ข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 39 เก็บตัวอยู่ในบ้านหนึ่งปี วิชาเซียนหยกศูนยตาและการฝึกฝนพลังยุทธ์หนึ่งร้อยปี
ข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 39 เก็บตัวอยู่ในบ้านหนึ่งปี วิชาเซียนหยกศูนยตาและการฝึกฝนพลังยุทธ์หนึ่งร้อยปี
ข่าวการบุกรุกอย่างหาญกล้าของคุนหวู่ในพระราชวังมารถูกแพร่กระจายไปทั่วทั้งหนานโจว ดังเข้าหูของผู้ฝึกยุทธ์มารทุกคน
มีผู้ฝึกยุทธ์มารมากมายบนโลกใบนี้ ทว่ามีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่บ้าคลั่งถึงเพียงนี้
มันเป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้นก่อนที่พวกเขาจะเลียนแบบการกระทำของคุนหวู่
ผู้ที่ฝึกฝนวิชามารนั้นอาจมีจิตใจที่บิดเบี้ยว หลังจากเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป ชื่อเสียงของคุนหวู่ก็ดังสะพัด
พริบตา เขาเปลี่ยนจากการเป็นบุคคลไร้ค่ากลายเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงทันที
ผู้ฝึกยุทธ์มารบางคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับสมองของพวกเขาก็ต้องการที่จะมีชื่อเสียงแบบนี้เช่นกัน ดังนั้นพวกเขาจึงเลียนแบบคุนหวู่โดยธรรมชาติ
ตามกฎของจักรวรรดิต้าเซี่ยที่ก่อนหน้าที่ไม่มีผู้ใดสามารถยั่วยุหรือถูกท้าทายได้
สิ่งนี้ทำให้ใบหน้าของจักรพรรดิมารถูกตบครั้งแล้วครั้งเล่า
เมื่อหู่ฉวนได้ยินข่าวนี้เขาก็รู้สึกตกตะลึงอย่างสมบูรณ์
เหงื่อที่เย็นเฉียบได้ไหลลงมาจากบนใบหน้าของเขา!
คุนหวู่เสียสติไปแล้วหรือ?
เขาอยากจะคว้าตัวคุนหวู่มาแล้วด่าทอบรรพบุรุษทั้งเก้าชั่วโคตรทันที
ข้าขอให้เจ้าไปสร้างปัญหาให้แก่เมืองฉู่และจับตัวใครบางคนมาก็เท่านั้น ข้าไม่เคยขอให้เจ้าไปที่พระราชวังมารเพื่อยั่วยุจักรพรรดิมารเลยแม้แต่น้อย
แล้วเกิดอันใดขึ้นกัน? เหตุใดคุนหวู่ถึงไปที่พระราชวังมาร?
เขาไม่ได้ไปที่อาณาเขตตระกูลฉู่หรอกหรือ?
มีบางอย่างเกิดขึ้นกับสมองของเขาระหว่างทางที่ทำให้เขาไปที่พระราชวังมารแทนหรืออย่างไร? หรือเขาประสบเหตุบางอย่างในขณะที่เขาอยู่ในอาณาเขตตระกูลฉู่?
เหงื่อเย็นของหู่ฉวนไหลออกมาราวกับสายน้ำ เนื่องจากเขาเป็นคนที่มอบคำสั่งแก่คุนหวู่ในการก่อกวนปัญหาในอาณาเขตตระกูลฉู่ แม้ว่าเขาจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจบ้าคลั่งของคุนหวู่ที่ไปที่พระราชวังมารหรือตบหน้าจักรพรรดิมาร ทว่าหากมีผู้ใดรู้หรือหากแพร่ข่าวนี้ออกไป เขาคงจะถึงวาระของชีวิตเป็นแน่
โชคดีที่มีเพียงเขาและคุนหวู่เท่านั้นที่รู้เกี่ยวกับการสมรู้ร่วมคิดของพวกเขาทั้งสองคน ไม่มีบุคคลที่สามอยู่ด้วย
“หอจันทร์ทมิฬไม่ควรรู้ข่าวนี้ใช่หรือไม่? นี่คือคำสั่งลับของพวกเราและไม่มีบุคคลที่สามอยู่ด้วย ใช่แล้ว! มันไม่มีทางเป็นไปได้ที่เรื่องนี้จะรั่วไหลออกไป”
หู่ฉวนพึมพำอยู่ภายภายในใจของเขา
เขาได้แต่หวังว่าคุนหวู่จะไม่ทำให้ข้อมูลนี้รั่วไหลไปยังหอจันทร์ทมิฬ
มิฉะนั้นกลุ่มคนหน้าซื่อใจคดเหล่านั้นจะต้องใช้ข้อมูลนี้เพื่อไปหาจักรพรรดิมารและรีดไถเงินจำนวนมากจากจักรพรรดิมารเกี่ยวกับข้อมูลนี้อย่างแน่นอน
“ข้าควรพักฟื้นอย่างเงียบๆ เรื่องนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับข้า ข้าไม่เคยเห็นหรือได้ยินเกี่ยวกับชายชราคุนหวู่มาก่อน!”
หู่ฉวนตัดสินใจที่จะทำตัวค้อมต่ำเอาไว้
เขาไม่ต้องการถูกจักรพรรดิมารจับตัวไป ไม่เช่นนั้นชะตากรรมของเขาจะเลวร้ายยิ่งกว่าความตายเสียอีก
“มีบางอย่างไม่ถูกต้องเกี่ยวกับตระกูลฉู่ เหตุใดทุกครั้งที่มีอะไรเกิดขึ้นมันจึงจะมีบางอย่างเกี่ยวข้องเฉพาะกับตระกูลฉู่เท่านั้น”
หู่ฉวนรู้สึกว่าตระกูลฉู่ดูเหมือนจะซ่อนความลับบางอย่างเอาไว้
หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับคุนหวู่ หู่ฉวนก็ไม่กล้าที่จะกำหนดเป้าหมายไปที่ตระกูลฉู่อีกต่อไป เขาควรจะต้องทำตัวค้อมต่ำและพักฟื้นตัวเองในช่วงเวลานี้ เขาควรที่จะวางแผนการเคลื่อนไหวครั้งต่อไปหลังจากที่เขาฟื้นตัวเสร็จ
อย่างไรก็ตาม เขาไม่มีเจตนาที่จะปล่อยตระกูลฉู่ไป
ไม่ใช่เพราะตระกูลฉู่หรอกหรือที่ทำให้เขาลงเอยด้วยสถานการณ์เช่นนี้?
ลัทธิมารของแคว้นจื่อเยว่เกือบจะถูกทำลายทั้งหมด
จักรวรรดิต้าเซี่ยอาจถือว่าเขาไร้ความสามารถ หากเขาไม่ได้ไร้ความสามารถ แล้วเหตุใดเขาถึงมาอยู่ในสภาพเช่นนี้?
ในสายตาของยอดฝีมือจากจักรวรรดิต้าเซี่ย หากเขาไม่สามารถแม้แต่จะพัฒนาหรือจัดการสาขาลัทธิมารเล็กๆ นี้ได้ดี เขาจะเป็นอันใดได้อีกหากไม่ใช่บุคคลไร้ความสามารถ?
นอกจากนี้ จักรวรรดิต้าเซี่ยไม่ได้ต้องการให้ลัทธิมารพัฒนาหรือเติบโตไปมาก พวกเขาต้องการให้แต่ละสาขาของลัทธิมารรักษาความแข็งแกร่งเอาไว้และหลีกเลี่ยงการถูกทำลาย
และทางจักรวรรดิต้าเซี่ยก็ยังมอบอาวุธสมบัติแก่ลัทธิมารแต่ละสาขาเพื่อช่วยให้พวกเขาทำเช่นนั้น
หากเขาล้มเหลวแม้จะอยู่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เขาจะถูกมองว่าเป็นบุคคลไร้ความสามารถอย่างแน่นอน
ในความเป็นจริง หู่ฉวนรู้สึกกังวลว่าผู้มีอำนาจในจักรวรรดิต้าเซี่ยจะคิดว่าเขานั้นไร้ประโยชน์และมาสังหารเขาโดยตรงก็เป็นได้
สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่านี้ก็คือเขาอาจถูกปฏิบัติเหมือนเป็นวัตถุดิบในการหลอมไข่มุกวิญญาณโลหิต!
“ตระกูลฉู่!”
หู่ฉวนกัดฟันแน่น
เขาเอื้อมมือหยิบไข่มุกสีดำแดงเม็ดเล็กออกมา เขาจ้องมองที่ไข่มุกเล็กๆ เป็นเวลานาน และดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความลังเล
เขาพบไข่มุกนี้ในตอนที่ไปสำรวจเขตแดนลับ
หลังจากค้นหาและอ่านบันทึกโบราณมาหลายปี เขาก็เข้าใจอย่างคร่าวๆ ว่าไข่มุกนี้คืออะไร
ไข่มุกโลหิตมาร!
มันมีเลือดของมารผสมอยู่ เมื่อพลังของมันรั่วไหลออกมา ผู้ใดก็ตามที่อยู่ภายใต้ขอบเขตจริงแท้จะกลายเป็นมาร!
พวกเขาจะกลายเป็นทาสของมาร!
เผ่าพันธุ์มารเป็นศัตรูตัวฉกาจของเผ่าพันธุ์มนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นทางที่ถูกต้องหรือทางที่ชั่วร้าย พวกเขาทั้งสองจะไม่ยอมให้มีเผ่าพันธุ์มารคงอยู่
เผ่าพันธุ์มารไม่ได้มีอยู่ในหนานโจวแล้ว
ไม่ว่าผู้ใดก็ตามที่แปดเปื้อนด้วยโลหิตมารของเผ่าพันธุ์มารจะกลายเป็นทาสของมาร และพวกเขาจะถูกกำจัดอย่างรวดเร็ว
ดวงตาของหู่ฉวนเผยความชั่วร้ายขึ้นมา
เขาจ้องมองที่ไข่มุกโลหิตมารเป็นเวลานานก่อนที่จะเก็บมันไว้ เขาจะตัดสินใจว่าจะทำตามแผนหรือไม่นั้นต้องรอหลังจากหายจากอาการบาดเจ็บ
...
“โฮสต์ไม่ได้ก้าวออกจากบ้าน ทว่าอาศัยเพียงความคิดเดียว โฮสต์สามารถเขย่ารากฐานของจักรวรรดิต้าเซี่ยได้ ทำให้ผู้ฝึกยุทธ์มารทั้งหมดในหนานโจวต่างตกตะลึง โฮสต์ได้รับรางวัลเป็น เขตแดนลับแห่งวาสนา”
ฉู่เซวียนรู้สึกตกตะลึงขึ้นทันที เขาได้เขย่ารากฐานของจักรวรรดิต้าเซี่ยและทำให้ผู้ฝึกยุทธ์มารทั้งหมดในหนานโจวต้องตกตะลึง?
ชายชราคุนหวู่มีความสามารถมากทีเดียว
เขาตรวจสอบรางวัลของระบบ
“เขตแดนลับแห่งวาสนา โฮสต์ไม่จำเป็นต้องออกจากบ้าน โฮสต์สามารถสร้างเขตแดนลับแห่งวาสนานี้ในหนานโจวและปล่อยให้บุตรแห่งโชคชะคาค้นพบและได้รับมรดกไป...”
เขตแดนลับแห่งวาสนานี้ไม่ได้ให้ฉู่เซวียนเข้าไป ทว่ากลับทำให้ฉู่เซวียนสามารถสร้างเขตแดนลับแห่งวาสนานี้ได้ทุกที่ในหนานโจว
ผู้ใดก็ตามที่ได้รับการเผชิญหน้าโดยบังเอิญนี้จะได้รับรางวัลมากมายอย่างแน่นอน
และผู้ที่ได้รับมรดกจากเขตแดนลับแห่งวาสนาจะกลายเป็นผู้สืบทอดของฉู่เซวียนโดยตรง ยิ่งไปกว่านั้น ตราบเท่าที่ฉู่เซวียนเต็มใจ เขาสามารถยึดรากฐานการฝึกฝนของผู้สืบทอดได้ทันที หรือแม้กระทั่งควบคุมชีวิตและความตายของบุคคลนั้นได้
ฉู่เซวียนมองไปที่สัญลักษณ์รูปพระราชวังเล็กๆ ที่เรียบง่ายและปราศจากการตกแต่งจากระบบ ตราบใดที่เขามีเขตแดนลับแห่งวาสนานี้ เขาจะสามารถอยู่อย่างเงียบๆ ในขณะที่สามารถสร้างผู้สืบทอดให้กับตัวเองทั่วทั้งแคว้นได้หรือไม่?
นอกจากนี้ผู้สืบทอดทุกคนจะไม่สามารถหักหลังเขาได้ แม้ว่าผู้สืบทอดต้องการ ทว่าฉู่เซวียนก็สามารถยึดฐานการฝึกฝนของพวกเขาได้ตลอดเวลา
ชีวิตและความตายของผู้สืบทอดจะอยู่ภายใต้การควบคุมของฉู่เซวียน
โดยธรรมชาติแล้ว ผู้สืบทอดของเขตแดนลับแห่งวาสนาจะไม่ทราบว่าชีวิตและความตายของพวกเขาอยู่ภายใต้การควบคุมของฉู่เซวียน
“ผู้ที่สามารถเข้าเขตแดนลับแห่งวาสนาได้ ทุกคนล้วนประสบกับการความบังเอิญทั้งสิ้น นี่ไม่เทียบเท่ากับการสร้างตัวเอกหรอกหรือ?”
“เพียงแค่อยู่บ้านก็กระจายนำอาจไปทั่วโลกได้”
“หากผู้สืบทอดคนใดกล้าฝ่าฝืนอาจารย์ของพวกเขา ข้าก็สามารถยึดรากฐานการฝึกฝนของพวกเขาคืนได้ทันที มิหนำซ้ำยังข้ายังสามารถมอบรางวัลเป็นรากฐานการฝึกฝนได้ ช่างยอดเยี่ยมเสียจริง!”
ฉู่เซวียนครุ่นคิดเกี่ยวกับแนวทางในการสร้างเขตแดนลับแห่งวาสนา ทว่าเงื่อนไขของมันนั้นไม่เหมาะสำหรับตอนนี้
อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขายังอ่อนแอเกินไป
ขีดจำกัดของเขตแดนลับแห่งวาสนาที่เขาสามารถสร้างได้นั้นไม่สูงมากนัก ดังนั้นมันจึงไม่มีประโยชน์ที่จะลงมือเวลานี้
แม้ว่าเขาจะมีเขตแดนลับแห่งวาสนา หากเขาต้องการที่จะสร้างเค้าโครงหรือตกแต่งภายใน ความต้องการขอบเขตขั้นต่ำคือขอบเขตจักรพรรดิ
ท้ายที่สุดแล้ว บุตรแห่งโชคชะตาเช่นใดกันที่ไม่ต้องการเข้าสู่เขตแดนลับที่อยู่ในระดับจักรพรรดิ?
ขอบเขตจักรพรรดิเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น
เหลือเวลาอีกเพียงสองวันก็จะถึงกำหนดหนึ่งปี ฉู่เซวียนรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
ภายในระยะเวลาสองวันสั้นๆ นี้คงไม่มีอะไรเกิดเหตุขึ้นใช่หรือไม่?
วันเวลาผ่านไปอย่างสงบ
กำหนดเวลาหนึ่งปีใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว
ฉู่เซวียนถูมือของเขาด้วยความคาดหวัง การที่เขาจะทะลวงไปยังขอบเขตจักรพรรดิได้ภายในระยะเวลาอันสั้นนี้หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับรางวัลที่เขาจะได้รับจากระบบสำหรับการเก็บตัวอยู่บ้านเป็นเวลาหนึ่งปี
ยิ่งเขาเก็บตัวอยู่บ้านนานเท่าไหร่ รางวัลจากระบบก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
เขาเคยได้รับรางวัลเคล็ดวิชาระดับสวรรค์หรือเคล็ดวิชาระดับศักดิ์สิทธิ์มาก่อน
รางวัลสำหรับหนึ่งปีแรกของเขาจะต้องมากกว่านั้นอย่างแน่นอน
บางทีเขาอาจจะสามารถทะลวงไปสู่ขอบเขตจักรพรรดิได้โดยตรง
หลังจากบุกทะลวงไปยังขอบเขตจักรพรรดิ ฉู่เซวียนก็มีความมั่นใจเกี่ยวกับความปลอดภัยของตัวเอง
“โฮสต์ได้เก็บตัวอยู่ในบ้านมาเป็นเวลาหนึ่งปี โฮสต์ได้รับรางวัล วิชาเซียนหยกศูนยตาและการฝึกฝนพลังยุทธ์หนึ่งร้อยปี”
ฉู่เซวียนรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก ไม่เพียงแต่เขาจะได้รับเคล็ดวิชาระดับเซียนเท่านั้น ทว่าเขายังได้รับการฝึกฝนพลังยุทธ์หนึ่งร้อยปีอีกด้วย
ดูเหมือนว่าความกังวลของเขาเกี่ยวกับการไปไม่ถึงขอบเขตจักรพรรดินั้นจะไม่มีมูลความจริง!
เขาแทบรอไม่ไหวที่จะได้รับรางวัล
ปัง!
ฉู่เซวียนไม่ได้นำวิชาเซียนหยกศูนยตาออกมาตรวจสอบ ทว่าเขากลับรับจากระบบโดยตรง
วิชาเซียนหยกศูนยตาเป็นวิชาฝึกฝนพลังยุทธ์ที่มุ่งเน้นไปยังมหาเต๋าและบันทึกพลังลี้ลับมากมายไว้ภายใน
ในขณะที่ฉู่เซวียนกำลังทำความเข้าใจเกี่ยวกับวิชาเซียนหยกศูนยตา การฝึกฝนพลังยุทธ์หนึ่งร้อยปีก็ถูกส่งมายังตัวของเขา
ในขณะนี้ มันเหมือนกับว่าเขากำลังเริ่มต้นใหม่จากการฝึกฝนวิชาเซียนหยกศูนยตา พลังวิญญาณที่เขาได้รับการฝึกฝนพลังยุทธ์จากวิชาจักรพรรดิต้าหลัวนั้นถูกบีบอัดอย่างต่อเนื่อง
เส้นลมปราณของเขาก็ขยายตัวออกอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว พลังวิญญาณที่ฝึกฝนจากวิชาเซียนหยกศูนยตานั้นแข็งแกร่งกว่าพลังวิญญาณที่ฝึกฝนจากวิชาจักรพรรดิต้าหลัวหลายสิบเท่า
ผู้ฝึกฝนวิชาเซียนหยกศูนยตาจะสามารถต่อสู้กับผู้ที่ฝึกฝนวิชาจักรพรรดิต้าหลัวได้สิบคนโดยไม่เสียเหงื่อ
ต้องขอบคุณการฝึกฝนพลังยุทธ์หนึ่งร้อยปี ความแข็งแกร่งของฉู่เซวียนกำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ขั้นที่สี่ ขั้นที่ห้า ขั้นที่แปด...