ตอนที่ 454 อาคันตุกะผู้ทรงเกียรติ
ไข่หมี
จิ่งหาวดูเหมือนกับว่าเขาถูกฉุดขึ้นมาจากน้ำ ใบหน้าของเขามีแววอ่อนล้า แต่ดวงตายังคงสดใสดุจดวงดาว
การหอบหายใจจากคนห้าหมื่นคนพร้อมกันทำให้เกิดเสียงดังครืนเหมือนฟ้าคำรามทุกคนเหงื่อท่วมตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า วิธีการฝึกฝนแบบใหม่จำเป็นต้องให้ทุกคนรักษาระดับสมาธิที่สูงส่งไว้ในช่วงเวลาสั้นๆให้ได้
อาซิ่วอยู่ใกล้ๆ จิ่งหาว หน้าของเขาซีดเผือดมีไอน้ำระเหยออกมาจากทั่วตัวของเขา เขาต้องคอยสนับสนุนจิ่งหาวเหมือนเป็นผู้ช่วยแรงกดดันทั้งหมดจิ่งหาวรับเอาไว้ แต่แม้ว่าสิบเปอร์เซ็นต์ของคนห้าหมื่นสองพันคนสำหรับเขาแล้วเป็นแบบทดสอบที่หนักหนามาก
มันทรมานทุกครั้ง แต่อาซิ่วกัดฟันอดทน เขารู้ว่ามันคือบททดสอบกำลังใจและถ้าเขาสามารถทนผ่านไปได้ พลังของเขาก็จะทะยานเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน อาจารย์ให้ตำแหน่งสำคัญกับเขาเชื่อใจเขาและฝึกฝนเขา
อาซิ่วมองดูจิ่งหาวใจของเขาเต็มไปด้วยความชื่นชม แรงกดดันที่จิ่งหาวแบกรับไว้ยังมากกว่าเขาหลายเท่า ทุกครั้งที่การฝึกจบลง จิ่งหาวจะดูเหมือนกับปลาที่ถูกดึงขึ้นจากน้ำ แต่ว่าตั้งแต่เริ่มต้นจนจบสีหน้าของเขาไม่ค่อยเปลี่ยนไปมาก
เป็นคนที่อดทนดีเหลือเกิน!
การกระทำของจิ่งหาวส่งผลต่ออาซิ่วอย่างมากดังนั้นเขาต้องทนให้ได้
นักสู้ทุกคนที่อยู่บนเชือกลุกขึ้นกันหมดและทยอยกันออกไปอย่างเป็นระเบียบ จิ่งหาวหลับตาพักเพื่อฟื้นฟูกำลังกายและรอการฝึกรอบต่อไปนี่พิสูจน์ได้แล้วว่าวิธีฝึกของอาเดรียนเต็มไปด้วยประสิทธิภาพมาก เขาสามารถรู้สึกถึงปราณแท้ของเขาได้อย่างชัดเจนและควบคุมได้ดียิ่งขึ้น
“การผสานกันได้อยู่ที่72%” อาเดรียนกล่าวอย่างใจเย็น “ประสิทธิภาพการฝึกเพิ่มขึ้น 8% นั่นอยู่ในระดับที่ดีมาก”
ผลของการฝึกเพิ่มขึ้น 8% จิ่งหาวผงกศีรษะ อัตราการเพิ่มขนาดนั้นถือว่าทรงประสิทธิภาพอย่างแท้จริง
สมกับที่เป็นอธิการบดีพรานนักล่าแห่งสถาบันอันดับหนึ่งแห่งกลุ่มดาวนายพรานจริงๆมาตรฐานการอบรมขัดเกลานักสู้ของเขามีคุณภาพสุดยอดอย่างแท้จริง
“ถ้าเราสามารถเพิ่มการผสานกันได้ถึง90% หรือสูงกว่านั้น ประสิทธิภาพการฝึกจะเพิ่มขึ้นถึง 15%” เสียงสงบของอาเดรียนเต็มไปด้วยความคาดหมายเพิ่มประสิทธิภาพการฝึกเป็นปัญหาที่เจอกันทั้งโลก และสามารถเพิ่มประสิทธิภาพได้ถึง15% นั่นเป็นความสำเร็จอย่างงดงาม มีแต่เพียงองค์กรใหญ่อย่างสิบสองตำหนักระนาบสุริยุปราคา,สมาพันธ์ชาวยุทธหรือองค์การวิญญาณมืดก็มีวิธีสำเร็จที่ดีกว่า
แต่น่าเสียดายอัตราการเติบโตไม่สามารถใช้ได้ทั่วโลก หากไม่มีวิชาวังวนกระบี่ทอนวิญญาณของถังเทียนพวกเขาจะไม่สามารถสร้างเขตพลังดวงดาวที่หนาแน่นได้และหากไม่มีจิ่งหาวและความอดทนของเขา ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะรู้
แม้แต่นักสู้ผู้เข้าร่วมฝึกฝนก็เพียงแค่ค้นพบแต่ไม่ต้องการต่อเนื่อง
แม้ว่าวิธีการของเขาจะดี แต่ข้อกำหนดก็สูงมากและทุกช่วงของการฝึกต้องให้พวกเขาใช้พลังและความแข็งแรงกันทุกคน จึงจะสามารถสร้างสภาพแวดล้อมการฝึกฝนระดับสูงได้ นักสู้ชาวหมาป่าไม่บ่นและฝึกกันอย่างเงียบทุกคน
ตอนเริ่มแรกนักสู้ชาวอันโดรเมดาและนักสู้ชาวดาวมังกรพากันบ่นไม่พอใจตรงกันข้ามกับนักสู้ชาวหมาป่า อาเดรียนจัดการย้ายนักสู้ที่แสดงความอึดอัดคับข้องใจไปด้านหลังทันทีและนั่นเป็นการปิดโอกาสของนักสู้สองกลุ่มดาวทันที และหลังจากนั้นนักสู้ชาวหมาป่าแสดงพลังใจที่น่าประหลาดและสอดคล้องกัน ทำให้นักสู้จากกลุ่มดาวอื่นกดดันมากขึ้นบวกกับถูกตระกูลที่สนับสนุนตักเตือนอย่างหนัก ทัศนคติว่าการฝึกในไข่หมีเป็นเรื่องดีสิ่งที่อาเดรียนทำนั้นไม่เคยเห็นประจักษ์มาก่อน
ไม่ว่าจะเป็นถังเทียนหรือจิ่งหาวนักสู้ทุกคนล้วนน่าสรรเสริญ ขอเพียงพวกเขาทุกคนรวมตัวกันและฝึกฝนตามก็สามารถได้ผลสำเร็จเช่นนั้นได้
ในเวลาอันรวดเร็วนักสู้กลุ่มใหม่ก็เข้ามานั่งประจำตำแหน่งอีกครั้ง
จิ่งหาวฟื้นฟูพลังเรียบร้อยมีพลังชีวิตเต็มเปี่ยมอีกครั้ง อาเดรียนมองดูอาซิ่วซึ่งมีสีหน้าเคร่งขรึมอาเดรียนจดบันทึกความก้าวหน้าของอาซิ่วไว้
ถังเทียนสามารถรองรับวิชาวังวนกระบี่ทอนวิญญาณได้นานก็ยิ่งดี...
ความคิดนั่นแว่บผ่านเข้ามาในใจของอาเดรียนทำให้เขาหัวเราะหึหึทันทีถังเทียนอดทนมาถึงหกสิบวันแล้วกล่าวโดยทั่วไปวิชาวังวนกระบี่ทอนวิญญาณหายากที่จะคงอยู่เกินห้าสิบวัน ของถังเทียนอาจจะสั้นกว่าเนื่องจากความหนาแน่นของวังวนกระบี่รอบตัวเขา พูดอีกอย่างก็คือความเข้มข้นในการขัดเกลามากเป็นประวัติการณ์และส่วนใหญ่น่าจะขัดเกลาจิตวิญญาณยุทธของเขาสำเร็จมาก่อน
ข้าสงสัยจริงๆจิตวิญญาณยุทธของถังเทียนจะเป็นยังไงหลังจากขัดเกลาสำเร็จแล้ว
จากนั้นอาเดรียนกลับมาเพ่งความสนใจต่อทิ้งความคิดฟุ้งซ่านไว้เบื้องหลังและตวาด “เริ่มได้!”
*******
ฮัวเฉินหวินยืนอยู่ที่ประตูไม่ไกลจากที่ถังอี้ยืนเฝ้า ถังอี้ทำเป็นเหมือนมองไม่เห็นฮัวเฉินหวินไม่พูดอะไรสักคำ ทั้งสองยังคงเงียบ แต่ฮัวเฉินหวินรู้สึกได้ถึงแรงกดดันหนาแน่น รังสีฆ่าฟันมีอยู่รอบตัวถังอี้ทำให้เขาสงสัยว่าถังอี้จะปลดปล่อยพลังดาบใส่เขา
ถังอี้มองดูอยู่เป็นเวลานานรู้สึกจนใจ ผู้อาวุโสสำนักบอกไว้ก่อนแล้ว จะมีอาคันตุกะสำคัญมาเยี่ยม...
เขารู้สึกเบื่อ ทั้งยังรู้สึกอึดอัดมากกับความเงียบเขาตัดสินใจพูดเปิดหัวข้อสนทนา “แม่ทัพถังอี้ ท่านต้องยืนเฝ้าที่นี่ด้วยตนเองหรือ?”
ถังอี้ทำเป็นเหมือนไม่ได้ยินอะไรไม่แม้กระทั่งกระพริบตา
ข้าถูกละเลยเสียแล้ว....
ฮัวเฉินหวินเงียบไปชั่วครู่จากนั้นอ้าปากเอ่ยอีก “แม่ทัพถังอี้วันนั้นพลังของท่านน่าตกใจจริงๆ!ข้าไม่เคยคาดว่าแม่ทัพถังไม่เพียงแต่เป็นผู้บัญชาการที่โดดเด่นแล้วแต่วิชาดาบของท่านก็ทรงพลังมาก
ถังอี้ยังคงเงียบต่อไป
ข้าถูกละเลยอีกแล้ว
ฮัวเฉินหวินมองดูถังอี้เงียบๆ ก็ได้ข้าก็เบื่อเหมือนกัน
ทันใดนั้น ถังอี้ลืมตา
ในที่สุดก็มีความเคลื่อนไหวจนได้หรือ?ฮัวเฉินหวินถอนหายใจโล่งอกขณะที่เขาเชิดหัวมองถังอี้
เอ๋?
ทันใดนั้นฮัวเฉินหวินตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติมือซึ่งเดิมทีจับอยู่ที่ดาบ มือที่เดิมทีพาดอยู่บนดาบเลื่อนมาจับด้ามดาบทันที ถังอี้ซึ่งแต่เดิมเหมือนกับรูปปั้นเปลี่ยนเป็นสัตว์ร้ายยืนรอเตรียมลงมือทันที
ขณะนั้นเองคนกลุ่มหนึ่งปรากฏเข้ามาในสายตาของเขา ดูเหมือนพวกเขาเดินตรงมาที่ฐาน
ถังอี้มีนัยน์ตาเป็นประกายเงื้อดาบฟันขาม้าที่น่ากลัว
ฮัวเฉินหวินสะดุ้งและมีปฏิกิริยาทันทีสีหน้าเขาเปลี่ยนเป็นแตกตื่น “เดี๋ยวก่อน...”
คลื่นรังสีดาบปรากฏทันที แสงแพรวพราวครอบคลุมทั่วตัวเขาทันที ใจของฮัวเฉินหวินว่างเปล่า เขากุมศีรษะไม่ต้องการเชื่อสายตาตนเอง
โอว ไม่นะ!
ผ่านไปนานเท่าใดไม่ทราบ ฮัวเฉินหวินค่อยรู้สึกตัว เมื่อเขารู้สึก รังสีดาบก็หายไปแล้วและร่องลึกยาวตรงจากขาถังอี้ยืดยาวออกไป...
ฮัวเฉินหวินกลั้นหายใจหันหน้าไปมอง เมื่อเขาเห็นร่องยาวขยายไปถึงเท้าบุรุษตัวใหญ่ร่างหนึ่ง เขาผ่อนคลายทันที ในช่วงเวลานั้นเหมือนกับว่าเขาโบยบินจากนรกขึ้นสู่สวรรค์
ปัง!
รังสีดาบแพรวพราวครอบคลุมสายตาเขาอีกครั้ง ฮัวเฉินหวินที่เพิ่งคลายใจได้ตะลึงค้างอีกครั้งเขาใช้มือทั้งสองกุมศีรษะ สีหน้าท่าทางชะงัก
เมื่อรังสีดาบหายไปอีกครั้งฮัวเฉินหวินสั่นสะท้านทันที เขาไม่สนใจอะไรอีกต่อไปเขาวิ่งไปอยู่ข้างหน้าถังอี้แล้วตะโกน “อาคันตุกะ! เราเป็นอาคันตุกะ!”
ดาบของถังอี้หยุดค้างกลางอากาศ
“ถังอี้,อย่าเสียมารยาท!” เสียงปิงดังมาจากด้านหลัง
ถังอี้ลดดาบลงทันทีและหลีกไปยืนด้านข้าง
“เร็วๆนี้มีเรื่องยุ่งยากมาก ทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชาข้ากังวลอยู่บ้าง ข้าขออภัยจริงๆที่เข้าใจผิด ข้าคือปิง ยินดีต้อนรับ!”ปิงคำนับขออภัย
บุรุษร่างใหญ่ผู้รับดาบของถังอี้ยืนหันข้างเผยให้เห็นร่างของผู้อาวุโสด้านหลังสีหน้าของเขาดูไม่ดีขณะที่เขามองดูถังอี้ ใจเขาลอบสะท้าน
รังสีดาบที่ทรงพลังเหลือเกิน...
ห่างจากระดับเซียนแค่เพียงก้าวเดียวเท่านั้น จิตวิญญาณยุทธขนาดนั้นแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อจริงๆ...
ใบหน้าเย็นชาของผู้อาวุโสมีรอยยิ้มทันที “เป็นแม่ทัพที่กล้าหาญและมีวิชาโดดเด่นยิ่งนัก มิน่าเล่าหนุ่มชาวฟ้าถึงได้ไร้เทียมทานและสามารถยึดกลุ่มดาวหมีใหญ่ได้”
ปิงยิ้มอย่างมีมารยาท “กลุ่มดาวหมีใหญ่เป็นดินชนบทและคงเป็นเรื่องตลกเมื่ออยู่ต่อหน้าพวกท่าน หมื่นหัตถกรรมแห่งดาวคันชั่งนั่นคือแดนจาริกของช่างฝีมือแห่งสวรรค์วิถีอย่างแท้จริง”
“ท่านปิงชมเชยเกินแล้ว” ผู้อาวุโสหน้าเย็นชากล่าว “วิชาจักรกลเมืองสามวิญญาณโดดเด่นเป็นเอกในสวรรค์วิถีและวัตถุประสงค์การมาเยี่ยมชมของเราครั้งนี้เราถือทัศนคติที่รอบคอบและเราหวังว่าท่านปิงและอาจารย์เซรีนจะใจกว้างให้คำแนะนำบ้าง”
“คำพูดของผู้อาวุโสเซียวทำให้เรารุ่นผู้เยาว์รู้สึกละอายใจนักเชิญ เชิญเข้ามาเถิด” ปิงพูดทันที
ผู้อาวุโสเซียวมองดูปิงและยิ้ม สำหรับปิงนั้นสามารถเปิดเผยสถานะของเขาได้ นั่นพิสูจน์ถึงความพร้อมของพวกเขาแต่ก็เป็นไปตามคาดของเขา
กลุ่มคนเดินสนทนาและคุยกันขณะที่พวกเขาเข้าไปในฐาน
สนามฝึกฝนในฐานทัพที่มีชีวิตชีวาดึงดูดสายตาคนกลุ่มนี้ทันที เมื่อเห็นพวกเขาสนใจปิงรู้ว่าเขาต้องการซื้ออย่างมากจึงอธิบายและแนะนำอย่างสุดฝีมือทันที
“การฝึกนี้หมายถึงการเพิ่มขีดความเร็วของนักสู้สายจักรกล ความคล่องตัวของอาวุธจักรกลวิญญาณต้องอาศัยฐานจากจักรกลเป็นหลักไม่ใช่วิชาตัวเบาดังนั้นเพื่อให้พวกเขาสามารถกระตุ้นพลังของอาวุธจักรกลวิญญาณได้ดี พวกเขาจำเป็นต้องเข้าอบรมการฝึกฝนแบบดั้งเดิมนี้...”
“นี่คือการฝึกความสามารถในการตอบสนอง เป้าหมายก็คือเพิ่มความคุ้นเคยของนักสู้สายจักรกลกับอาวุธจักรกลวิญญาณ อาวุธจักรกลวิญญาณแตกต่างจากอาวุธจักรกลรุ่นเก่าอย่างสิ้นเชิง อาวุธจักรกลวิญญาณคือเรือนร่างที่สามารถเข้าใจได้เนื่องจากตัวมันมีจิตวิญญาณยุทธ และส่วนที่สำคัญที่สุดสำหรับนักสู้สายจักรกลก็คือพัฒนาการสื่อสารระหว่างพวกเขากับจิตวิญญาณยุทธเนื่องจากจิตวิญญาณยุทธของอาวุธจักรกลก็ต้องการเติบโตเช่นกัน...”
……
“โอว,พวกนี้คือหมูสี่ตัวของตระกูลอีวาน...”
ฝีเท้าของทุกคนสับสนทันทีและหยุดพร้อมกัน พวกเขาหันไปมองดูคนสี่คนที่ถูกมัดอยู่กลางแสงไฟและในทันใดนั้นกลายเป็นความเงียบที่น่าอึดอัด
“พวกเขาคือคนของตระกูลอีวานจากกลุ่มดาววัวหรือ?” ผู้อาวุโสเซียวถามหลังจากพิจารณาแล้ว
“อาใช่แล้ว” ปิงลูบคางแววตาชื่นชมและหัวเราะ “ข้าได้ยินมาว่าครอบครัวของตระกูลอีวานมีสถานะที่เข้มแข็ง ข้าสงสัยจริงว่าคนเหล่านี้จะแลกเปลี่ยนเหรียญดาวได้เท่าใด”
ถือโอกาสในช่วงเวลานี้ฮัวเฉินหวินอธิบายความคับข้องใจระหว่างตระกูลอีวานและเซรีนให้พวกเขาฟัง
ผู้เฒ่าเซียวมีความรู้สึกร่วมกับทุกคน แต่ไม่แสดงความรังเกียจ แม้ว่าเรื่องแบบนั้นจะเกิดขึ้นในตระกูลโง่ๆบ่อยก็ตาม แต่จับคนแขวนประจานไว้อย่างนั้นน่าละอายจริงๆ
คนทั้งสี่ถูกแขวนประจาน ล้วนหน้าแดงกันทุกคน
ผู้เฒ่าเซียวหัวเราะ แม้ว่าตระกูลอีวานจะทรงอำนาจ แต่ก็ไม่ได้ถึงขนาดทำให้เขากลัว เขายังคงเดินชมฐานต่อไป
ปิงเดินพาคณะทัวร์ชมฐานใช้เวลาสองชั่วโมงเต็มก่อนจะสรุป ในกระบวนการทั้งหมดนี้สายตาของผู้เฒ่าเซียวเต็มไปด้วยความสนใจ
หลังจากนำชมเสร็จ ปิงพาพวกเขาไปที่หอประชุมใหญ่เพื่อดื่มชาและพักผ่อน
ขณะที่พวกเขานั่งลงในฐานะเจ้าภาพและแขก ทุกคนแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและจุดประสงค์กัน“เหตุผลที่ข้ามาที่นี่ในวันนี้เป็นเพราะข้าต้องการความช่วยเหลือเล็กน้อยจากฝ่ายของท่าน”