งไต่กำแพงได้อย่างอิสระหรือแม้แต่ลอยตัวกลางอากาศได้ชั่วระยะเวลาสั้นๆ โปรดจำ : ด้วยค่าสถานะจิตวิญญาณของท่านในตอนนี้ที่มีเพียง1.8แต้มเราขอแนะนำให้ท่านใช้งานสกิลย่างก้าวแห่งสายลมไม่เกินวันละ20นาทีต่อวัน]
“ความเร็วในการเคลื่อนที่กับระยะเวลาใช้เพิ่มขึ้นมาเท่าตัวและได้ความสามารถในการลอยตัวกลางอากาศสั้นๆมาอีก โคตรคุ้ม!”
หลังจากสกิลย่างก้าวแห่งสายลมถูกอัพเกรดโจวเฉินก็รู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน เขาจึงลองทดสอบมันทันที
พริบตาต่อมาร่างกายทั้งร่างของเขาก็ถูกกระแสลมไร้รูปไร้สีเข้าห่อหุ้ม เขาใช้พลังกายเพียงเล็กน้อยแต่กลับเคลื่อนที่ไปข้างหน้าได้กว่า10เมตรและก้าวเพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้นก็มาถึงปลายขอบของหุบเขาหินแห่งนี้แล้ว เมื่อเขาลองเพิ่มแรงเข้าไปอีกก็สามารถกระโดดสูงขึ้นไปได้กว่า10เมตร จากนั้นเขาก็ไต่ขึ้นไปบนกำแพงหินและเพียงสองวินาทีต่อมาเขาก็ปีนขึ้นมาถึงจุดที่สะพานเชือกถูกตัดขาด
สตรีทั้งสองไม่อยู่ที่นี้แล้ว พวกนั้นคงคิดว่าโจวเฉินตายไปแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย
“ถ้าเจอนังสองตัวนั่นอีกล่ะก็นะ...”
โจวเฉินคิดกับตัวเอง
สตรีทั้งสองคนนั้นไม่ได้ทรงพลังมากนัก หลังจากที่รู้ว่าพวกตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนักรบศิลาก็ควรจะจากไปทันทีแต่ยัยพวกนั้นกลับซ่อนตัวและรอข่มขู่เขา หมายจะช่วงชิงรางวัลจากการพยายามของคนอื่น ท้ายที่สุดก็กระทั่งคิดจะสังหารเขา อาจจะกล่าวได้ว่าระหว่างทั้งสองฝ่ายนั้นกลายเป็นศัตรูที่ไม่อาจอยู่ร่วมโลกไปได้แล้ว
ถ้ามีโอกาสโจวเฉินย่อมต้องล้างแค้นแน่นอน
“บางทีพวกนั้นน่าจะไปรวมกันที่โถงแล้ว”
เขาหยุดใช้งานสกิลย่างก้าวแห่งสายลมและมองไปยังโถงใหญ่ที่อยู่ไกลออกไปผ่านทางเดินหินก่อนที่จะสาวเท้าเดินตามไปอย่างรวดเร็ว