ตอนที่ 451 การสนับสนุนของปิงและคำขอของจิ่งหาว
แม้ว่าฮัวเฉินหวินจะมาจากที่ซึ่งมีเบื้องหลังยิ่งใหญ่ แต่ปิงสามารถฝากความหวังทั้งมวลไว้กับเขาได้อย่างไร? เขามีที่พึ่งอื่นแล้วซึ่งก็คือการ์ดสุดยอดวิชาโดดเด่นในมือของเขา
เขามีการ์ดสุดยอดวิชาโดดเด่นอยู่กับตัวห้าใบ
จากกลุ่มดาวมังกรเขาได้รับการ์ดสุดยอดวิชาโดดเด่นสิบใบ หานปิงหนิง, เหลียงชิว, อาโมรี่,ซือหม่าเซียงซาน, ตวนมู่, ชี่กวงได้รับคนละใบทุกคน และนั่นเหลืออยู่กับเขาสี่ใบการ์ดสุดยอดวิชาโดดเด่นใช้ไม่ได้กับถังเทียน, หลิงซิ่วและอาเฮ่อได้รับตกทอดวิชาของตนเองและจิ่งหาวก็มุ่งมั่นสร้างวิถีกระบี่ของตนเอง
การ์ดสี่ใบที่เหลือตกอยู่ในมือของปิงบวกกับวิชาค้อนสายฟ้าที่มีอยู่ก่อนนั้นยังไม่ได้ใช้ปิงจึงมีการ์ดสุดยอดวิชาโดดเด่นอยู่ห้าใบ
ถ้ามรดกของกลุ่มดาวเป็นเสาหลักใหญ่ของเจ้ากลุ่มดาว อย่างนั้นสุดยอดวิชาโดดเด่นก็คือยอดของสุดยอดสาขาที่แตกต่างกันการเพิ่มขึ้นของมรดกกลุ่มดาวขึ้นอยู่กับการเติบโตของพลังดวงดาวช่วยให้พวกเขามีพื้นฐานที่ลึกซึ้งช่วยให้พวกเขาประสอบกับความก้าวหน้าและมีนักสู้เติบโตขึ้นมารุ่นแล้วรุ่นเล่า พูดอย่างหนึ่งก็คือมรดกกลุ่มดาวก็คือผลผลิตที่เป็นภูมิปัญญาขององค์กร
นั่นเป็นข้อได้เปรียบ แต่ก็ยังเป็นข้อจำกัด เพราะเส้นทางการเติบโตของมันไม่สามารถไปด้วยกันได้กับคุณลักษณะของพลังดวงดาว
กลุ่มดาวทั้งหลายมักถูกควบคุมโดยคน ทรัพยากรธรรมชาติของพลังดวงดาวที่ยอดเยี่ยมถูกใช้โดยผู้คนนับไม่ถ้วนกับทั้งในโลกนี้มีนักสู้หลายคน มีการผูกมัดพวกที่ฉลาดเป็นอัจฉริยะมีความคิดแปลกประหลาด แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้มีพลังดวงดาวที่สมบูรณ์มาแต่ต้น แต่ขณะเดียวกันพวกเขาไม่ได้ถูกจำกัด สามารถใช้พรสวรรค์ของพวกเขาได้อย่างอิสระ ในมือของพวกเขาเรื่องที่หยั่งรู้ไม่ถึงทุกประเภทมักเกิดขึ้น บางอย่างที่คุ้มค่ากับการเรียกว่าวิทยายุทธ
วิทยายุทธเหล่านั้นก็คือสุดยอดวิชาโดดเด่น
ผู้มีพรสวรรค์เหล่านี้อาจเปล่งประกายในรุ่นไหนก็ได้ แม้ว่ายอดฝีมือนั้นเหล่านั้นจะมีอิทธิพลและอำนาจก็ตาม การเผชิญเจอกับอัจฉริยะอย่างนั้นไม่สามารถทำหยิ่งได้ต้องแสดงความเคารพ
อัจฉริยะเหล่านี้ทุกคนจะทิ้งการ์ดสุดยอดวิชาโดดเด่นไว้นอกจากวิทยายุทธที่น่าทึ่งของพวกเขาแล้ว พวกเขายังคงทิ้งจิตวิญญาณยุทธของพวกเขาไว้ด้วย
พวกเขาไม่ว่าจะประหลาดหรืออำมหิตหรือหม่นหมองก็ตาม แต่ความหยิ่งและความมั่นคงของพวกเขาจะถูกเก็บรักษาไว้
ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้มีพรสวรรค์โดดเด่นในยามมีชีวิต และเป็นวิญญาณที่ยิ่งใหญ่ยามตายไปแล้ว
คนที่น่าอัศจรรย์ผู้ตายไปแล้ว จิตวิญญาณของพวกเขาก็ยังคงน่าอัศจรรย์!
ค่ายหมายเลขเจ็ดกำลังได้รับการปรับปรุงฟื้นฟู ความสามารถหอจิตวิญญาณได้รับการฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์ทำให้ปิงมีความมั่นใจมากขึ้น
ข้างหน้าประตูบรอนซ์ของหอวิญญาณ นอกจากถังอี้และถังโฉ่วแล้วยังมีคุณชายขลุ่ยวิเศษผู้ในชุดขาวผ่อนคลายสบายๆ คุณชายขลุ่ยวิเศษเดินทางมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น เนื่องจากยุคกองทัพกลุ่มดาวกางเขนใต้และรุ่นของเขายังห่างกันมาก
“ใครก่อน?” ปิงจ้องมองทั้งสามคน
“ข้าเอง” ถังอี้ก้าวออกมาครึ่งก้าว
ปิงเงียบชั่วครู่และกล่าว“ในที่นี้ ข้าห่วงเจ้ามากที่สุด ถ้าเจ้ายังคงปรับปรุงความสามารถต่อไปเจ้าต้องใช้การ์ดสุดยอดวิชาโดดเด่น แต่ถ้าล้มเหลว เจ้าจะเหลือแต่เถ้าถ่าน”
ปิงยังคงมีหลายอย่างต้องพูดกับทั้งสาม พื้นฐานถังอี้แย่ที่สุด และมีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดความล้มเหลว
“ข้าน้อยเข้าใจ” ถังอี้ตอบอย่างรวดเร็วและเดินเข้าหอจิตวิญญาณโดยไม่หันหลังกลับ
ประตูบรอนซ์ปิดลงช้าๆ
ใบหน้าปิงลังเลและว่างเปล่า เนื่องจากถังอี้เข้าไปแล้ว ไม่มีทางถอนถอยได้อีกแล้วในการ์ดสุดยอดวิชาโดดเด่น เขาเลือกวิชาที่อ่อนแอที่สุด เป็นการ์ดสุดยอดวิชาโดดเด่นระดับหนึ่งดาว
เขาวางการ์ดวิทยายุทธบนประตูบรอนซ์ทำให้เกิดควันฟุ้งกระจายทันที ภายในควันมีร่างที่ดุร้ายและอำมหิตคำรามออกมา เมื่อมันกวาดสายตาผ่านม่านควันทำให้ทั้งสามคนสั่นสะท้าน
เป็นอย่างที่คาดการ์ดสุดยอดวิชาโดดเด่น!
ปิงชักจะกังวลอยู่ในใจ ในยุคของเขาวิทยายุทธยังไม่พัฒนามากนักและสุดยอดวิทยายุทธโดดเด่นมีน้อยมาก และการ์ดสุดยอดวิชาโดดเด่นหาได้ยากกว่านี้ ดังนั้นพวกเขาจะไม่ยอมสูญเสียไปในหอวิญญาณ หอวิญญาณจะถูกนำมาใช้เพียงเพื่อรักษาและซ่อมแซมอาการบาดเจ็บช่วงสงคราม
แต่ถ้าพวกเขาต้องการเพิ่มพลัง พวกเขาต้องใช้การ์ดสุดยอดวิชาโดดเด่น ใจของเขาก็อยากรู้ว่าผลจะเป็นเช่นไร ใช้การ์ดสุดยอดวิชาโดดเด่นเพื่อยกระดับพลังของขุนพลวิญญาณ
เดิมทีในรายชื่อนั้นเขาไม่ได้ใส่ชื่อถังเทียนไปด้วย เพราะจิตวิญญาณยุทธของถังอี้มีระดับที่อ่อนแอที่สุดต่ำที่สุด จิตวิญญาณยุทธระดับต่ำให้กำเนิดขุนพลวิญญาณซึ่งมีศักยภาพเติบโตได้ไม่ใช่เรื่องใหญ่เพราะระดับถังอี้ในปัจจุบันนี้ก็ทำให้ปิงทึ่งและประหลาดใจอยู่แล้ว
และจากนั้นถังอี้ยังตามหาปิงเพื่อขอโอกาสมีส่วนร่วมในการยกระดับครั้งนี้
ปราณที่น่ากลัวจากขุนพลวิญญาณรุกรานความรู้สึกรับรู้ของพวกเขาทำให้ปิงมีท่าทีดีใจ อย่างช้าๆขุนพลในม่านหมอกต่อสู้และดิ้นรน แต่ก็อ่อนแอลงทุกทีและสายหมอกค่อยๆลอยเข้าไปในประตูบรอนซ์ ร่างของขุนพลวิญญาณเริ่มอ่อนและเลือนลางมากขึ้น
จากที่เห็นทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น ที่เหลือทั้งหมดก็คืออดทนรอคอย
************
จิ่งหาวอยู่ในชุดเดินทางเมื่อมาเห็นไข่หมีขนาดมหึมาก็รู้สึกว้าวุ่นใจ ในที่สุดเขาก็ออกจากการขังตัวฝึกฝนและปัจจุบันนี้เขามีปราณที่รั้งเก็บไว้และปกปิดไว้ได้จนดูเหมือนกับว่าเขาเป็นคนผ่านทางธรรมดา
ไข่หมี...
เขาหัวเราะอยู่เงียบๆ ชื่อประหลาดแบบนั้นคงจะถูกคนอื่นล้อเลียนแน่นอน แต่นี่คือบุคลิกของจอมห้าวถังแน่นอน
เมื่ออาเดรียนเห็นจิ่งหาว เขาสั่นอย่างหนาวเหน็บ ปราณรอบตัวจิ่งหาวถูกเก็บกักไว้เต็มที่ สามารถบรรลุการควบคุมได้ขนาดนั้นทำให้ผู้คนต้องทึ่งอย่างแท้จริง เพราะเป็นสิ่งที่ทำได้ยากมาก
อาเดรียนเคยศึกษาเรื่องของถังเทียนอย่างจริงจังมาก่อน และคุ้นเคยกับจิ่งหาวมาก เป็นเวลานานมากแล้วพลังของจิ่งหาวไม่โดดเด่นและอ่อนแอมากเมื่อเทียบกับเย่เฉาเกอและพวกที่เหลือ แต่เขาก็ยังเป็นอัจฉริยะกระบี่ที่สมาพันธ์ชาวยุทธให้การสนับสนุน
เกิดความขัดแย้งสองข้อซึ่งเป็นที่ถกเถียงกันเกี่ยวกับเรื่องของจิ่งหาว มีบางคนคิดว่าชื่อเสียงของจิ่งหาวยังไม่ได้รับการยอมรับ และบางคนคิดว่าเขาเป็นคนที่พิเศษ
อาเดรียนรู้เรื่องการแข่งขันกันที่รุนแรงภายในสมาพันธ์ชาวยุทธ สามารถได้รับการวางตัวว่าเป็นอัจฉริยะ แต่ทำไมพวกเขาจึงไม่ดูแลเขาเล่า?
แต่เมื่อเขามองดูจิ่งหาวผู้ยืนอยู่ต่อหน้าเขา เขาสับสน ทันใดนั้นเขาได้ยินข่าวลือว่าตั้งแต่เด็กจิ่งหาวมุ่งมั่นจะสร้างวิชากระบี่ที่เป็นของเขาเองล้วนๆและดูเหมือนข่าวลือมีแนวโน้มว่าจะเป็นความจริง
อาเดรียนรู้ว่าจิ่งหาวถือว่าเป็นคนสำคัญที่อยู่เคียงข้างถังเทียนและจะไม่ถูกละเลยอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาพาจิ่งหาวไปที่ใจกลางไข่หมีด้วยตนเอง
จิ่งหาวยืนอยู่หน้าถังเทียนและมองดูวังวนกระบี่หนาหกสิบเมตรและแสดงความเห็น “ข้าไม่เคยคิดเลยว่าเจ้าจะใช้วิชาของมือกระบี่เพื่อขัดเกลาจิตวิญญาณยุทธของเจ้าจริงๆและยังเป็นวิธีการที่หักโหมเด็ดขาดเช่นนั้น”
หยาหยามองดูจิ่งหาวและหยุดตีกลองอย่างเชื่องเชื่อ เพราะเหตุผลบางอย่างมันให้ความนับถือจิ่งหาว
“ได้ยินเสียงโหยหวนของเจ้า ดูเหมือนว่าเจ้ายังคงมีพลังและดูเหมือนว่าเจ้าจะเพลิดเพลินกับมันเสียมากกว่าสินะ” จิ่งหาวหัวเราะลั่น
ใบหน้าของอาเดรียนยิ้มเล็กน้อย การเข้ามาหาถังเทียนเพื่อ “ค้นหาความสุข”เป็นกิจวัตรที่ทุกคนกระทำกัน
แต่เขามองหน้าจิ่งหาวใจเขาถึงกับเต้นแรง “จอมยุทธจิ่ง”
จิ่งหาวหันหน้ามองอาเดรียนด้วยความประหลาดใจ อาเดรียนเป็นคนมีชื่อเสียงโดยเฉพาะอย่างยิ่งเขาเด่นในเรื่องอบรมผู้เยาว์และเขายังอาวุโสมากกว่า ดังนั้นจิ่งหาวจึงทักทายเขาอย่างสุภาพ “ผู้อาวุโสอาเดรียน”
อาเดรียนกล่าวอย่างใจเย็น “ข้าคิดจะขอความช่วยเหลือจากจอมยุทธจิ่ง”
จิ่งหาวตอบทันที“ไม่ว่าท่านมีความในใจอันใด เชิญพูดออกมาได้เลย”
อาเดรียนพึมพำ “ในช่วงเวลานี้ ข้ามักจะศึกษาวิธีเพิ่มประสิทธิภาพในการฝึกฝนอยู่เสมอ จอมยุทธจิ่งอาจจะไม่รู้ แต่สถานการณ์อย่างนี้อาจคงอยู่ได้ไม่นาน ปัจจุบันนี้ความเข้มข้นของพลังดวงดาวสูงสุดในไข่หมีอยู่ที่43% เข้าไปแล้ว และถ้าพลาดเวลาช่วงนี้ไป ก็คงเป็นเรื่องน่าเสียดายเพราะข้าคิดหาวิธีได้อย่างหนึ่ง แต่จำเป็นต้องได้ความช่วยเหลือจากจอมยุทธจิ่ง”
“ข้าอยากฟังรายละเอียด” จิ่งหาวกล่าวด้วยความสงสัยสามารถเพิ่มประสิทธิภาพของการฝึกฝนมักจะเป็นเป้าหมายของกลุ่มดาวและมหาอำนาจต่างๆ ศักดิ์ศรีของอาเดรียนเลื่องลือในหมู่นักเรียน ถ้าเขาพบทางที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการฝึกฝนก็อาจจะพูดไม่หมด
“การสะท้อน” อาเดรียนอธิบาย “นักสู้ทั้งหมดมารวมตัวกันที่ไข่หมีเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ที่สุดเท่าที่ข้าเคยเห็นมา ทั่วทั้งไข่หมีสามารถรองรับนักสู้ได้ถึงห้าแสนสองหมื่นคนในการฝึกฝนครั้งเดียวและตั้งแต่นั้นมาก็ไม่เคยมีพื้นที่ว่าง ในพื้นที่แคบๆ อย่างนั้นสามารถรองรับนักสู้มากมายเพื่อฝึกฝนในเวลาเดียวกันข้าถึงได้ตระหนักว่ามักจะทำให้เกิดปรากฏการณ์สะท้อนของพลังงาน ปรากฏการณ์สะท้อนของพลังงานนั้นพบเห็นได้ยากสามารถเพิ่มระดับการฝึกฝนปราณแท้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
จิ่งหาวฟังอย่างตั้งใจ ทุกๆ วิชาชีพต้องมีผู้เชี่ยวชาญ และอาเดรียนไม่ได้เป็นคู่ต่อสู้ของจิ่งหาวแน่นอนเมื่อพูดถึงความสำเร็จในวิชากระบี่ แต่ในเรื่องการอบรมนักสู้จิ่งหาวยังห่างชั้นอาเดรียนอยู่มาก
จากนั้นอาเดรียนยังคงพูดต่อ “ปรากฏการณ์พลังงานสะท้อนยิ่งแข็งกร้าวขึ้นก็จะยิ่งช่วยในการฝึกปราณแท้ นั่นคือความคิดของข้า และถ้าเราสามารถทำให้ทุกคนสะท้อนพลังพร้อมกันนั่นจะช่วยการฝึกฝนปราณแท้ได้มาก”
“แล้วท่านต้องการให้ข้าทำอะไร?”จิ่งหาวพูดตามตรง
อาเดรียนสูดลมหายใจ “จะทำให้เกิดการสะท้อนกว้างไกล เราจะต้องมีคนที่เป็นหลัก และให้ทุกคนทำตามคนที่เป็นหลักอ้างอิงนั้น”
“ผู้อาวุโสต้องการให้ข้าเป็นหลักนั้นหรือ?” จิ่งหาวพอจะเข้าใจความตั้งใจของอาเดรียน
อาเดรียนพูดจริงจัง “ถูกแล้วตำแหน่งนี้จำเป็นต้องมีคุณสมบัติที่สูงส่ง ข้าต้องการท่านซึ่งมีกำลังใจสูงส่งสามารถควบคุมปราณแท้ได้เป็นอย่างดีมีความรู้สึกไวต่อพลังปราณ กับการสะท้อนพลังคนเกินหมื่น มีท่านเป็นแกนกลาง ท่านจะเป็นเหมือนกับตาพายุหมุน”
“ดูเหมือนว่าจะเกี่ยวข้องกับวิชาวังวนกระบี่ทอนวิญญาณสินะ”จิ่งหาวเข้าใจ
อาเดรียนชื่นชม“ถูกแล้ว วิชาวังวนกระบี่ทอนวิญญาณทำให้ข้าเกิดความคิดเช่นนี้ แต่นี่อาจช่วยส่งเสริมการฝึกฝนของจอมยุทธจิ่งด้วย”
จิ่งหาวชะงักเล็กน้อย“ขอให้ผู้อาวุโสแนะนำข้าด้วย”
อาเดรียนกล่าว“ถ้าข้าเข้าใจไม่ผิด วิชากระบี่ของจอมยุทธจิ่งให้ความสำคัญกับความแม่นยำและการควบคุมและสำหรับปราณที่ไหลปั่นป่วนนับหมื่นนี้ ท่านจำเป็นต้องนำพวกเขาเพื่อให้เกิดการสะท้อน ดังนั้นสำหรับจอมยุทธจิ่งแล้วความแม่นยำและการควบคุม จึงเป็นบททดสอบที่หนักหนาบทหนึ่ง”
จิ่งหาวกล่าวเสริม “สมกับเป็นผู้อาวุโสอาเดรียนนักล่าจริงๆ ข่าวลือเรื่องความเชี่ยวชาญในการอบรมศิษย์ของท่านนับว่าข้าได้เห็นแล้วในวันนี้! โอกาสดีแบบนี้ จิ่งหาวไม่ขอพลาดเป็นแน่”
อาเดรียนผงกศีรษะ “อย่างนั้นข้าจะไปเตรียมการก่อน”
“ดี! ข้าจะรอผู้อาวุโสอยู่ที่นี่” จิ่งหาวผงกศีรษะ
เมื่อเห็นอาเดรียนจากไป จิ่งหาวหันไปทางถังเทียนและกล่าว“เจ้ากับข้าผู้พี่จะสู้เคียงบ่ากันอีกครั้ง!”
ถังเทียนอยู่ภายในวังวนกระบี่เริ่มน้ำตาร่วงซื่อตรงสมกับเป็นพี่จิ่งหาวจริงๆ
“เราผู้พี่มีเรื่องขอร้องข้อหนึ่ง”จิ่งหาวพูดต่อทันที
ถังเทียนอยู่ภายในวังวนกระบี่ยังคงร้องโหยหวน แต่เขาตัดสินใจแล้ว ไม่ว่าคำขอร้องของพี่จิ่งหาวจะยากเย็นเพียงใด เขาจะต้องทำให้สำเร็จให้ได้
สีหน้าของจิ่งหาวจริงจังและจริงใจ “พอการฝึกเริ่มขึ้นแล้ว เจ้าช่วยร้องไห้ดังกว่านี้อีก! ข้าอยากให้เจ้าร้องโหยหวนให้ดังยิ่งขึ้น ไม่ว่าสถานการณ์จะหนักหนาเพียงไหน ตราบใดที่ข้าคิดถึงชะตากรรมเจ้าเอง ข้าจะเต็มไปด้วยความหาญกล้าแน่นอนและจะทำให้การฝึกฝนครั้งนี้สำเร็จได้แน่...”
เสียงโหยหวนภายในวังวนกระบี่ทอนวิญญาณเปลี่ยนสภาพเป็นร้องโหยหวนด้วยความเศร้าโศกทันที
แม้แต่พี่จิ่งหาวก็พลอยเป็นไปกับเขาด้วยหรือนี่...ไอ้โลกบ้าใบนี้มันเกินจะเยียวยาเสียแล้ว....