ตอนที่ 449 การตื่นขึ้นของแมงป่อง
“วิชาวังวนกระบี่ทอนวิญญาณหึหึ ช่างคาดไม่ถึงเลย หนุ่มชาวฟ้าผู้นี้!”
ผมสีแดงเข้มของซือหม่าเซี่ยวกระพือตามสายลมพัดพลิ้วนุ่มนวลลมเหนือหลังคายานโดยสารนั้นแรงมาก แต่เขาลืมไปอย่างสิ้นเชิง ข้างๆ ตัวเขา ชิวจื่อจวินนั่งขัดสมาธิอยู่ ผมของเขายาวประบ่าก็ถูกลมพัดเช่นกันทำให้หน้าที่ซีดขาวของเขาดูเหมือนคนป่วย
ชิวจื่อจวินมีความรู้สึกเย้ยหยันตัวเอง “มือกระบี่ยังไม่กล้าใช้วิธีขัดเกลาจิตวิญญาณแบบนั้น แต่ความจริงนี่กลับถูกใช้โดยยอดฝีมือระยะประชิด”
“นี่, ศิษย์พี่ อย่าได้รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจไปเลย ใช่ว่าทุกคนจะระห่ำอย่างนั้น” ซือหม่าเซี่ยวปลอบใจ
ชิวจื่อจวินยิ้ม จากนั้นหลับตา ทันใดนั้นจุดดำสองสามจุดปรากฏอยู่ในท้องฟ้าระยะไกล
เขาลืมตาสายตาคมกล้าเหมือนกระบี่ เพียงเหลือบมองครั้งเดียวเขาสามารถบอกได้ว่าพวกเขาก็คือสายข่าวของเขานั่นเอง
เขาใจเต้น การลงมือของเต๋อหรงเป็นส่วนสำคัญในแผนการของเขา เขารู้ว่าศิษย์น้องของเขาวางแผนไว้เป็นเวลานานแล้วเขาเริ่มร่างแผนไว้ในใจแล้ว ก่อนที่จะถูกส่งไปยังกลุ่มดาวที่ห่างไกล
สายตาของเขาจับมองดูสีหน้าของศิษย์น้องของเขา
ซือหม่าเซี่ยวก็สังเกตเห็นสายข่าวเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว ใบหน้าที่ยังดูอ่อนเยาว์นั้นยังคงเงียบขรึม เหมือนกับบ่อน้ำลึกใสไม่มีระลอก
หน่วยสายข่าวลงบนยานโดยสารพวกเขามีสีหน้ากระตือรือร้น “นายท่าน ทุกอย่างเป็นไปตามคำสั่ง”
ชิวจื่อจวินมีความสุขมากขึ้นจนถึงกับยิ้มออกมานี่เป็นเรื่องที่พบเห็นได้ยากมาก เมื่อแผนขั้นต่อไปสำเร็จก็ถือว่ามีความสำเร็จเกินกว่าครึ่ง
ซือหม่าเซี่ยวมีสีหน้าดีใจ “พวกเจ้าทำงานกันอย่างหนัก ชัยชนะอยู่ตรงหน้าพวกเราแล้ว แต่เรายังไม่อาจคลายใจได้ ทุกคนต้องตั้งใจให้ดี หลังจากเราชนะแล้วเราถึงค่อยฉลอง
“ขอรับ!” ผู้สังเกตการณ์คนนั้นรับคำกระตือรือร้นกำลังใจของเขาเพิ่มขึ้นอีกมาก เขาทะยานจากไปเหมือนกับวิหคใหญ่
“ถ้าเป็นอย่างนั้นเจ้าสามารถพักได้อย่างวางใจ” ชิวจื่อจวินรู้สึกมีความสุขมาก ถ้าพวกเขาชนะศึกครั้งต่อไปสถานะของศิษย์น้องของเขาจะเพิ่มขึ้นอีกมากและจะไม่มีใครหยุดเขาได้ เขาใช้ความพยายามนับไม่ถ้วนกับการวางแผนและการได้รับชัยชนะจะเป็นรางวัลที่ใหญ่ที่สุดของเขา
สายตาของซือหม่าเซี่ยวทอดไกลออกไป แววกระตือรือร้นในสายตาของเขาค่อยๆ กล้าแข็ง ภายใต้ผมสีแดงที่อ่อนนุ่มและยุ่งเหยิงมองดูเหมือนรังนกใบหน้าที่อ่อนเยาว์เหมือนเด็กให้ความรู้สึกของผู้ทรงอิทธิพลอำนาจอย่างเลือนลาง
ยานโดยสารเดินทางได้เร็วมาก หลังจากผ่านไปสามวันก็ลงจอดภายในหุบเขาลึก
เต๋อหรงเข้ามาหา
“เป็นยังไงบ้าง?” ซือหม่าเซี่ยวถาม
“สิบสามค่ายถูกกำจัดทำลายเรียบร้อยแล้ว ไม่มีใครรอดและเราไม่ได้สร้างความแตกตื่น” เต๋อหรงรายงานตามตรง
ซือหม่าเซี่ยวถาม “แล้วผู้บาดเจ็บล้มตายเป็นยังไงบ้าง?”
เต๋อหรงกล่าวอย่างเคร่งขรึม “เรามีผู้เสียชีวิต 22 คน”
ซือหม่าเซี่ยวตบไหล่ของเต๋อหรง “และท่านหาสถานที่พบไหม?”
“เราหามันพบ” เต๋อหรงเดินขึ้นมาข้างหน้าและชี้นิ้ว
หลังจากผ่านไปชั่วขณะพวกเขาสองสามคนมาถึงถ้ำลึกและมีหมอกหนาทึบอยู่รอบๆ ทางเข้า
“กลิ่นอายความตายรุนแรงมาก” ชิวจื่อจวินจับด้ามกระบี่โดยไม่รู้ตัว กลิ่นอายความตายที่รุนแรงที่ปลดปล่อยออกมาจากภายในทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจมาก
“ผนึกวิญญาณแค้น มิน่าเล่าถึงไม่มีใครหาพบ” ซือหม่าเซี่ยวพึมพำ
เต๋อหรงพูด “มีอะไรอยู่ข้างใน?”
เมื่อคำพูดเหล่านั้นหลุดออกมาจากปาก เขารู้สึกเสียใจทันที ภารกิจนี้ถือว่าเป็นความลับสุดยอดเห็นได้ชัดจากวิธีที่เจ้านายของเขามองดูภาพรวม ถ้าโลกภายนอกรู้เรื่องแผนการของเขา คงได้เกิดโกลาหลใหญ่แน่ เพื่อประโยชน์ไม่ให้แผนการรั่วไหลออกไปเขาจึงต้องฆ่าคนในสิบสามค่าย
ภายในถ้ำคือพื้นที่ของกลุ่มดาวแมงป่อง!
ซือหม่าเซี่ยวหัวเราะเบาๆ และกล่าว “ประคำแมงป่อง”
“ประคำแมงป่อง...” เต๋อหรงตะลึง หน้าของเขาค่อยๆ เปลี่ยน เสียงของเขาสั่นคำตอบนี้มีผลกระทบต่อเขาใหญ่หลวงจนเขารู้สึกว่างเปล่า
หลังจากนั้นชั่วขณะเขาจึงค่อยรู้สึกตัว
ประคำแมงป่อง... นั่นคือสมบัติชั้นเซียนของกลุ่มดาวแมงป่อง
ความพินาศของเจ้ากลุ่มดาวแมงป่องเป็นเพราะสมบัติชั้นเซียนของกลุ่มดาวแมงป่องประคำแมงป่องจากกลุ่มดาวหายสาบสูญ ทำให้กลุ่มดาวแมงป่องตกต่ำในสวรรค์วิถี แต่ไม่ว่ากลุ่มดาวแมงป่องจะตกต่ำอย่างไรก็ยังนับว่าเป็นกลุ่มดาวในระนาบสุริยุปราคา หลายคนคิดว่ากลุ่มดาวแมงป่องจะเป็นเหมือนกลุ่มดาวคนแบกงูหลุดไปจากระนาบสุริยุปราคาไปอยู่ที่แนวระนาบกลางแต่กลุ่มดาวแมงป่องยังรักษาตำแหน่งตนเองในสถานะกลุ่มดาวตำหนักระนาบสุริยุปราคาเอาไว้ได้
เมื่อเต๋อหรงได้รับภารกิจของเขา เขาสงสัยมากอยู่แล้วว่าคงต้องมีบางอย่างเกี่ยวกับกลุ่มดาวแมงป่อง ถ้าความเคลื่อนไหวของพวกเขาถูกเปิดเผย ก็คงถูกกลุ่มดาวแมงป่องตอบโต้อย่างรุนแรงแน่นอนอูฐผอมยังไงก็ยังใหญ่กว่าม้า ความแข็งแกร่งของสมาคมรวมตระกูลในปัจจุบันยังไม่อาจเทียบได้กับกลุ่มดาวแมงป่อง และเจ้านายของเขาอาจตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายทันที
แต่เต๋อหรงรู้ว่าซือหม่าเซี่ยวปกติจะมองการณ์ไกลและการจะออกคำสั่งได้ก็มีแนวโน้มว่าเขาเตรียมการไว้ก่อนแล้ว และด้วยบุคลิกอย่างนั้น เมื่อออกคำสั่งเช่นนั้นเขาไม่เคยหวั่นไหว
เต๋อหรงไม่ได้พูดอะไรและพากองกำลังเข้ากลุ่มดาวแมงป่องเงียบๆ เขาตระหนักได้โดยเร็วว่าเจ้านายของเขามีการเตรียมพร้อมไว้อย่างมากมาย กองกำลังรักษาการณ์ที่ประตูดวงดาวรับสินบนไปแล้วและเส้นทางเดินขบวนกองกำลังได้วางแผนไว้อย่างพิถีพิถัน พวกเขาเดินไปตามเส้นทางที่ผู้คนไม่ใช้กันตามป่าและภูเขาลึกซึ่งไม่มีร่องรอยมนุษย์อาศัยหลีกเลี่ยงดินแดนของอสูรดวงดาวที่แข็งแกร่งทรงพลัง กองกำลังทั้งหมดของพวกเขาตกใจกลัวแต่ก็ไปถึงจุดหมายโดยไม่ได้รับบาดเจ็บ
การต่อสู้ที่ตามมาไม่น่าประหลาดใจ สำหรับทหาร ฐานทั้งหมดโดยพื้นฐานป้องกันตัวไม่ได้ นอกจากนั้นพวกเขาคาดไม่ถึงเลยว่าพลเมืองในฐานจะตระหนักได้ถึงความร้ายแรงทำให้พวกเขามีการบาดเจ็บล้มตายไปบางส่วนแต่กระบวนการกำจัดพวกเขาออกไปก็ยังนับว่าราบรื่น
เขาพบกุญแจทองไขความลับภารกิจอย่างรวดเร็ว และช่วงเวลานั้นเขาแน่ใจว่ามีบางอย่างภายในที่เหลือเชื่อมากทำให้เจ้านายของเขายินดีจะเสี่ยงเพื่อให้ได้มันมา
แต่เขาไม่เคยคิดว่านั่นคือประคำแมงป่องจริงๆ
เป้าหมายของเจ้านายความจริงก็คือกลุ่มดาวแมงป่อง!
ใบหน้าที่ชราและเจนโลกของเต๋อหรงเปลี่ยนแปลงในที่สุดขณะตกตะลึงมองดูซือหม่าเซี่ยว เขานับถือให้เกียรติซือหม่าเซี่ยวอยู่เสมอ เขามีความสุขุมมาก วิธีการของเขามีประสิทธิภาพอำมหิตและจัดการกับคนแบบตรงไปตรงมา และคู่ควรให้ผู้คนภักดีซือหม่าเซี่ยวควบคุมตระกูลซือหม่าอยู่เงียบๆ และคอยสนับสนุนผู้อาวุโสในสำนักทั้งหลายอยู่เงียบๆ ในการประชุมผู้อาวุโสรวมทั้งควบคุมสมาคมรวมตระกูลอย่างลับๆ
และเขาสามารถยืนหยัดต่อสู้กับความเห็นของคนอื่น ผลักดันขุนพลวิญญาณของสมาคมรวมตระกูลรวมผสานกับวิทยายุทธ คิดค้นวิธีการพัฒนากองทัพ เห็นได้ชัดว่าเขาคือเจ้านายตัวจริง
แต่องค์ประกอบของสมาคมรวมตระกูลก็ซับซ้อนเป็นองค์กรที่รวมตัวกันหลวมๆ ยังแบ่งเป็นฝักฝ่ายหลายครอบครัวอยู่ดังนั้นจึงอ่อนแอเป็นธรรมดา เต๋อหรงตัดสินได้เลยว่าซือหม่าเซี่ยวนั่นแหละคือคนทรงอำนาจอิทธิพลคนหนึ่ง
ในที่สุดเขาก็เข้าใจ ความทะเยอทะยานของซือหม่าเซี่ยวเยอะกว่าที่เขาคิดไว้นัก
“ขุยซือ, ลองดูนี่สิ”
ซือหม่าเซี่ยวมองชายชราที่ดูธรรมดามากซึ่งอยู่ข้างตัวเขาและกล่าว
ม่านตาของเต๋อหรงหรี่แคบ บุรุษชรานั้นเป็นคนประหลาดที่เขาไม่เคยพบเห็นมาก่อน แต่ชื่อของขุยซือเป็นชื่อที่เขาเคยได้ยินมาก่อน ขุยซือ ผู้เชี่ยวชาญด้านวิญญาณที่แข็งแกร่งที่สุดของสมาคมรวมตระกูล!
การผสานและการกลืนขุนพลวิญญาณจำเป็นต้องอาศัยเคล็ดและความรู้หลายอย่าง ก็เหมือนกับผู้เชี่ยวชาญพลังสายเลือด แค่ผู้เชี่ยวชาญการขัดเกลาวิญญาณก็ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะของสมาคม ขุนพลสมาคมของสมาคมรวมตระกูลที่แข็งแกร่งที่สุดถูกสร้างโดยขุยซือทั้งหมด
“นี่คือสถานที่ดี!” ขุยซือยืนอยู่ที่ปากถ้ำและสังเกตบางอย่างด้วยความตื่นเต้น “กลิ่นอายที่เกรี้ยวกราดและอันตรายหนักเลยทีเดียวมีขุนพลวิญญาณที่แข็งแกร่งทรงพลังอยู่ข้างในแน่นอน!”
ซือหม่าเซี่ยวกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ความพินาศของเจ้ากลุ่มดาวแมงป่องเนื่องจากความขัดแย้งภายใน เขาตายในวังพร้อมกับองครักษ์ผู้ภักดี ภรรยาของเขานำประคำแมงป่องหนีออกไปจากวังตอนกลางคืนและหนีไปเกินกว่าพันลี้ก่อนที่ประคำจะหายไป เมื่อเห็นถ้ำนี้ในวันนี้ ข้าเข้าใจได้ในที่สุดว่าองครักษ์ทุกคนคงตายและกลายเป็นขุนพลวิญญาณ ขณะที่ประคำแมงป่องถูกผนึกไว้ การผนึกสมบัติระดับเซียนไว้ในนี้ต้องมีขุนพลวิญญาณระดับเซียนอยู่เป็นแน่! และจะไม่หายไปแม้ผ่านมานานเกินหมื่นปีแล้วก็ตาม และสำหรับปราณอันตรายที่เหลืออยู่นี้หนักแน่นหนักหน่วงมาก ถ้ำนี้ต่างจากธรรมดาในยุคสามมหาอำนาจใหญ่ นี่คือทางเดินสำคัญของกลุ่มดาวแมงป่อง หลังจากประสบกับสงครามรุนแรงและโศกนาฏกรรมอาจกล่าวได้ว่าถ้ำนี้เต็มไปด้วยคาวโลหิต ปราณมรณะในที่นี้หนาแน่นเกินไป ดังนั้นจึงถูกผนึกทิ้งไว้”
ขุยซือตื่นเต้นมากขึ้น หน้าของเขาแดง “สถานที่ดี! สถานที่ดี! สถานที่เต็มไปด้วยคาวเลือดจากสงครามขุนพลวิญญาณระดับเซียน ไม่มีที่ใดดีกว่านี้อีกแล้ว!”
“ข้าต้องรบกวนขุยซือด้วย”ซือหม่าเซี่ยวคำนับและกล่าว
“เราผู้เฒ่าจะทำอย่างดีที่สุด!” สีหน้าของขุยซือเคร่งเครียดทันที เขาดึงหลอดทดลองออกมาอย่างระมัดระวัง ในหลอดนั้นมีหมอกประหลาด “นายท่าน โปรดหยดเลือดลงสักนิด”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ซือหม่าเซี่ยวกรีดนิ้ว และหยดเลือดลงในหลอด
เมื่อสัมผัสกับหมอก มันมีปฏิกิริยารุนแรง รอยเลือดมากมายแผ่ออกมา หลังจากนั้นชั่วขณะรอยเส้นเลือดก็ก่อตัวเป็นร่างมนุษย์
ร่างเลือดเนื้อสดๆ นั้นคล้ายกับร่างมนุษย์
“หยดของตัวอ่อนกินวิญญาณนี้คือสิ่งประดิษฐ์ล่าสุดของเรา ได้มาจากการรวมประสานของการ์ดวิญญาณที่ร้ายกาจที่สุด ความสามารถในการกลืนวิญญาณของมันแข็งแกร่งกว่าขุนพลสมาคมเป็นพันเท่าอย่าดูถูกหยดตัวอ่อนกลืนวิญญาณนี้เด็ดขาด เพราะเราต้องใช้การ์ดสุดยอดวิชาโดดเด่นสามใบ การ์ดม่วงทองสิบใบ และการ์ดทองอีกนับไม่ถ้วน”
เมื่อพูดถึงความเชี่ยวชาญของเขา สีหน้าของขุยซือเคร่งขรึมและมั่นใจ
เขาหันมาที่หลอดทดลอง เลือดจับตัวเป็นร่างคนขนาดเล็ก เหมือนกับหยดน้ำและหยดเข้าไปในถ้ำซึ่งเต็มไปด้วยหมอก
******
เย่เฉาเกอค่อยๆ ลืมตาที่ลึกและเยือกเย็น ไม่มีความรู้สึกโน้มเอียงที่ชั่วร้ายใดๆ ใบหน้าของเขามีเคราหนาเหมือนลวดเหล็ก ผมของเขากระเซิง บาดแผลและรอยแผลเป็นเต็มไปทั่วร่างแต่งกายด้วยเสื้อผ้าบาง แต่ร่างของเขามีความรู้สึกที่เยือกเย็นซึมผ่าน
เขาคำนับที่กระท่อมไม้ด้วยความเคารพ “ข้าไปก่อน”
เขาคว้ากระบี่ข้างตัวและยืนขึ้นเดินจากมาโดยไม่มีความลังเล
ขณะที่เขาผลักประตูที่ลานหน้าบ้านออก นักสู้ผู้เฝ้าระวังสถานที่นั้นเห็นเย่ว์เฉาเกอและตะลึงไปชั่วขณะ นี่...คือมัจจุราชเย่เฉาเกอหรือ? เขาเงียบสงบมาก ราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน
หลังจากชั่วขณะ เขารู้สึกตัวจากอาการมึนงง และกล่าวทักทายทันที“นายท่านเย่!”
เย่เฉาเกอมองผ่านทำให้นักสู้ผู้นั้นรู้สึกเกร็งไปทั้งตัว ใจของเขาไม่สามารถต้านทานได้ ถูกความตกใจครอบงำ เขาต้องยอมรับอำนาจและกัดลิ้นทันที ความเจ็บทำให้เขามีสติมากขึ้นไม่สนใจเลือดที่เปรอะปาก เขาก้มศีรษะพูดด้วยความเคารพ“มันเป็นเหตุการณ์ฉุกเฉิน! ผู้อาวุโสสำนักหวังว่าหลังจากนายท่านเสร็จสิ้นการปิดประตูฝึกฝนแล้วจะไปร่วมประชุมทันที”
เย่เฉาเกออุทานและกล่าว “นำทางได้เลย”
นักสู้รู้สึกว่าแรงกดดันในพื้นที่หายไปและอดถอนหายใจโล่งอกมิได้
ขณะที่ทุกคนยังคงพูดคุยเรื่องกลุ่มดาวหมีใหญ่ เกิดข่าวใหญ่กระจายไปทั่วกลุ่มดาวต่างๆ
พลังดวงดาวของกลุ่มดาวแมงป่องเพิ่มขึ้นอย่างกระทันหัน
ทุกคนเข้าใจว่าหมายความว่ายังไง มีความเป็นไปได้ประการเดียวสมบัติระดับเซียนถือกำเนิด!
สมบัติระดับเซียนของกลุ่มดาวแมงป่องหลังจากผ่านมานานหลายปีได้เชื่อมต่อกับกลุ่มดาวแมงป่องในที่สุด
เมื่อข่าวแพร่กระจายไป ทำให้เกิดความโกลาหล ข่าวในปัจจุบันทุกข่าวลดความน่าสนใจไปเลยเมื่อเทียบกันแล้วทุกคนเพ่งความสนใจไปที่กลุ่มดาวแมงป่อง
กลุ่มดาวแมงป่องเป็นกลุ่มดาวที่มีการตั้งราชวงศ์ ช่วงฤดูหนาวสุดท้ายของยุคสามมหาอำนาจ หลังจากตกต่ำมาเป็นเวลานานก็ยังไม่เหมือนกลุ่มดาวคนแบกงู, กลุ่มดาวแมงป่องไม่เคยตกลงไปจากระนาบสุริยุปราคาเลย
มีคำกล่าวว่าอูฐผอมก็ยังใหญ่กว่าม้า หลังจากผ่านเวลามานาน ก็ยังไม่เหมือนกัน
เหตุผลที่กลุ่มดาวแมงป่องตกต่ำเป็นเพราะการหายสาบสูญของสมบัติเซียน วิทยายุทธของกลุ่มดาวแมงป่องเมื่อเทียบกับกลุ่มดาวอื่นยังคงรักษาไว้อย่างค่อนข้างสมบูรณ์ ตราบใดที่กลุ่มดาวแมงป่องหาสมบัติเซียนเจอ ก็จะสามารถฟื้นฟูได้ทันที
นักสู้ชาวแมงป่องในอดีตใช้ความพยายามมากมายเพื่อค้นหาไปทุกแห่งทั้งสูงและต่ำ แต่ก็คว้าน้ำเหลว พวกเขาไม่สนว่าใครจะเป็นเจ้าของพวกเขา เพราะพวกเขาจะได้รับผลกระทบมากกว่าตอนที่เขาไม่มีเจ้า
กลุ่มดาวแมงป่องสงบนิ่งมาเป็นเวลานาน...
จนกระทั่งวันนี้ ความเข้มข้นพลังดวงดาวของกลุ่มดาวแมงป่องเพิ่มขึ้นทันที 7%...
กลุ่มดาวแมงป่องประสบกับเรื่องตื่นตะลึงชั่วขณะ จากนั้นก็จับกลุ่มกันอย่างไม่เคยมีมาก่อน
ขณะที่สวรรค์วิถีตกอยู่ในความเงียบเป็นประวัติการณ์ ทุกคนลืมพวกเขามาเป็นเวลานานแล้วแต่ไม่มีใครลืม พวกเขาเคยเป็นกลุ่มดาวที่มีราชวงศ์ปกครอง เป็นกลุ่มดาวระนาบสุริยุปราคาที่ซบเซาลงเนื่องจากสมบัติเซียนหายสาบสูญ มันคือกลุ่มดาวที่อันตรายและน่ากลัวมาก
และวันนี้ มันตื่นขึ้น
สถานการณ์กลายเป็นยุ่งยากซับซ้อนทันที ส่วนต่างๆกลายเป็นสภาพที่ไม่เสถียรและอนาคตมองดูเลือนราง
อิทธิพลของเรื่องนี้ใหญ่โตเกินไป แม้แต่สมาพันธ์ชาวยุทธและกลุ่มดาวราชสีห์ที่กำลังรบติดพันต้องเรียกร้องให้พักการรบไว้ก่อน
ทั่วทั้งสวรรค์วิถีแทบหยุดหายใจรอการให้เจ้ากลุ่มดาวแมงป่องเปิดเผยตน
*******************
เมืองสามวิญญาณ
ปิงมองดูภาพบันทึกด้านหน้าของเขา เขาพ่นควันบุหรี่เป็นวงจากนั้นพึมพำกับตนเอง “แมงป่อง หึหึ ศัตรูเก่าของข้า นี่ชักน่าสนใจมากยิ่งขึ้น”
เมื่อเร็วๆ นี้เขายังรู้สึกเบื่อ
นักเรียนทหารแยกย้ายกันไปแล้ว นักเรียนได้กลับไปที่สถาบันหมาป่าฟ้าอีกครั้งหนึ่ง เขาตั้งความหวังกับนักเรียนไว้สูง การรบก็เพียงเพื่อให้พวกเขาได้มีประสบการณ์กับสงคราม แม้ว่าพวกเขาจะมีความก้าวหน้าเป็นอย่างดี แต่สำหรับปิงพวกเขายังจำเป็นต้องฝึกฝน แต่นักเรียนไม่ได้กลับไปกลุ่มดาวหมาป่า เพราะปัจจุบันนี้ สถาบันหมาป่าฟ้าย้ายไปที่สถาบันไข่หมี
ที่สถาบันไข่หมีปัจจุบันนี้มีประชากรมากเกินไป
แม้แต่กองกำลังของถังอี้ในตอนนี้ก็ยังไปรวมกันที่ไข่หมีเพื่อฝึกฝนพิเศษ
ทหารอันโดรเมดาของทาร์ตันก็ยังเข้าไปที่ไข่หมีเพื่อฝึกฝนพิเศษอีกเช่นกัน
ตอนนี้ที่สถาบันไข่หมีมีอยู่เรื่องเดียวก็คือฝึกฝนพิเศษ!
วิชาวังวนกระบี่ทอนวิญญาณของถังเทียนทำให้ความเข้มข้นพลังดวงดาวพุ่งขึ้นไปถึงที่ระดับ40% ไม่มีใครยอมพลาดโอกาส ปิงวิเคราะห์สถานการณ์อย่างระมัดระวัง จึงทำกองทัพทั้งหมดไปที่ไข่หมีเพื่อฝึกพิเศษ
กองทัพทั้งหมดนี้ยังอ่อนแอในเรื่องปราณแท้ แน่นอนสำหรับปิงแล้วทหารทั้งหมดก็คือกระสุนมนุษย์ แต่สามารถทำให้ปราณแท้ของพวกเขาเพิ่มขึ้นได้ถึงสองระดับชั้น นั่นเป็นการเลื่อนชั้นเป็นกระสุนมนุษย์ระดับสูง
ถ้าอยู่ในกลุ่มดาวหมาป่าซึ่งมีความหนาแน่นของพลังเพียงหนึ่งเปอร์เซ็นต์การยกระดับปราณแท้ได้ถึงสองระดับ คุณค่านั้นต้องสูงขึ้นอย่างมิต้องสงสัย
แต่ถ้าไข่หมีมีความหนาแน่นของพลังดวงดาวเกิน 40% ตราบเท่าที่พวกเขาไม่อู้ ก็คงไม่เป็นปัญหา นั่นคือเหตุผลสิบสองตำหนักระนาบสุริยุปราคาเหนือกว่ากลุ่มดาวอื่นๆ มากมายนัก พวกเขามีพลังดวงดาวที่หนาแน่นกว่า และสามารถดึงดูดนักสู้อัจฉริยะมาได้แน่นอน
ประชากรของสิบสองตำหนักระนาบสุริยะไม่มากนักและค่าธรรมเนียมในการใช้พลังดวงดาวที่แพงเป็นเรื่องที่คนธรรมดาไม่สามารถใช้ได้
พวกเขาอยู่บนยอดปิรามิด และกลุ่มดาวในระดับชั้นต่ำๆกว่ามักจะสูญเสียโดยยอมให้ผู้มีพรสวรรค์จากไป นักสู้ที่โดดเด่นทั้งหมดมีสภาพแวดล้อมในการฝึกฝนที่ดีที่สุด แล้วอย่างนี้สิบสองตำหนักระนาบสุริยะจะไม่แข็งแกร่งได้ยังไง?
แต่ปิงไม่มีความรู้สึกกลัวต่อสิบสองตำหนักระนาบสุริยุปราคาเลย
คนในยุคปัจจุบันไม่มีความคิดอะไรในโลกที่ยุ่งเหยิง และสงครามใหญ่ในสวรรค์วิถี แต่ปิงที่รอดผ่านช่วงเวลาที่รุนแรงที่สุดกลับเห็นชัดว่าอะไรสำคัญที่สุด
ประชากร!
กลุ่มดาวทั้งหมดที่อยู่ภายใต้อิทธิพลของถังเทียน ปิงจับตามองกลุ่มดาวหมาป่าที่กันดารมากที่สุด เพราะกลุ่มดาวหมาป่ามีประชากรกลุ่มใหญ่ที่สุด
ในกรณีสงครามยืดเยื้อและยาวนานเกินกว่าที่คาดไว้ ทุกจะสู้กันด้วยความสามารถในการสร้างเลือดและบุรุษ
กลุ่มดาวสิบสองตำหนักระนาบสุริยุปราคาเดินตามเส้นทางของกองกำลังระดับสูง แต่เมื่อพวกเขาอ่อนกำลังลงการทดแทนคนจะเป็นเรื่องยาก ในช่วงเวลาสงบสุขพวกเขาสามารถอาศัยความเหนือชั้นของพวกเขาดึงดูดผู้มีพรสวรรค์และอัจฉริยะจากกลุ่มดาวอื่นๆได้ แต่ในเวลาสงครามความเคลื่อนไหวของพลเมืองในกลุ่มดาวจะถูกควบคุมอย่างเคร่งครัด และในเวลานั้นสิบสองตำหนักระนาบสุริยุปราคาจะต้องเผชิญกับสถานการณ์ขาดแคลนกำลังพล
ผู้บัญชาการทหารคนบางคนที่มีมาตรฐานอยู่บ้างสามารถเห็นเหตุนั้น แต่ไม่มีใครใส่ใจเพราะไม่มีใครเชื่อว่าสงครามจะคงอยู่นานนัก
พวกเขาจะสามารถต่อสู้ได้กี่ปี?
มีแต่ปิงที่ผ่านเจอประสบการณ์มากับตัวได้ลอบเตรียมการไว้ ประวัติศาสตร์มักจะซ้ำรอยเสมอ
ในช่วงเวลานี้ กลุ่มดาวอื่นๆไม่สามารถเข้าใจสถานการณ์ที่แท้จริงในกลุ่มดาวหมีใหญ่ บวกกับวิชาวังวนกระบี่ทอนวิญญาณของถังเทียนซึ่งเพิ่มความหวาดกลัวขึ้นไปอีกแทนที่พวกเขาควรจะมีความสุขถ้าพวกเขาไม่เข้าใจช่วงเวลาที่สำคัญในการเพิ่งความแข็งแกร่งของพวกเขา พวกเขาจะไม่มีทางใช้ชีวิตง่ายๆในอนาคตที่ใกล้เข้ามา
วิชาวังวนกระบี่ทอนวิญญาณของถังเทียนทำให้ปิงตกใจ
ปิงมักจะสนับสนุนทัศนคติถังเทียนในการเคี่ยวกรำตนเอง เพื่อส่งเสริมขวัญกำลังใจนักสู้ทุกคนผู้เข้ามาฝึกที่สถาบันไข่หมีจะถูกนำตัวมาหาถังเทียน ในนามของ“การค้นหาความสุข” อ๊ะไม่ใช่ ในนามของการค้นหา “แรงบันดาลใจ”
ปิงเป็นเหมือนนายพรานที่อดทนอดทนอย่างสงบรอให้พวกเขามีพลังเพิ่มขึ้น
แต่กองทัพไม่ได้เป็นพวกเดียวที่ทุ่มเทอย่างสุดกำลัง
ในห้องค้นคว้าอาวุธจักกล แสงไฟเปิดสว่างอยู่เสมอ ทุกคนตัวเลอะเทอะตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า นัยน์ตาแดงจนเส้นเลือดขึ้นกองชิ้นส่วนถูกทิ้งกระจัดกระจาย เศษโลหะมีอยู่ทั่วไปหมดขนาดจะหาที่ยืนก็ยังยากลำบาก วิศวกรจักรกลมากมายอยู่มุมต่างๆ สัปหงกก็มีหลับในก็มี หลับอย่างสบายก็มี
ทันใดนั้นมีคนที่อยู่ในมุมหนึ่งตะโกนลั่น “สำเร็จแล้ว! ข้าทำสำเร็จแล้ว!”
ปัง, ทั่วทั้งห้องค้นคว้าอาวุธจักรกลระเบิดเสียงฮือฮา วิศวกรจักรกลทยอยมาจากทุกมุมห้อง
แก้วผลึกบริสุทธิ์เป็นประกายมีขุนพลวิญญาณขนาดนิ้วมือลอยอยู่บนนั้น
เซรีนมีสีหน้าดีใจ นางร้องขอแร่ผลึกมังกร มันเป็นโลหะที่หาได้ยากมากเป็นผลิตภัณฑ์พิเศษของกลุ่มดาวมังกร เมื่อเซรีนกำลังค้นคว้าเรื่องวัสดุ นางค้นพบคุณลักษณะน่าอัศจรรย์ของแร่ผลึกมังกร แร่ผลึกมังกรสามารถผนึกขุนพลวิญญาณได้
เมื่อแร่ผลึกมังกรจำนวนสี่ร้อยตันถูกส่งมายังห้องวิจัยอาวุธจักรกลทั่วทั้งห้องวิจัยอาวุธจักรกลเหมือนกับติดสปริงมีการค้นคว้ากันทั้งวันทั้งคืน
ในเวลารวดเร็ว มีการค้นพบใหม่เป็นจำนวนมากนอกจากผนึกขุนพลวิญญาณได้แล้ว หลังจากปรับแต่งแร่ผลึกมังกรยังช่วยเสริมพลังให้ขุนพลวิญญาณทำให้ขุนพลวิญญาณบริสุทธิ์และแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
การค้นพบครั้งนี้ทำให้วิศวกรจักรกลภายในห้องงานทั้งหมดดีใจแทบคลั่ง
สิ่งนี้ชี้ให้เห็นว่า เมื่อสำเร็จ พวกเขาสามารถสร้างอาวุธจักรกลวิญญาณด้วยคุณลักษณะที่มีการเจริญเติบโตได้
แน่นอนว่า เมื่อพวกเขาปรับแต่งแร่ผลึกมังกรพวกเขาจะก้าวข้ามปัญหาไปได้ พวกเขายังไม่สามารถปรับแต่งแร่ผลึกมังกรได้สมบูรณ์แบบ การปรับแต่งแร่ผลึกมังกรจะทำให้ขุนพลวิญญาณที่พวกเขาสามารถผนึกไว้แข็งแกร่งมากขึ้น
และวันนี้ พวกเขาก็ปรับแต่งแร่ผลึกมังกรได้สำเร็จ
อาวุธจักรกลวิญญาณรุ่นใหม่กำลังจะถือกำเนิด!