ตอนที่แล้วตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 139 อย่าใช้ของของข้า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 141 ความตายของเฉียนเยี่ยนเหนิง

ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 140 สวรรค์ในนรก


ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 140 สวรรค์ในนรก

แปลโดย iPAT  

เสียงกรีดร้องดังขึ้นขณะที่เฉียนหรงจื่อมองเข้าไปในห้องโถงและพบว่าหลี่ฉิงซานยังสามารถรักษาสถานการณ์ นั่นทำให้นางมีเวลามากพอที่จะทำในสิ่งที่นางต้องการ ณ จุดนี้นางรู้สึกขอบคุณเขาอย่างแท้จริง

อย่างไรก็ตามความคิดของนางยังไม่เปลี่ยน ในสายตาของนาง ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดของการต่อสู้คือหลี่ฉิงซานและเฉียนเยี่ยนเหนิงตายไปพร้อมกัน

“ท่านพี่ นั่นท่านงั้นหรือ?” หญิงวัยกลางคนระบุตัวตนของคนที่นอนคร่ำครวญอยู่บนพื้นด้วยเสียงที่แหบแห้งของเขา นางหลั่งน้ำตาและตะโกน “เฉียนหรงจื่อ นังโสเภณีสารเลว! ท่านพี่ของข้าดีต่อเจ้ามากเพียงใดแต่เจ้ากลับตอบแทนเขาเช่นนี้?”

“เขาดีต่อข้างั้นหรือ?” เฉียนหรงจื่อเลียเลือดที่มุมปาก “เขาเป็นคนบอกว่าต้องการถลกหนังข้าออกมาทั้งเป็น ท่านรู้หรือไม่?” นางเตะคนที่นอนจมกองเลือดกลิ้งลงบันได

ผู้คนแยกย้ายกันไปราวกับหลีกเลี่ยงโรคระบาด ขณะเดียวกันลูกศรวารีก็พุ่งเข้าหาฝูงชน

หญิงวัยกลางคนที่พูดสาปแช่งก่อนหน้านี้ถูกศรวารีเจาะลำคอจนทะลุออกไปด้านหลัง นางก้มศีรษะลงอย่างยากลำบากด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ‘นางกล้าโจมตีข้าจริงๆ?’ นี่คือความคิดสุดท้ายของนางก่อนที่นางจะกรุดตัวลงบนพื้น

“ดูเหมือนเจ้าจะไม่รู้” เฉียนหรงจื่อพึมพำ

เมฆสีดำลอยเข้ามาปกคลุมดวงจันทร์ทำให้โลกดูมืดลง

สมาชิกตระกูลเฉียนกว่าพันคนรวมตัวกันอยู่ที่ลานกว้าง คบไฟส่องสว่างใบหน้าที่งดงามและเปื้อนเลือดของเฉียนหรงจื่อทำให้มันบิดเบี้ยวและน่ากลัว

ชายหนุ่มในชุดคลุมหรูหราคร่ำครวญ “ท่านพ่อ! ท่านแม่!” หลังจากนั้นเขาก็มองเฉียนหรงจื่อด้วยความเกลียดชัง “ทุกคน ไปจัดการนางกันเถอะ! ฆ่าหญิงบ้าผู้นี้และช่วยท่านปู่ ตระกูลเฉียนของเราต้องรอดพ้นจากภัยคุกคามครั้งนี้ได้อย่างแน่นอน!”

เมื่อมีคนปลุกระดม คนอื่นๆก็ทำตาม แม้แต่ยุงก็สามารถฆ่าช้างได้หากมีจำนวนมากพอ ยิ่งไปกว่านั้นท่ามกลางพวกเขายังมีจอมยุทธ์ขั้นหนึ่งอยู่มากกว่าสิบคน

เฉียนหรงจื่อกำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่เลวร้าย

อย่างไรก็ตามใบหน้าของนางกลับไม่มีความหวาดกลัวอยู่แม้แต่น้อย ตรงข้าม มันเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข นางขยับริมฝีปากสีกุหลาบของนางเบาๆและกล่าวชื่อมากมายออกมาอย่างไม่เป็นทางการ “เฉียนหรงฮุ่ย เฮียนหรงเฉิง...”

คนที่นางกล่าวถึงมีทั้งเด็ก สตรี และคนชรา แต่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันก็คือพวกเขาล้วนเป็นจอมยุทธ์พลังปราณและนามสกุลเดิมของพวกเขาก็ไม่ใช่เฉียน พวกเขาถูกตระกูลเฉียนรับเลี้ยงเนื่องจากพรสวรรค์ในการบ่มเพาะพลังปราณ หลังจากถูกกล่าวถึง พวกเขาก็หยุดเคลื่อนไหว

“พวกเจ้ายังถูกคนตระกูลเฉียนทารุณไม่พองั้นหรือ? พวกเขามองพวกเราเป็นเพียงปศุสัตว์หรือทาส แต่พวกเจ้ายังต้องการตายเพื่อพวกเขางั้นหรือ? ตระกูลเฉียนกำลังจะถูกทำลาย สมาชิกตระกูลเฉียนทั้งหมดจะถูกผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์สังหาร”

ลูกชายของเฉียนซิงเว่ยตะโกน “อย่าไปฟังนางพล่าม! ท่านปู่จะจัดการทุกสิ่งในไม่ช้า สำหรับคนทรยศ มีเพียงชะตากรรมที่น่าสยดสยองรออยู่!”

คนที่มีสายเลือดตระกูลเฉียนโห่ร้องตอบรับคำกล่าวของเขาและเคลื่อนที่เข้าหาเฉียนหรงจื่อต่อไป แต่พวกเขายังกลัวความแข็งแกร่งของนางและไม่กล้าเคลื่อนไหวเร็วนัก

คนที่เฉียนหรงจื่อกล่าวถึงถูกคนอื่นๆหลีกเลี่ยงและมองด้วยความหวาดระแวง

เฉียนหรงจื่อกล่าว “ตาแก่เฉียนเยี่ยนเหนิงอยู่ในห้องโถง หากเขาสามารถออกจากที่นั่น เขาคงออกมานานแล้ว หากพวกเจ้าไม่คิดให้ดี มันอาจสายเกินไป”

เสียงต่อสู้ดังออกมาจากห้องโถงใหญ่อย่างต่อเนื่อง เห็นได้ชัดว่ามันเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือด ชัดเจนว่าเฉียนเยี่ยนเหนิงที่ปกครองเมืองวายุบรรพกาลมาเกือบทั้งศตวรรษกำลังเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่ทรงพลัง

หากเฉียนเยี่ยนเหนิงออกมา ทุกคนจะไม่รู้สึกลังเลใจ อย่างไรก็ตามเฉียนเยี่ยนเหนิงกลับไม่อยู่ที่นี่ ดังนั้นหลายคนจึงรู้สึกไม่สบายใจและคิดว่าบางทีตระกูลเฉียนอาจถึงคราวจบสิ้นแล้วจริงๆ

เฉียนหรงฮุ้ยที่ถูกเฉียนหรงจื่อกล่าวถึงยอมจำนนเป็นคนแรก “เจ้าต้องการสิ่งใด?”

เฉียนหรงจื่อกล่าว “มันยังไม่สายเกินไปที่เจ้าจะออกจากตระกูลเฉียนตอนนี้ มิฉะนั้นจะไม่มีผู้ใดรอดชีวิตไปได้หลังจากตระกูลเฉียนพังพินาศ!”

เฉียนหรงฮุ้ยลังเล คนอื่นๆก็เช่นกัน

ทันใดนั้นชายหนุ่มผู้หนึ่งก็ตะโกน “เฉียนหรงฮุ้ย เจ้าจะทรยศตระกูลเฉียนด้วยงั้นหรือ?”

เฉียนหรงจื่อกล่าวต่อ “เจ้าเห็นหรือยัง? นี่คือวิธีที่ตระกูลเฉียนปฏิบัติต่อเจ้า เจ้าต้องการตายภายใต้ดาบวายุของผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์งั้นหรือ?”

เฉียนหรงฮุ้ยชำเลืองมองเข้าไปในห้องโถงใหญ่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะคำรามออกมาว่า “เอาล่ะ ข้าจะออกจากตระกูลเฉียน จากนี้ไปข้าไม่มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลเฉียนอีกต่อไป!” จากนั้นเขาก็หันหลังและเดินลงจากภูเขา เมื่อคนแรกถูกล่อลวง คนอื่นๆก็พร้อมที่จะจากไปเช่นกัน

สมาชิกตระกูลเฉียนตะโกนสาปแข่ง พวกเขาชี้อาวุธจำนวนมากไปที่เฉียนหรงฮุ้ย เฉียนหรงฮุ้ยตะโกน “หลีกไป!”

“ข้าบอกให้เจ้าไปได้แล้วงั้นหรือ?” เสียงเย็นเยียบของเฉียนหรงจื่อทำให้เฉียนหรงฮุ้ยชะงัก เขาหันกลับมาด้วยความฉุนเฉียว “เจ้าต้องการสิ่งใดอีก?”

เฉียนหรงจื่อกล่าว “หากเจ้าออกไปตอนนี้ โลกจะต่อต้านและไล่ล่าเจ้า” หลังจากนั้นนางก็กล่าวกับทุกคนว่า “ข้ารู้จักทุกคน พวกเขาย่อมไม่ยอมให้เจ้าออกจากที่นี่ในวันนี้ ตราบเท่าที่พวกเจ้าไม่ใช่ทายาทสายตรงของตระกูลเฉียน พวกเจ้าสามารถล้างชื่อของตนเองได้ด้วยศีรษะของคนตระกูลเฉียนเท่านั้น หากไม่แล้ว มันจะมีเพียงความตายเท่านั้นที่รอพวกเจ้าอยู่”

นางอยู่ท่ามกลางอันตราย แต่ไม่เพียงนางจะไม่ร้องขอชีวิตด้วยความหวาดกลัว นางยังข่มขู่ทุกคนที่อยู่ตรงหน้าอย่างโหดเหี้ยม

ทุกคนรู้สึกลังเล มีทายาทสายตรงของตระกูลเฉียนไม่มากนักและกระทั่งพวกเขาก็ไม่มีความมุ่งมั่นแรงกล้าที่จะตายเพื่อตระกูลเฉียน

แรงกดดันบรรลุถึงขีดสุด อากาศคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเลือด ในคืนฤดูร้อนที่แผดเผา เหงื่อไหลลงมาจากหน้าผากของผู้คน ทุกคนระแวงกันเองขณะที่พวกเขาพยายามแยกแยะว่าผู้ใดคือทายาทสายตรงและผู้ใดคือคนที่ต้องการลบล้างชื่อของพวกเขา

ท่ามกลางความมืด ไม่มีใครรู้ว่าดาบเล่มแรกสัมผัสร่างของผู้ใดและเสียงกรีดร้องแรกดังขึ้นจากไหน เลือดที่สาดกระเซ็นเหมือนประกายไฟเล็กๆที่ตกลงบนพื้นหญ้าแห้งและลุกลามราวกับไฟป่า

บางคนตะโกน “ฆ่าคนทรยศ!”

เสียงกรีดร้องและเสียงคร่ำครวญดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง

พวกเขาไม่รู้เลยว่าคนที่อยู่ข้างๆคือครอบครัวหรือศัตรู พวกเขาทำได้เพียงเหวี่ยงดาบใส่ทุกคนที่เข้าใกล้

เสียงหอกที่ทิ่มแทงเข้าไปในเนื้อและคมดาบที่ตัดผ่านกระดูกประสานกันทำให้ตระกูลเฉียนดูราวกับขุมนรก

เฉียนหรงจื่อหัวเราะอย่างบ้าคลั่งขณะกระทำการสังหารหมู่ ความสุขที่เอ่อล้นอยู่ในหัวใจของนางทำให้นางลืมภัยคุกคามจากเฉียนเยี่ยนเหนิงไปอย่างสิ้นเชิง นางลืมแม้แต่ชีวิตและความตายของตนเอง นางรู้สึกเหมือนนางกำลังอยู่บนสวรรค์ สวรรค์ในขุมนรก แม้นางจะเสียชีวิตในวินาทีต่อไป มันก็ไม่สำคัญกับนางอีก

หลายคนต้องการฆ่าคนทรยศของตระกูลเฉียน แต่ผู้ใดจะสามารถสังหารจอมยุทธ์ขั้นสอง พวกเขาตายและทิ้งซากศพไว้รอบตัวเฉียนหรงจื่อ เมื่อเวลาผ่านไป ผู้คนก็ไม่กล้าเข้าใกล้นางอีก

ไม่มีแม้แต่ผู้เดียวในเมืองวายุบรรพกาลที่สามารถลืมคืนนี้ พวกเขาเฝ้ามองตระกูลที่ปกครองเมืองวายุบรรพกาลมานับศตวรรษพังทลายลงและเกิดความรู้สึกที่หลากหลายทั้งหวาดกลัว ประหลาดใจ และดีใจ

จอมยุทธ์ที่หลบหนีออกจากห้องโถงส่วนใหญ่ไม่ได้จากไปทันที พวกเขายังเฝ้ามองเหตุการณ์อยู่ในมุมมืด พวกเขาเห็นภาพที่น่าสยดสยองภายใต้แสงไฟและรู้สึกตกตะลึง หลังจากทั้งหมดไม่มีใครคิดว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้น

เดิมทีพวกเขาคิดว่าคำประกาศของหลี่ฉิงซานเป็นเรื่องตลกซึ่งอาจทำให้เขาเสียชีวิต เฉียนเยี่ยนเหนิงจะฆ่าผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์ทั้งสามอย่างรวดเร็วก่อนจะหลบหนีไปพร้อมกับสมาชิกตระกูลเฉียน

อย่างไรก็ตามเรื่องนี้พัฒนาไปไกลเกินความคาดหมายของพวกเขา ตระกูลเฉียนกำลังถูกทำลาย เฉียนเยี่ยนเหนิงยังอยู่ในห้องโถง เขาไม่ได้ออกมายุติเรื่องทั้งหมด เห็นได้ชัดว่าบางคนหยุดเขาเอาไว้

แต่นั่นเป็นไปไม่ได้ แม้พวกเขาจะร่วมมือกัน เฉียนเยี่ยนเหนิงก็สามารถกวาดล้างพวกเขาด้วยมือเพียงข้างเดียว เว้นเพียงจะมีผู้บัญชาการหมาป่าอินทรีย์บางคนซ่อนตัวอยู่หรือจ้าวจื่อป๋ออาจมาถึงแล้ว

นี่เป็นข้อสรุปที่สมเหตุสมผลมากที่สุด หากไม่ใช่เพราะเหตุนี้ หลี่ฉิงซานจะกล้ายโสได้อย่างไร

ในช่วงเวลาสั้นๆ มีคนตายหรือได้รับบาดเจ็บนับพัน เลือดไหลลงไปตามขั้นบันไดขณะที่ศพจำนวนมากนอนเกลื่อนกลาดอยู่บนพื้น

บนยอดไม้ที่ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็น เปลวไฟสีแดงเลือดของเสี่ยวอันกำลังเฝ้ามองนรกขุมนี้อยู่อย่างลับๆ

คืนนี้หลี่ฉิงซานตัดสินใจจู่โจม เขาไม่ได้พาเสี่ยวอันมาด้วย นั่นเป็นเหตุผลที่เด็กน้อยสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ จากมุมมองของเขา หลี่ฉิงซานแข็งแกร่งมาก เขาไม่จำเป็นต้องกังวลสิ่งใด

ทันใดนั้นร่างหนึ่งก็ลอยออกมาจากใจกลางของห้องโถงและร่วงลงที่ขอบประตูอย่างแรง เขาสวมชุดเครื่องแบบของผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์ที่ตอนนี้ขาดรุ่งริ่ง แน่นอนว่าเขาไม่ใช่ผู้ใดนอกจากหลี่ฉิงซาน