ตอนที่ 456 สัญญาณเตือนภัย
ปิงยุ่งตั้งแต่เช้ายันค่ำ
เขาเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถนำอาวุธจักรกลวิญญาณจากสถาบันหมาป่าฟ้าไปยังเมืองสามวิญญาณได้ อาวุธจักรกลวิญญาณ 5600 ชุดแม้จะใช้ตู้เก็บอาวุธอควาเรียสก็ยังทำให้ปิงเหนื่อยเป็นสุนัขหอบแดด
ถังอี้รีบกลับไปยังกลุ่มดาวหมีใหญ่เพื่อเตรียมจัดการขยายกองทัพหมาป่า ถังโฉ่วพอได้กองทุนก็เริ่มยุทธศาสตร์กลุ่มดาวเตาหลอมทันทีและเริ่มเลือกนักสู้สายจักรกลที่โดดเด่นมาร่วมกองทัพ
ภายใต้การตื่นเงิน ปิงลงแรงอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยในที่สุดก็ขนส่งอาวุธจักรกลได้สำเร็จ
เมืองสามวิญญาณตกอยู่ในความโกลาหล ตระกูลม่อเริ่มย้ายเข้ามาในเมืองสามวิญญาณทำให้เรื่องซับซ้อนยิ่งขึ้น ผี่ผาและพวกที่เหลือเหนื่อยกันอย่างหนัก
ด้วยเรื่องการร่วมมือกับสมาคมยอดปราชญ์ทำให้ม่อเว่ยเทียนตัดสินใจฉวยโอกาสย้ายเข้าเมืองสามวิญญาณ สถานการณ์รอบๆตระกูลม่อไม่ปลอดภัย เพราะมีนักสู้ที่ไม่คุ้นเคยหลายคนปรากฏตัว แต่เมื่อเขาตัดสินใจลงไปม่อเว่ยเทียนต้องรวบรวมความกล้าหาญ เนื่องจากมันหมายถึงว่าตระกูลม่อจะเข้าร่วมกับถังเทียนไปโดยปริยายไม่เหลือความเป็นกลางเหมือนแต่ก่อน
ม่อเว่ยเทียนรู้เทียบกับการทำงานร่วมกับทรัพยากรของสมาคมยอดปราชญ์มีความอุดมสมบูรณ์มากกว่าอย่างเห็นได้ชัด และกำลังของพวกเขาแข็งแกร่งมากกว่า ถ้าความสัมพันธ์ของพวกเขายังคงอยู่ ความคุ้นเคยของตระกูลม่อกับเมืองสามวิญญาณจะลดลงเรื่อยและนั่นไม่เป็นประโยชน์ต่อพวกเขาเลย
ดังนั้นร่วมกับเมืองสามวิญญาณในช่วงเวลาแบบนี้โดยพื้นฐานก็เป็นการประกาศพื้นฐานของพวกเขา
การควบรวมกิจการของตระกูลม่อยิ่งเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับเมืองสามวิญญาณอย่างมากมาย เนื่องจากตระกูลม่อมีครอบครัวที่มีความรู้จักรกลนับไม่ถ้วน และจำนวนกับมาตรฐานของช่างจักรกลใหญ่ค่อนข้างดี
นอกจากนี้พวกเขามีม่อเหล่งซึ่งเป็นปรมาจารย์สายจักรกลด้วยคนหนึ่ง จากนั้นมาจึงมีปรมาจารย์จักรกลถึงสองคนในเมืองสามวิญญาณ และไม่ต้องสงสัยเมืองสามวิญญาณกลายเป็นเมืองอาวุธจักรกลอันดับหนึ่งอย่างแท้จริง
พอมีตระกูลม่อเข้าร่วมกับพวกเขาก็ยิ่งทำให้อาวุธรุ่นใหม่ของเซรีนพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว
ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้มีรายงานการรบที่ทำให้ปิงต้องรีบกลับไปยังกลุ่มดาวหมีใหญ่
กลุ่มดาววาฬเริ่มบุกจู่โจมกลุ่มดาวหมีใหญ่!
ข่าวด่วนเช่นนี้ทำให้ปิงพับแผนไว้ก่อนทันทีขณะที่เขาบึ่งกลับไปยังกลุ่มดาวหมีใหญ่ตอนราตรี เมื่อเขามาถึงกลุ่มดาวหมีใหญ่เขาจึงตระหนักถึงสถานการณ์ได้ว่าแย่กว่าที่เขาคิด
“เซียนนักสู้แห่งกลุ่มดาววาฬสามคนจู่ๆก็หายไป”
ใบหน้าของหลงโส่วจิงละอายใจ เขารู้ว่าในสงครามนั้นเซียนนักสู้ทั้งสามสามารถสร้างพลังทำลายล้างได้ การหายไปของเซียนนักสู้ทั้งสาม เป็นเหมือนกริชลับที่ปรากฏออกมาได้ทุกเมื่อ
“โส่วจิน,อย่าได้โทษว่าตนเองไปเลย ถ้าเซียนนักสู้ถูกติดตามได้ง่ายพวกเขาก็ไม่ใช่เซียนแล้ว” ปิงปลอบโยนหลงโส่วจิง หน้าของเขามีแววตื่นเต้น
เพราะถังอี้นำกองกำลังหมาป่าของเขาออกไปแล้ว
ตอนนี้ถังอี้เป็นนายพันตรีแล้วและพลังสั่งการของเขาเพิ่มขึ้นทันทีสามารถคุมกำลังรบได้ถึง 2500 คนและเมื่อมีคุณชายขลุ่ยวิเศษประจำการอยู่ที่เมืองสามวิญญาณ ปิงส่งถังอี้กลับไปยังกลุ่มดาวหมีใหญ่เพื่อควบคุมและเตรียมการขยายกองทัพหมาป่า
พวกเขาไม่คาดเลยว่าพวกเขาจะประสบความสำเร็จอย่างโชคดี
สำหรับศัตรูปิงอดสรรเสริญกลุ่มดาววาฬไม่ได้ เพราะเลือกเข้าใจเลือกเวลา ถังเทียนยังฝึกกับวิชาวังวนกระบี่ทอนวิญญาณไม่เสร็จ และการฝึกพิเศษของสถาบันไข่หมีอาจจะถูกพวกเขาพบและนั่นคือช่วงเวลาเหมาะกับการโจมตีอย่างมิต้องสงสัย เกราะจักรกลวิญญาณของกองทัพก็ถูกขายให้กลุ่มดาวคันชั่งทั้งหมด ดังนั้นนักเรียนสถานบันหมาป่าฟ้าจึงไม่สามารถรบได้
ถ้าถังเทียนขัดเกลาวิญญาณเสร็จสิ้นการฝึกพิเศษก็จะได้ผลสรุป และรายรับเกือบ 500 พันล้านเหรียญดาวการปล่อยอาวุธจักรกลวิญญาณรุ่นใหม่จะกลายเป็นฝันร้ายของกลุ่มดาววาฬ
สำหรับฝ่ายถังเทียน พวกเขาเพียงต้องถ่วงเวลาไว้ ความได้เปรียบของพวกเขาจึงจะเพิ่มขึ้น
“ถังอี้อยู่ที่ไหน?” ปิงถาม
“เมืองเป่ยอัน”
เมืองป่ยอันเคยเป็นหนึ่งในเมืองยุทธศาสตร์ของกลุ่มดาวหมีใหญ่ มีความเข้มข้นของพลังดวงดาวอย่างดีจึงให้กำเนิดนักสู้พญาหมีสองสามคนในอดีตแต่เมื่อเยี่ยนหย่งเลี่ยระดมพลครั้งล่าสุดทำให้นักสู้ทั้งหมดในเมืองนี้เข้าสู่กลุ่มดาวนายพราน ปัจจุบันเมืองเป่ยอันกลายเป็นเมืองร้างสูญเสียความรุ่งเรืองจากในอดีต
ถังอี้ไม่ได้เข้าไปในเมือง กองทัพของเขาเป็นทัพม้า และพื้นที่ในเมืองไม่เหมาะกับพวกเขา และชาวเมืองไม่ยินดีต้อนรับพวกเขา
ภาพลักษณ์ของเยี่ยนหย่งเลี่ยที่ทิ้งไว้ในกลุ่มดาวหมีใหญ่ไม่อาจลบเลือนได้ในช่วงเวลาอันสั้น
ถังอี้ไม่สนใจ เขาคือผู้นำทหารและเขาสนใจแต่การนำทัพเข้าสู้ศึกสงคราม
ไม่เพียงแต่ถังอี้ที่ไม่สนใจ แม้แต่อาเฮ่อและพวกที่เหลือก็ไม่อาจใส่ใจได้เพราะพวกเขารู้ว่าถังเทียนไม่สนใจการปกครองกลุ่มดาวแม้แต่น้อย เพียงความปราถนาของคนโง่ก็คือการบังคับหาทางให้เขาไปกลุ่มดาวกางเขนใต้ทันที
ถ้าไม่ใช่เพราะเส้นทางไปกลุ่มดาวกางเขนใต้ถูกลากเข้าไปในเส้นทางสงคราม ถังเทียนคงไม่ยอมอยู่แน่ ท่านปิงก็ไม่มีความสนใจกลุ่มดาวหมีใหญ่ด้วยเช่นกัน สำหรับท่านปิงแล้วกลุ่มดาวหมีใหญ่เป็นเพียงค่ายฝึกทหารชั่วคราว ที่เป็นค่ายฝึกชั่วคราวก็เพราะท่านปิงไม่ชอบความเข้มข้นของพลังดวงดาวของกลุ่มดาวหมีใหญ่ซึ่งยังไม่มากพอ
ดังนั้นแม้เมื่อกลุ่มดาววาฬจะยึดเมืองเป่ยอันไป ถังอี้จึงไม่รู้สึกขัดเคืองรำคาญ
กองทัพที่ยึดครองเมืองเป่ยอันก็คือกองพลวาฬน้ำเงินแห่งกลุ่มดาววาฬหนึ่งในสามกองทัพของกลุ่มดาววาฬ อีกสองกองทัพก็คือกองพลวาฬขาวกับกองพลวาฬดำ กองพลวาฬน้ำเงินเป็นกองกำลังที่อ่อนที่สุดในสามกองกำลัง แต่แม้ด้วยกองกำลังนี้จำนวนของพวกเขาก็ยังมากกว่ากองกำลังหมาป่า
กองพลวาฬน้ำเงินประกอบไปด้วยกำลังพล3000 นาย ขณะที่กองกำลังหมาป่ามีเพียง 200นาย ความแตกต่างในเรื่องพลังเห็นได้ชัดและยังโชคดีที่ทหารที่ฝึกพิเศษในไข่หมี ทุกคนมีปราณแท้บรรลุระดับเจ็ดไปแล้วทำให้กองกำลังหมาป่ามีพลังเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย
ถังอี้พยายามใช้วิธีโจมตีต่างๆ แต่ผู้บัญชาการทหารฝ่ายตรงข้ามระมัดระวังมากและไม่ยอมเผยให้เห็นจุดอ่อน ขบวนศึกของฝ่ายตรงข้ามหนาแน่นเกินไปและถังอี้ไม่กล้าเร่งบุกลึกเข้าไป
ฝ่ายตรงข้ามเตรียมการไว้แล้ว
กองพลวาฬน้ำเงินไม่มีทางเลือกต้องต้านทานกองกำลังหมาป่า กองกำลังหมาป่ามาและไปดุจสายลม และกองพลวาฬน้ำเงินไม่มีพาหนะที่สามารถไล่ตามได้ สิ่งที่แย่ก็คือกองกำลังหมาป่าล่องหนได้และการจู่โจมของพวกเขาก็แหลมคมมาก ถ้าพวกเขาส่งคนออกไปน้อยเกินไป พวกเขาจะต้องพ่ายแพ้แน่นอน
กองกำลังหมาป่ายังคงเดี๋ยวปรากฏเดี๋ยวก็หายอยู่รอบๆพวกเขา ทำให้สภาพจิตใจของกองพลวาฬน้ำเงินตึงเครียดความเร็วในการเคลื่อนทัพจึงช้าเป็นเต่าคลาน
ผู้บัญชากองพลวาฬน้ำเงินเข้าใจชัดเจนว่าตราบเท่าที่เขาตรึงกองกำลังหมาป่าไว้ได้ อย่างนั้นงานของพวกเขาก็สำเร็จ ทั่วทั้งกลุ่มดาวหมีใหญ่ในปัจจุบันนี้มีแต่พวกเขาที่เป็นกองกำลังต่อสู้
สำหรับกองพลทหารราบของกลุ่มดาวอันโดรเมดาเป็นเพียงกองทัพของกลุ่มดาวชั้นสี่ พวกเขาจะใช้ประโยชน์อะไรได้
และด้วยความคิดอย่างเดียวกันกองพลวาฬขาวและกองพลวาฬดำคือกองทัพที่ไร้ผู้ต่อต้าน สามารถกวาดล้างทุกอย่างได้
ในพริบตากลุ่มดาวหมีใหญ่ที่รุ่งเรืองและเป็นที่รู้จักตกอยู่ในอันตรายครั้งใหญ่เป็นประวัติการณ์ไฟลามมาจากทั่วทิศพร้อมทั้งอันตรายที่ตามมา
“อันตรายฉุกเฉินหรือ?”ปิงแค่นเสียง เขายืดหลัง
การฝึกพิเศษของสถาบันไข่หมีถูกบังคับให้ตัดสั้นลง เนื่องจากปิงฟังรายงานสรุปจากอาเดรียนอย่างรวดเร็วเกี่ยวกับบุกของกลุ่มดาววาฬ
“เมื่อพูดโดยรวมผลลัพธ์นั้นดีมาก นักสู้ชาวหมาป่าก้าวหน้าได้ผลดีที่สุด เพราะระดับปราณแท้ทั่วไปนั้นต่ำมากคือที่ระดับห้าหลังจากผ่านการฝึกพิเศษแล้วมาตรฐานปราณแท้ของพวกเขาเพิ่มขึ้นถึงหนึ่งระดับครึ่งกันถ้วนหน้าและนักสู้ชาวหมาป่าบางส่วนที่แต่เดิมมีพลังระดับหกอยู่แล้วมีพรสวรรค์ที่ล้วนมีปราณแท้ถึงระดับเจ็ดแล้ว ถ้าพวกเขาสามารถฝึกพิเศษได้สำเร็จก็จะมีบางส่วนบรรลุพลังระดับแปดได้” น้ำเสียงของอาเดรียนเต็มไปด้วยความเสียดาย
ปิงไม่แสดงความคิดเห็นใดๆและหันไปคุยกับทาร์ตัน “กองพลทหารราบเป็นยังไงบ้าง?”
ทาร์ตันพูดเสียงเคร่งเครียด “เกือบทั้งหมดบรรลุพลังระดับแปด แต่ยังคงมี 30%ของทหารที่ยังเป็นนักรบระดับเจ็ด”
ใจของเขาเต็มไปด้วยความกังวล กองกำลังทหารราบเคยอยู่ที่ราวๆ ระดับเจ็ดขณะที่กองกำลังของกลุ่มดาววาฬเป็นนักรบระดับแปดกันหมดความแตกต่างกันใหญ่หลวงนัก แม้ว่าปราณแท้จะไม่มีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับความแข็งแรง แต่ก็ยังมีความแตกต่างกันระหว่างสองฝ่าย
สำหรับถังอี้ผู้เป็นสุดยอดผู้นำทหารโดดเด่น ด้วยกลยุทธพิเศษของเขา ประกอบกับทหารของเขาได้ปลุกพลังสายเลือดหมาป่าโบราณแล้วพวกเขาสามารถสู้ได้กับกองกำลังระดับกลางได้
เขารู้ว่ามาตรฐานของตัวเขาเองไม่อาจเทียบได้กับถังอี้แน่นอน
แต่ปิงพอใจมาก เขาบรรลุเป้าหมายของเขาเองแล้ว นั่นคือเหตุผลที่เขากล้าดึงทหารที่ฝึกพิเศษแล้วออกมา และกล้าขายเกราะจักรกลวิญญาณ5600 ชุดออกไป ทั้งหมดนี้เป็นไปตามแผน คนอื่นอาจคิดว่าเขากำลังจะหัวขาดเพราะความโลภ แต่พวกเขาไม่รู้ว่าเพราะทหารผ่านศึกผู้มีประสบการณ์โชกโชนอย่างเขาจะไม่มีไพ่ตายอยู่ในมือได้ยังไง?
ไพ่เด็ดในมือของปิงก็คือนักสู้ชาวหมาป่าหนึ่งล้านคน
ปิงกล่าว “แน่นอนว่าเราจะไม่มุ่งหน้าไปชนกับกองทัพปลาสามตัว แน่นอนที่สุดพวกมันแข็งแกร่งเกินไป
หลิงซิ่วมองดูปิงและพูดกับเขาตรงๆ “ปลาวาฬนะ ไม่ใช่ปลาซิวปลาสร้อย”
ปิงทำเป็นไม่ได้ยินเขาเขากระแอมเล็กน้อยและพูดต่อ “สำหรับเราสิ่งที่สำคัญที่สุดคือถ่วงเวลา เนื่องจากเป็นเรื่องการถ่วงเวลาอย่างนั้นจะเป็นเรื่องง่าย เผ่าพันธุ์หมาป่า นอกจากมีชื่อเรื่องกระสุนมนุษย์แล้วพวกเขายังมีดีเรื่องอะไรอีก? เราเป็นโจร หึหึ กองโจรหนึ่งล้านคน อา..ข้าต้องบอกว่ากองโจรระดับหกหนึ่งล้านคนกับพลังสายเลือดหมาป่าที่ตื่นขึ้นแล้ว!”
ปิงพูดอย่างมั่นใจและเที่ยงตรง“สงครามซึ่งหน้าหรือ? อ๊า.. ไม่มีการต่อสู้ง่ายๆ อย่างนั้นทำไมเราจะต้องทำด้วย? เราจะทำงานเก่าของเรา ซึ่งก็คือการปล้น!”
ผู้อาวุโสเผ่าหมาป่ามองหน้ากันเองทุกคนตกตะลึงกับข้อเสนอของปิง
“แน่นอนว่าพวกเจ้าทุกคนจะไม่ไปปล้นพวกเขาต่อหน้า นั่นเท่ากับหาที่ตาย! ดังนั้นเราจะทำอะไรกัน? เราจะแบ่งกันตีส่วนใหญ่มุ่งเน้นการคุกคาม ไม่ว่าพวกเขาแข็งแกร่งแค่ไหน พวกเขาก็เป็นมนุษย์และจะต้องเหน็ดเหนื่อย และเมื่อถึงเวลานั้นจะเป็นโอกาสของเรา ถ้าเรามีโอกาส เราจะต้องกระตุ้นยั่วยุพวกเขาสองครั้งเราจะโห่ร้องอยู่ที่ด้านหนึ่ง และเมื่อพวกเขาไล่กวดเรา เราก็จะหนีดื้อๆ” ปิงพูดด้วยสีหน้าสงบ
หลังจากนั้นผู้อาวุโสเผ่าหมาป่าคนหนึ่งถามเสียงตะกุกตะกัก “แล้วมันจะได้ผลเหรอ?”
“แน่นอนว่าไม่!”
ปิงไม่สนใจสายตาดุดันของทุกคนและกล่าวต่อ “ดังนั้นข้าเตรียมของเล่นเล็กๆ น้อยๆ ให้ทุกคน นั่นเป็นของดีทั้งนั้นซึ่งผลิตมาจากห้องค้นคว้าพลังสายเลือดบางอย่างก็เป็นพิษบางอย่างก็เป็นยาเสพติดทำให้ไร้ความสามารถบางอย่างทำลายตัวอสูรเอง ทุกคนต้องนำไปบางส่วน สบายใจได้ มันใช้ได้ง่าย ใส่แหล่งน้ำ หรือฝังลงไป หรือโปรยพิษไปในก้อนเมฆ..”
ทุกคนฟังด้วยสีหน้าซีดเผือด พากันสั่นทุกคน แต่ไม่ใช่เพราะหนาว
“ความคิดทั้งหมดนี้เป็นแนวคิดของคนทั่วไป อย่างไรก็ตามยังมีกลยุทธในศิลปะการรบอีกอย่างหนึ่งเรียกว่าการป้องกันและรื้อถอนพื้นที่ดังนั้นเราจะโจรกรรมและวางพิษในทุ่ง” หน้าเหมือนไพ่ของปิงยิ้มอย่างมีความสุขนิ้วของเขาชี้และลากเป็นวงกลมใหญ่บนแผนที่ “ถ้าการปล้นและการวางพิษในทุ่งเล็กเกินไปก็จะไม่มีความหมายอะไร ดังนั้นเรามาเล่นเกมใหญ่กว่าดีกว่า”
“จากที่นี่ถึงนี่ก็มีแต่เพียงถนนมุ่งสู่ไข่หมี! ดังนั้นนักสู้ชาวหมาป่าทั้งหมดจะแบ่งออกเป็นกลุ่มเล็กคำขอร้องของข้านั้นง่าย คำขอของข้าก็คือเปลี่ยนสถานที่นี้ให้เป็นปลักโจร
ทุกคนเข้าใจความคิดของปิง ดวงตาของทุกคนเป็นประกายแปลกประหลาด แม้ว่าแผนจะคลุมเครือแต่ก็เป็นแผนถ่วงเวลาที่ดี
ปิงยิ้มมีความสุข
“เรามาทักทายพวกเขาด้วยมารยาทที่ดีกันเถอะ!