ข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 42 กระแสใหม่ในหมู่ผู้ฝึกยุทธ์มาร
ข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 42 กระแสใหม่ในหมู่ผู้ฝึกยุทธ์มาร
เขตแดนลับแห่งวาสนานี้เป็นเพียงห้องโถงขนาดเล็กที่เรียบง่ายปราศจากการตกแต่งใดๆ ฉู่เซวียนไม่ได้เปิดใช้เขตแดนลับแห่งวาสนา เขาแค่วางไว้ที่มุมหนึ่งของบ้าน
แม้ว่าจะไม่ได้เปิดใช้ แต่มันยังสามารถดึงดูดบุตรแห่งโชคชะตาได้บ้างละ?
ฉู่เซวียนเต็มไปด้วยความคาดหวัง
“โฮสต์ได้เก็บตัวอยู่บ้านหนึ่งปีกับหนึ่งวัน โฮสต์ได้รับรางวัลคือกล่องโอสถระดับจักรพรรดิ”
อย่างที่คาดเอาไว้ วันรุ่งขึ้นหลังจากบรรลุขอบเขต ฉู่เซวียนก็ได้รับกล่องโอสถระดับจักรพรรดิ
โอสถระดับจักรพรรดินั้นใช้สำหรับการทะลวงไปยังขอบเขตจักรพรรดิหรือฝึกยุทธ์ในขอบเขตจักรพรรดิ
ผลิตภัณฑ์จากระบบนั้นยอดเยี่ยมเสมอ
หลังจากบรรลุขอบเขตจักรพรรดิแล้ว ชีวิตของฉู่เซวียนก็สุขสบายขึ้นเรื่อยๆ
ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าความเบื่อหน่าย ด้วยการที่สัมผัสได้ถึงพลังยุทธ์ที่เพิ่มมากขึ้นทุกวันมากพอที่จะทำให้เขารู้สึกเบื่อเลย และยังมีความสุขด้วยซ้ำ
ฉู่เซวียนสั่งให้จางขุยนำโอสถระดับจักรพรรดิบางส่วนไปให้ฉู่อวิ๋น
จางขุยเองก็บรรลุขอบเขตรวมศูนย์แล้วเช่นกัน
แต่หากฉู่เซวียนไม่เต็มใจจัดหาทรัพยากรให้จางขุย เขาคงจะได้แต่อยู่ในขอบเขตรวมศูนย์ไปตลอดชีวิต
อันที่จริง ยังไม่รู้เลยว่าจางขุยสามารถทะลวงไปยังขอบเขตรวมศูนย์ขั้นที่สามได้ไหม
พรสวรรค์ของจางขุยไม่ค่อยสูงนัก ฉู่เซวียนจึงไม่มีความคิดที่จะผลาญเสียทรัพยากร
ทว่าขอบเขตรวมศูนย์ก็มากพอให้จางขุยช่วยจัดการธุระฉู่เซวียนในช่วงเวลานี้แล้ว
พรสวรรค์ในการปรุงโอสถของฉู่อวิ๋นเกินคาดของฉู่เซวียน เพียงเวลาอันสั้นแต่ฉู่อวิ๋นก็ได้เริ่มปรุงโอสถวิญญาณแล้ว
อัตราความล้มเหลวนั้นค่อนข้างสูง แต่นางเรียนรู้การปรุงโอสถมานานแค่ไหนกัน
ฉู่อวิ๋นได้ทะลวงไปยังขอบเขตห้วงลี้ลับขั้นที่หกแล้ว ส่วนหนึ่งต้องขอบคุณโอสถที่นางปรุงขึ้นมา
ฉู่เซวียนมอบโอสถวิญญาณบางส่วนและวิถีแห่งการปรุงโอสถอีกหนึ่งไปให้ฉู่อวิ๋นผ่านทางจางขุย
นอกจากนี้แล้ว เขายังสั่งให้จางขุยจัดหาสมุนไพรวิญญาณต่างๆ เพื่อช่วยนางปรุงโอสถอีกด้วย
ต้องไม่ลืมว่า จางขุยเป็นรองจ้าวลัทธิลำดับหนึ่งของลัทธิมาร ดังนั้นเขาจึงไม่ขาดแคลนทรัพยากร
เนื่องจากจ้าวลัทธิลู่หวังยังไม่ฟื้นตัวจากการบาดเจ็บสาหัส จางขุยจึงสามารถควบคุมลัทธิมารแห่งแคว้นฉินได้อย่างสมบูรณ์ อีกอย่างหลังจากบรรลุขอบเขตรวมศูนย์เขาก็กลายเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในลัทธิมาร
ฉู่เซวียนได้รู้จากจางขุยว่าสาวกมารทุกคนที่ทะลวงไปยังขอบเขตรวมศูนย์จะต้องไปยังจักรวรรดิต้าเชี่ยเพื่อถวายตัวรับใช้ หากปราศจากการอนุญาตจากจักรวรรดิต้าเชี่ย พวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไป
จุดประสงค์เบื้องหลังคือการรวบรวมคนที่แข็งแกร่งเพื่อรับมือกับภัยคุกคามและวิกฤตต่างๆ
ฉู่เซวียนเลยปิดผนึกกลิ่นอายขอบเขตรวมศูนย์ของจางขุย บวกกับยันต์ปกปิด จะไม่มีใครสามารถพบตัวเขาเว้นแต่เขาจะไปถวายตัวยังจักรวรรดิต้าเชี่ยเสียเอง
หลังจากบรรลุขอบเขตจักรพรรดิแล้ว ฉู่เซวียนไม่ถือว่าจักรวรรดิต้าเชี่ยเป็นภัยคุกคามอีกต่อไป
ฉู่อวิ๋นซึ่งได้รับวิถีแห่งการปรุงโอสถใหม่และทรัพยากรปรุงโอสถเพิ่ม
ฉู่อวิ๋นก็ได้ทดลองปรุงโอสถคุณภาพสูงหลายตัวเพื่อศึกษา นางมั่นใจมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วว่าพรสวรรค์ของนางได้ต้องตาปรมาจารย์บางคน
ตอนนี้ปรมาจารย์ท่านนั้นอาจจะกำลังทดสอบนางอยู่
ฉู่อวิ๋นมีความสุขมาก แล้วทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจไปกับการเรียนรู้วิถีแห่งการปรุงโอสถ
ภายในพระราชวังมาร…
ผ่านไปหนึ่งเดือนนับตั้งแต่คุนหวู่บุกพระราชวังมาร
จักรพรรดิมารซึ่งโมโหจัดกับเรื่องนี้ก็ได้ส่งคนไปตรวจสอบว่าแรงจูงใจของคุนหวู่ในการบุกพระราชวังมารได้รับการยุยงจากคนอื่นหรือไม่
เป็นไปไม่ได้ว่ามีคนต้องการตบหน้าและทำลายชื่อเสียงของเขา
ทว่าหลังจากตรวจสอบมาหนึ่งเดือน พวกเขาก็ไม่พบร่องรอยของคนหนุนหลังลงมือของคุนหวู่เลย
สัญญาณทุกอย่างบ่งชี้ว่าจู่ๆ คุนหวู่ก็บ้าคลั่งจนถึงกับตัดสินใจบุกพระราชวังมาร
บทสรุปสุดท้ายที่พวกเขาได้รับคืออายุขัยของคุนหวู่กำลังใกล้หมดสิ้น ซึ่งทำให้เขาบ้าคลั่งขึ้นมา แล้วตัดสินใจที่จะสร้างชื่อเสียงจึงบุกพระราชวังมาร
คุนหวู่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่ว
ไม่เพียงโด่งดังในหมู่ของผู้ฝึกยุทธ์มารแต่เลื่องลือในหมู่ขุมอำนาจหลักอื่นในแผ่นดินหนานโจวอีกด้วย ต้องไม่ลืมว่าจักรวรรดิต้าเชี่ยมักจะถูกขนานนามว่าเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของผู้ฝึกยุทธ์มาร พระราชวังมารมิอารล่วงเกิน แต่การกระทำอันบ้าบิ่นและกล้าหาญของคุนหวู่ก่อนตายเลยทำให้เขามีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่ว
ตำหนักและประตูของพระราชวังมารที่พังทลายถูกก่อสร้างขึ้นใหม่ องครักษ์ถูกสับเปลี่ยนใหม่
โดยปกติองครักษ์ขอบเขตว่างเปล่าสองคนยืนเฝ้าคุ้มกันประตูของพระราชวังมาร
ไม่มีใครคิดว่าจะมีคุนหวู่คนที่สองมาบุกพระราชวังมาร
ต้องไม่ลืมว่าคนที่ไม่กลัวความตายนั้นมีไม่กี่คน
องครักษ์จึงไม่ได้ระวังเป็นพิเศษ ไม่สนใจว่าใครจะเดินผ่านประตูพระราชวังมาร
เป็นเรื่องปกติที่จะเดินผ่านประตูพระราชวังมารอยู่แล้ว ผู้ฝึกยุทธ์มารนับไม่ถ้วนจะมาเที่ยวชมดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของผู้ฝึกยุทธ์มารทุกวัน
ชายชราถือไม้เท้าค่อยๆ เดินผ่านประตูพระราชวังมาร
องครักษ์มองเขาแวบหนึ่งก่อนจะละสายตา เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่สนใจ
ชายชราเดินมาถึงผ่านประตูพระราชวังมารแล้วเปิดฉากโจมตีโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า
ตูม!
ประตูพระราชวังมารพังทลาย
องครักษ์ไม่ทันได้ตั้งตัว ไม่มีเวลาแม้แต่จะป้องกันตัวก่อนจะตกตายไป
พลังยุทธ์ของยอดยอดฝีมือขอบเขตความว่างเปล่าได้ประจักษ์แก่สายตัวของฝูงชน
หลังจากที่ชายชราทำลายประตูพระราชวังมาร เขาก็พุ่งเข้าไปในพระราชวังมาร
ในเวลาเดียวกัน เสียงคำรามที่ทำให้ผู้ฝึกยุทธ์มารนับไม่ถ้วนต่างตกใจดังกังวานไปทั่ว
“ข้าฝานไค่ ในวันนี้จะบุกดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของผู้ฝึกยุทธ์มารและสัมผัสความมหัศจรรย์ของพระราชวังมารด้วยตัวข้าเอง!”
ผู้ฝึกยุทธ์มารต่างพากันตกตะลึง นี่มันบ้าไปแล้ว
“ข้าฝานไค่ เป็นผู้ฝึกยุทธ์มารคนที่สองซึ่งบุกพระราชวังมาร ในรอบหลายพันปี ข้าจะตกตายได้โดยไม่เสียใจ ฮ่าฮ่าฮ่า!”
ฝานไค่รีบพุ่งเข้าไปในพระราชวังมาร
“เจ้าสารเลว!”
ยอดฝีมือขอบเขตรวมศูนย์ได้แต่เคลื่อนไหว
ทว่านับตั้งแต่ที่คุนหวู่สังหารองครักษ์ขอบเขตรวมศูนย์หลายคนด้วยระเบิดอัศนี เหล่าองครักษ์ก็ลังเลที่จะเคลื่อนไหว พวกเขาพร้อมที่จะหลบหนีทุกเมื่อ
พวกเขาได้แต่ถ่วงเวลาเพื่อรอให้ยอดฝีมือขอบเขตจริงแท้มาถึง
ด้วยเหตุนี้ ฝานไค่ก็สามารถมุ่งหน้าเข้าไปอย่างกล้าหาญ แล้วทำลายตำหนักหลายหลังระหว่างทาง
“ตายซะ!”
ในที่สุดยอดฝีมือขอบเขตจริงแท้ก็เคลื่อนไหว
“ฮ่าฮ่าฮ่า หากผู้ฝึกยุทธ์มารไม่กล้าแม้แต่บุกพระราชวังมาร ถือเป็นผู้ฝึกยุทธ์มารได้เช่นไร? ผู้ฝึกยุทธ์มารเช่นนี้ยังสามารถเรียกตนเองว่าหยิ่งผยองและเหี้ยมโหดได้อย่างไร? ข้าฝานไค่ เคารพในความกล้าหาญของพี่คุนหวู่!”
ฝานไค่หัวเราะดังลั่นแล้วพุ่งไปยังยอดฝีมือขอบเขคจริงแท้
ตูม!
ฝานไค่ระเบิดตัวเองโดยไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายจับตัวเขา
ฝูงชนผู้ฝึกยุทธ์มารเงียบเสียงลง
ในหมู่ฝูงชนผู้ฝึกยุทธ์มาร ผู้ฝึกยุทธ์มารที่แก่ชราใกล้จะหมดอายุขัยหลายคนเริ่มกระวนกระวาย ทันใดนั้นดวงตาของพวกเขาก็ลุกโชนด้วยความเยาว์วัยและความเลือดร้อนอีกครั้ง
จักรพรรดิมารแทบจะกลายเป็นบ้า
เขาเป็นจักรพรรดิมารเพียงคนเดียวที่ถูกตบหน้าเช่นนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า
ไม่นานหลังจากฝ่านไค่ระเบิดตัวตาย ยอดฝีมือคนอื่นๆ ก็มาถึงพระราชวังมาร
ประตูและตำหนักของพระราชวังมารที่พังทลายยังไม่ได้รับการซ่อมแซม แต่เหล่าคนใกล้จะหมดอายุขัยก็บุกเข้ามาอีกครั้ง
ผู้ฝึกยุทธ์มารแก่ชราอีกสามคนรีบเข้าไปในพระราชวังมาร
“เราสามพี่น้องจากขุนเขาตรีภูตได้มาเยี่ยมชมพระราชวังมารแล้ว ในวันนี้ถึงตัวตายเราก็ไม่เสียใจ!”
“ฮ่าฮ่า ว่ากันว่าพระราชวังมารเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์สำหรับผู้ฝึกยุทธ์มารและยังเป็นที่พำนักของจักรพรรดิมาร วันนี้เราสามพี่น้องจากขุนเขาตรีภูตได้มาสัมผัสแล้ว!”
ผู้ฝึกยุทธ์มารต่างตกอยู่ในความโกลาหล
“นั่นคือขุนเขาตรีภูตหรือ”
“ทำไมพวกมันมาบุกพระราชวังมาร? พวกมันอยากตกตายหรือไง?”
“เจ้าไม่รู้? พวกขุนเขาตรีภูตใกล้จะหมดอายุขัยแล้ว ไม่มีทางที่พวกเขาจะทะลวงขั้นต่อไปได้!”
ผู้ฝึกยุทธ์มารต่างกล่าวคุยกัน
ในหมู่ผู้ฝึกยุทธ์มาร ผู้ฝึกยุทธ์มารที่แก่ชราใกล้ตายบางคนเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
ผู้ฝึกยุทธ์มารคนอื่นต่างพากันหวาดกลัว
สหายชราเหล่านี้บ้าไปแล้วหรือ?
'อย่าบอกนะว่าพวกเขากำลังจะบุกพระราชวังมารด้วย?'
พวกขุนเขาตรีภูตล้วนเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตว่างเปล่าขั้นสาม แต่พวกเขาติดอยู่ที่ขั้นที่สามมานานจนไร้หนทางที่จะทะลวงขั้นต่อไปได้ อายุขัยของพวกเขาเองก็ใกล้จะหมดสิ้นเข้ามาอย่างรวดเร็ว
ตูม!
ตำหนักรอบๆ พระราชวังมารถูกถล่มลงอีกครา ฝุ่นควันคละคลุ้งไปทั่ว
จักรพรรดิมารถูกตบหน้าอีกครั้ง ซึ่งเริ่มจะสั่นคลอนภาพพจน์ในใจของผู้ฝึกยุทธ์มาร พวกเขาไม่ได้เคารพเท่าเมื่อก่อนอีก
หลายคนตามหลังขุนเขาตรีภูตเพื่อรับชมการแสดง
“ขุนเขาตรีภูต พวกเจ้ากล้าดียังไง!”
เหล่าองครักษ์ต่างพากันโกรธจัด ทุกคนกำลังท้าทายศักดิ์ศรีของจักรพรรดิมารองค์ปัจจุบัน พวกเขาคิดว่าองครักษ์ที่นี่เป็นขยะหมดหรือ?
“ตายซะ!”
หัวหน้าองครักษ์ขอบเขตรวมศูนย์ขั้นที่เก้าลงมือด้วยตนเอง
ตูม!
ขุนเขาตรีภูตระเบิดตัวเอง
หัวหน้าองครักษ์ไม่ทันได้ตั้งตัวและได้รับบาดเจ็บสาหัสจากแรงระเบิด เขารู้สึกตกตะลึง พวกมันรีบระเบิดตัวเองทันที?
พวกมันบ้าไปแล้ว!
ในอีกครึ่งเดือนต่อมา ผู้ฝึกยุทธ์มารก็ได้มาบุกพระราชวังมารเป็นครั้งคราว
การบุกพระราชวังมารได้กลายเป็นกระแสใหม่ในหมู่ผู้ฝึกยุทธ์มาร ดูเหมือนว่าหากใครไม่บุกพระราชวังมารจะถือว่าน่าขายขี้หน้าเกินกว่าจะเรียกตนเองว่าเป็นผู้ฝึกยุทธ์มาร