ข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 41 ตั้งเป้าหมายเล็ก ๆ
ข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 41 ตั้งเป้าหมายเล็ก ๆ
ในพื้นที่จวนบรรพชนของตระกูลฉู่ มีผู้อาวุโสสองสามคนที่ปิดด่านก็ได้รับความรู้แจ้งบางอย่างอย่างน่าอัศจรรย์
พลังวิญญาณและเจตจำนงวิญญาณของพวกเขาได้ผสานเข้ากับความว่างเปล่า
เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างรวดเร็ว
ราวกับว่าพวกเขาได้รับการอวยพรจากการตัวตนลึกลับ ในพริบตาทุกคนก็ได้ทะลวงไปยังขอบเขตรวมศูนย์
ผู้อาวุโสในตระกูลต่างพากันเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
เหตุใดจู่ๆ ถึงทะลวงผ่านกันหมด?
ยิ่งไปกว่านั้น ในระหว่างการทะลวงผ่าน กลิ่นอายกลับไม่ถูกเปิดเผยแม้แต่เสี้ยวเดียว
แม้ว่าพวกเขาจะไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ทว่าผู้อาวุโสในตระกูลกลับรู้สึกดีใจอย่างยิ่ง ตราบใดที่กลิ่นอายของพวกเขาไม่ถูกเปิดเผย พวกเขาก็สามารถซ่อนตัวอยู่ในตระกูลฉู่ได้ต่อไป
ผู้อาวุโสเหล่านี้ล้วนเป็นไพ่ตายของตระกูลฉู่ หากตระกูลเผชิญกับวิกฤตการณ์อันเลวร้าย พวกเขาจะฝืนทะลวงไปยังขอบเขตรวมศูนย์เพื่อแก้ไขวิกฤต
แต่เวลานี้พวกเขากลับได้ทะลวงผ่านด้วยเหตุผลลึกลับ นอกจากนี้กลิ่นอายยังไม่ถูกเปิดเผยออกไป นั่นหมายความว่าพวกเขาสามารถแอบฝึกฝนเพื่อสะสมความแข็งแกร่งได้ต่อไป
เมื่อพวกเขาถูกร้องขอความช่วยเหลือในอนาคต พวกเขาจะต้องทำให้ศัตรูประหลาดใจอย่างแน่นอน
ฉู่เซวียนค่อนข้างประหลาดใจ เหตุใดผู้อาวุโสเหล่านี้ถึงทะลวงผ่านกันหมด?
หรือว่าพวกเขาได้รับผลกระทบจากวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเขา
ดูเหมือนว่าผู้อาวุโสเหล่านี้ใกล้จะทะลวงผ่านตลอดเวลาอยู่แล้ว แต่เนื่องจากพลังวิญญาณและอาณาเขตพลังของเขาได้ครอบคลุมไปทั่วอาณาเขตตระกูลฉู่ จึงทำให้เสี้ยวพลังอันน้อยนิดไปกระตุ้นผู้อาวุโสให้ทะลวงผ่านอย่างควบคุมไม่ได้
ในระหว่างที่ผู้อาวุโสทะลวงผ่าน ฉู่เซวียนยังได้ค้นพบอาวุธสมบัติในดินแดนบรรพชนของตระกูลฉู่ อาวุธสมบัตินี้ถูกกระตุ้นขึ้นอย่างลึกลับ ดูเหมือนมันกำลังดูดกลืนพลังของผู้อาวุโสทุกคนอยู่
ด้วยความอยากรู้อยากเห็น เขาจึงรวบรวมวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ไปตรวจสอบอย่างใกล้ชิด
ปรากฏว่ามันคืออาวุธสมบัติประเภทดูดกลืนพลัง
ดูเหมือนมันกำลังดูดกลืนพลังของยอดฝีมือขอบเขตกึ่งรวมศูนย์และส่งไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง
น่าสนใจ…
สาเหตุที่ตระกูลฉู่ไม่มียอดฝีมือขอบเขตรวมศูนย์อาจเป็นไปได้ว่ามียอดฝีมือจงใจระงับการพัฒนาของพวกเขา มันจึงทำให้ตระกูลฉู่ไม่สามารถพัฒนาความแข็งแกร่งได้
ส่วนฉู่เซวียนที่เป็นเพียงสายเลือดหลักที่ไม่เป็นที่ต้อนรับในตระกูลนัก เขาจึงไม่ได้รับผลกระทบดังกล่าวเป็นธรรมดา
แต่สิ่งนี้ไม่ได้รบกวนเขา มันไม่มีอะไรสำคัญตราบใดที่มันไม่ส่งผลกระทบต่อบ้านของเขา
ทว่าเขาก็ยังผนึกรวมวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเขาเล็กน้อยและผนึกความสามารถของสมบัติที่รวบรวมกลิ่นอายนั้น
ความแข็งแกร่งของเขายังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และกำลังจะก้าวไปยังขอบเขตจักรพรรดิขั้นที่สอง
“โฮสต์ได้ทะลวงไปยังขอบเขตจักรพรรดิ โฮสต์ได้รับรางวัลเป็น วิชาสวรรค์ต้าหลัว วิชาคักดิ์สิทธิ์ต้าหลัวและวิชาเซียนต้าหลัว”
หลังจากที่เขาทะลวงเข้าสู่ขอบเขตจักรพรรดิ รางวัลของระบบก็ตามมาในไม่ช้า
แท้จริงแล้วมันเป็นฉบับปรับปรุงของวิชาจักรพรรดิต้าหลัว
เมื่อฉู่เซวียนรับรางวัล ข้อมูลและความรู้ที่เกี่ยวข้องของวิชาที่ท่วมท้นก็ปรากฏในใจของเขา
หลังจากเรียนรู้ศาสตร์การฝึกฝนที่บันทึกไว้ในส่วนของวิชาเซียนทั้งสองเล่ม(วิชาเซียนหยกศูนยตาและวิชาเซียนต้าหลัว) ฉู่เซวียนรู้สึกว่ารากฐานและความแข็งแกร่งของเขาแข็งแกร่งยิ่งขึ้นไปอีก
ศาสตร์การฝึกฝนทั้งสองไม่ได้ขัดแย้งกัน ทว่าส่งเสริมซึ่งกันและกันได้เป็นอย่างดี
ปัง!
ขอบเขตจักรพรรดิขั้นที่สอง!
หลังจากทะลวงไปยังขอบเขตจักรพรรดิขั้นที่สองแล้ว รางวัลการฝึกฝนพลังยุทธ์หนึ่งร้อยปีของเขาก็หมดลง
ฉู่เซวียนลืมตาขึ้นและตรวจสอบความแข็งแกร่งของตัวเอง ในเวลานี้เขาเต็มไปด้วยความมั่นใจ
ไม่มีขอบเขตจักรพรรดิในแผ่นดินหนานโจว หมายความว่าปัจจุบันเขาเป็นขอบเขตจักรพรรดิเพียงคนเดียวในแผ่นดินอันกว้างใหญ่นี้!
เว้นแต่ขอบเขตจักรพรรดิหรือสูงกว่าขอบเขตจักรพรรดิมาจากนอกแผ่นดินหนานโจว เขาก็หวาดกลัว
และต่อให้มีตัวตนเช่นนั้นปรากฏขึ้นจริง แต่ก็ไม่มีเหตุผลใดที่จะต้องมาที่อาณาเขตตระกูลฉู่เพื่อสร้างปัญหาให้เขา
ฉู่เซวียนจึงไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับจักรวรรดิต้าเชี่ยอีกต่อไป
ผู้ใดกล้ามา เขาจะสังหารไม่เลี้ยง!
ด้วยความแข็งแกร่งขอบเขตจักรพรรดิ ฉู่เซวียนสามารถสังหารผู้บุกรุกเหล่านั้นได้โดยไม่มีใครรู้ เขาไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการเปิดเผยความแข็งแกร่งอีกต่อไป
“เหมียว”
แมววิญญาณสวรรค์กระโจนขึ้นมาบนไหล่ของเขาและออดอ้อนเขา
“เสี่ยวเหมา รีบบุกทะลวงซะล่ะ”
แมววิญญาณสวรรค์นั้นอยู่ในขอบเขตรวมศูนย์ขั้นที่เก้าแล้ว และมันกำลังจะทะลวงไปยังขอบเขตจริงแท้
ด้วยความสามารถของมัน คงอีกไม่นานก่อนที่มันจะทะลวงไปยังขอบเขตจักรพรรดิ
นอกจากนี้ ด้วยความแข็งแกร่งของฉู่เซวียนที่เพิ่มขึ้น การเติบโตของสัตว์เลี้ยงของเขาก็จะเร่งขึ้นเช่นกัน
วิหคทองคำที่เขย่านภาเองก็บินมาหาเขา เช่นกัน
บุปผากลืนวิญญาณได้ยื่นกิ่งก้านที่มีดอกไม้ของมันออกมา จากนั้นก็เบ่งบานอย่างสวยงาม
เป็นเพียงเรื่องของเวลาสำหรับวิหคทองคำเขย่านภาและแมววิญญาณสวรรค์ในการทะลวงไปยังขอบเขตจักรพรรดิ เมื่อเช่นนั้นเขาจะใช้งานพวกมันได้สะดวกมากยิ่งขึ้น
ส่วนบุปผากลืนวิญญาณนั้นพิเศษกว่าเล็กน้อย มันจะจำเป็นต้องใช้เวลานานมากกว่าจะไปถึงขอบเขตจักรพรรดิ
ทว่ามันไม่สำคัญ ฉู่เซวียนนั้นครอบครองสมบัติมากมายที่สามารถช่วยเร่งขั้นตอนนี้ได้
“เป้าหมายต่อไป ทะลวงไปยังขอบเขตสวรรค์”
ฉู่เซวียนเตือนตัวเองเสมอว่าอย่าเพิ่งหลงละเลิง ขอบเขตจักรพรรดินั้นไม่ใช่ปลายทางสุดท้ายของเขา
เหนือขอบเขตจักรพรรดิคือขอบเขตสูงสุดและขอบเขตสวรรค์
มีเพียงขอบเขตสวรรค์เท่านั้นที่เขาสามารถมั่นใจได้ เนื่องจากผู้ฝึกยุทธ์ของขอบเขตสวรรค์ถือเป็นสิ่งมีชีวิตระดับสูงในโลกอันกว้างใหญ่นี้
“ข้าต้องพยายามทะลวงไปยังขอบเขตสูงสุดให้ได้ภายในสิบปี!”
ฉู่เซวียนตั้งเป้าหมายเล็กๆ ไปที่ขอบเขตสูงสุดนี้ก่อน
หลังจากทะลวงมายังขอบเขตจักรพรรดิแล้ว ความเร็วในการฝึกฝนของเขาก็ช้าลง อย่างไรก็ตาม การทะลวงไปยังขอบเขตสูงสุดภายในสิบปีนั้นไม่น่าจะเป็นปัญหามากเกินไป
ท้ายที่สุดแล้ว ระบบจะมอบรางวัลแก่เขาเป็นครั้งคราวด้วยการฝึกฝนพลังยุทธ์ไม่กี่ปี และสิ่งของอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นโอสถมหาวิญญาณ หรือสมบัติที่จะเพิ่มความเร็วในการฝึกฝนของเขา
ยิ่งไปกว่านั้น ในไม่ช้านี้เขาจะใช้ประโยชน์จากเขตแดนลับแห่งวาสนา
กฎแห่งฟ้าดินในแผ่นดินหนานโจวได้รับการฟื้นฟูอย่างช้าอๆ เมื่อสิ่งนี้ถูกค้นพบ เขาไม่รู้ว่าจะมียอดฝีมือจากดินแดนอื่นๆ เข้ามาหรือพยายามครอบครองดินแดนนี้เมื่อใด
ฉินเค่ออวิ๋นผู้ที่ซึ่งกลับชาติมาเกิดของมารได้ปรากฏตัวขึ้นแล้ว อาจกล่าวได้ว่าสมดุลในปัจจุบันของแผ่นดินหนานโจวจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงในอนาคต
อย่างไรก็ตาม มันคงจะไม่มีอะไรวุ่นวายมากเกินไปภายในสิบปีข้างหน้านี้
เขายังคงมีความมั่นใจเพียงพอว่าเขาจะสามารถทะลวงไปยังขอบเขตสูงสุดได้ภายในสิบปี
ขอบเขตสูงสุดเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของพลังแห่งอาณาเขต
ดังคำกล่าวที่ว่า “ข้าเป็นใหญ่ที่สุดในอาณาเขตนี้ แม้แต่จักรพรรดิยังคุกเข่าให้ข้า”
และนอกเหนือจากนี้ ขอบเขตสูงสุดเองก็มีการยกระดับครั้งใหญ่ มันคล้ายกับช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างขอบเขตจริงแท้กับขอบเขตจักรพรรดิ
จากคำที่กล่าวว่า ผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตสูงสุดถือเป็นตัวตนทรงอำนาจในโลกอันกว้างใหญ่นี้
“ยอดเยี่ยม!”
ฉู่เซวียนได้เอนหลังบนเก้าอี้ เขารู้สึกมีความสุขเป็นพิเศษ ทุกครั้งที่เขาประสบความสำเร็จ ความมั่นใจของเขาก็เพิ่มมากขึ้น และเขาก็เข้าใกล้เป้าหมายในการใช้ชีวิตอย่างมั่นคงตามที่หวัง
เมื่อมองไปรอบบ้านหลังเล็กที่อาศัยอยู่ จู่ๆ ฉู่เซวียนก็รู้สึกว่าเขาขาดข้ารับใช้ที่คอยทำงานภายในบ้าน
สาวใช้?
สาวใช้แสนสวยก็ไม่เลว มันดูเพลินตากว่าข้ารับใช้ชายมาก
ฉู่เซวียนได้เหลือบมองไปที่เขตแดนลับแห่งวาสนาในมิติเก็บของระบบ และทันใดนั้นก็นึกถึงบางสิ่ง
เขาควรนำมันออกมาวางไว้ในเรือนของเขาชั่วคราวดีหรือไม่?
ผู้ที่จะมาเขตแดนลับแห่งวาสนานี้ได้คือบุตรแห่งโชคชะตา
หากเขาวางไว้ที่บ้าน บางทีมันอาจจะช่วยเขาดึงดูดบุตรแห่งโชคชะตามาที่นี่?
หากเป็นชายจะรับเป็นศิษย์ หากเป็นหญิงสาวจะรับเป็นสาวใช้
หัวใจของฉู่เซวียนรู้สึกสะเทือนใจ
เขาต้องอยู่ที่นี่และไม่สามารถออกจากบ้านหลังเล็กนี้ได้
เขาต้องการใครสักคนที่อยู่เคียงข้างเขา คอยฟังคำสั่งของเขาหรือทำงานให้เขา
น่าเสียดายที่จางขุยและต่งเฉียนนั้นเป็นผู้ฝึกยุทธ์มาร และพวกเขาเป็นที่ต้องการตัวทั่วทั้งแผ่นดินหนานโจว หากพวกเขาปรากฏตัวอย่างเปิดเผย พวกเขาจะต้องถูกสังหารอย่างแน่แท้
ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งสองไม่ได้มีพรสวรรค์มากนัก พวกเขาจึงมีค่าเพียงเล็กน้อยในการเลี้ยงดู พวกเขาสามารถเป็นข้ารับใช้ที่ใช้ทำธุระได้ดีที่สุด
นอกจากนี้ ฉู่เซวียนยังมีความคิดบางอย่างเกี่ยวกับหอจันทร์ทมิฬ
ขุมอำนาจขนาดใหญ่ที่มีรากฐานกระจายไปทั่วแผ่นดินหนานโจวและที่อื่นๆ พวกเขาขายทั้งข้อมูล วิธีฝึกฝน และสมบัติทุกชนิด ทั้งยังรับค่าตอบแทนมากมายอีกด้วย
อาจกล่าวได้ว่าหอจันทร์ทมิฬมีขอบเขตที่กว้างขวาง
หากเขาสามารถควบคุมหอจันทร์ทมิฬได้ เขาจะรับรู้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรอบๆ แผ่นดินหนานโจวได้อย่างสมบูรณ์ แม้ว่าเขาจะอยู่แต่ในบ้านหลังเล็กของเขาก็ตาม
ปัจจุบันเขาอยู่ในขอบเขตจักรพรรดิขั้นที่สองแล้ว
เขาต้องทำตัวค้อมต่ำและแทรกซึมเข้าไปในขุมอำนาจนี้อย่างช้าๆ ด้วยตราประทับเมล็ดวิญญาณ และเขาจะสามารถปกปิดการกระทำของเขาจากยอดฝีมือของหอจันทร์ทมิฬได้
นอกจากนี้ เมื่อเขาทะลวงไปยังขอบเขตสวรรค์ เขาจะจัดการกับผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังหอจันทร์ทมิฬและกลายเป็นผู้นำที่ใหญ่ที่สุดของหอจันทร์ทมิฬ
ทั้งหมดนี้เขาต้องใช้กำลังคน เขาต้องการคนที่จะจัดการกับงานหรือภารกิจต่างๆ เพื่อให้แผนการของเขาสามารถบรรลุผลได้ เมื่อคิดได้เช่นนี้แล้ว ฉู่เซวียนก็หยิบเขตแดนลับแห่งวาสนาออกมา