ตอนที่14-11 ชั้นที่สาม
ในปราสาทเรดบุดมีผู้คนมากมาย
ประตูใหญ่ของปราสาทเรดบุดกว้างอย่างน้อยร้อยเมตรมีกลุ่มผู้คนเข้าออก ทุกคนคิดว่าสามารถทำธุรกิจกับกองทัพเรดบุดได้จะยอดเยี่ยมเพียงไหน
คนของกลุ่มลินลี่ย์เห็นปราสาทเรดบุดจากที่ไกล
“หืม..กองทัพเรดบุด?” ลินลี่ย์สังเกตพวกเขาได้แต่ไกล ที่ประตูของปราสาทเรดบุดมีทหารมากกว่าสิบคนสวมเครื่องแบบสีม่วงมีชุดคลุมสีม่วงทับด้านนอกเช่นกัน นักรบทุกคนมีตราสีม่วงที่ไม่เหมือนใครอยู่กลางหน้าผากของพวกเขาเป็นกองทัพเรดบุดนั่นเอง!
ดีบาลาที่อยู่ใกล้ๆหัวเราะ “มีปราสาทเรดบุดอยู่ทั่วทวีปเรดบุดเจ้าครองปราสาทเหล่านี้ก็คือมหาเทพผู้ปกครองเรดบุด ตามปกติพวกเขาจะได้รับการปกป้องโดยกองทัพเรดบุด ความจริงทหารของกองทัพเรดบุดที่นี่ไม่มีอะไรมากไปกว่าการแสดงพลัง ที่สำคัญภายในเมืองรอยัลวิง ใครจะกล้าก่อเรื่องยุ่งยาก? ยกเว้นแต่พวกเบื่อหน่ายชีวิต”
“เฮ้, พ่อบ้านเอ็ดมอนด์นั่นไงทำไมพวกเขาตรงไปที่ด้านหลังเล่า?” สายตาของบีบีคมกล้า เขาพบว่ากลุ่มคนของเอ็ดมอนด์มุ่งหน้าไปที่ด้านหลังปราสาทเรดบุดและไม่ได้ไปที่ประตูหลัก
ลินลี่ย์ก็สังเกตเรื่องนี้ได้เช่นกัน
ความจริงแม้ว่าหลายคนจะผ่านเข้าไปประตูใหญ่ของปราสาทเรดบุดแต่มีน้อยคนที่เข้าปราสาทเรดบุดตรงผ่านไปที่ด้านหลัง แต่จำนวนไม่ได้ด้อยกว่าพวกที่ผ่านประตูหลักในความเป็นจริง
“ลินลี่ย์, ปราสาทเรดบุดแบ่งเป็นด้านหน้าประตูใหญ่และประด้านหลัง พวกคนที่เข้าไปโดยผ่านประตูใหญ่เข้าปราสาทเรดบุดทั้งหมดไปเพื่อซื้อของ ขณะที่คนที่เข้าไปโดยผ่านประตูหลังเป็นเพราะพวกเขาต้องการขายสมบัติตนเองให้ปราสาทเรดบุด!” เด็กหนุ่มดีบาลาอธิบายพลางหัวเราะ
ลินลี่ย์เข้าใจ
อย่างนั้นปราสาทเรดบุดไม่ใช่แค่จัดขายเท่านั้น แต่ยังรับซื้ออีกด้วย
“รีบไปเถอะ” ดีบาลากระตุ้นเตือน
ลินลี่ย์จูงมือเดเลียเดินหน้าไปพร้อมกับบีบีไหลไปตามกระแสของผู้คนผ่านเข้าประตูหลังปราสาทเรดบุด หลังจากเดินหลายกิโลเมตรกลุ่มของลินลี่ย์ก็มาถึงประตูหลังได้ในที่สุด
ความจริง...
ประตูด้านหลังมีความกว้างเกินกว่าร้อยเมตรเช่นกัน และมีผู้คนผ่านเข้าไปมากมาย
เดเลียหัวเราะ “เกือบทุกคนที่มาขายของเป็นคนของเผ่าและสำนักที่ตั้งอยู่ด้านนอกเมืองรอยัลวิง มีน้อยคนจริงๆ ที่จะมาที่นี่ เรดบุดรับซื้อราคา 70% ขณะที่ขายราคา 100% ทำกำไร 30%ปราสาทเรดบุดนี้เป็นแหล่งกินทองจริงๆ”
“ไม่มีโอกาสที่คนอื่นจะได้ร่วมทำในธุรกิจนี้” ลินลี่ย์หัวเราะ เบื้องหลังของปราสาทเรดบุดยังคงเป็นมหาเทพผู้ทรงพลานุภาพ!
จากนั้นกลุ่มของลินลี่ย์ติดตามสมาชิกคนอื่นของเผ่ามังกรดำเข้าไปในปราสาทเรดบุด แม้ว่าจะมีคนเกือบสองร้อยคนในกลุ่มของเผ่ามังกรดำ แต่เมื่อเข้าไปในปราสาทเรดบุด พวกเขาเป็นเพียงคนจำนวนน้อยนิดของอาคันตุกะที่เข้ามาทั้งหมด
“ที่นี่ใหญ่โตมาก!” ลินลี่ย์ถอนหายใจตกใจ
กลุ่มของลินลี่ย์เมื่อเข้าไปในปราสาทเรดบุดชั้นที่หนึ่งก็พบว่าโถงหลักของชั้นแรกมีขนาดกว้างราวหนึ่งหรือสองพันเมตร ความกว้างแบบนี้ถือว่าเป็นจำนวนรวมที่ฟุ่มเฟือยมาก คนมากกว่าหมื่นคนผ่านเข้าไปได้โดยไม่มีความรู้สึกว่าคับแคบ
“มีเทพไม่กี่คนที่มาขายของพวกเขาที่นี่” บีบีตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด
“โถงใหญ่ชั้นแรกมีไว้สำหรับพวกที่มาขายประกายเทียมเทพ สมบัติระดับเทียมเทพ และของอื่นๆ ที่มีราคาราวๆร้อยศิลาดำ” ดีบาลาพูดถึงธรรมเนียมพลางอธิบายให้กลุ่มของลินลี่ย์ “ตัวอย่างเช่นข้าตั้งใจมาขายประกายเทพแท้ในครั้งนี้ ดังนั้นข้าจะต้องไปที่ชั้นสอง ในโถงใหญ่ของชั้นสอง วัตถุสมบัติต่างๆเช่นประกายเทพแท้หรือสมบัติเทพแท้จะขายได้ราคาราวๆ หมื่นศิลาดำ สำหรับชั้นสามนั่นเป็นชั้นสำหรับขายสมบัติเทพชั้นสูง ประกายเทพชั้นสูงและวัตถุล้ำค่ำอื่นๆที่ตีราคาได้ตั้งแต่ล้านศิลาดำขึ้นไป”
กลุ่มของลินลี่ย์ติดตามชาวเผ่ามังกรดำขึ้นไปที่โถงใหญ่ของชั้นสอง
แต่แน่นอนว่าคนในเผ่ามังกรดำมากกว่าครึ่งจะอยู่ที่โถงใหญ่ชั้นแรกคนเหล่านี้ทุกคนมาขายที่ราคาค่อนข้างถูก
“ลินลี่ย์! ดูสิ,มีเคาน์เตอร์ขายหลายอย่างตรงนั้นในหอโถงใหญ่ด้วย มีคนมากมายนั่งอยู่ตรงนั้น คนเหล่านั้นเป็นผู้รับซื้อให้ปราสาทเรดบุด ฮ่าฮ่า ดูให้ดีล่ะ ข้าจะไปขายของบางส่วนก่อน” ดีบาลาโบกมือให้กลุ่มของลินลี่ย์ จากนั้นตรงไปที่หนึ่งในเคาน์เตอร์ขายในโถงใหญ่ชั้นสอง
หลังจากดีบาลาออกไปแล้ว ลินลี่ย์และพวกอีกสองคนมองหน้ากัน
“ไปที่ชั้นสามกันเถอะ!” ลินลี่ย์กล่าว
กลุ่มของลินลี่ย์มีสมบัติอยู่สองสามชิ้นสมบัติเทพชั้นสูงสองชิ้นและประกายเทพชั้นสูงอีกหนึ่งชิ้น ทั้งหมดนี้ล้วนแต่มีคุณค่าราคามากมาย
บันไดจากโถงชั้นหนึ่งขึ้นมาโถงชั้นสองมีขนาดใหญ่โตอลังการมาก แต่บันไดจากโถงใหญ่ชั้นสองขึ้นไปโถงชั้นสามมีขนาดเล็กกว่ามาก แม้แต่ประตูทางเข้าโถงก็มีขนาดเล็กลงและจำนวนคนที่เข้าไปก็ลดลงมาก
เห็นได้ชัดว่าจำนวนคนที่กำลังขายของมีค่ามีจำนวนน้อยกว่าพวกที่ขายของในชั้นแรกและชั้นที่สอง
“เอ็ดมอนด์!” ลินลี่ย์แหงนหน้ามองด้านบน เอ็ดมอนด์พาบริวารสามคนตรงเข้าไปที่ทางเดินขึ้นสู่ชั้นสาม ที่ทางเดินขึ้นชั้นสามพนักงานคนหนึ่งในชุดยาวสีม่วงกำลังพูดคุยบางอย่างกับเอ็ดมอนด์ จากนั้นเอ็ดมอนด์ควักเอาประกายศักดิ์สิทธิ์ออกมาชิ้นหนึ่ง
“ทำไมเอ็ดมอนด์เอาประกายศักดิ์สิทธิ์ออกมา?” ลินลี่ย์ค่อนข้างงง
และตอนนั้นเองบุรุษชุดม่วงอนุญาตให้พวกเขาผ่านเข้าไป เอ็ดมอนด์พาบริวารสามคนเข้าไปในชั้นที่สาม
เมื่อกลุ่มของลินลี่ย์ไปถึงทางเดินเข้าชั้นที่สาม...
บุรุษชุดม่วงยื่นมือกันเอาไว้ห้ามมิให้กลุ่มของลินลี่ย์ผ่านเข้าไป
“หือ?” กลุ่มของลินลี่ย์มองดูบุรุษนั้นด้วยความสงสัย
“พวกเจ้ามาขายอะไร? เอามาให้ข้าดูก่อน” บุรุษชุดม่วงกล่าว เมื่อเห็นท่าทีงงงวยของกลุ่มลินลี่ย์ เขาหัวเราะอย่างอารมณ์เย็น “นี่เป็นครั้งแรกของพวกเจ้าใช่ไหม? ชั้นสามนี้จะต่างจากชั้นล่างๆ ที่ผ่านมา ทุกคนที่จะเข้าไปจะต้องแสดงของที่จะนำเข้าไปให้ตรวจสอบก่อน มิฉะนั้นจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้า”
ตอนนี้ลินลี่ย์เข้าใจแล้วเมื่อนึกย้อนถึงสิ่งที่เอ็ดมอนด์เพิ่งทำไปตอนนี้เขารู้แล้วว่าทั้งหมดนั้นเกี่ยวกับอะไร
แต่ขณะนั้นเองเด็กหนุ่มสองคนเดินผ่านลินลี่ย์ไปโดยไม่สนใจบุรุษชุดม่วงมุ่งตรงขึ้นชั้นสาม
“เฮ้, พวกเขาไม่ต้องแสดงของได้ยังไง?”บีบีพูดด้วยความสับสน
บุรุษชุดม่วงเป็นคนที่อดทนและค่อนข้างอารมณ์ดี เขาหัวเราะอย่างใจเย็นและกล่าว “เจ้าไม่สังเกตบ้างหรือ? พวกเขาทุกคนติดตราอสูรที่หน้าอกเขา พวกเป็นนักสู้อสูร! ในฐานะนักสู้อสูรเรามีความเชื่อมั่นในชื่อเสียงของพวกเขา เมื่อพวกเขามา พวกเขาก็จะต้องมีของมีค่าสองสามชิ้นมาขายด้วยแน่นอน ไม่มีความจำเป็นที่พวกเขาจะต้องถูกตรวจสอบ”
ลินลี่ย์ลอบถอนหายใจ “อสูร, พวกเขาไม่ต้องจ่ายค่ายธรรมเนียมเมื่อตอนเข้าเมือง และพวกเขาไม่ต้องถูกตรวจสอบเมื่อเข้าปราสาทเรดบุดชั้นสาม สถานะของพวกเขาช่างแตกต่างจริงๆ”
ขณะที่คิดถึงเรื่องของเขาเองนี้ลินลี่ย์พลิกมือดึงมีดดำเล่มหนึ่งออกมา มีดดำนี้เป็นสมบัติเทพชั้นสูงซึ่งแอดกินส์เหลือทิ้งไว้ให้หลังจากร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ธาตุมืดของเขาถูกสังหาร
“เข้าไปได้” บุรุษชุดม่วงพยักหน้า
พวกเขาเข้าไปในปราสาทเรดบุดชั้นที่สาม ที่โถงใหญ่ชั้นนี้มีขนาดเล็กกว่าอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็มีขนาดกว้างหลายร้อยเมตร เพียงแต่คนที่นี่มีจำนวนน้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด
“นั่นคือสถานที่รับซื้อสิ่งของๆ พวกเขา!” บีบีวิ่งตรงขึ้นไปขณะที่พวกเขาทั้งสามคนตรงไปที่เคาน์เตอร์สำหรับขาย
แต่ขณะนั้นเอง...
“ท่านเอ็ดมอนด์, ดูสิ!” พ่อบ้านของเผ่ามังกรดำเอ็ดมอนด์และบริวารของเขาสามคนสังเกตเห็นกลุ่มของลินลี่ย์ “ท่านเอ็ดมอนด์,พวกเขาเป็นสมาชิกของเผ่าเราไม่ใช่หรือ? สามคนนั้นอยู่ในกลุ่มห้าคนที่เพิ่งเดินทางมาเมืองรอยัลวิงเป็นครั้งแรกใช่ไหม? พวกเขาขึ้นมาที่ชั้นสามจริงๆ!”
เอ็ดมอนด์มองดูลินลี่ย์และพวกอีกสองคนแต่ไกล
มีเพียงห้าคนที่เดินทางมาเมืองรอยัลวิงพร้อมกับเผ่ามังกรดำเป็นการเดินทางครั้งแรกของพวกเขา เอ็ดมอนด์เคยเห็นพวกเขาทุกคน เป็นธรรมดาว่าเขานึกออกและจำกลุ่มของลินลี่ย์ได้
“ข้าคาดไม่ถึงเลยว่าพวกเขาจะมีโชคดีด้วย” เอ็ดมอนด์หรี่ตาและประกายเย็นชาวาบผ่านในดวงตาของเขา “ดูเหมือนว่าความสามารถในการกำกับดูแลภายในของเผ่าเรายังไม่เพียงพอนะ”
ในแดนนรกเมื่อความมั่งคั่งของผู้ใดมากถึงระดับหนึ่ง ก็จะมีคนอื่นต้องการ
ถ้าท่านต้องการเพลิดเพลินกับโชคชะตาเงินล้านศิลาดำซึ่งท่านสามารถใช้ได้นานนับร้อยล้านปีอย่างสงบสุข ท่านอาจพบว่ายอดฝีมือคนอื่นอาจจะชิงมันไปจากท่านทั้งหมด
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกหรือครั้งที่สองที่กลุ่มของเอ็ดมอนด์ทำเรื่องแบบนี้
“อย่าห่วงเลย, ใต้เท้า ในเมื่อตอนนี้เรารู้แล้วสามคนนี้ไม่มีทางหลบพ้นไปจากท่านได้ เมื่อเราออกจากเมืองรอยัลวิง ตอนนั้นเราสามารถเคลื่อนไหวเองได้” เทพแท้ที่อยู่ใกล้พูดเป็นนัย
เอ็ดมอนด์พยักหน้า
ทุกคนที่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในชั้นสามมีสมบัติที่มีค่าอย่างน้อยก็ล้านศิลาดำ แม้แต่เทพชั้นสูงอย่างเอ็ดมอนด์ก็ยังต้องการมีโชคดังกล่าว
แถวของเคาน์เตอร์ด้านข้างของโถงใหญ่ชั้นสามมีเจ้าหน้าที่ชุดม่วงนั่งอยู่ทุกเคาน์เตอร์ กลุ่มของลินลี่ย์เดินเข้าไปที่หน้าร้านหนึ่ง ที่มีชายชราผมขาวดูแล
“หืม?” ชายชราผมขาวชุดม่วงเงยหน้าและยิ้มให้อย่างใจเย็น “พวกเจ้ามาขายอะไรกัน? เอาออกมาได้เลย”
ลินลี่ย์และอีกสองคนมองหน้ากันและจากนั้นเขาพลิกมือดึงมีดดำออกมาให้ชายชรา “นี่คือสมบัติเทพชั้นสูง”
แม้ว่ากลุ่มของลินลี่ย์ยังมีหอกคอร์เตซและประกายเทพชั้นสูง แต่นี่คือการเดินทางมาเมืองรอยัลวิงครั้งแรกของกลุ่มลินลี่ย์ มีหลายอย่างที่พวกเขายังไม่รู้ กลุ่มของลินลี่ย์จึงยังไม่รีบ ที่สำคัญ... ถ้าพวกเขาต้องการใช้เงินจริงๆพวกเขาสามารถมาอีกครั้งก็ได้
นอกจากนี้...
ปราสาทเรดบุดไม่ใช่เป็นสถานที่เดียวซึ่งรับซื้อสินค้ายังคงมีปราสาททรายดำอีกด้วย เพียงแต่ต้องมีการวางแผนและการแข่งขันที่ยิ่งใหญ่ในปราสาททรายดำซึ่งค่อนข้างจะสับสนและวุ่นวาย หากไม่ทำความเข้าใจสถานการณ์ให้ดีลินลี่ย์คงไม่รีบไปที่นั่น
“มีดเล่มนี้ทำมาได้ดีจริงๆ” ชายชราชุดม่วงพยักหน้าชื่นชม “เป็นสมบัติเทพชั้นสูงอย่างแน่นอน และเจ้าของคนก่อนน่าจะเป็นเทพชั้นสูงที่ฝึกฝนมาทางสายกฎธาตุมืดและใช้มีดเล่มนี้ฆ่ายอดฝีมือมาบ้างแล้ว มันมีกลิ่นอายอำมหิตหนาแน่นเลยทีเดียว ไม่เลว เราจะรับซื้อมีดเล่มนี้ไว้ที่ราคาเจ็ดแสนห้าหมื่นศิลาดำ เจ้ายินดีจะขายหรือไม่?” ชายชราชุดม่วงตัดสินใจ
ลินลี่ย์พยักหน้า “ตกลงตามนั้น”
ด้วยการคำนวณของเขา ลินลี่ย์วางแผนจะขายสมบัตินี้ที่ราคาเจ็ดแสนศิลาดำซึ่งนับว่าเป็นราคาที่ดี ดังนั้นราคาเจ็ดแสนห้าหมื่นศิลาดำนี้จึงทำให้ลินลี่ย์พอใจมาก ลินลี่ย์เข้าใจว่า....บางทีมีดเล่มนี้เป็นสมบัติเทพชั้นสูงที่ยอดเยี่ยมและบางทีเขาอาจได้ประโยชน์บ้างเล็กน้อย
แต่ลินลี่ย์ไม่ใส่ใจเรื่องจำนวนเล็กน้อยนั้นเท่าใดนัก
“นี่คือจำนวนร้อยอะซูไรท์ (ผลึกน้ำเงิน)เทียบเท่ากับแสนศิลาดำ สองแสน,สามแสน...” ขณะเขาพูดชายชราชุดม่วงก็นำแท่งผลึกน้ำเงินออกมากองใหญ่
ลินลี่ย์เข้าใจทันที
“อย่างที่ข้าคิดไว้!” เมื่อกลุ่มของลินลี่ย์ฆ่าเทพแท้เหล่านั้น พวกเขาได้รับหินผลึกสีฟ้าสองสามแท่งเวลานั้นลินลี่ย์วิเคราะห์ว่าศิลาผลึกสีฟ้านั้นเป็นสกุลเงินแบบหนึ่ง เพราะกลิ่นอายคล้ายกับกลิ่นอายของศิลาดำ เพียงแต่เข้มข้นมากกว่า
เบี้ยอะซูไรท์มีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดหนึ่งเซ็นติเมตร
อย่างไรก็ตามเบี้ยอะซูไรท์ที่ชายชราชุดม่วงนำออกมานี้เป็นแผ่นยาวสิบเซนติเมตรและกว้างหนึ่งเซนติเมตร แน่นอนว่าแผงอะซูไรท์ใหญ่นี้มีค่าเท่าอะซูไรท์เล็กร้อยชิ้น กล่าวอย่างหนึ่งก็คือ มีราคาแสนศิลาดำ
แผงอะซูไรท์เจ็ดแผนและหินอะซูไรท์ยาวห้าชิ้น
“เจ็ดแสน...ห้าหมื่น.. จำนวนถูกต้อง” ชายชราชุดม่วงยื่นให้ลินลี่ย์
“เอ่อ..ข้าอยากถามนอกเหนือจากใช้เบี้ยเหล่านี้ซื้อวัตถุสิ่งของ ศิลาดำและอะซูไรท์เหล่านี้มีวัตถุประสงค์การใช้อย่างอื่นอีกไหม?”ลินลี่ย์ยังคงรู้สึกว่ากลิ่นอายเฉพาะของอะซูไรท์และศิลาดำมีวัตถุประสงค์การใช้ที่พิเศษ
ชายชราชุดม่วงตาทอประกายวูบชำเลืองมองดูลินลี่ย์ เขาหัวเราะอย่างใจเย็น “ไม่มีประโยชน์อะไรที่เจ้าจะรู้ข้อมูลนี้ ดังนั้นไม่จำเป็นที่เจ้าจะถาม”
ลินลี่ย์สงสัยแต่เนื่องจากบุรุษนี้ไม่ยินดีจะบอก ลินลี่ย์ไม่กดดันถามข้อสงสัยนี้
“ถ้าเจ้าผ่านประตูโถงใหญ่นั่นเข้าไป เจ้าจะไปถึงโถงใหญ่อีกด้านหนึ่งถ้าเจ้าต้องการซื้อหาสิ่งใด เจ้าสามารถผ่านตรงไปที่โถงใหญ่นั้น” ชายชราชุดม่วงกล่าว
ลินลี่ย์คาดเดาเรื่องนี้ไว้นานแล้ว
นี่เป็นเพราะประตูใหญ่ของปราสาทเรดบุดเปิดให้ผู้คนได้จับจ่ายซื้อหาสิ่งของ ขณะที่ประตูด้านหลังเปิดให้ผู้คนได้ขายของกับพนักงานของปราสาท
เป็นสิ่งก่อสร้างเดียวแต่มีสองด้าน
“เราไปดูกันเถอะ” เดเลียสงสัยมาก
“ข้าก็สงสัยว่าแดนนรกจะมีอะไรขายบ้าง” บีบีตื่นเต้นเช่นกัน ลินลี่ย์หัวเราะและพยักหน้า จากนั้นเดินผ่านระเบียบชั้นสามไปที่อีกฟากหนึ่งของโถงชั้นสาม
จากที่ไกล..
“หือ? พวกเขากำลังไปที่โถงใหญ่อีกฟากหนึ่ง?” เอ็ดมอนด์สังเกตเห็นเช่นนี้อดขมวดคิ้วไม่ได้
เขาสั่งบริวารของเขาทันที “ไปรอที่ประตูใหญ่ และเจ้าไปที่ประตูหลัง จับตาดูสามคนนั่นไว้”
“ขอรับ ใต้เท้า”
เทพแท้ทั้งสองออกไปทันที