ตอนที่ 455 ธุรกิจครั้งใหญ่
กลุ่มดาวคันชั่งหนึ่งในสิบสองตำหนักระนาบสุริยุปราคา แต่ไม่เหมือนกับกลุ่มดาวแมงป่องที่เสื่อมโทรมและไม่เหมือนกับกลุ่มดาวราชสีห์ที่รุ่งเรืองประวัติศาสตร์ของกลุ่มดาวนี้ในสิบสองตำหนักระนาบสุริยุปราคาเป็นกลุ่มดาวระดับกลางๆไม่ก้าวหน้าไม่ตกต่ำ
แต่กลุ่มดาวคันชั่งเป็นกลุ่มดาวที่เปิดกว้างที่สุดได้รับการยอมรับในสิบสองตำหนักสุริยุปราคาไม่ว่าจะพูดถึงโดยทฤษฎีใดไม่วันถูกขับออกเพราะความคิดนอกรีตนอกรอย ดังนั้นปรมาจารย์ขององค์การวิญญาณมืดหลายคนจึงชอบใช้ชีวิตอย่างสันโดษในกลุ่มดาวคันชั่ง
ด้วยประโยชน์ดังกล่าวจึงสร้างบรรยากาศที่ดีดังนั้นกลุ่มดาวคันชั่งจึงกลายเป็นที่มีช่างฝีมือมากที่สุดและมียอดฝีมือผู้เชี่ยวชาญในทุกประเภทที่แตกต่างหลากหลาย กลุ่มดาวคันชั่งมีสมาคมมากมายเช่นสมาคมช่างฝีมือ, สมาคมนักสู้เป็นต้น สมาคมที่แข็งแกร่งที่สุดย่อมเป็นสมาคมยอดปราชญ์อย่างมิต้องสงสัย 80%ของสมาคมหลักในกลุ่มดาวคันชั่งคือสมาคมใต้สังกัดของสมาคมยอดปราชญ์
คุณสมบัติในการเข้าร่วมสมาคมยอดปราชญ์นั้นเข้มงวดมากและมีแต่สุดยอดอัจฉริยะเท่านั้นจึงจะเข้าร่วมได้แต่ยอดฝีมือเหล่านั้นทั้งหมดส่วนใหญ่หมกมุ่นอยู่กับงานค้นคว้าของตนไม่สนใจเรื่องอื่นดังนั้นสมาคมจึงให้ตำแหน่งผู้อาวุโสไปหลายคน ผู้อาวุโสจะรับผิดชอบทำงานประจำวัน และพวกเขาเองก็ประสบความสำเร็จอย่างลึกซึ้งในวิชาต่อสู้ ดังนั้นพวกเขาจึงอำนาจมากในสมาคม
ผู้อาวุโสเซียวเป็นหนึ่งในพวกนี้และผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดหลายคนล้วนอยู่ในความรับผิดชอบของเขารวมทั้งช่างจักรกลใหญ่อย่างกวนจือม่อ ก่อนที่เซรีนจะได้รับขนานนามเป็นปรมาจารย์ มีปรมาจารย์สายจักรกลอยู่เพียงสองคนในโลกคือม่อเหล่งแห่งตระกูลม่อและกวนจือม่อ
ม่อเหล่งเป็นคนสันโดษมุ่งมั่นกับการสร้างอาวุธจักรกลเป็นแบบของตนอยู่ในตระกูลม่อ
กวนจือม่อกลับตรงกันข้ามเขาไปกลุ่มดาวคันชั่งเพื่อทำงานค้นคว้าของตนเองแต่แม้ว่ากวนจือม่อจะเป็นปรมาจารย์ทางจักรกล ในสมาคมยอดปราชญ์ สถานะของเขาไม่สูงขนาดเท่าใดนัก เพราะความตกต่ำของวิชาจักรกล
เซรีนสร้างอาวุธจักรวิญญาณ แต่ไม่มีอิทธิพลมากนักในกลุ่มดาวคันชั่ง จนกระทั่งสงครามในกลุ่มดาวหมีใหญ่ที่ซึ่งกองทัพจักรกลทำงานได้โดดเด่นมาก ทำให้วิชาจักรกลกลายเป็นหัวข้อวิจารณ์กันอย่างร้อนแรงและสถานะของกวนจือม่อพุ่งขึ้นสูงทันที
มีปรมาจารย์ผู้เชี่ยวชาญอยู่ในสมาคมยอดปราชญ์มากมาย แม้ว่าความรู้ในวงการวิชาจักรกลของพวกเขาจะมีจำกัด แต่พวกเขาก็เข้าใจต่อวิถีโลกและงานคนอื่นอย่างลึกซึ้ง
ผู้อาวุโสหลายคนมีความเฉียบแหลมสังเกตเห็นการผสมผสานกันของจิตวิญญาณยุทธและอาวุธจักรกลทำให้วิชาเก่าแก่ที่ตกสมัยไปแล้วกลับกลายเหมือนกับติดปีกเข้าไปกลายเป็นศักยภาพที่ไร้ขีดจำกัด และสำหรับเหล่าผู้อาวุโสผู้ทรงภูมิรู้ พวกเขากังวลห่วงใยถึงความวุ่นวายว่ากลุ่มดาวคันชั่งจะสามารถรักษาจุดยืนเดิมไว้ได้หรือไม่? แม้ว่าพวกเขาจะเข้าร่วมฝ่ายใดก็ตาม พวกเขาจะสามารถปกป้องผลประโยชน์ของพวกเขาไว้ได้หรือไม่?กลุ่มดาวคันชั่งเผชิญหน้ากับดาบก็ไม่ต่างจากวัวอ้วนรอให้เชือดเป็นแน่
การดูแลปกป้องตนเองเป็นข้อกังวลและห่วงใยของสมาคมยอดปราชญ์มาช่วงหนึ่งแล้ว มรดกของกลุ่มดาวคันชั่งนั้นดีและควบคุมได้ง่ายและทำให้พวกเขาต้องค้นคว้าวิชาต่อสู้ และนำพวกเขาไปสู่การค้นคว้าวิธีใช้วิทยายุทธ มีแนวโน้มที่จะเน้นฝึกฝนวิชาต่อสู้ ขณะที่พวกเขายังขาดแคลนวิชาต่อสู้ทางการทหาร
แต่ในช่วงเวลาอย่างนั้นกลับปรากฏกองทัพจักรกลขึ้นมานั่นดึงดูดความสนใจของพวกเขาอย่างมาก
กองทัพจักรกลเป็นหน่วยรบที่สมบูรณ์แบบสำหรับกลุ่มดาวคันชั่งเพราะความสามารถพิเศษและวิทยาการของพวกเขาสูงล้ำที่สุด กลุ่มดาวคันช่างมีช่างใหญ่สายจักรกลอยู่คนหนึ่งและที่สำคัญมากกว่า วิทยาการของกลุ่มดาวคันชั่งในการผลิตนั้นแข็งแกร่งมากและทันทีเมื่อพวกเขามีความรู้เรื่องอาวุธจักรกลวิญญาณพื้นฐานได้ ด้วยทุนสำรองของพวกเขา พวกเขาจะสามารถก้าวหน้าไปได้อย่างรวดเร็ว
เมืองสามวิญญาณกลายเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญที่สุด
สมาคมยอดปราชญ์หวังว่าพวกเขาจะสามารถประสานความร่วมมือกับเมืองสามวิญญาณกับสมาคมได้โดยตรง แต่ภูมิปัญญายังต้องพัฒนากันต่อไป พอมีถังเทียนโผล่มาเป็นผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลังเมืองสามวิญญาณทำให้ระดับสูงของสมาคมต้องวางความคิดนั้นทันที
แม้ว่ากลุ่มดาวหมีใหญ่จะเป็นกลุ่มดาวชั้นสาม แต่ยังไม่ควรเข้าไปตอแยกับถังเทียนในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา เขาสามารถรบชนะทุกศึก หนุ่มน้อยถังทำตัวดูเหมือนเผินๆ แล้วโง่งี่เง่า แต่กลับมีแผนการที่ลึกซึ้ง
จากกลุ่มดาวหมาป่าไปกลุ่มดาวอันโดรเมดาแล้วจากกลุ่มดาวอันโดรเมดาไปกลุ่มดาวหมีใหญ่จากกลุ่มดาวหมีใหญ่ไปกลุ่มดาวมังกร ผลสำเร็จที่น่าประทับใจนั้น ทุกคนรู้ว่าเขาคือหนามยอกที่ทรงพลัง
แน่นอนว่าสิบสองตำหนักระนาบสุริยะมีกองทัพที่แข็งแกร่งกว่า มีนักสู้ที่แข็งแกร่งกว่า แต่พลังเหล่านี้ทั้งหมดแค่ถูกเขียนบันทึกเอาไว้ กี่ปีมาแล้วที่ขุนพลทหารของพวกเขาเข้าสู่สงคราม? มีไม่กี่คนที่อ้างว่าเคยแต่น่าจะหมายถึงการปราบปรามเสียมากกว่า ตรงกันข้ามกับอีกฝ่ายอาจถูกตราหน้าว่าไม่แข็งแกร่ง แต่พวกเขาเดินตามเส้นทางที่เหี้ยมหาญและทรงพลังโค่นล้มกองทัพอื่นครั้งแล้วครั้งเล่า
ชื่อของหนุ่มถังถือกำเนิดมาจากการเข่นฆ่า
แม้ว่าจะไม่มีเลือดนองเป็นลำธารไม่เข่นฆ่าล้างเมืองหรือดวงดาว แต่ก็ไม่ใช่คนที่มีใจดี ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ใครพูดขัดหูก็ลุยใส่ทันที เป็นบุรุษหนุ่มที่สู้เพื่อชีวิตและไม่มีวันยอมแพ้
ตระกูลอีวานโง่เขลาจริงๆ...
กลุ่มดาวคันชั่งปรับเปลี่ยนทัศนคติกลายเป็นความร่วมมืออย่างฉันท์มิตรทุกคนควรจะร่วมมือ ท่านตั้งราคา ข้าซื้อ เราสามารถตกลงราคากันได้ ทำไมจะต้องต่อสู้และเข่นฆ่ากันด้วยเล่า?
แม้ว่ากลุ่มดาวคันชั่งจะไม่ได้ร่ำรวยเท่ากับกลุ่มดาวอควาเรียส แต่เรามีงบประมาณไม่จำกัดแน่นอน
ทั้งสองฝ่ายเจรจากันฉันท์มิตรและให้ความร่วมมือกันเป็นอย่างดี
ท่านต้องการวิชาอาวุธจักรกลวิญญาณของเราใช่ไหม? เราไม่สามารถขายวิชาที่ทรงอำนาจให้ท่านได้ แต่วิชาอาวุธจักรกลพื้นฐานล่ะ? อย่างนั้นไม่มีปัญหา
วิชาจักรกลพื้นฐาน? พวกเขาก็ต้องการ กลุ่มดาวคันชั่งของเราไม่มีความรู้ทางนี้เท่าใดนักมีเพียงผู้เชี่ยวชาญที่เกินมาคนหนึ่ง ตราบใดที่เราเข้าใจพื้นฐานได้ดี ในพริบตาเราก็จะเข้าใจระดับสูงทันทีและจากนั้นใครจะรู้ว่าใครเชี่ยวชาญกว่ากัน
เราไม่มีทางเลือกราคาของชุดจักรกลพื้นฐานก็ไม่ถูกเหมือนกัน เพราะเราก็ทุ่มเทเลือดหยาดเหงื่อและน้ำตาไปมากแน่นอนที่สำคัญที่สุดเราเป็นมิตรกับทุกตระกูลในสวรรค์วิถีและจะไม่ลำเอียงแน่นอน
ท่านฉลาดมากในการนำกองทัพของท่านทำธุรกิจกล่าวได้ว่าเป็นมุมมองอย่างหนึ่ง เพราะอย่างนั้นข้าได้แต่เห็นด้วยข้าได้ยินว่ากองทัพของท่านถูกยุบไปแล้วอาวุธจักรกลวิญญาณเหล่านั้นที่พวกท่านเคยใช้มาก่อนท่านสามารถขายให้กับข้าได้นะ
นั่นเป็นไปไม่ได้เรายังคงต้องใช้ฝึกฝน ต้องใช้เตรียมตัวทำศึก เรายังต้องการ...
โอ๊ยโหยว..ท่านตีความตั้งใจดีข้าผิดไป และข้าเองก็แก่มากแล้ว ปากข้าไวไปหน่อย แค่บอกจำนวนข้ามาก็ได้
……
ทั้งสองฝ่ายยังคงโต้ตอบผลักดันข้อตกลงกันอย่างรวดเร็ว
วิชาจักรกลวิญญาณพื้นฐานขายให้สมาคมยอดปราชญ์สองหมื่นล้านเหรียญ
สถาบันหมาป่าฟ้ามีอาวุธจักรกลวิญญาณห้าพันหกร้อยชุดขายให้สมาคมยอดปราชญ์ชุดละแปดสิบล้าน จำนวนรวม 448 พันล้านเหรียญดาว
ในช่วงเวลาสั้นๆราคารวม 468 พันล้านเหรียญถูกใช้ไปกับอาวุธจักรกลนั้น
ทั้งสองฝ่ายค่อนข้างจะพอใจ
ปิงพอใจอย่างมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งเขาสามารถขายชุดจักรกลวิญญาณได้ถึงห้าพันหกร้อยชุดเป็นมูลค่า 448พันล้านเหรียญ เขากำลังหัวเราะอยู่ในใจ อาวุธรุ่นใหม่ของเซรีนผลิตออกมาแล้วและเกือบได้เวลาเปลี่ยนชุดเกราะ ความจริงเขาตั้งใจจะให้ไว้กับสถานที่ฝึกฝนเพื่อไว้ใช้ แต่เขาคาดไม่ถึงเลยว่าจะสามารถขายออกไปได้ทันที
เมื่อม่อเว่ยเทียนถือโอกาสขูดเลือดเนื้อขายขยะของเขาถึงยี่สิบล้านเหรียญดาว ปิงรู้สึกว่าการขายของเขาเองในราคาแปดสิบล้านก็นับว่ายุติธรรม
และผู้อาวุโสเซียวก็พอใจอย่างมาก แม้ว่ามูลค่ารวม 448พันล้านเหรียญดาวดูเหมือนจะเอารัดเอาเปรียบไปบ้าง แต่ศึกใหญ่ใกล้เข้ามาและสำหรับพวกเขา เรื่องที่สำคัญที่สุดไม่ใช่เงินทอง แต่เป็นเวลา อาวุธจักรกลวิญญาณมือสองไม่เพียงแต่พวกเขาสามารถเอามาค้นคว้าวิจัยได้เท่านั้น แต่พวกเขาสามารถเอามาใช้งานได้ทันทีโดยนักสู้สายจักรกลขององค์กรจะเริ่มใช้ฝึกฝนกัน
มิฉะนั้น ถ้าพวกเขารอจนกระทั่งพวกเขาสามารถปล่อยอาวุธจักรกลของตัวเองได้และเริ่มฝึก นั่นจะสายเกินไป
ข่าวว่าสมาคมยอดปราชญ์กลุ่มดาวคันชั่งร่วมมือกับเมืองสามวิญญาณแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเซรีน, ม่อเหล่งและกวนจือม่อ สามปรมาจารย์ช่างจักรกลมาพบหน้ากัน ทำให้ทุกคนกระตือรือร้นตื่นเต้นมาก นี่เป็นการพบปะกันครั้งแรกของสามปรมาจารย์ในยุคเดียวกัน และสำหรับผู้ที่ชื่นชอบจักรกล นี่คือสัญญาณการฟื้นตัวของวิชาจักรกล!
****
ตระกูลอีวาน
“เจ้าเป็นหมูตัวหนึ่งหรือเปล่า? ถึงได้ทำเรื่องโง่แบบนี้? ตอนนี้ทั่วทั้งสวรรค์วิถีกำลังเย้ยหยันพวกเรา แม้แต่เฒ่าเก่อจอมตระหนี่ก็ยังเยาะเย้ยถากถางเราทำไมพวกเจ้าไม่สืบดูให้ดีก่อน? ทำไมพวกเจ้าถึงไม่ถามขอคำแนะนำจากคณะผู้อาวุโสในเรื่องใหญ่อย่างนั้นก่อน?”
เดาว์ตันอีวาน ประมุขตระกูลอีวานมีสีหน้าแดงก่ำ เขาโมโหจนตัวสั่น
ที่อยู่ต่อหน้าเขาเป็นบุรุษวัยกลางคนยืนคอตกซึมเซา
“เจ้ารู้ไหมใครเป็นเจ้าเมืองสามวิญญาณ?มันคือจอมห้าวถังเทียน มันคือไอ้บ้าวิปริตใช้วิชาวังวนกระบี่ทอนวิญญาณกับตัวเอง! เจ้าบ้านั่นสามารถกัดเจ้าได้โดยไม่ให้ความสำคัญอะไรเลยแล้วเจ้ายังกล้าไปตอแยเขาอีกหรือ? เขาไม่เคยเห็นแก่หน้าสมาพันธ์ชาวยุทธและองค์การวิญญาณมืด แล้วเจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร?” เดาว์ตันด่า
บุรุษวัยกลางคนพึมพำกับตนเอง “แต่ก็แค่เพียงกลุ่มดาวหมีใหญ่...”
“แค่กลุ่มดาวหมีใหญ่เหรอ?”เดาว์ตันโกรธจนเริ่มหัวเราะ “สมาคมยอดปราชญ์กลุ่มดาวคันชั่ง ทุ่มเงินอย่างน้อย 500พันล้านซื้อขยะนั่นหรือ? ให้ข้าบอกเจ้าก็ได้ พวกเขาทุกคนพยายามเอาใจถังเทียน! เจ้ากำลังดูถูกกลุ่มดาวหมีใหญ่ แต่คนอื่นกลับคิดตรงกันข้าม! ข้าจะบอกเรื่องนี้เจ้าก็ได้ เรื่องนี้ ถ้าเจ้าไม่จัดการให้ดี ข้าจะส่งรายงานเจ้าให้คณะผู้อาวุโสพิจารณา!”
บุรุษวัยกลางคนตะลึง เขาไม่อยากเชื่อหูตัวเองและรู้สึกตัวหลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง “ท่านบ้าไปแล้ว! ข้าเป็นลูกชายท่านนะ! ท่าน…”
เผียะ!
เสียงตบดังลั่น
บุรุษวัยกลางคนเอามือกุมหน้า เขาตะลึงงงเป็นไก่ตาแตก
หน้าของเดาว์ตันเคร่งเครียดและเขากล่าวอย่างจริงจัง“ถูกแล้ว เจ้าเป็นลูกชายข้า แต่ไม่มีใครอยู่เหนือตระกูลอีวาน ข้าทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเมื่อเจ้าเอาแต่หมกมุ่นกับสตรี แต่เจ้าต้องไปหาเซรีน ไปขอให้นางยกโทษให้ไม่มีเรื่องที่ต้องคุยอีกแล้ว ถ้าเจ้าทำไม่ได้ ข้าจะขับเจ้าออกจากตระกูล!”
บุรุษวัยกลางคนตกตะลึง
“จำไว้ เจ้าไม่ใช่แค่ลูกชายคนเดียวของข้า”
คำพูดของเดาว์ตันเย็นชามากทำให้บุรุษวัยกลางคนทรุดตัวลง
เมื่อบุรุษวัยกลางคนออกไปอย่างไร้ชีวิตชีวา บุรุษชราอีกคนปรากฏตัวขึ้นอย่างลี้ลับเขาถอนหายใจ “นายผู้เฒ่า คุณชายโจเซ่เหลวไหลไปชั่วขณะและทุกอย่างคงชัดเจนขึ้นในไม่ช้า”
“เขาจะดีขึ้นหรือ?”น้ำเสียงของเดาว์ตันเย็นชา “ข้าจะไม่ยอมให้เขาฉุดตระกูลใหญ่ให้ตกต่ำไปกับเขา ท่านไปสืบดูเรื่องในปีนั้นหรือยัง? เราต้องการหลักฐาน”
“เป็นการกระทำของท่านหญิงซูซี่” ชายชรากล่าว“เราทดสอบแล้วพบพิษกำเริบช้าอยู่ในกระดูกของมารดาเซรีนและมันคือเถาเขียวที่ตระกูลซูได้ผลักดันออกมาเมื่อไม่กี่ปีนี้และเท่าที่เห็น เถาเขียวน่าจะทำสำเร็จในปีนั้น”
“ความริษยาเป็นบาปจริงๆ” เดาว์ตันถอนหายใจหลังจากนั้นเขาแค่นเสียงทันที “มีแต่การให้อภัยเท่านั้นถึงจะช่วยให้พวกเขาปลอดภัย”
หัวใจของชายชราเย็นเฉียบ
เขาติดตามนายผู้เฒ่ามาเกินกว่าสิบปีและทุกประโยคและวลีที่เขาพูดเข้าใจได้ง่าย ถ้าเซรีนยกโทษให้บิดานางอย่างนั้นเรื่องจะจบลงโดยปริยาย ถ้าเซรีนไม่ยกโทษให้พวกเขา อย่างนั้นคุณชายโจเซ่และท่านหญิงซูซี่...
ภาพเด็กหญิงผู้น่าสมเพชและเดียวดายปรากฏขึ้นในใจเขาทันทีเวลานั้นเมื่อนางออกจากตระกูลอีวานไป นางมีดวงตาที่แข็งกร้าว
นางไม่ร้องไห้
เพราะเหตุผลบางอย่างหัวใจของเขาเย็นเฉียบ